บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1141: ถูกดูแคลน สมองเปิด ผจญภัยพิบัติ
ตอนที่ 1141: ถูกดูแคลน สมองเปิด ผจญภัยพิบัติ
ณ ข้างนอกถ้ำ
ซูอี้รับจดหมายจากมือจิ่นขุย
ภายในจดหมายมีอักษรหลอมประทับว่า
‘ศิษย์น้อง หากว่าวันใดวันหนึ่งอาจารย์มีชีวิตกลับมา จงบอกอาจารย์ว่า ศิษย์ติดตาม ‘ผู้อาวุโสเมิ่ง’ แห่งหอตำราเทียนเสวียนท่องไปในจักรวาลพร่างดาว ชั่วชีวิตนี้จะไม่กลับมาอีก
หากอาจารย์ถามถึงสาเหตุ ให้บอกไปว่า…’
ดูจากเนื้อหาไม่คล้ายกับขอความช่วยเหลือ คล้ายกับบอกลามากกว่า
ทว่าตัวอักษรที่เขียนมานี้หวัดมาก อีกทั้งยังเขียนไม่จบ เช่นนี้จึงแลดูไม่ปกติเอาเสียเลย
ซูอี้ขมวดคิ้ว
ก่อนที่เขาจะกลับมายังมหาแดนดิน เคยเดินทางไปโลกเทียนเสวียนเพื่อไปตามหาจิ่งหังที่หอตำราเทียนเสวียน
ต่อมาจึงรู้ว่า จิ่งหังเดินทางท่องเที่ยวไปยังนอกภูมิพร้อมกับหนอนตะกละเฒ่าตั้งนานแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ส่งข่าวมา
ทว่าใครจะคาดคิดว่า วันนี้เวลานี้ จู่ ๆ กลับได้รับจดหมายที่มีพิรุธเช่นนี้ ซูอี้รู้สึกได้ในทันใดว่าเกิดเรื่องผิดปกติขึ้นแล้ว!
“ศิษย์พี่รองอาจจะเจอกับอันตรายถึงแก่ชีวิต และรู้ว่าหมดหนทางรอดแน่แล้ว จึงได้เขียนอย่างรีบร้อนเช่นนี้”
จิ่นขุยกล่าวด้วยความกังวล “และเขาทำเช่นนี้ เป็นไปได้มากว่าเพราะไม่อยากจะให้พวกเราไปช่วย”
ซูอี้พยักหน้าน้อย ๆ พลางกล่าว “เจ้าพูดไม่ผิด ไม่ว่าใครก็ตามจู่ ๆ ได้รับจดหมายเช่นนี้ เห็นลายมือเช่นนี้แล้วก็คงจะสามารถเดาออกได้คร่าว ๆ ว่าศิษย์พี่รองของเจ้าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว”
ทันใดนั้น เขาก็ถอนใจเบา ๆ “หนอนหนังสือนะหนอนหนังสือ ยังคงเหมือนเดิม แม้กระทั่งโกหกก็ยังมีช่องโหว่เช่นนี้”
“อาจารย์ แล้วจะทำเช่นใดกันดี? หากว่าศิษย์พี่รองเกิด…”
ไม่รอให้จิ่นขุยพูดจบ ซูอี้ก็ตัดบทขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่าร้อนใจไป ข้าจะไปดูด้วยตัวเอง ไม่ว่าจิ่งหังเป็นหรือตาย ข้าก็จะนำเขากลับมา”
พูดจบ เขากำจดหมายแน่น จากนั้นพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ท่ามกลางจักรวาลพร่างดาวอันยิ่งใหญ่ มีโลกภูมิหนึ่งลอยเคว้งคว้าง
และเวลานี้ สงครามการประหัตประหารกำลังดำเนินขึ้น
“ผู้อาวุโส รีบหน่อยขอรับ!”
