บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1148: ภูมิหลังของชิงหว่าน
ตอนที่ 1148: ภูมิหลังของชิงหว่าน
………………..
ตอนที่ 1148: ภูมิหลังของชิงหว่าน
ครืน!
พลังดาบพิฆาตสว่างจ้าไปทั่วท้องนภา ฟันเงาจันทราโลหิตอย่างเต็มกำลัง
เงาจันทราโลหิตสั่นสะเทือนอย่างแรง สะเก็ดแสงสีเลือดสาดกระเซ็นเต็มท้องฟ้า
สีหน้าของหญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนเย็นยะเยือกลง กระแทกคทาหยกสีดำที่ถือในมือลงกับพื้นพลันเกิดประกายแสงสีทอง
สายฟ้าสีทองราวกับมังกรผงาดฟาดกระหน่ำลงบนผืนแผ่นดินครั้งแล้วครั้งเล่า
สายฟ้าสีทองเหล่านี้ราวกับมีชีวิตจิตใจ มันซ่อนเร้นอักขระกฎสวรรค์อยู่ภายใน เวลาที่ฟาดกระหน่ำลงมา จะปรากฏภาพอสูรเทพบนสายฟ้าแต่ละเส้น
ชั่วขณะนั้น เปรียบดังกองทัพสวรรค์นับไม่ถ้วนขี่มังกรสายฟ้าโหมกระหน่ำลงมา อานุภาพร้ายแรง เหนือกว่าแสงพิบัติที่หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนสำแดงออกมา!
“นี่คือกฎสวรรค์อันใดกัน? ไม่เพียงแต่ซ่อนเร้นวอนสวรรค์ ดูเหมือนว่ายังซ่อนเร้นพลังมหาวิถีอื่นที่มีความรุนแรงเทียบเคียงกับวอนสวรรค์…”
แต่ก่อนนี้ เขาเคยเห็นพลังของกฎสวรรค์วอนสวรรค์ กฎวิเวกดารา และกฎแปรวิญญาณที่เรียกได้ว่าเป็นกฎสวรรค์มหาวิถีสูงสุดของภูมิดาราเหล่านั้นมาแล้ว
แต่ไม่คิดเลยว่า จะมีคนสามารถควบคุมพลังกฎสวรรค์ที่รองรับกฎสวรรค์วอนสวรรค์ซึ่งเป็นมหาวิถีสูงสุดของภูมิดาราเช่นนี้ได้
“มีส่วนคล้ายกับเคล็ดเวียนวัฏสงสาร!”
ซูอี้แอบคิด
เคล็ดเวียนวัฏสงสารประกอบไปด้วยเคล็ดพลังมหาวิถีอย่างเวียนวัฏสงสาร สังขาร สุดวิถี จม และจุดจบ
เห็นได้ชัดว่าพลังมหาวิถีที่หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนคนนั้นมีก็เป็นเช่นนี้! สามารถหลอมรวมเคล็ดพลังมหาวิถีสูงสุดของห้วงดาราอย่างเช่นกฎสวรรค์วอนสวรรค์เช่นนี้ได้!
ขณะที่ครุ่นคิด ซูอี้ก็กวัดแกว่งดาบเข้าประจัญบาน
เมื่อปล่อยพลังดาบออกไป ทหารฟ้าพินาศ มังกรสายฟ้าย่อยยับ!
ไร้อุปสรรคขัดขวาง
พังทลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า!
ถ้าเช่นนั้นกลิ่นอายของดาบเก้าคุมขังก็สามารถควบคุมและบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามได้!
แม้ว่าเคล็ดพลังมหาวิถีที่ผู้หญิงในชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนควบคุมจะมีความแข็งแกร่งอย่างที่สุด ทว่าก็ยังยากนักจะต้านทานการควบคุมของดาบเก้าคุมขังได้!
