บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1152: คารวะใต้เท้าซู!
ตอนที่ 1152: คารวะใต้เท้าซู!
“ฝีมือเจ้าหรือ?”
น้ำเสียงของลิ่นคงเยือกเย็น ทว่าทั่วร่างกลับเต็มไปด้วยอำนาจกดดัน
ทว่าเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อชายหนุ่มชุดเขียวตรงหน้าดูไม่สะท้านสะเทือนต่ออำนาจของเขาเลย
สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจ
“ท่านบรรพชนอย่าโกรธเลย คนผู้นี้คือซูอี้ สหายเต๋าซู เขา…”
ผูซู่หรงไกล่เกลี่ย เพราะไม่อยากให้เกิดสัมพันธ์เชิงลบต่อกัน หาไม่ บุตรสาวของนางเซี่ยชิงหยวนคงได้เกลียดนางไปชั่วชีวิตเป็นแน่
ทว่าไม่รอให้นางพูดจบ ลิ่นคงก็แค่นเสียงโพล่งขึ้น “ที่แท้เจ้าก็คือท่านเทพเซียนซูนั่น!”
ในวาจาเน้นน้ำเสียงประชดประชัน
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยอดกล่าวขึ้นเสียงเย็นไม่ได้ “ผูซู่หรง เจ้าควรเกลี้ยกล่อมบรรพชนผู้นี้ของเจ้านะ หาไม่ เจ้าคงได้ชักหายนะสู่เผ่าจิ้งจอกบุหลันม่วงแล้ว!”
นางไม่รู้เรื่องที่จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยเคยถูกคนจากตระกูลเยี่ยจับตัวไป และยังมิเคยได้เห็นตระกูลใหญ่โตเช่นตระกูลเยี่ยถูกซูอี้ล้มล้างฆ่าฟัน
“ชักหายนะสู่เผ่าจิ้งจอกบุหลันม่วงของข้า?”
ลิ่นคงกล่าวกับตนเอง ดวงตาวาวโรจน์ เห็นได้ชัดว่าโกรธเคือง
ทว่าซูอี้หาได้สนใจเขาไม่ เขามองเซี่ยชิงหยวนนิ่งงัน มือไพล่หลังกล่าว “ว่ากระไร ตัดสินใจแน่วแน่ได้หรือยัง?”
“ข้า…”
เซี่ยชิงหยวนพลันลังเล
“ช่างเถอะ เจ้าใจเย็นลงก่อน ไม่สายไปหากจะบอกคำตอบข้าทีหลัง”
ซูอี้กล่าวอย่างอบอุ่น
เขาเห็นได้ว่าเซี่ยชิงหยวนกำลังสับสนมาก
ทันใดนั้น ลิ่นคงผู้ถูกเมินโดยสิ้นเชิงก็เดือดดาล กล่าวเสียงเย็นเฉียบ “ก่อนหน้านี้ ข้าลั่นวาจาไว้ว่าหากเจ้ากล้าประมือกับข้า ข้าจะให้เจ้ารับสามดาบและปล่อยเจ้าไป ต่อให้ข้าคิดว่าเจ้าสมควรตาย ลั่นวาจาแล้วก็จะไม่ผิดคำพูด ว่ากระไร? กล้าสู้กับข้าหรือไม่?”
วาจานั้นคมกริบกังวานดุจดาบ จิตสังหารดุดันน่าหวาดหวั่น
สีหน้าของผูซู่หรงแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นางกำลังจะเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง
ลิ่นคงเหลือบมองนางอย่างเย็นชา “อย่าห่วงไป ข้าไม่ก่อเรื่องหรอก แค่ให้บทเรียนชั่วชีวิตแก่เขาเท่านั้น”
ในที่สุดซูอี้ก็หันมองลิ่นคง และกล่าวว่า “ให้ข้ารับสามดาบ? น่าเสียดายที่เจ้าไร้คุณสมบัติแม้แต่จะชักดาบต่อหน้าข้าด้วยซ้ำ”
ลิ่นคงหัวเราะด้วยความเดือดดาล
ทว่ายามนี้เอง ซูอี้ก็ยกมือขวาขึ้นกดลงบนอากาศ
ไร้วาจาใด ๆ
คลื่นอำนาจกระเพื่อมหรือแรงกดดันใด ๆ ก็ไม่ปรากฏ
ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าลิ่นคงกลับแข็งค้าง ไม่ลังเลที่จะชักดาบโบราณที่หลังของเขา ทว่ายามยกมือขวาขึ้นนั้นเอง
เปรี้ยง!!!
