บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1135: ตามมาเร็ว
ตอนที่ 1135: ตามมาเร็ว
ปลายหอกจ่ออยู่ที่คอ ช่างเสื้อตะลึงนิ่ง
เขาโพล่งออกไป “หรือผู้อาวุโสจะก้าวเหนือวิถีสู่สวรรค์ บรรลุเป็นเซียนไปแล้วหรือ?”
“เซียน?”
สตรีถือหอกครุ่นคิดสักครู่ และกล่าวว่า “มันก็แค่สมญาสวยหรู หากโลกนี้มีเซียน งั้นข้าก็คือผู้เคลื่อนขุนเขา”
“ผู้เคลื่อนขุนเขา…”
ช่างเสื้อกล่าวกับตนเอง แล้วร่างของเขาพลันแข็งค้าง ตระหนักถึงความหมายเบื้องหลังคำนี้
อักษรคำว่าเซียน มีคนและมีขุนเขา!
หากเคลื่อนขุนเขาออกไป เซียนก็จะเหลือเพียงปุถุชน!
ยามนี้ ช่างเสื้อพลันตระหนักถึงหนึ่งวาจาที่ทัศนาจารย์เคยกล่าวไว้เมื่อนานมาแล้ว…
“เจ้าแพ้แล้ว พาข้าไปหาร่างจริงของเจ้าสิ”
สตรีถือหอกกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
สีหน้าของช่างเสื้อเปลี่ยนแปร กล่าวขึ้นว่า “ขอบังอาจถามผู้อาวุโส ไฉนจึงต้องหาร่างจริงข้าด้วย?”
เขาไม่ได้ทำอันใดแท้ ๆ แต่กลับถูกสตรีถือหอกผู้ลึกลับน่ากลัวหมายหัวเสียได้ ช่างเสื้อจึงมิอาจพูดออกไปชั่วขณะ ครุ่นคิดแสนนานก็ไม่อาจสรุปได้ว่าตนเคยไปมีเรื่องขุ่นข้องกับสตรีถือหอกผู้นี้ยามใด
มิอาจสรรหาคำอธิบายได้เลย
“การต่อสู้ต้องมีเหตุผลด้วยหรือ?”
สตรีถือหอกกล่าวอย่างใจร้อนเล็กน้อย
ช่างเสื้อ “…”
เขาตระหนักแล้วว่าครานี้ เขาน่าจะเผชิญกับหญิงบ้าผู้หมกมุ่นในการฝึกฝนและต่อสู้!!
เมื่อเผชิญกับตัวตนเช่นนี้ เหตุผลมิอาจนำมาใช้เกลี้ยกล่อม ทั้งเหตุผล ความคับแค้น กฎเกณฑ์มารยาทใด ๆ ล้วนไร้ค่าในสายตาคนเช่นนี้!
เมื่อคิดเช่นนี้ ช่างเสื้อก็กล่าวเสียงเบา “ผู้อาวุโส หากท่านต้องการหาคู่ประมือ ข้าแนะนำคนให้ท่านได้นะ คนผู้นั้นครั้งหนึ่งเคยไร้คู่ต่อกรตลอดยุคสมัย หนึ่งดาบสยบจักรวาลพร่างดาว ปกครองทั่วทศทิศ และครั้งหนึ่งเคยข่มขู่ว่าต่อให้เป็นเทพเซียนจุติจากสรวง เมื่อพานพบก็ยังต้องก้มหัวคำนับเขา…”
ไม่รีรอให้พูดจบ สตรีถือหอกก็กล่าวอย่างสนใจ “เขาคือผู้ใด และอยู่หนใด ณ ยามนี้?”
ช่างเสื้อลอบถอนหายใจโล่งอก ทว่าสีหน้ายังคงจริงจังเคร่งขรึม “เขาคือทัศนาจารย์ หนึ่งคนหนึ่งดาบเป็นหนึ่งในจักรวาลพร่างดาว เขามักรำพันว่าโลกนี้เขาไร้ศัตรู และมักจะถอนใจด้วยเหตุนี้”
“จริงหรือ?”
ดวงตาสีม่วงของสตรีถือหอกเปล่งประกาย
สีหน้าของช่างเสื้อเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม “ข้าพูดความจริงทุกประการ ไม่ได้หมกเม็ดใด ๆ ยามนี้ เขาอยู่ในมหาแดนดิน ณ ภูมิดาราฟ้าดิน ท่านเพียงถามใครที่นั่นก็ได้”
“เจ้านำข้าไปสิ”
สตรีถือหอกกล่าว
ช่างเสื้อ “…”
เขาเพิ่งออกมาจากมหาแดนดินได้ จะกลับไปได้อย่างไร?