แน่นอน ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งด้วย
จุดที่หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนคนนั้นยืนอยู่ ห่างไกลมาก ถูกคั่นด้วยโลกภูมิ ทำให้พลังที่แสดงออกมาแต่ละครั้งของนางลดกำลังลงไปมาก
“เป็นไปได้อย่างไร…”
ในขณะเดียวกันนี้เอง ในเงาจันทราโลหิต หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
ทว่านางไม่มีเวลาครุ่นคิดอีกแล้ว เงาจันทราโลหิตได้รับความเสียหาย จนไม่อาจยืนหยัดต่อได้อีก
“ไป!”
หญิงสาวชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนพลิกมือซ้ายขึ้น ป้ายอาญาสิทธิ์ปรากฏบนฝ่ามือ จากนั้นก็โยนออกไปกลางอากาศ
วิ้ว!
คนผู้นั้นมีความสูงถึงสามจั้ง มีเกราะเหล็กคลุมรอบตัว มือถือง้าวรบสีเงินสว่างแวววาว องอาจและกล้าหาญ
เมื่อเขาปรากฏตัว…
ครืน!
กฎสวรรค์ปกคลุมฟ้าของมหาทวีปคังชิงถูกแรงกดดันทาบทับจนพังพินาศ
เพลิงเทวะอันเฉิดฉายเจิดจรัสผุดออกจากร่างอันสูงใหญ่ คล้ายกับเทพสวรรค์เสด็จลงสู่โลกมนุษย์ ลำพังเพียงแค่กลิ่นอายพลังก็กดดันจนผืนแผ่นดินยุบตัว ภูเขาแม่น้ำรอบด้านพังทลาย
น่ากลัวมาก!
หนิงซือฮวากับคนอื่น ๆ ตื่นตะลึง ภายใต้การนำทางของอาคัง พวกเขาจึงหลบเข้าไปในเหวอุกกาบาตอย่างรวดเร็ว
“เจตจำนง?”
แววตาของซูอี้ผุดประกายแห่งความสงสัย
กลิ่นอายพลังของร่างสูงใหญ่นี้แข็งแกร่งเกินกว่าจะคาดคิด เปรียบกับร่างจำแลงมหาวิถีของชาวประมงเฒ่าผู้เป็นประมุขของลัทธิทางช้างเผือกแล้ว ไม่ด้อยกว่าเลย!
ฟ้าดินสะท้านสะเทือนจนพังทลาย
ร่างสูงใหญ่นั้นเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าชื่อว่าจิ่วเย่า ทิศที่ปลายหอกชี้ ไม่ตายไม่เลิกรา”
เสียงพูดแต่ละคำคล้ายกับเสียงโลหะกระทบอย่างรุนแรงและน่ากลัว
เสียงยังคงดังกึกก้อง ร่างสูงใหญ่พลันกวัดแกว่งง้าวรบสีเงินในมือ พุ่งเข้าหา
ครืน!
คล้ายกับเพลิงสีเงินฉีกทึ้งสรรพสิ่งรอบด้าน ทุกแห่งง้าวรบกวาดผ่าน ล้วนถูกแผดเผาจนไม่เหลือแม้แต่เถ้าธุลี
การโจมตีเช่นนี้ไม่ต่างไปจากเทพสวรรค์ที่ล่ำลือ
ในแววตาของซูอี้ผุดประกายเย็นยะเยือก
ชิ้ง!
ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ส่งเสียงดังกังวาน บนปลายดาบปกคลุมด้วยคลื่นมหาวิถีอันน่าสะพรึงกลัว
ชั่วขณะนี้ ซูอี้ไม่อาจสะกดขอบเขตของตัวเองต่อไปอีก การฝึกตนในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำบรรลุสู่ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นสมบูรณ์ในทันใด
ร่างสูงใหญ่ที่ชื่อว่าจิ่วเย่ามีพลังที่แข็งแกร่งมาก เหนือกว่าตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิในโลกหล้า ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เจตจำนงเท่านั้น แต่ก็ยังทำให้ซูอี้รู้สึกได้ถึงแรงกดดัน
ในสถานการณ์เช่นนี้ ซูอี้ไม่สู้เต็มแรงได้เช่นใดกัน?
