บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1138: ใครจะร่วงก่อนกัน
ตอนที่ 1138: ใครจะร่วงก่อนกัน
สตรีถือหอกดูจะสังเกตเห็นว่าวาจาของนางดูจะเกินไปหน่อย จึงกล่าวว่า “ข้าคิดว่าร่างเวียนวัฏของทัศนาจารย์จะแข็งแกร่งมาก”
หลังครุ่นคิดสักนิด นางก็เอ่ยต่อ “แต่ว่าตามตรง เจ้าอ่อนแอมากเลยไม่ใช่หรือ?”
ซูอี้ “?”
สตรีนางนี้ยังคิดบังคับให้เขายอมรับว่าตนเองอ่อนแออยู่หรือไร?
“มิอาจปฏิเสธได้ว่าการฝึกฝนของข้าและเจ้าต่างกันมาก”
น้ำเสียงของซูอี้เฉยเมย “ทว่า หากเป็นในขอบเขตเดียวกัน เจ้ามิใช่คู่ต่อกรของข้าหรอก”
การวางตนของเขาเดิมเย่อหยิ่งถือตัว และเมื่อเห็นว่าสตรีถือหอกมิได้ถือมารยาทใด ๆ เขาจึงไม่คิดรักษามารยาทเช่นกัน
“อย่างนั้นหรือ…”
ในที่สุด สตรีถือหอกก็ดูจะถูกกระตุ้นความสนใจขึ้นมาบ้าง “ข้าก็ควรบอกเจ้าไว้ ว่าบนเส้นทางมหาวิถี ข้าไม่เคยใช้ขอบเขตฝึกฝนมากดดันผู้ใด”
“หากเจ้ารอดจากสิบกระบวนของข้า ข้าจะถือว่าเจ้าเป็นผู้ร่วมวิถีเดียวกันกับข้า”
ซูอี้กล่าวตรงไปตรงมา “แล้วหากเจ้าแพ้เป็นเช่นไร?”
มุมปากของสตรีถือหอกอดยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้าแหย่มิได้ “ข้าชื่นชมในความกล้าของเจ้า และไม่ถือหากจะบอกเจ้าว่านับแต่ฝึกฝนแสนนาน นอกจากเจ้าเฒ่าบางคนที่มิอยากต่อสู้กับข้า มีเพียงสามคนเท่านั้นที่สู้กับข้าได้ถึงสิบกระบวน”
“ส่วนผู้ที่เอาชนะข้าได้นั้น… ยังไม่มี!”
ขณะกล่าว ดวงตาเป็นประกายสีม่วงของนางก็จับจ้องไปยังซูอี้ “แม้ข้าจะไม่ได้หวังสิ่งใดกับเจ้ามากนัก แต่ขอเพียงชนะข้าได้ ข้ารับปากว่าไม่ว่าเจ้าจะเอ่ยขอสิ่งใด ขอเพียงข้ายอมรับได้ ข้าจะสนองแก่เจ้า!”
ราวกับเกรงว่าซูอี้จะไม่เข้าใจ สตรีถือหอกจึงอธิบายต่อ “ไม่ว่าจะเป็นสมบัติใดในโลก หรือผู้ใดที่เจ้าหมายสังหาร มิได้ยากเย็นสำหรับข้าเลย”
ซูอี้หัวเราะกล่าว “ข้าไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้หรอก หากเจ้าแพ้ บอกข้าเรื่องหนึ่งก็พอ”
สตรีถือหอกว่า “เรื่องหนึ่งหรือ?”
