บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1153: ดุจจุติสู่สวรรค์ชั่วข้ามคืน
ตอนที่ 1153: ดุจจุติสู่สวรรค์ชั่วข้ามคืน
เจ็ดวันต่อมา
ซูอี้กลับสู่ถ้ำเสวียนจวิน
สิ่งที่ทำให้เขาโล่งใจคือ ระหว่างที่เขาจากไป จิ่งหังและหวังเชวี่ยคอยดูแลถ้ำเสวียนจวินอยู่ โดยไม่เกิดความวุ่นวายอันใด
วันเดียวกันนั้น ซูอี้ก็ปลดปล่อยฉาจิ่น เหวินหลิงเสวี่ยและคนอื่น ๆ จากเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิง และให้พวกเขาอยู่ในถ้ำเสวียนจวิน
“ที่นี่… ราวกับแดนเซียนเลย!”
เหวินหลิงเสวี่ยพึมพำด้วยความตะลึงอึ้ง
ผู้อื่นก็หาต่างไม่
พวกเขาฝึกฝนอยู่ในมหาทวีปคังชิงก่อนหน้านี้ หากกล่าวอย่างโหดร้ายก็เหมือนอยู่ในโลกปุถุชนอันแสนแร้นแค้นเนิ่นนาน
แต่ยามนี้ พวกเขาอยู่ในมหาแดนดิน!
ที่แห่งนี้มีตระกูลใหญ่นับพัน จักรพรรดิเกลื่อนดุจมวลเมฆ ยักษ์ใหญ่เหลือเชื่อนับไม่ถ้วนก่อกำเนิด เป็นที่มาแห่งเรื่องเล่าตำนานมากมาย
และถ้ำเสวียนจวินก็คือแดนศักดิ์สิทธิ์หุบเขาลือนามชั้นหนึ่งในมหาแดนดิน เป็นแดนสุขาวดีสำหรับผู้ฝึกตน เป็นที่ชื่นชมของสรรพชีวิตนับร้อยล้านในโลกหล้า!
เมื่อเหวินหลิงเสวี่ยและฉาจิ่นได้เหยียบย่างสู่ที่แห่งนี้ ก็คาดเดาได้ว่าตะลึงเพียงใด
สำหรับพวกเขา มันไม่ต่างจากการจุติสู่สวรรค์แดนเซียนในชั่วข้ามคืนจริงแท้!
ถึงขนาดที่ในชั่วขณะหนึ่ง ยังยากที่คนทุกผู้จะสงบใจลงได้โดยแท้จริง และทั่งมีความรู้สึกเกินจริงเยี่ยงฝันไป
“สวรรค์ ธารนี้เต็มไปด้วยหยาดจิตวิญญาณอันเลิศเลอที่สุด และยังมีโอสถทิพย์มากมาย กระทั่งปลาหลี่มังกรทองว่ายวนด้วย!”
หยวนเหิงจิ๊ปาก
“เจ้าดูสิ หุบเขาเปี่ยมแสงสว่างไสว แทบมิต่างจากถ้ำเซียนในตำราโบราณเลย”
หนิงซือฮวาพึมพำ
คณะของนางมองตาม และรู้สึกเพียงว่าทุกสิ่งสุดหูตาล้วนแปลกประหลาด เต็มเปี่ยมด้วยปราณวิญญาณ ราวสถานที่พำนักแห่งเทพเซียน สมบัติทั้งหลายนี้ยากจะได้ประจักษ์สู่สายตาปุถุชน
“นี่… หรือจะเป็นหญ้าปลิงมังกร?!”