หลังสงบจิตตั้งสมาธิ ช่างเสื้อก็กล่าวว่า “ผู้อาวุโส อันที่จริงแล้ว ข้าเพิ่งออกมาจากมหาแดนดิน…”
สตรีถือหอกกล่าวด้วยสายตาเย็นชา “หรือเจ้าจะกำลังหลอกข้าอยู่? เจ้ารู้หรือไม่ ข้าเกลียดพวกที่ทำกับข้าเหมือนหญิงบ้าซึ่งวัน ๆ เอาแต่ฝึกฝนไม่ก็ต่อสู้เป็นที่สุด!”
หัวใจช่างเสื้อตะลึง อ้าปากอธิบาย “ข้า…”
ฉึก!
หอกซึ่งจ่อคอของเขาอยู่เสือกเข้ามาโดยแรง คอของช่างเสื้อถูกแทงทะลุ ร่างอวตารวิถีพลันแหลกเป็นเศษเสี้ยวสลายหาย
“นี่… นี่ไม่ใช่คนบ้าหรือไร?!!”
ก่อนจะตาย อวตารของช่างเสื้อก็อดสบถอย่างโกรธเคืองมิได้
เขาซุกซ่อนหลังฉาก กระทำการในเงามืดมาแสนนาน ความแยบยลในการวางแผนอันล้ำเลิศที่สุดของเขาถูกจักรวาลพร่างดาวมองเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ผู้อันตรายที่สุด
ทว่าวันนี้ เขากลับต้องพบคนบ้าผู้ไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง!
ไม่ว่าช่างเสื้อจะเจ้าแผนการ ตระเตรียมตนดีเพียงไรก็ไร้ค่า
…
สตรีถือหอกคว้ามือ
ฉึบ!
เสี้ยวปราณของร่างอวตารช่างเสื้อถูกมือของสตรีถือหอกคว้าไว้
หลังจากนิ่งไปชั่วครู่ ดวงตาของนางก็ทอประกาย “คนผู้นี้แข็งแกร่งมากจริงแท้ ร่างอวตารของเขาแทบไม่อาจเทียบได้เลย ขอดูหน่อยเถิดว่าเขาซ่อนอยู่หนใด”
เสียงพึมพำยังมิสร่างหาย นางก็พลิกมือนำกระดองเต่าชิ้นหนึ่งซึ่งขาวราวหิมะออกมา คีบด้วยปลายนิ้ว และบรรจุปราณของช่างเสื้อเข้าไป
จากนั้น นางก็กระซิบเบา ๆ
“หยั่งอดีตกาล สะท้อนผ่านปัจจุบัน จงมา!”
ฮึ่ม!
ภาพนั้นราวกับล่องธารประวัติศาสตร์อันยาวไกล พินิจตรวจตราภูมิดาราไร้ขอบเขต น่าตระหนกตกใจเป็นที่ยิ่ง
ไม่นานนัก กระดองเต่าสีขาวพลันสั่นสะเทือน และภาพหนึ่งปรากฏขึ้น
หนึ่งโรงเตี๊ยมในโลกโลกีย์แห่งหนึ่ง
ชายชราร่างผอมในชุดผ้าดูแสนธรรมดาผู้หนึ่งกำลังร่ำสุราเงียบ ๆ
เขาคือช่างเสื้อ
ทันทีที่ยกจอกสุราในมือขึ้น ใบหน้าของเขาพลันแปรเปลี่ยน ร่างสั่นสะท้านรุนแรง เหงื่อกาฬแตกพลั่กบนหน้าผาก ใบหน้าชราวัยมืดหมอง
“ทัศนาจารย์เวียนวัฏฝึกฝนใหม่ไปแล้ว และมีเคล็ดเวียนวัฏสงสารอยู่ในภูมิดาราฟ้าดินจริง ๆ ทว่า… สตรีถือหอกไร้เหตุผลผู้นั้นเป็นใครกัน?”
ช่างเสื้อขมวดคิ้วราวเผชิญปัญหาใหญ่
ทันใดนั้น เขาก็ดูเหมือนสัมผัสบางอย่างได้และเงยหน้าขึ้นฉับพลัน
และเขาก็เห็นว่าบนท้องนภาเหนือโรงเตี๊ยมดูเหมือนจะมีดวงตาสีม่วงคู่หนึ่งจับจ้องตรงมา
“เจ้าเฒ่า เจอเจ้าแล้ว!”
ม่านตาของช่างเสื้อหดตัว ร่างของเขาหายวับไป
โครม!
