บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1147: จันทราโลหิตลอยเด่น หญิงงามปรากฏกาย
ตอนที่ 1147: จันทราโลหิตลอยเด่น หญิงงามปรากฏกาย
ราตรีสงัด สรรพสิ่งสงบเงียบ
ผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ คนร่างสูงโปร่งกำลังเดินทาง
“ไม่ถึงหนึ่งปี ปราณวิญญาณของมหาทวีปคังชิงแห่งนี้ก็เข้มข้นขึ้นมาก เพียงแต่ไม่รู้ว่าการฝึกตนของหลิงเสวี่ย ชิงหว่าน กับคนอื่น ๆ จะมีความก้าวหน้าหรือไม่…”
ซูอี้เดินมือไพล่หลัง ท่องไปอย่างสบายใจ
“แต่ต่อให้ระดับการฝึกตนของพวกนางไม่สูง แต่ในใจข้า ไม่มีใครคนไหนสามารถเทียบได้”
พอซูอี้นึกถึงสหายเก่าเหล่านั้นแล้ว ในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ในชาตินี้ เขากลับมาเกิดในมหาทวีปคังชิง สร้างเหตุต้นผลกรรมไว้มากมาย และมีคนที่คิดคะนึงหา
ในสายตาของคนอื่น ความผูกพันเหล่านี้อาจจะเป็นภาระ
ทว่าในสายตาของซูอี้ กลับเป็นความสัมพันธ์ที่มีค่า ไม่อาจทำให้สูญหายไปได้
ทันใด ซูอี้ก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง จากนั้นจึงแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกลออกไป
ท่ามกลางราตรีอันมืดมิด เมฆหมอกลอยละล่อง เงาจันทราโลหิตผลุบโผล่ ราวกับดวงตาที่ลืมขึ้นอย่างเงียบ ๆ ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดยิ่ง
ซูอี้พลันหรี่ตาลง ก่อนจะพลิกฝ่ามือขึ้น หยกชิ้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
ด้านหน้าของแผ่นหยกสลักลายภูเขาลักษณะแปลกประหลาด ภูเขาห้อยกลับหัวอยู่ใต้ท้องนภา วางทับอยู่บนเหวลึก!
เมื่อมองดูให้ดี ภาพนี้คล้ายกับดวงตาที่มีลักษณะประหลาด ภูเขาที่ห้อยกลับหัวนั้นคือลูกนัยน์ตา ลึกเข้าไปในลูกนัยน์ตาก็คือเหวลึกอันเลือนราง
ส่วนด้านหลังของแผ่นหยกคือบัญญัติรูปร่างบิดเบี้ยวคดงอ
หยกชิ้นนี้เป็นหยกวิญญาณที่เมื่อก่อนชิงหว่านห้อยติดตัว!
ตั้งแต่ตอนที่อยู่สวนน้อยของสำนักแพทย์ซิ่งหวง ณ เมืองกว่างหลิงแห่งอาณาจักรต้าโจว ซูอี้ก็รู้สึกได้ถึงความลึกลับของหยกชิ้นนี้ และรู้ว่าที่มาของชิงหว่านนั้นไม่ธรรมดา
และเวลานี้ เงาจันทราโลหิตที่ลอยเด่นอยู่บนฟ้ายามค่ำคืนดวงนั้นกลับคล้ายคลึงกับดวงตาประหลาดบนแผ่นหยกชิ้นนั้นมาก!
ซูอี้ยังคงจำได้ ตอนที่ชิงหว่านผ่านพิบัติในครั้งนั้น ภาพลักษณะเดียวกันนี้เคยปรากฏบนตัวของนาง เหมือนกับดวงตาประหลาด เพียงแค่กวาดมองก็ทลายภัยพิบัติฟ้ารอบสิบด้านได้!
และตอนนี้ กลับมีเงาจันทราโลหิตที่มีลักษณะคล้ายกับดวงตาปรากฏขึ้น ทำให้ซูอี้รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาเช่นกัน รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
“หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชิงหว่าน?”