จิ่งหังส่งเสียงเร่ง
เสื้อผ้าที่เขาใส่เปรอะด้วยเลือด ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ผิวขาวซีด พลังปราณในตัวลดน้อยลง จนร่างร่วงไปนั่งอยู่กับพื้น ขณะหอบหายใจไม่หยุด
บาดแผลของเขาสาหัสมาก ร่างแทบจะดับสลาย แม้กระทั่งเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นต่อสู้อีกครั้งก็ยังไม่มี
“อย่าพูดมาก! ข้าพาเจ้ามาชมสรรพชีวิตและทุกสิ่งในฟ้าดิน ก็เพื่อให้หนอนหนังสืออย่างเจ้าสมองเปิด หากว่าอาจารย์ของเจ้ารู้ว่าข้าทิ้งเจ้าแล้วหนีไป ต้องเอาเรื่องกับข้าอย่างแน่นอน!”
หนอนตะกละเฒ่าร้องด่า
เวลานี้สัตว์ประหลาดเฒ่าบรรพกาลแห่งขุมกำลังวิถีขงจื่อในมหาแดนดินท่านนี้ก็มีสภาพที่ย่ำแย่มากเช่นกัน เขากำลังขับดันคัมภีร์โบราณเล่มหนึ่งอยู่
คัมภีร์เปิดออก บทความอันงดงามหลากหลายบททอประกายแสงเฉิดฉายราวกับวงล้อทรงกลมล้อมรอบตัวหนอนตะกละเฒ่ากับจิ่งหัง
ประกายแสงปะทะเข้าใส่กัน ส่องสว่างไปถึงชั้นเมฆ เสียงระเบิดแสบแก้วหูดังลั่นไม่หยุด
สถานการณ์การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือด
ภายใต้การโอบล้อมโจมตีเช่นนี้ ร่างของหนอนตะกละเฒ่าสั่นระริกอย่างแรงขึ้นมาเป็นพัก ๆ ใบหน้าเดี๋ยวขาวเดี๋ยวเขียวสลับกัน ชุดที่สวมใส่เปียกปอนไปด้วยเหงื่อ เห็นได้ชัดว่าใกล้จะรับไม่ไหวแล้วเช่นกัน
“อาจารย์ข้า… จากไปตั้งนานแล้ว…”
จิ่งหังเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก กล่าวด้วยน้ำเสียงขมขื่น
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ สัตว์ประหลาดเฒ่าซูไม่มีทางตายอย่างแน่นอน เขาต้องหาความลับแห่งวัฏสงสารเจอ มีแต่หนอนหนังสืออย่างเจ้านี่แหละที่แสนซื่อ อย่าคิดฟุ้งซ่านมาก!”
หนอนตะกละเฒ่ากล่าวดุ
ขณะที่พูด เลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากของเขา หน้าขาวซีด สีหน้าเคร่งเครียดยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ศัตรูตัวฉกาจที่เจอในวันนี้ แต่ละคนล้วนแข็งแกร่งด้วยกันทั้งสิ้น!
หากว่าเขาคาดเดาไม่ผิด เป็นไปได้มากว่าฝ่ายตรงข้ามน่าจะมาจากขุมกำลังใหญ่ขุมใดขุมหนึ่งในส่วนลึกจักรวาลพร่างดาว!
หนอนตะกละเฒ่าบ่นพึมพำ
ฝ่ายตรงข้ามมีด้วยกันทั้งสิ้นเจ็ดคน
ห้าคนที่กำลังปิดล้อมโจมตีพวกเขาอยู่นี้ สองคนมีระดับการฝึกตนขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นปลาย ส่วนอีกสามคนมีระดับการฝึกตนขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นต้น
หากว่าอยู่ในมหาแดนดินล่ะก็ คงเป็นจักรพรรดิระดับสูงสุดไปแล้ว
ทว่ากำลังการต่อสู้ของคนทั้งห้าเหนือกว่าคนในมหาแดนดินที่อยู่ขอบเขตเดียวกัน!
สาเหตุก็เพราะว่ากฎเกณฑ์มหาวิถีที่ทั้งห้าคนควบคุมนั้นน่ากลัวอย่างที่สุด มันเต็มไปด้วยพลังต้องห้าม กำลังการต่อสู้ของพวกเขาจึงพลอยน่ากลัวเกินกว่าจะคาดเดาตามไปด้วย!