ร่างของเขาก็ทรุดลงคุกเข่า
กระดูกเข่าทั้งสองของลิ่นคงระเบิดเละ โลหิตทะลักไหล กระดูกสันหลังส่วนบั้นเอวทั้งหมดป่นแหลก ศีรษะของเขาเชิดหงาย ร่างกระตุกสั่น
จนเขาต้องโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด
ผู้ชมทั้งหลายต่างเงียบสนิท
ผูซู่หรงตกใจตะลึงค้าง
นี่มันเกิดอันใดขึ้น?
เพียงหนึ่งขยับมือ ทำให้บรรพชน… คุกเข่าลง!?
ริมฝีปากสีกุหลาบของเซี่ยชิงหยวนเผยอเป็นรูป ‘O’ ดวงตาเป็นประกายเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงไม่ต่างกัน
เทียบกันแล้ว จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยดูเยือกเย็นที่สุด
เขาคาดเดาเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ว่าแม้ก่อนหน้านี้ลิ่นคงจะเย่อหยิ่งอวดดีเพียงไร ทว่าต่อหน้าซูอี้ เขาก็ทำได้เพียงคุกเข่า!
นอกโถงหลัก ชายในชุดขุนนางซึ่งบาดเจ็บจนเป็นอัมพาตถึงกับตกตะลึงดุจเดียวกัน
ลิ่นคงหอบหายใจหนักหน่วง กัดฟันเอ่ยถาม
ตัวเขา… พ่ายแพ้โดยไม่อาจจะชักดาบออกมาจริง ๆ หรือ!?
ลิ่นคงมิอาจยอมรับเรื่องนี้ได้
“เกิดอันใดขึ้น? ไฉนจึงเป็นเช่นนี้? มีผู้ใดกล้าเป็นศัตรูกับเรา เผ่าจิ้งจอกบุหลันม่วงหรือ?”
ทันใดนั้น เสียงชราวัยเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นนอกโถง
ชายชราชุดจีนผู้หนึ่งรุดเข้ามาในโถงอย่างเดือดดาล ร่างแผ่อำนาจทรงพลังน่าสะพรึงกลัว
ทว่าเมื่อเขาเห็นลิ่นคงคุกเข่ากับที่ ชายชราชุดจีนก็ตะลึงไป และตระหนักว่ามีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล
และเมื่อเขาเบนสายตามาเห็นซูอี้ซึ่งยืนนิ่งอยู่ ร่างของเขาก็ดูราวถูกสายฟ้าฟาด ใบหน้าถมึงทึงเลือนหาย และแทนที่ด้วยความตกใจอันมิอาจบรรยาย ต่อด้วยร่างที่สั่นสะท้านเกินควบคุม
จากนั้น ภายใต้สายตาไม่อยากเชื่อของคนทุกผู้ ชายชราชุดจีนก็ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็วราวหนีไฟไหม้ และก้มหัวลงต่ำละล่ำละลัก “ตาเฒ่าผู้น้อยผูซ่างอวิ๋นคารวะใต้เท้าซู!”
หัวของเขาก้มต่ำ ราวกับอยากฝังมันลงดิน
ผูซู่หรงกล่าวอย่างลังเล “ท่านบรรพชน ท่าน…”
ผูซ่างอวิ๋นผู้นี้คือตัวตนบรรพกาลในเผ่าจิ้งจอกบุหลันม่วง และตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ!
เขาแข็งแกร่งอาวุโสยิ่งกว่าลิ่นคงเสียอีก!
ทว่ายามนี้ แม้เขาจะกรุ่นโกรธ แต่เขากลับคำนับชายหนุ่มผู้หนึ่งอย่างกลัวเกรงจากใจ!
ลิ่นคงผู้คุกเข่ากับพื้นเองก็ตะลึงอึ้ง ดวงตาเบิกกว้าง
กระทั่งจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยผู้เยือกเย็นกว่าใครยังอดตกใจมิได้ หัวใจของเขากระเพื่อมอย่างรุนแรง เขาต้องมีอำนาจร้ายกาจเพียงใด บรรพชนแห่งเผ่าจิ้งจอกบุหลันม่วงจึงได้เกรงกลัวถึงเพียงนี้?
“เจ้ารู้จักข้าหรือ?”
ซูอี้อดประหลาดใจเล็กน้อยไม่ได้
ผูซ่างอวิ๋นกล่าวอย่างนอบน้อม โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้น “เรียนใต้เท้าซูตามตรง ตาเฒ่าผู้น้อยได้อยู่นอกภูเขาศักดิ์สิทธิ์เทวยุทธ์เมื่อไม่นานนี้ และได้ประจักษ์การศึกอหังการของใต้เท้าซู ชื่นชมเนิ่นนาน ทว่ามิคิดเลยว่าจะได้มาพานพบกับใต้เท้าซูโดยบังเอิญในวันนี้ ตาเฒ่าผู้น้อยประหลาดใจจริงแท้”
“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เทวยุทธ์? ใต้เท้าซู? หรือว่า…”
ลิ่นคงซึ่งคุกเข่ากับพื้นดูจะจำบางอย่างขึ้นได้และตะลึงงัน “ท่าน… ท่านคือปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินหรือ!? ”
เพียะ!