ขณะที่ซูอี้ครุ่นคิด เขาก้าวออกไปหนึ่งก้าวก็แหวกอากาศพุ่งไปยังเหวลึกอุกกาบาตแห่งนั้นแล้ว
…
เหวลึกอุกกาบาต
ชุดกระโปรงสีเลือดของชิงหว่านสะบัดพลิ้ว ภาพของดอกบัวสีเลือดปรากฏขึ้นทุก ๆ ย่างก้าวที่เดิน แต่ละฝีก้าวล้วนมุ่งตรงไปยังท้องฟ้าสูง
ราตรีมืดมิด แววตาของนางมีแต่ความว่างเปล่า สีหน้าราบเรียบ ลักษณะท่าทางที่แสดงมีความงดงาม ดุจดั่งเทพอสูรผู้เลอโฉมเดินสู่ฟากฟ้าไกล มุ่งหน้าไปหาดวงจันทรา
และบนท้องฟ้าที่ห่างไกล เงาจันทราโลหิตคลุมเครือดวงนั้นเริ่มชัดเจนขึ้นมาทีละน้อย หมอกสีเลือดแผ่กระจายออกมาบาง ๆ
ราวกับดวงตาของผู้เป็นเทพกำลังจับจ้องดูมนุษย์โลกยามราตรี!
“ชิงหว่าน หยุดเดี๋ยวนี้!”
พวกเขาต่างก็รู้สึกสังหรณ์ว่า หากปล่อยให้ชิงหว่านเข้าไปใกล้พระจันทร์ ผลที่ตามมาจะต้องไม่ดีแน่!
ชิงหว่านราวกับไร้ความรู้สึก ยังคงก้าวเดินต่อไป
นางก้าวเดินไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อหนิงซือฮวา อาคัง กับคนอื่น ๆ ไล่ตามทันกลับถูกซัดอย่างแรงจนต้องถอย ไม่อาจเข้าใกล้ได้แม้แต่น้อย
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?”
เหวินหลิงเสวี่ยร้อนใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
คนอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ทำให้พวกเขารู้สึกจนปัญญา
หยวนเหิงกับอิงเชวียบุกเข้าไปใกล้อีกครั้งอย่างไม่ลดละเพื่อหยุดยั้งชิงหว่าน
ทว่าสุดท้าย ทั้งสองก็ถูกซัดจนกระอักเลือดได้รับบาดเจ็บ จึงไม่อาจยับยั้งนางได้
บนตัวชิงหว่านราวกับมีพลังไร้รูปร่างที่น่ากลัวและพิสดาร ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าไปใกล้นางในช่วงระยะสามฉื่อเป็นต้องถูกซัดกระเด็น!
พรึ่บ~!
บนท้องฟ้าไกล หมอกสีเลือดปกคลุม เงาจันทราโลหิตดวงนั้นแสดงรูปลักษณ์ที่ชัดเจน คล้ายกับดวงตาประหลาด และคล้ายกับประตูลึกลับที่ผ่านไปยังสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง
เมื่อชิงหว่านลอยตัวขึ้นไป ในเงาจันทราโลหิตก็ปรากฏร่างคนผู้หนึ่งขึ้นอย่างเงียบงัน
คนผู้นั้นเปรียบดุจเทพผู้ยิ่งใหญ่ ยืนตระหง่านเหนือสวรรค์เก้าชั้น ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่จนไม่สามารถอาจเอื้อม
เมื่อมองดูให้ดี คนผู้นั้นสวมชุดกระโปรงสีเขียวอ่อน ผมยาวถูกรวบขึ้นและรัดด้วยเกล้าหยกเลี่ยมทอง คาดเอวด้วยเข็มขัดหยก
มือขวาของนางถือคทาหยกสีดำยาวฉื่อกว่า ๆ ยืนอยู่บนแท่นวิถีที่มีไอหมอกลอยวนเวียน ร่างเลือนรางราวกับความฝัน
“นาง… นางคือ…”
เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวนางนี้ชัดเจนแล้ว หนิงซือฮวา อาคัง กับคนอื่น ๆ ล้วนรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองสักนิด
ผู้หญิงที่สวมชุดกระโปรงสีเขียว รัดผมด้วยเกล้าหยก มือถือคทาสีดำคนนั้น มีดวงตางดงามดุจภาพวาด สวยใสดังสาวน้อย หน้าตาเหมือนกับชิงหว่านไม่มีผิดเพี้ยน!!