“ประหาร!”
ซูอี้พุ่งตัวขึ้น กวัดแกว่งดาบฟันออกไป
พลังดาบที่มีความยาวร้อยจั้งพุ่งขึ้นฟ้า ส่องสว่างทั่วปฐพี อานุภาพดาบไร้ขอบเขตแผ่กระจาย ท้องนภาที่มืดมิดราวกับถูกฟันจนขาด!
พลังดาบเช่นนั้นแทบจะพลิกผันฟ้าดิน
เวลาราวกับหยุดชะงัก มิติราวกับล่มสลาย ราวกับโดนพลังมหาวิถีในดาบเล่มนี้ควบคุม
“นี่คือ…”
ชั่วขณะนี้ ร่างสูงใหญ่ที่พิฆาตลงมาจากฟากฟ้าอันห่างไกลถึงกับเบิกตากว้าง ทำท่าราวกับเห็นผี
“ข้า! วอนสวรรค์น้อย เจ้าโกหกข้า…!”
เขาหมุนตัวเพื่อหนี
อีกทั้งออกแรงสุดกำลังเพื่อหนีไปโดยเร็ว
ก่อนหน้านี้ เขายังทำท่าใหญ่โตคับฟ้า อานุภาพน่าครั่นคร้าม ทั้งยังกล่าวว่า ทิศที่ปลายหอกชี้ ไม่ตายไม่เลิกรา
เพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น ก็ตกใจจนปอดแทบแหก ยกเท้าได้ก็เผ่นแนบ วิ่งไปหาเงาจันทราโลหิต สุดท้ายยังด่าว่าไม่หยุด
เปลี่ยนเร็วถึงเพียงนี้เลยเชียว
“ท่านอาจิ่วเย่า เขา…”
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนไม่ทันตั้งตัวเช่นกัน ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
แต่เสียดาย อย่างไรเสียร่างสูงใหญ่นั้นก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง
เมื่อซูอี้ซัดดาบเล่มนี้ออกไป
ครืน!!
พลังดาบนับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปข้างหน้า ทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า บดขยี้ม่านราตรี ร่างสูงใหญ่นั้นเพิ่งหนีไปถึงขอบของเงาจันทราโลหิต ร่างก็ดับสลายกลายเป็นผงธุลีดิน
ก่อนจะตาย ร่างสูงใหญ่นั้นแผดเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บใจ
“วอนสวรรค์น้อย โกหกเช่นนี้ไม่ได้!!”
ครืน!!
เสียงยังคงดังกึกก้อง เงาจันทราโลหิตก็ระเบิดตามไปด้วย พลังดาบไร้เทียมทานบดขยี้อย่างแรง ราตรีมืดแถบนั้นเกิดเป็นรอยแตกร้าวแนวยาว
ร้าวไปจนถึงท้องฟ้าที่ห่างไกลออกไป!
นานมาก หมอกควันเบาบาง ฟ้าดินกลับสู่ความสงบ ความโกลาหลทั้งหมดสูญสิ้นไป
เงาจันทราโลหิตแตกสลายไปแล้ว
แต่ซูอี้รู้ดีว่านั่นเป็นเพียงแค่พลังแห่งผลที่ข้ามผ่านห้วงกาลเวลาอันไร้ขอบเขต ซึ่งคล้ายคลึงกับอุโมงค์ทะลุมิติเท่านั้น
และเป็นไปไม่ได้ที่หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียวอ่อน ผู้มีหน้าตาเหมือนกับชิงหว่านทุกประการคนนั้นจะถูกฆ่าตาย
“เจตจำจงที่ชื่อว่าจิ่วเย่าคนนั้นคงจะจำกลิ่นอายของดาบเก้าคุมขังได้ ไม่เช่นนั้น ไม่มีทางตื่นตระหนกและหวาดกลัวถึงเพียงนั้น…”
สายตาของซูอี้เป็นประกาย
เขาตกใจมาก แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ยังคาดไม่ถึงว่าหลังจากที่จิ่วเย่าผู้เป็นเจตจำนงอันแข็งแกร่งเทียบเท่ากับอวตารชาวประมงเฒ่า จะจำกลิ่นอายพลังของดาบเก้าคุมขังได้แล้วจะตกใจกลัวจนถึงเพียงนี้…
“หรือว่า แต่ก่อนนี้ทัศนาจารย์เคยใช้ดาบเก้าคุมขังจัดการกับคนผู้นี้มาก่อน?”