โรงเตี๊ยมระเบิดออก
จากนั้นทันใด โลกโลกีย์อันคลาคล่ำนี้พลันแตกสลายราวฟองสบู่ แปรเปลี่ยนเป็นลูกปัดอันเต็มไปด้วยรูพรุนรูหนึ่ง
ร่างของช่างเสื้อหายวับไปโดยสมบูรณ์
อีกฟากหนึ่งในจักรวาลพร่างดาว มือขวาของสตรีถือหอกชักกลับจากม่านแสงของกระดองเต่าสีขาว นำลูกปัดกลับมาด้วย
“ลูกปัดเงาหลอน? เจ้าแก่นี่ขี้กลัวดีแท้ ตัวตนเช่นนี้แหละที่ข้าเกลียดที่สุด”
สตรีถือหอกกล่าวกับตนเองด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
“เอาเถอะ รอไปที่ภูมิดาราฟ้าดิน ดูฝีมือทัศนาจารย์เสียก่อน แล้วค่อยไปเล่นกับเจ้าแก่นั่น”
สตรีถือหอกตัดสินใจและหันหลังจากไป
ในโลกสีเทาอันโกลาหลแห่งหนึ่ง
ร่างของช่างเสื้อปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ
ใบหน้าชราวัยของเขามืดหมอง “สามารถใช้เศษเสี้ยวร่างอวตารของข้ามาโจมตีผ่านมิติกาลเวลาไม่รู้จบได้ หญิงบ้าผู้นั้นแข็งแกร่งเสียจนน่าขัน…”
นางมาจากหนใดกัน?
ช่างเสื้อรู้ดีว่าเมื่อครู่ สตรีถือหอกเพิ่งใช้สมบัติลับบางอย่างเกี่ยวกับมิติเวลาด้วยอำนาจของนางเอง ซึ่งเพียงพอพิสูจน์ด้ว่าที่มาของสตรีผู้นี้น่ากลัวอย่างสุดขั้ว!
“ในส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว บางทีอาจมีเพียงทัศนาจารย์ยามสมบูรณ์พร้อมที่สามารถต่อกรกับสตรีผู้นี้ได้…”
ช่างเสื้อพึมพำ
ก่อนหน้านี้ หากเขาหนีไม่ทัน ก็เกือบต้องเผชิญหน้าสตรีถือหอกผู้นั้นแล้ว!
เขาไม่ได้กลัวการต่อสู้ แต่เขาเกลียดและปฏิเสธการต่อสู้กะทันหันเช่นนี้ที่สุด
“ช่วงเวลาต่อจากนี้ ข้าไม่อาจไปยังภูมิดาราฟ้าดินได้โดยง่าย ทว่า… แทนที่จะทำเช่นนั้น สู้ใช้การตายของแม่หนู ‘จงรั่วซี’ ยืมกำลังตระกูลจงโบราณให้ร่วมมือกับโรงวาดฤทัย ลัทธิทางช้างเผือกแลหอเก้าสวรรค์ไปกำจัดหอกข้างแคร่ ร่างเวียนวัฏของทัศนาจารย์เสียดีกว่า!”
แววตาเย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตาหมองมัวของช่างเสื้อ “ข้าเชื่อ ว่าขุมอำนาจใหญ่ในห้วงลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวล้วนไม่อยู่เฉย ไม่ว่าจะเพราะความแค้นหรือเคล็ดเวียนวัฏสงสารก็ตามที… เหมาะสมให้ข้าวางแผนใช้ยิ่งนัก!”
…
หน้าถ้ำเสวียนจวิน
สงครามมาถึงจุดจบ ทว่าผู้คนยังมิอาจฟื้นคืนจากความอึ้งได้
ศึกนี้ปั่นป่วนระทึกใจ พลิกผันไปมา
นับแต่ของขวัญห้าชิ้นซึ่งส่งออกมาติด ๆ กันของชิงถังในหนแรก จนถึงการปรากฏตัวของช่างเสื้อและคุณหนูรั่วซีแห่งโรงวาดฤทัย จนกระทั่งซูอี้ใช้ดาบไม้สังหารรั่วซี ทำให้ช่างเสื้อล่าถอยไป ในที่สุดพายุนี้จึงสงบลง
ทว่าอันตรายของมัน เพียงคิดก็ขนลุกซู่
กระทั่งตัวตนบรรพกาลอย่างปรมาจารย์เผิงและบรรพชนมารเยว่อิ๋นยังสงบใจได้ยาก
ยามนี้ ผู้คนมองไปยังร่างสูงใหญ่ของซูอี้ซึ่งยืนตระหง่านภายใต้ท้องนภา ในใจแต่ละคนล้วนงุนงง
นี่คือร่างเวียนวัฏของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินหรือทัศนาจารย์กันแน่?