นอกจากห้าคนนี้แล้ว ห่างออกไปยังมีหญิงหนึ่งชายหนึ่งยืนอยู่
บุรุษสวมชุดลายนกกระเรียน บุคลิกงดงามสง่าผ่าเผย กลิ่นอายแห่งความสูงศักดิ์ทะนงแผ่กระจายไปทั่วร่าง ดวงตาส่องสว่างดุจคบเพลิง ดูน่าครั่นคร้ามยิ่งนัก
สตรีสวมชุดนักรบ คิ้วคมเข้มดุจมีดดาบ ผิวสีน้ำตาลไหม้ สะพายง้าวสั้นอยู่ข้างหลัง พลังอันเย็นยะเยือกแผ่กระจายไปทั่วตัว
“ตาเฒ่าคนนี้หาได้ไม่ง่ายเลย มีรากฐานการบ่มเพาะที่แข็งแกร่งจนน่าตกใจ หากว่าให้โอกาสเขาสักครั้ง คงสามารถแสวงวิถีขอบเขตราชันแห่งภูมิได้อย่างง่ายดาย จะมีอานุภาพที่เหนือกว่าคนในขอบเขตเดียวกัน คนเช่นนี้ หาพบได้ไม่มากนักในเขตดาราหมื่นโฉลกของพวกเรา”
บุรุษเอ่ยขึ้น
“นายน้อยกล่าวได้ถูกต้อง”
สตรีในชุดนักรบที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าน้อย ๆ “แต่เสียดาย ภูมิดาราฟ้าดินแห่งนี้กลายเป็นปิตุภูมิเวิ้งดาราไปนานแล้ว หนทางสู่สวรรค์ขาดสะบั้นลงไปแล้ว ไม่ว่าใครก็อย่าคิดเลยว่าจะได้แสวงวิถีขอบเขตราชันแห่งภูมิ”
นิ่งเงียบไปชั่วครู่ สายตาของนางส่อแววเฉียบคม ขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ ไม่ว่าจะเป็นตาเฒ่าคนนั้น หรือว่าเป็นเจ้าหนุ่มผู้คงแก่เรียนคนนั้น วันนี้คงจะหนีเคราะห์กรรมไปได้ยาก”
บุรุษหัวเราะ “สาเหตุที่ล้อมพวกเขาไว้ ไม่ใช่เพื่อฆ่าเขา แต่เป็นเพราะต้องการเก็บคนเก่งมาเป็นพรรคพวก ทำงานให้พวกเรา เพื่อไปสืบเสาะความลับแห่งวัฏสงสาร”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปยังการต่อสู้เบื้องหน้า จากนั้นจึงกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “สมควรแก่เวลา ควรจะเก็บงานได้แล้ว”
“ขอรับ!”
ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิทั้งห้าตอบพร้อมเพรียงกัน
ครืน!
ลำพังเพียงแค่ไม่กี่พริบตาเท่านั้น บทความมหาวิถีแตกระเบิดไปบทแล้วบทเล่า คัมภีร์มหาวิถีที่บดบังอยู่รอบตัวหนอนตะกละเฒ่ากับจิ่งหังก็ขาดสะบั้นไม่เป็นชิ้นดีด้วยเช่นกัน
หนอนตะกละเฒ่ากระอักเลือดอย่างแรง เขาใช้ร่างตัวเองปกป้องจิ่งหัง ขณะกล่าวผ่านกระแสเสียงปราณ “เจ้าหนอนหนังสือ ข้ามีชีวิตอยู่มานานแสนนาน เบื่อเต็มทนแล้ว ประเดี๋ยวจงฟังคำสั่งข้า พอสั่งให้หนี เจ้าก็รีบหนีไป เข้าใจหรือไม่?”
จิ่งหังส่ายหน้า เขากวาดตามองดูรอบด้าน พลางกัดฟันกล่าว “ข้าจิ่งหังไม่ใช่พวกที่รักตัวกลัวตาย! หากต้องตาย ข้าก็จะต่อสู้จนตาย!”
“เจ้า…”
หนอนตะกละเฒ่าโกรธมากจนแทบเข่นเขี้ยว
ครืน!