ซูอี้ไม่มั่นใจ
เพราะว่าอดีตชาติของเขา ไม่ได้มีเพียงแค่ทัศนาจารย์เท่านั้น จนกระทั่งถึงตอนนี้บนดาบเก้าคุมขังยังมีโซ่อีกแปดเส้นปิดผนึกอยู่ ซึ่งแต่ละเส้นหมายถึงแต่ละชาติของเขา
ทัศนาจารย์เป็นเพียงหนึ่งในอดีตชาติเท่านั้น
ทันใด ซูอี้ก็นึกถึงอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
คนที่ชื่อจิ่วเย่าคนนั้น เรียกหญิงสาวชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนว่า ‘วอนสวรรค์น้อย’!
ซูอี้เข้าใจได้ในทันใด
แม้กระทั่งคนของหอเก้าสวรรค์ก็ยังไม่มีใครรู้ภูมิหลังของเด็กหญิงคนนั้น แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเด็กหญิงคนนั้นจะต้องมีอนาคตกว้างไกลอย่างแน่นอน!
ต่อมา ทุกคนในหอเก้าสวรรค์จึงรู้ว่าประมุขสูงสุดของพวกเขามอบสมญาเต๋าอันแปลกประหลาดให้แก่ ‘เด็กหญิง’ คนนั้นว่า
เทียนฉี (วอนสวรรค์)!
ตอนนั้น ซูอี้ยังรู้สึกตกใจมาก
เพราะโลกภูมิที่หอเก้าสวรรค์อยู่ ถูกเรียกว่าภูมิดาราวอนสวรรค์
กฎสวรรค์สูงสุดของภูมิดาราแห่งนี้ ถูกเรียกว่ากฎสวรรค์วอนสวรรค์!
ทว่าเจ้าหอเก้าสวรรค์กลับใช้คำว่าวอนสวรรค์เป็นสมญาเต๋ามอบให้เด็กหญิงคนนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะกระทำไปโดยไม่เจตนา
ต้องมีเจตนาแฝงอย่างอื่นเป็นแน่!
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้อาวุโสของหอเก้าสวรรค์เหล่านั้นพากันเรียกเด็กหญิงน้อยคนนี้ว่าวอนสวรรค์น้อย!
เพียงแต่ ซูอี้ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ศิษย์สายตรงของประมุขสูงสุดแห่งหอเก้าสวรรค์คนนี้อาจจะเป็นคนเดียวกับชิงหว่าน!
ความจริงเช่นนี้ ทำให้ซูอี้หนาววาบไปถึงสันหลัง คิดไปมากมาย
หลายปีมานี้ เขาฟื้นความทรงจำเมื่ออดีตชาติที่บ้านตระกูลเหวินแห่งเมืองกว่างหลิง ณ อาณาจักรต้าโจว ต่อมาไม่นานที่ข้างหลังสวนของสำนักแพทย์ซิ่งหวง เขาแย่งน้ำเต้าปลุกวิญญาณจากมือผู้ฝึกตนวิถีชั่วมาได้ นับแต่นั้นจึงได้รู้จักกับชิงหว่านที่ซ่อนตัวอยู่ในน้ำเต้าปลุกวิญญาณ!