ซูอี้พยักหน้า “ถูกต้อง”
สตรีถือหอกอดมิได้ที่จะมองซูอี้อย่างลึกล้ำ “ข้าหวังว่าเจ้าจะชนะ ต่อให้เจ้าแพ้ ก็ขอให้รอดสิบกระบวนได้ หาไม่ ข้าคงผิดหวังจริงแท้”
ด้วยหนึ่งโบกแขนเสื้อ นางและซูอี้ก็หายวับไป
…
ณ ดินแดนรกร้างแห่งหนึ่ง
ร่างของซูอี้และสตรีถือหอกปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ
“ที่นี่แหละ ต่อให้เราต่อสู้พลิกนภาถล่มแดนดินเพียงไร ก็น่าจะไร้ผู้ใดมาแทรกแซง”
สตรีถือหอกกล่าว
ซูอี้หันกลับมา “เป็นที่ที่ดีจริงแท้”
สตรีถือหอกเก็บหอกยาวในมือของนางไป ยืดเส้นยืดสายอยู่นาน และกล่าวขึ้น “ข้าและเจ้าประชันมหาวิถี ควรใช้วิถีเต๋าของตนเพื่อวัดแพ้ชนะ…”
ซูอี้เอ่ยขัด “ข้าเข้าใจ ลงมือเถอะ”
สตรีถือหอกหัวเราะคิกคัก สะกดวิถีเต๋าของนางอย่างหนักหน่วงจนเหลือเพียงขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นกลาง
ครืน!
อากาศพลันทลายสูญ ร่างของสตรีถือหอกเคลื่อนพลิ้วไหวดุจสายฟ้า และชกออกมาอย่างเรียบง่าย
กำปั้นขาวเนียนของนางเป็นดั่งคมหอกพลิ้วผ่านนภากว้างอย่างเฉียบคมไร้ใดเทียบ และด้วยหนึ่งการโจมตี ทั่วหล้าก็สะเทือนไหว
เรียบง่ายสุดขั้ว ทว่าก็ร้ายกาจอหังการถึงขีดสุด!
ม่านตาของซูอี้หดตัวเล็กน้อย
สตรีผู้นี้ใช้พลังและกฎเกณฑ์ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำจริงแท้ ทว่าอำนาจของการโจมตีนี้ยังคงแข็งแกร่งกว่าตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิในโลกหล้าอยู่สามส่วน!
ซูอี้โคจรพลังในร่างถึงขีดสุด จากนั้นจึงฟาดฝ่ามือออกไปเต็มแรงราวกับดาบโดยไร้ความลังเล
เปรี้ยง!!!
หนึ่งคนชกเยี่ยงหอก อีกหนึ่งสับออกไปราวดาบ โรมรันประชันบนเวหา และทันใดนั้น อากาศก็พลันแหลกสลายราวกระดาษยุ่ย ฟ้าดินสะเทือนลั่น
ร่างของซูอี้ก้าวถอยหลังสองสามก้าว!
“ดี!”
ดวงตาสีม่วงของสตรีถือหอกเจิดจรัสเจือยินดี
ยามนางมายังมหาแดนดินก่อนหน้านี้ หัวใจของนางรู้สึกผิดหวังยิ่ง ด้วยคิดว่าสถานที่เห็นนี้เป็นเยี่ยงหล่มโคลน ย่อมยากจะให้กำเนิดมังกรผู้โคจรทั่วโลกหล้าได้
นางกระทั่งสงสัยว่าช่างเสื้อจะหลอกนาง จึงทำให้ในใจของนางรู้สึกโกรธเคือง
ทว่ายามนี้ การประชันสองสามกระบวนทำให้นางตระหนัก ว่าซูเสวียนจวินที่อยู่ตรงหน้านางผู้นี้มีฝีมือจริงแท้!
ต้องทราบว่าด้วยหมัดนี้ของนาง ตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิทั่วไปยังถูกสังหารได้ หากประลองกับตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำนั้นก็เหมือนไร้เทียมทาน
ทว่ายามนี้ มันกลับถูกต้านรับไว้ได้!
จะไม่ให้นางดีใจได้เช่นไร?