ขณะที่คนทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่ ฝ่ายตรงข้ามก็บุกโจมตีเข้ามาด้วยท่าทีดุดัน น่ากลัวอย่างไร้ขอบเขต
หนอนตะกละเฒ่าได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อถูกจักรพรรดิทั้งห้าบุกโจมตีพร้อมกันอีก ไม่ช้าเขาก็ไม่อาจต้านทานรับมือไว้ได้อีก ถอยร่นไปเรื่อย ๆ ร่างกายมีแผลเหวอะหวะ
จิ่งหังเสียใจยิ่งนัก มองดูอาจารย์ด้วยสายตาปวดร้าว ทว่ากลับไม่มีเรี่ยวแรงจะเข้าไปช่วย
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสยิ่งกว่า ดั่งลูกธนูที่อ่อนแรงอย่างที่สุด
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่จิ่งหังรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ถึงเพียงนี้!
วันเวลาที่ผ่านมา เขาได้ศึกษาตำราและคัมภีร์ไปมากมาย ทว่าไม่เห็นได้ใช้เลยแม้แต่น้อย!
“มีชีวิตอยู่อย่าได้ชะล่าใจ ถึงคราวตายก็อย่าได้หวาดกลัว พวกเราผู้ศึกษาตำราและคัมภีร์ อย่าได้จมปลักอยู่แต่ในตำรา ควรจะทำความเข้าใจหลักเหตุผลในนั้น เมื่อถูกรังแกลบหลู่แล้วไม่อาจแยกตัวออกมาจากตำราได้ ก็เป็นได้เพียงแค่หนอนหนังสือหัวโบราณที่ไร้ประโยชน์”
“ไม่เพียงแค่แยกตัวออกมาเท่านั้น หมัดของผู้ศึกษาตำราอย่างพวกเราก็คือหลักเหตุผล ยิ่งหมัดของเจ้าแกร่ง หลักเหตุผลของเจ้าก็ยิ่งแกร่ง!”
หนอนตะกละบ่นไปก็ต่อสู้ไป “ตอนที่อาจารย์เจ้ายังอยู่ เจ้าสามารถศึกษาร่ำเรียนอย่างสงบได้ตลอดชีวิต นั่นคือความโชคดีของชีวิต แต่หากว่าอาจารย์ของเจ้าไม่อยู่แล้ว…”
ปัง!
ยังพูดไม่ทันจบ ร่างของหนอนตะกละเฒ่าก็ถูกซัดกระเด็นออกไป กระดูกหักไปแล้วไม่รู้กี่ท่อน
ทว่าเขายังคงใช้ตัวปกป้องจิ่งหัง กล่าวเสียบหอบหนัก “เจ้าดูสิ เวลาที่เจอกับพวกไม่พูดด้วยเหตุผลเช่นนี้ เจ้าสามารถทำอะไรได้อีก?”
จิ่งหังนิ่งเงียบ สองมือกำหมัดแน่น เล็บนิ้วจิกเข้าไปในฝ่ามือจนลึกและเป็นแผล
หนอนตะกละเฒ่าเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก “เช่นนี้ เจ้าจึงสามารถก่อตั้งสำนักได้ เป็นบรรพชนได้อย่างแท้จริง!”
ใจของจิ่งหังเดือดพล่าน สีหน้าเป็นกังวล
ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิทั้งห้าบุกเข้ามาอีกครั้ง ทันใด…
บุรุษที่อยู่ห่างออกไปก็ส่งเสียงราบเรียบขึ้นมา “เอาล่ะ ให้โอกาสพวกเขาได้พักหายใจสักหน่อย ขอถาม พวกเจ้าจะยอมสวามิภักดิ์และรับใช้พวกเราหรือไม่”
ทันใด เหล่าตัวตนขอบเขตจักรพรรดิทั้งห้าก็หยุด ปิดล้อมพวกเขาจากรอบทิศทาง สกัดทางหนีของหนอนตะกละเฒ่ากับจิ่งหัง
“ยอมสวามิภักดิ์? กระทั่งตายข้าก็ยังไม่กลัว แล้วข้าจะกลัวเจ้าได้อย่างไร?”
หนอนตะกละเฒ่าหัวเราะ
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ดูสภาพแล้วย่ำแย่ยิ่งนัก ทว่ายังคงหัวเราะสบายใจโดยไม่สนใจบาดแผลของตัวเองแม้แต่น้อย
สีหน้าของจักรพรรดิทั้งห้าดุดันขึ้นมาในทันใด
“ตบปาก”
“เจ้าค่ะ!”