ทันทีที่วาจานี้ถูกกล่าว ลิ่นคงก็ถูกตบหน้าจนโลหิตกระเด็นออกจมูกปาก ร่างที่คุกเข่าอยู่ของเขาร่วงลงกองกับพื้น
ทว่าผู้ลงมือคือผูซ่างอวิ๋น ใบหน้าของเขาโกรธจนคล้ำเขียว ตำหนิอย่างโกรธเคือง “นามของใต้เท้าซู เจ้าหรือจะกล่าวตรง ๆ ได้? เหลวไหลสิ้นดี! ยังไม่รีบขอขมาใต้เท้าซูอีก?”
กล่าวเช่นนั้น แล้วเขาก็เตะลิ่นคงซ้ำ
ทว่าลิ่นคงไม่ได้ติดใจ เขารีบคืบคลานอย่างลนลานบนพื้น “ผู้น้อยมีตาไร้แวว หยามเกียรติใต้เท้าซู ขอใต้เท้าซูอภัยให้ด้วย!”
เขาลนลานโดยสิ้นเชิง!
ในฐานะตัวตนขอบเขตจักรพรรดิแห่งเผ่าจิ้งจอกบุหลันม่วง เขาหรือจะไม่รู้ถึงตัวตนเช่น ‘ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน’?
อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เป็นตัวตนบรรพกาลสูงสุดในเผ่าจิ้งจอกบุหลันม่วง ยามได้พบปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินยังต้องเคารพนอบน้อม ไม่กล้าดูหมิ่นลบหลู่แม้เพียงน้อย!
กระทั่งตัวตนสูงสุดทั้งหลายในมหาแดนดินยังไร้คุณสมบัติเป็นแขกของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน!
ภาพนี้ทำให้จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยและเซี่ยชิงหยวนตะลึงสมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ ความแตกต่างนี้… ใหญ่หลวงนัก!
ผูซู่หรงตะลึงค้างคาที่ ใบหน้างดงามซีดขาว นางถูกทำให้ตกใจกลัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนสมองยุ่งเหยิง สภาพร่างกายราวไร้วิญญาณ
ซูอี้หันไปกล่าวกับผูซ่างอวิ๋นยิ้ม ๆ “ระหว่างข้ากับเผ่าจิ้งจอกบุหลันม่วงของเจ้าหามีความแค้นลึกล้ำต่อกันไม่ ทว่าแม้โทษตายเว้นได้ โทษเป็นไม่อาจเลี่ยง เจ้าคิดว่าข้าควรจัดการคนผู้นี้เช่นไร?”
ร่างของผูซ่างอวิ๋นชะงักค้าง กล่าวโดยไม่ต้องคิด “ขึ้นกับใต้เท้าซูตัดสิน! ต่อให้ท่านสังหารลิ่นคง เผ่าของข้าก็มิกล้าอุทธรณ์หรอกขอรับ!”
ซูอี้หันไปกล่าวกับลิ่นคง “งั้นให้เจ้าไปนั่งคุกเข่าต่อหน้ารูปสลักศิลาในเมืองของข้าสามวัน ห้ามลุกไปไหนก่อนหน้านั้น”
ได้ยินเช่นนี้ ลิ่นคงก็ตัวสั่นหน้าซีดขาว กล่าวเสียงแหบ “ใต้เท้าซู ผู้น้อยวอนขอ… ตายอย่างหมดจด!”
เปรี้ยง!
ผูซ่างอวิ๋นเตะลิ่นคงอย่างดุดัน ตำหนิอย่างโกรธเคือง “ใต้เท้าซูเมตตาไว้ชีวิตเจ้าแล้ว ยังกล้าไม่ยอมเชื่อฟัง ไม่รู้ชั่วดีจริงแท้!”
ลิ่นคงกล่าวอย่างขมขื่น “หากข้าคุกเข่า ก็คือใช้ชีวิตแย่ยิ่งกว่าตาย ยากจะทำสิ่งใดในวิถีดาบได้ในชีวิตนี้ หากเป็นเช่นนั้น ตายอย่างหมดจดเสียไม่ดีกว่าหรือ…”
จากนั้นซูอี้ก็หันไปกล่าวกับลิ่นคงอีกครั้ง “เจ้าเกลียดข้าหรือ?”