“เจ้าเองก็ไม่เลว”
เขาไม่ได้เผชิญการ ‘ประลองในขอบเขตเดียวกัน’ เช่นนี้มาแสนนาน
นอกเหนือจากนั้น อำนาจที่สตรีถือหอกผู้นี้ถือครองยังเหนือจินตนาการและร้ายกาจยิ่ง แม้นางจะดูเหมือนอยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ ทว่าแท้จริงแล้วกลับเป็นขอบเขตอันห่างไกลเกินคะเน!
เมื่อไม่นานนี้ ยามซูอี้บรรลุขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นกลาง เขาก็ตัดสินแล้วว่าการฝึกฝนของเขาเทียบได้กับยามสมบูรณ์พร้อมของตนในอดีตชาติ และคิดว่าคงไม่อาจหาคู่ต่อสู้ในขอบเขตเดียวกันได้อีก
ทว่า การปรากฏตัวของสตรีถือหอกนำความแปลกใจยินดีแก่ซูอี้อย่างมิเคยเป็น!
“อีกที!”
สตรีถือหอกเยื้องย่างบนอากาศ ออกหมัดรวดเร็วฉับไวเยี่ยงอัสนี
เปรี้ยง!
นางรุกเร้าดุเดือด เพียงปราณก็ร้ายกาจเสียจนขยี้ทั่วอากาศ ทิวทัศน์รอบข้างถล่มล้มพังทลาย
จิตต่อสู้และอำนาจที่เกินผู้ใดเทียบเช่นนี้ยังไปกระตุ้นศักยภาพของซูอี้ให้ระเบิดออก เจตจำนงแห่งการต่อสู้โหมดุจเพลิงผลาญ โลหิตเดือดพล่านแผดเผา
ครืน!
กระบวนที่สองปะทะฟาดฟัน ตรงไปตรงมาดุจทัณฑ์อสนีบาตจากสวรรค์ คลื่นอำนาจนับพันหมื่นกวาดทั่วทศทิศราวหมายถล่มสรวงทะลวงแดนดิน!
ร่างของซูอี้ถูกผลักเซอีกครั้ง จนถอยไปหลายก้าว
ครานี้ ไม่รีรอให้เขาตั้งหลัก สตรีถือหอกก็ออกโจมตีอีกครั้งอย่างดุร้าย โดยใช้มือของนางดุจหอก มันแข็งแกร่งเกินคาดหยั่ง
ซูอี้ก็สู้มิถอยหนี
ชั่วขณะนั้น ทั้งสองเป็นดั่งเทพเซียนประชันศึกดุเดือด ดินแดนรกร้างพังทลายย่อยยับ ทั่วทิศหักพังป่นเป็นเถ้าธุลี
เพียงลูกหลงจากศึกนี้ก็มีอำนาจพอที่จะทำลายตัวตนในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำได้อย่างง่ายดาย!
ช่างน่าสะพรึงกลัว
หากมีผู้คนมาเห็น คงจะตกตะลึงจนมิอาจเชื่อเป็นแน่ว่าสงครามตรงหน้าคือการประชันมหาวิถีในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ
กระบวนที่เก้า โลหิตสายหนึ่งหยดออกมาจากมุมปากซูอี้
อาภรณ์ของสตรีถือหอกหลุดลุ่ยเสียหายเล็กน้อย เผยเรียวขาขาวดุจหิมะงาช้างวับ ๆ แวม ๆ
นางไม่ได้ประหลาดใจ ทว่ากลับยินดีเหลือแสน ดวงตาสีม่วงเป็นประกายจรัสแสงดุจดวงตะวัน จิตต่อสู้ทั่วกายแรงกล้าน่าทึ่งขึ้นเรื่อย ๆ “ไม่คาดเลยว่าในโลกหล้ารกร้างเช่นนี้จะได้พานพบคู่ต่อสู้ที่ดีเช่นเจ้า!”