ทว่าท่าทีของผู้หญิงนางนี้กลับแตกต่างจากชิงหว่านอย่างสิ้นเชิง
นางเปรียบเสมือนเทพผู้ยิ่งใหญ่เหนือเก้าสวรรค์ ยืนตระหง่านในเงาจันทราโลหิต ถึงแม้จะยืนนิ่ง ๆ อยู่ตรงนั้น ทว่ากลับมีอานุภาพอันยิ่งใหญ่แผ่ขยายออกมาจากตัวนาง!
“หรือว่า ในโลกนี้ยังมีชิงหว่านอีกคน? หรือว่า พวกนางจะเป็น… พี่น้องฝาแฝด?”
เหวินซินจ้าวพึมพำ
เรื่องนี้ช่างน่าอัศจรรย์เหลือเกิน
“หากว่าเป็นพี่น้องกันจริง เหตุใดจึงปล่อยให้ชิงหว่านต้องทนทรมานนานถึงสองเดือน? ผู้หญิงคนนั้นจะต้องมีปัญหาแน่!”
ความข้องใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหวินซินจ้าว
และขณะนี้เอง ชิงหว่านอยู่กลางท้องฟ้าแล้ว อยู่ห่างจากเงาจันทราโลหิตดวงนั้นไม่ไกลแล้ว!
หนิงซือฮวากับคนอื่นรู้สึกกังวลใจขึ้นมา รู้สึกจนปัญหาและขมขื่นอย่างบอกไม่ถูก
ด้วยพลังของพวกเขา ไม่อาจยับยั้งเรื่องทั้งหมดนี้ได้
“หากว่านายท่านอยู่ด้วยก็คงดี…”
หยวนเหิงทอดถอนใจ สองมือของเขาจับกันแน่น
ทุกคนถึงกับต้องหรี่ตาลง มองเห็นรำไรว่าพลังดาบนั้นพุ่งพรวดขึ้นฟ้า แหวกทะลุชั้นเมฆ ฟาดฟันเงาจันทราโลหิต
ครืน!!!
เสียงดังสนั่นสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น
เงาจันทราโลหิตสั่นคลอนอย่างรุนแรง แสงสีเลือดสาดกระเซ็น
และในขณะเดียวกันนี้เอง ร่างสูงโปร่งปรากฏตัวกลางอากาศ โอบรัดเอวของชิงหว่าน จากนั้นพุ่งมาทางเหวลึกอุกกาบาต
“นาย… นายท่าน!?”
หยวนเหิงขยี้ตาซ้ำแล้วซ้ำอีก ราวกับไม่อยากจะเชื่อ
ก่อนหน้านี้ เขายังถอนใจ คิดว่าหากนายท่านอยู่ด้วยจะต้องยับยั้งเรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างแน่นอน
ไม่คาดคิดเลยว่า จะเป็นจริงตามคิด นายท่านปรากฏตัวจริง ๆ!
อาคัง หนิงซือฮวา เหวินหลิงเสวี่ย และคนอื่น ๆ ก็ตื่นตะลึงเช่นกัน ใบหน้าของพวกเขามีแต่ความไม่เชื่อ
ซูอี้!