ลิ่นคงก้มหัวลงกล่าว “ฝีมือไม่ถึงขั้น ข้าไม่กล้ากล่าวว่าเกลียด ข้าน้อยพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือใต้เท้าซู มิกล้าเก็บงำแค้นเคือง แต่ขอใต้เท้าซูใจกว้าง อย่าได้ถือสาการกระทำล่วงเกินของข้า ข้าเต็มใจรับทุกทัณฑ์นับจากนี้!”
ยามวาจานี้ถูกกล่าว สีหน้าของผูซ่างอวิ๋นก็ดูถอนใจ
ซูอี้เมินเขา หันไปมองเซี่ยชิงหยวนและกล่าวเบา ๆ “แม่นางชิงหยวน เจ้าก็เห็นแล้วว่าไม่ว่าจะตัดสินใจเช่นไร เจ้าก็มิต้องกังวล”
ผูซู่หรงซึ่งอยู่ด้านข้างดูซีดเซียวไร้วิญญาณ
นางหรือจะไม่เข้าใจความหมายวาจาของซูอี้?
ทว่านางไม่กล้าเอ่ยวาจาใด ต่อให้ขนอำนาจเผ่าจิ้งจอกบุหลันม่วงมากันหมด ก็ไม่ควรค่าอยู่ในสายตาตัวตนในตำนานผู้นี้เลย!
เซี่ยชิงหยวนลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวเสียงเบา “ข้า… ข้าอยากอยู่กับพ่อข้า”
ได้ยินเช่นนั้น หัวใจของจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยก็สั่นสะท้าน ดวงตาชื้นน้ำกะทันหัน
เซี่ยชิงหยวนสูดหายใจลึก ๆ และกล่าวว่า “ต่อให้ระหว่างราชวงศ์เซี่ยกับเผ่าจิ้งจอกบุหลันม่วงจะห่างชั้นกันมาก แต่นี่คือบ้านของข้า ข้าจะไม่มีวันทิ้งบิดาเพียงเพื่ออนาคตสดใสที่ว่านั่น หากเป็นไปได้”
ซูอี้พยักหน้า “งั้นทุกอย่างก็ถูกตัดสินแล้ว”
นั่นคือคำพิพากษาสุดท้าย
ผูซ่างอวิ๋น ลิ่นคง ผูซู่หรงและคนอื่น ๆ มิกล้าบิดพลิ้ว
ผูซ่างอวิ๋นทอดถอนใจ “แม่หนู ความกตัญญูของเจ้าทำให้ข้าละอายจริงแท้ ไม่ว่าภายหน้าเจ้าจะประสบปัญหาใด เผ่าจิ้งจอกบุหลันม่วงของข้าจะช่วยเจ้าแก้มันอย่างเต็มที่!”
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยแค่นหัวเราะในใจ ไอ้แก่นี่ เห็นกันชัด ๆ ว่าอยากตีหน้าเศร้า ฉวยโอกาสประจบซูอี้!
ทว่าเขาก็ไม่ได้พูดสิ่งใดอย่างชาญฉลาด
นี่คือสัจธรรม
หากวันนี้ซูอี้ไม่ได้ปรากฏกาย มีหรือทัศนคติของเผ่าจิ้งจอกบุหลันม่วงจะกลับตาลปัตรเช่นนี้?
สำหรับซูอี้ เรื่องวันนี้ไม่ควรค่าพูดถึงแม้แต่น้อย
ต่อมา เขาก็อยู่ร่วมโต๊ะอาหารกับจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยและเซี่ยชิงหยวน ทิ้งสมบัติและคัมภีร์จำเป็นสำหรับฝึกฝนไว้บางส่วน ก่อนจะจากไป
“เจ้าก็รู้ว่าเกียรติภูมิของใต้เท้าซูในมหาแดนดินสูงส่งเพียงใด ข้ามิกล้าวาดฝันว่าเราจะสามารถสร้างความโปรดปรานจากใต้เท้าซูได้เพียงไร แต่หากเรารักษาสัมพันธ์อันดีกับชิงหยวนและบิดานางได้ มันจะเป็นประโยชน์กับเผ่าจิ้งจอกบุหลันม่วงของเราแน่แท้!”
“เจ้ารู้ว่าต้องทำเช่นไรใช่หรือไม่?”
ในวันเดียวกัน ผูซ่างอวิ๋นกล่าวกับผูซู่หรงเช่นนี้
ผูซู่หรงทั้งตะลึงและขมขื่น
กาลก่อน นางเย่อหยิ่งถือตัวยิ่ง และแม้จะแต่งงานกับจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย นางก็ไม่ได้ใส่ใจเขาจริงจัง ความทะนงตัวฝังลึกในกระดูก
ทว่ายามนี้…
ในที่สุดนางก็ตระหนัก ว่าจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยได้กลายเป็นตัวตนที่เผ่าจิ้งจอกบุหลันม่วงต้องพยายามประจบประแจงอย่างเต็มที่!
………………..