น้ำเสียงของนางเจือความตื่นเต้น
ซูอี้แย้มยิ้ม
เขาเข้าใจความรู้สึกนี้ดี ด้วยไร้เทียมทานแสนนาน ย่อมรู้สึกถึงความเหน็บหนาวแห่งที่สูง
และยามนี้ เมื่อได้พานพบคู่ต่อสู้อันคู่ควร ราวเซียนหมากรุกพบเจอคู่ปรับ จิตต่อสู้ทั่วร่างจะพลุ่งพล่าน คันไม้มือร้อนใจเสียจนจุกอก!
เหมือนเช่นตอนนี้ จิตต่อสู้ของเขาแผดเผาพลุ่งพล่าน สัมผัสได้ชัดเจนถึงเสียงอันดูจะโห่ร้องยินดีจากวิญญาณ
ซูอี้ยังสังหรณ์ว่าเมื่อศึกนี้จบลง อีกไม่นานเขาจะบรรลุสู่ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นปลาย!
“กระบวนที่สิบนี้ หากเจ้าทนไหว ข้าจะให้เจ้าประจักษ์ถึงเคล็ดวิชาหอกสูงสุดของข้า!”
เสียงของสตรีถือหอกยังมิทันสร่าง ร่างของนางก็ทะยานสู่อากาศ ยกเรียวขาขวาแบบบางฟาดลงมาเยี่ยงแส้ยาว
การโจมตีนี้ร้ายกาจไร้ต้าน ดูราวผ่าแดนสวรรค์สะบั้นแดนดิน บดขยี้ทั่วสารทิศ
ซูอี้ไม่ได้ถอยหนี แขนขวากวาดผ่านอากาศ ระเบิดอำนาจรุนแรงดุจกรงเล็บมังกรโพ้นเมฆา
เปรี้ยง!!!
อำนาจทำลายล้างน่าหวาดหวั่นระเบิดออกจากขาขวาของสตรีถือหอก ตรงไปตรงมาดุจคลื่นคลั่งปฐพีทลาย ถาโถมเข้าใส่ร่างของซูอี้จนกระดอนถอยไปสิบจั้งบนอากาศ เลือดลมในกายปั่นป่วน ต้องกระอักเลือดออกมาคำโต
ทว่าเขาดูไม่รู้ร้อนหนาว เอื้อมมือไปด้านหลัง ห้านิ้วดุจคีมคว้าน่องและข้อเท้าของสตรีถือหอก คิดฉวยโอกาสผนึกการเคลื่อนไหวของนาง
สตรีถือหอกแค่นเสียงอย่างเย็นชา ฟาดมือของนางเข้าใส่คอของซูอี้
ทันใดนั้น ทั้งสองก็ต่อสู้ประชิดตัวด้วยมือเปล่า สถานการณ์ศึกทวีความรุนแรง ทุกกระบวนท่าหมายชีวิต
ทว่าทั้งคู่กลับไร้ผู้ใดคิดรามือ ต่างคนต่างดูไม่สนใจความเป็นความตาย โรมรันต่อสู้สุดนภาจรดแดนดิน ทั่วโลกหล้ากลายเป็นสนามรบของทั้งสอง พัวพันไม่อาจแยกจาก
กร๊อบ!
กระดูกไหล่ของซูอี้หัก เลือดเนื้อสาดกระเซ็นและปลิดปลิว
“ไม่เลว! ไม่เลว! เข้ามาอีก—”
สตรีถือหอกแสนปรีดา หาได้เก็บงำความชื่นมื่นของนางไม่
ดูเหมือนว่าการที่ซูอี้ทำให้นางบาดเจ็บได้จะเป็นการกู้คืนความประหลาดใจซึ่งห่างหายแสนนาน
ทว่า การโจมตีของนางก็ดุดันขึ้นทุกขณะ แข็งแกร่งขึ้นทุกอึดใจ แต่ละกระบวนท่าดึงอำนาจจากอากาศ ร้ายกาจแข็งแกร่งพลิกบรรพตทลายนที
ซูอี้หรือจะมัวเกรงใจ?