ช่างเกินความคาดหมายเสียเหลือเกิน ไม่คาดคิดเลยจริง ๆ
ทุกคนต่างก็รู้สึกเหมือนกับฝันไป
ซูอี้ไม่มีเวลาครุ่นคิดมากนัก หลังจากที่เขาช่วยมาได้แล้ว ชิงหว่านก็ดิ้นทุรนทุรายอย่างแรง ทั้งยังลงมือกับเขา เรี่ยวแรงที่มียังเยอะจนน่าประหลาดอีกด้วย
ซูอี้รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
หากไม่ใช่เพราะระดับวิถีของเขาในตอนนี้มีความแข็งแกร่งพอ คงโดนชิงหว่านทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บไปแล้ว!
เพราะจนปัญญา ซูอี้จึงจำต้องมัดตัวชิงหว่าน
“คอยดูนางก่อน”
ซูอี้โยนตัวชิงหว่านไปให้คนอื่น ๆ ที่อยู่ห่างออกไป
คนทั้งหลายจึงได้สติกลับคืนมา ช่วยกันรับตัวชิงหว่าน จากนั้นแต่ละคนต่างแสดงสีหน้าตื่นเต้นดีใจออกมา
จู่ ๆ ซูอี้ก็ปรากฏตัว ถึงแม้จะทำให้พวกเขารู้สึกคาดไม่ถึง แต่ก็ทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก เหมือนกับหาจุดเหนี่ยวรั้งจิตใจเจอ ความรู้สึกกังวลและกลัดกลุ้มที่มีอยู่เต็มหัวอกหายไปในทันใด
เวลานี้ ซูอี้เบนสายตามองดูท้องฟ้าที่ห่างไกล หัวคิ้วขมวดเข้าหาเล็กน้อย
เงาจันทราโลหิตค่อย ๆ หมุนอย่างเชื่องช้า แสงสีเลือดส่องประกาย
ในเงาจันทราโลหิต หญิงสาวที่สวมชุดกระโปรงสีเขียว รัดผมด้วยเกล้าหยกนางนั้นดูราวกับว่าถูกยั่วให้โมโหแล้ว ฉับพลันนางชูคทาหยกสีดำในมือขึ้น
เงาจันทราโลหิตส่งเสียงดังกึกก้อง แสงพิบัติสีขาวแสบตาราวกับทางช้างเผือกพุ่งลงมา
ครืน!
เพียงชั่วพริบตา แผ่นดินแถบนี้สั่นสะเทือนอย่างแรง ภูเขาแม่น้ำสั่นคลอน กลิ่นอายของเคราะห์ภัยพิบัติขั้นทำลายล้างแผ่ซ่าน ราวกับต้องการจะดับโลกให้พินาศ
หนิงซือฮวากับคนอื่น ๆ ต่างก็ตื่นตระหนกจนหน้าถอดสี ได้แต่หนีออกไปอยู่ห่าง ๆ
พลังรุนแรงเช่นนี้เปรียบได้กับอานุภาพของสวรรค์!
“มิน่าเล่า ถึงได้รู้สึกคุ้นเคย ที่แท้ก็หลอมรวมกฎสวรรค์วอนสวรรค์เข้าไปด้วย!”
ก่อนหน้านี้ เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าคุ้นเคย และในที่สุดตอนนี้ก็สามารถสรุปได้แล้วว่าถึงแม้พลังมหาวิถีที่ผู้หญิงที่หน้าเหมือนกับชิงหว่านคนนั้นควบคุมจะไม่ใช่กฎสวรรค์วอนสวรรค์ แต่ก็หลอมรวมความแยบยลของกฎสวรรค์วอนสวรรค์เข้าไปด้วย!
ที่แตกต่างไปก็คือพลังมหาวิถีนี้รุนแรงยิ่งกว่ากฎสวรรค์วอนสวรรค์เสียอีก!
โดยไม่รอช้า ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ปรากฏขึ้น หลอมรวมกลิ่นอายของดาบเก้าคุมขังแล้วฟันฉับออกไป
ปัง!!