สตรีในชุดนักรบหายตัวไปกลางอากาศ และมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าหนอนตะกละเฒ่า มือซ้ายคว้าคอเสื้อของเขา ส่วนมือขวาก็ตบไปที่หน้าอย่างแรง
เพียะ!
หนอนตะกละเฒ่าถูกตบจนหน้าเป็นแผลเหวอะ
จิ่งหังที่อยู่ด้านข้างแผดเสียงร้อง “พอได้แล้ว!”
เสียงดังคำรามไปถึงฟ้า
และเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น….
พลังอันแรงกล้าในตัวของจิ่งหังพลันระเบิดขึ้น ประหนึ่งแม่น้ำที่แห้งเหือดระเบิดคลื่นน้ำอันทรงพลัง และไม่ต่างกับตอไม้ที่ผุพังที่กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
พลังในตัวเปลี่ยนไปในทันใด!
พลังปราณในตัวจิ่งหังเปรียบดั่งพายุหิมะถล่ม ระดับการฝึกตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นปลายกลับพุ่งกระฉูดขึ้นสู่ขั้นสมบูรณ์ในพริบตา อีกทั้งยังก้าวกระโดดสู่ขอบเขตที่สูงยิ่งกว่าราวกับสลายกำแพงกั้น
และบนท้องฟ้า ภัยพิบัติอันน่ากลัวก่อตัวขึ้นเงียบ ๆ
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้สร้างความตื่นตะลึงให้กับคนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์
“บรรลุขอบเขตขณะต่อสู้ พิสูจน์เต๋าสานพันธะลึกล้ำ?”
ชายหนุ่มในชุดลายนกกระเรียนร้องอุทาน
คนอื่น ๆ ก็ตกใจมากเช่นกัน ไม่คาดคิดเลยว่า หนอนหนังสือที่ได้รับบาดเจ็บจนไร้เรี่ยวแรงไปแล้วคนนี้จะทลายกำแพงกั้นในยามวิกฤตและนำมาซึ่งภัยพิบัติใหญ่แห่งสานพันธะลึกล้ำได้
“ฮ่า ๆๆๆ! ในที่สุดหนอนหนังสืออย่างเจ้า สมองเปิดแล้วจนได้! ข้าตายก็ไม่เสียดาย!”
หนอนตะกละเฒ่าหัวเราะดีใจ หน้าของเขามีแผลเหวอะหวะ คราบเลือดเต็มตัว ทว่าในสายตากลับเต็มไปด้วยความปีติยินดี
“ผ่านภัยพิบัติข้ามขอบเขต? ฝันไปเสียเถอะ! ไม่ยอมสวามิภักดิ์ ข้าจะให้เจ้าตายตกไปให้ได้!”
สตรีในชุดนักรบร้องตะโกน
จิ่งหังสะบัดแขนขึ้นรับ
ปัง!!!
ครู่ถัดมา ร่างของเขาก็ถลาออกไป เลือดกระอักออกจากปาก
เดิมทีพลังปราณในตัวเขากำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อโดนกระทบเช่นนี้แล้วพลันเกิดความแปรปรวนขึ้นมา
อย่างไรเสียความสามารถก็ยังแตกต่างกันมาก
ถึงแม้จิ่งหังจะทลายโซ่ตรวนในจิตใจลงไปได้ และนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงแห่งพลัง ทว่ายามเผชิญหน้ากับสตรีในชุดนักรบคนนี้แล้ว ยังคงแลดูอ่อนด้อยยิ่งนัก
“ยอมสวามิภักดิ์หรือว่าตาย เลือกเอาเอง”
สตรีในชุดนักรบก้าวเดินมาข้างหน้า สายตาคมกริบประดุจคมมีด จ้องดูจิ่งหังไม่คลาดสายตา เกรงขามน่ากลัว
“ให้ตายสิ!!”
หนอนตะกละเฒ่าหน้าถอดสี เขากัดฟันขณะบุกเข้ามาช่วย
และในเวลานี้เอง เสียงราบเรียบเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ข้าเอง”