เขาไม่ได้เผชิญกับศึกเช่นนี้มาแสนนาน และยามนี้ เขาก็ไม่อาจคิดถึงสิ่งอื่นใด ลืมวันคืน สถานที่ บุคคล ทั้งกายใจทุ่มเทเพียงศึกนี้
ด้วยศึกเช่นนี้ ในกาลต่อมา บาดแผลบนร่างทั้งสองจึงเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ
เส้นผมยาวของซูอี้แผ่สยาย ร่างของเขาบาดเจ็บจนชุ่มเลือด บาดแผลน่าขนลุกกระจายเต็มร่าง
สตรีถือหอกก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน อาภรณ์สีเทาแหว่งวิ่น ผิวกายเต็มไปด้วยรอยดาบอาบโลหิต
แดนดินแห่งนี้ราบเป็นหน้ากลองไปเนิ่นนาน กลายเป็นซากปรักหักพังไปโดยสมบูรณ์ ให้บรรยากาศราวผ่านสมรภูมิทำลายล้าง
ร้อยกระบวน สองร้อยกระบวน สามร้อยกระบวน…
จวบจนพลบค่ำ
ณ สถานที่นี้ มีเพียงคนสองคนประลองโรมรันเดือดพล่าน ต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บจนดูไม่จืด
ท้ายที่สุด เมื่อปราณทั้งหมดของซูอี้ใกล้จะเหือดแห้ง ศึกนี้ก็ยังไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้
เฉกเช่นกัน สตรีถือหอกเองก็ดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด นางหอบหายใจหนักเป็นครั้งคราว
ทว่า ทั้งซูอี้และสตรีถือหอกต่างไม่สะทกสะท้าน พวกเขาต่อสู้แลกชีวิต ราวกับหากล้มศัตรูตนมิได้ ก็จะไม่หยุดต่อให้ตัวตาย!
“เจ้าสู้ไม่ไหวแล้ว การโจมตีนี้ของข้าจะทำให้เจ้าร่วงไปเสีย!”
ทันใดนั้น สตรีถือหอกก็หัวเราะหึ ก้าวสู่อากาศและออกหมัดโจมตี
เปรี้ยง!
หมัดนั้นราวมังกรแผ่จิตกดดันสูงสุด ไม่ได้เล็งเพียงร่างวิถีของซูอี้ แต่ยังรวมถึงจิตวิญญาณและสตินึกคิดของเขาด้วย
“ข้าว่าสุดท้าย เจ้าต่างหากที่จะเป็นฝ่ายร่วงก่อน!”
ซูอี้แค่นเสียงอย่างเย็นชาและพุ่งเข้าปะทะ
กร๊อบ!
แขนขวาของเขาหักแหลก โลหิตพุ่งกระฉูด
ทว่ายามนี้ ร่างของเขาพุ่งไปเบื้องหน้าดุจเคลื่อนขุนผาศักดิ์สิทธิ์ กระแทกเข้าใส่อ้อมแขนของสตรีถือหอก แขนซ้ายของเขาก็เงื้อหมัดชกเข้าใส่ช่วงท้องของสตรีถือหอกอย่างรุนแรง
สตรีถือหอกแค่นเสียง ร่างของนางคุดคู้ดุจกุ้งต้ม บิดกระตุกรุนแรง
ทว่านางก็แข็งแกร่งพอจะใช้สองแขนบีบคอของซูอี้อย่างแรงดุจปีศาจงู หากออกแรง อีกฝ่ายจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน!
ซูอี้ชักมือกลับ ใช้มือซ้ายยันแขนของอีกฝ่ายไว้
ทันใดนั้น บุคคลทั้งสองผู้บิดเบี้ยวผิดรูปก็ร่วงลงกระแทกพื้น
เปรี้ยง!!
ฝุ่นควันกำจาย
ณ ช่วงกาลสุดท้าย สตรีถือหอกถูกกดร่างไว้เบื้องใต้ และอดอุทานออกมาอย่างเจ็บปวดมิได้