กล่าวได้เต็มปากว่าชิงหว่านเป็นหญิงสาวคนแรกสุดที่เขารู้จักหลังจากที่ฟื้นความทรงจำเมื่ออดีตชาติ
ตอนนั้น เขาก็มองออกแล้วว่าชิงหว่านมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหยกวิญญาณบนตัวชิงหว่านชิ้นนั้น มีความลึกลับเกินจะคาดคิด
และตอนนี้ ซูอี้พอจะเข้าใจได้บ้างแล้ว การปรากฏตัวของชิงหว่านไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เป็นไปได้มากว่าอาจจะเป็นแผนที่เจ้าหอเก้าสวรรค์วางไว้!
เมื่อเข้าใจในจุดนี้แล้ว จะไม่ให้ซูอี้ตื่นตระหนกได้เช่นใดกัน?
ดังที่รู้กันว่า แผ่นดินอาณาจักรต้าโจวในตอนนั้น ไม่มีใครรู้ฐานะที่แท้จริงของเขา ทว่าชิงหว่านก็ปรากฏตัวขึ้นแล้ว!
อีกทั้ง ยมบาลเคยบอกว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เจ้าหอเก้าสวรรค์ตามหาคนผู้หนึ่งมาโดยตลอด คนที่สามารถควบคุมกฎสวรรค์วอนสวรรค์!
ตอนนั้นซูอี้เคยคาดเดาว่าคนที่เจ้าหอเก้าสวรรค์ต้องการตามหาอาจจะเป็นตัวเอง
และตอนนี้ เมื่อผ่านพ้นเรื่องราวในคืนนี้ ซูอี้ก็เข้าใจแล้วว่า คนที่ประมุขแห่งหอเก้าสวรรค์ต้องการตามหาคนนั้นก็คือตัวเองจริง ๆ!
การปรากฏตัวของชิงหว่าน เพียงพอที่จะเป็นข้อพิสูจน์ในจุดนี้ได้!
นอกจากนี้ ในตอนนั้นชิงหว่านใช้เคล็ดวิชาใดในการตามหาตัวเองจนพบ?
หากว่านางถูกเจ้าหอเก้าสวรรค์ควบคุมจริง เหตุใดตอนนั้นหลังจากที่พบกับตัวเองแล้ว จึงไม่ลงมือฆ่าตัวเอง?
ยังมีอีก เหตุใดหญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนคนนั้นต้องพาชิงหว่านกลับไปในเวลานี้?
ข้อสงสัยแต่ละข้อผุดขึ้นมาในความคิดของซูอี้
“วอนสวรรค์น้อย… ชิงหว่าน… หอเก้าสวรรค์… ข้าไม่คิดเลยว่า เจ้าหอเก้าสวรรค์จะมีความสามารถมากถึงเพียงนี้…”
ซูอี้รำพึงเบา ๆ ด้วยสีหน้าอ่านความคิดได้ยาก
“แต่เมื่อผ่านพ้นเรื่องนี้ไป บางทีอาจสามารถหาความจริงจากชิงหว่านได้!”
ซูอี้จำได้แม่นว่า ครั้งแรกที่ชิงหว่านพบกับตนเอง นางก็จำเรื่องราวเมื่อในอดีตไม่ได้อีก ราวกับถูกใครลบความทรงจำทิ้ง
แต่ตอนนี้ ซูอี้เข้าใจแล้ว ความทรงจำที่สูญหายไปของชิงหว่าน หากไม่เกี่ยวข้องกับหญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียวอ่อน ก็ต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าหอเก้าสวรรค์!
“นายท่าน!”
ทันใด เสียงตื่นเต้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
ทางเข้าเหวลึกอุกกาบาต หยวนเหิง หนิงซือฮวา กับคนอื่น ๆ โผล่ออกไปต้อนรับพร้อมกัน
แต่ละคนมีสีหน้าตื่นเต้นยินดี
ซูอี้หมุนตัว มองดูใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านั้นทีละคน จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา ความอบอุ่นที่รอมานานพลุ่งพล่านขึ้นในใจ
ท้องฟ้ากว้าง แสงจันทร์นวลผ่อง สรรพสิ่งเงียบสงัด
แสงจันทร์ในครั้งนั้นยังเหมือนเดิม ส่องประกายผุดผ่องสวยงาม