ซูอี้เมินเรื่องทั้งหมดนี้ จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปบนอากาศ ส่งดาบไม้นาม ‘ถอดฌาน’ แก่ชิงถัง กล่าวด้วยแววตาสงสาร “ยายหนู ไม่ต้องคิดถึงอดีตแล้ว ในภายหน้า ทัศนาจารย์จะไม่มีอีกแล้ว”
ร่างของชิงถังสั่นเทิ้ม เม้มปากพูดทันที “อาจารย์ ศิษย์กราบท่านเป็นอาจารย์ภายใต้สำนักถ้ำเสวียนจวินแล้วนะเจ้าคะ”
ซูอี้มองสายตาดื้อรั้นของหญิงสาวแล้วถูหว่างคิ้ว กล่าวขึ้นเบา ๆ “ข้าเป็นทั้งทัศนาจารย์และซูเสวียนจวิน ทว่าท้ายที่สุด… ข้าก็คือข้า”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ ปราณบนร่างของซูอี้ก็แปรเปลี่ยนเงียบเชียบ เสน่ห์ห้าวหาญเจิดจรัสสลายหาย
“อาจารย์…”
ดวงตาของชิงถังตกตะลึง สีหน้าประหลาดใจปรากฏบนใบหน้างดงามของนาง
นางรู้ว่าเจตจำนงของอาจารย์นางสลายไปแล้ว
ยามนี้ ซูอี้ถอนใจยาว ดวงตากวาดมองเหล่าผู้ชม และในที่สุดก็มองไปยังถ้ำเสวียนจวิน
“ทุกท่าน หากไม่รังเกียจ โปรดเข้ามาฉลองกันกับข้าในถ้ำเสวียนจวิน”
ซูอี้กล่าวพลางก้าวไปยังถ้ำเสวียนจวิน
จิ่นขุย หวังเชวี่ยและคนอื่น ๆ รีบร้อนติดตาม
ปรมาจารย์เผิง บรรพชนมารเยว่อิ๋นและตัวตนบรรพกาลอื่น ๆ มองหน้ากัน และสุดท้ายต่างคนต่างตามไป
ขณะนั้น ท้องฟ้ากระจ่างใส บรรพตลำธารเหี่ยวเฉา
มีเพียงถ้ำเสวียนจวินตั้งตระหง่านกลางฟ้าดินไร้ตำหนิเสียหาย อาบไล้ชั้นแสงศักดิ์สิทธิ์จากท้องนภา
ซูอี้ไพล่มือไว้เบื้องหลัง เดินนำคนทุกผู้
เบื้องหลังเขาติดตามด้วยกลุ่มศิษย์ จากนั้นก็เป็นกลุ่มตัวตนบรรพกาลซึ่งสามารถสะท้านทั่วมหาแดนดินได้เพียงหนึ่งกระทืบเท้าติดตามมา
ดุจดั่งการมาของราชันผู้ติดตามด้วยผองราชบริพาร!
เมื่อมองจากไกล ๆ เหล่าผู้ฝึกตนต่างตะลึงเงียบเชียบเนิ่นนาน
ชิงถังยืนเดียวดาย และมีท่าทางลังเล
“ตามมาเร็ว”
ซูอี้ซึ่งอยู่หน้าสำนักพลันหันมากล่าวกับชิงถัง
สามพยางค์เรียบง่ายอันแสนเป็นธรรมชาตินี้ราวพูดคุยถึงบ้าน
ชิงถังผงะไปเล็กน้อย แล้วดวงตาของนางก็แดงขึ้นเงียบ ๆ
หากวันนี้เขาทำเพียงหันหลังจากไป ย่อมพิสูจน์ว่าอาจารย์จะมิให้อภัยนางโดยมิต้องสงสัย
โชคดีที่สิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้น
ชิงถังรู้สึกเพียงว่า เรื่องโชคดีที่สุดในชาตินี้ของนางคือสิ่งนี้!
นางสูดหายใจลึก ๆ และก้าวเข้าไป
ปฏิทินใหม่แห่งมหาแดนดิน ศักราช 503
กลางฤดูสารท
ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินกลับจากการเวียนวัฏ ฟาดฟันศัตรู ปัดเป่าเภทภัย และกลับมาครอบครองถ้ำเสวียนจวินอีกครั้ง!
ทันทีที่ข่าวเช่นนี้ปรากฏ ผู้คนทั่วมหาแดนดินก็ตกตะลึง!
………………..