แสงพิบัติที่คล้ายกับน้ำตกขนาดมหึมาถูกฟันขาดเป็นสองท่อนในทันที จากนั้นก็แตกสลาย ผืนแผ่นดินแถบนั้นระเบิด สรรพสิ่งอยู่ในความโกลาหล
“เจ้ามีสัมพันธ์อันใดกับหอเก้าสวรรค์?”
ซูอี้ถาม
เมื่อเห็นว่าซูอี้ทลายการโจมตีของตนเองได้ ผู้หญิงในชุดกระโปรงสีเขียวคนนี้ก็รู้สึกตกใจอย่างเห็นได้ชัด นิ่งเงียบไปชั่วครู่จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หากไม่อยากตาย ก็ถอยไป”
นางประหนึ่งเทพผู้ยิ่งใหญ่บนสวรรค์ชั้นเก้า บัญชาถูกถ่ายทอดลงมา เต็มไปด้วยอานุภาพอันน่าเกรงขาม
เดิมทีซูอี้ตั้งใจว่าจะลองพูดคุยกับฝ่ายตรงข้ามดู เผื่อว่าจะรู้พื้นเพของฝ่ายตรงข้ามได้บ้าง
ทว่าท่าทีของผู้หญิงในชุดกระโปรงสีเขียวทำให้ซูอี้เปลี่ยนใจ
ชิ้ง!
ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ส่งเสียงดังกังวาน สั่นสะเทือนไปถึงแดนสวรรค์
ซูอี้บังคับดาบฟันเงาจันทราโลหิต
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียวเบิกตากว้าง ราวกับไม่คาดคิดว่าจะมีคนใจกล้าบังอาจทำเช่นนี้ได้
“ไม่รู้จักความตายเสียแล้ว”
นางส่ายหน้าน้อย ๆ สีหน้าราบเรียบไร้ความรู้สึก
ขณะที่พูด นางตวัดคทาหยกสีดำในมือ
ครืน!
อานุภาพเช่นนั้น สามารถสังหารตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิได้!
อีกทั้ง กฎสวรรค์ปกคลุมสวรรค์ของมหาทวีปคังชิงถูกทำลายไปแล้ว ไม่อาจยับยั้งแสงพิบัตินั้นได้!
ทว่า ซูอี้รู้สึกได้แต่แรกแล้วว่าพลังกฎสวรรค์ที่อีกฝ่ายควบคุมนั้นมีความแปลกประหลาดอย่างที่สุด ดังนั้นเขาจึงลงมืออย่างเต็มที่ ใช้กลิ่นอายของดาบเก้าคุมขังเข้าสู้
พลังดาบแหวกทะลุอากาศ บดขยี้แสงพิบัติเต็มท้องฟ้าจนไม่เหลือ!
ครืน!
เมื่อพลังดาบฟาดฟันลงบนเงาจันทราโลหิต รอยดาบขนาดใหญ่น่ากลัวปรากฏบนเงาจันทราโลหิตท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังสนั่นจนแก้วหูแทบขาด
ราวกับว่าผู้หญิงในชุดกระโปรงสีเขียวที่ยืนอยู่ในเงาจันทราโลหิตได้รับแรงกระแทกตามด้วย ร่างอรชรสั่นคลอนขึ้นมา ใบหน้าราบเรียบเย็นชามาโดยตลอดถึงกับแสดงอาการตื่นตระหนก
“เจ้าเป็นใครกัน?”
หญิงสาวในชุดโปรงสีเขียวอดสงสัยไม่ได้ถามขึ้นมา ขณะที่ส่งเสียงออกไป ฟ้าดินสั่นสะเทือน ราวกับต้านทานอานุภาพที่แฝงมากับเสียงนั้นไม่ได้
ก่อนหน้านี้ ซูอี้อยากจะคุยด้วย ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่อยากคุย
ตอนนี้ นางอยากจะคุย ซูอี้กลับไม่อยากจะคุยด้วย
ชุดสีเขียวของเขาโบกพลิ้ว ถือดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์พุ่งออกไป!