ดวงตาของอิงเชวียเบิกกว้าง
ในซอกหินซอกหนึ่งบังเกิดโอสถทิพย์สีแดงเพลิง เกสรตัวผู้โชติช่วงด้วยอัคคี แผ่กลิ่นหอมสดชื่น
“ใช่แล้ว นั่นคือหญ้าปลิงมังกรจริง ๆ”
จิ่งหังอธิบายอยู่ข้าง ๆ “ทว่า ต่างจากหญ้าปลิงมังกรทั่วไป นี่คือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ปฐมสวรรค์ที่ท่านอาจารย์เก็บมาจากโลกเร้นลับโกลาหลแห่งหนึ่ง และเติบโตที่นี่ตลอดมา”
เขาพล่าวพลางเด็ดหญ้าปลิงมังกรต้นหนึ่งออกมาอย่างเรียบง่ายและส่งให้อิงเชวีย “สหายเต๋าลองชิมได้ โอสถเช่นนี้น่าจะช่วยการฝึกฝนของเจ้าได้ดีนัก”
ก่อนหน้านี้ ซูอี้ได้เล่าให้จิ่งหังทราบถึงที่มาของพวกเหวินหลิงเสวี่ยและฉาจิ่น และยังบอกให้จิ่งหังดูแลพวกเขาให้ดี พาพวกเขาไปทำความคุ้นเคยกับถ้ำเสวียนจวินก่อน ดังนั้นจิ่งหังย่อมไม่กล้าเลินเล่อ
แม้ว่าระหว่างทาง พวกเหวินหลิงเสวี่ยจะตะลึงงันไปบ่อยครั้ง ท่าทางราวไม่เคยได้เห็นโลกหล้า จิ่งหังก็ไม่กล้าดูแคลนใด ๆ
ในทางกลับกัน มันย้ำเตือนเขาถึงภาพยามที่ตนกราบอาจารย์และฝึกฝนที่นี่เป็นครั้งแรก
“นี่…”
เมื่อเผชิญกับจิ่งหังซึ่งยื่นหญ้าปลิงมังกรมาให้ อิงเชวียพลันรู้สึกกระอักกระอ่วนน้อย ๆ เกรงใจอยากปฏิเสธ
ทว่าจิ่งหังแย้มยิ้มและยัดมันใส่มือเขา “โอสถวิญญาณเช่นนี้หาได้ทั่วไปในถ้ำเสวียนจวิน หาได้มีค่าสลักสำคัญไม่ สหายเต๋าอย่าได้เกรงใจเลย”
อิงเชวียรับมันไป
เขาคิดว่าตนได้เผชิญความผันผวนมามากมาย ทว่าครานี้ เขาก็อดหวั่นไหวตะลึงอึ้งมิได้
ระหว่างสนทนาตลอดทาง เขาได้ตระหนักชัดเจนเกี่ยวกับตัวตนและการฝึกฝนของจิ่งหังแล้ว และในใจของเขาก็ยำเกรงสงวนท่าทีมาตลอด กระทั่งละอายและจนปัญญา
เพราะถึงอย่างไร เขาก็เป็นเพียงผู้ฝึกตนปีศาจผู้หนึ่ง ยังไม่ได้ก้าวสู่ขอบเขตจักรพรรดิ และเดิมยังร่อนเร่อยู่ในโลกภูมิแสนห่างไกลเยี่ยงมหาทวีปคังชิง เขาหรือจะคิดว่าในสักวันจะได้มีโอกาสเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาลือนามอันดับหนึ่งเยี่ยงถ้ำเสวียนจวิน?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าข้างกายเขามียอดฝีมือในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำติดตามด้วยตนเอง และยังพูดคุยกับเขาอย่างนุ่มนวลสุภาพอีก?
ต่อให้ฝันก็ยังมิอาจ!
ไม่ใช่เพียงอิงเชวีย แต่หยวนเหิงและพวกหนิงซือฮวาก็เช่นกัน
เพราะเรื่องเหล่านั้นหาได้อยู่ในสายตาเขาไม่!
ในที่สุดทุกคนก็ตระหนักว่าตนโชคดีเพียงใดที่ได้เป็นสหายกับซูอี้ เพราะมันไม่อาจเทียบได้กับการได้รับสมบัติใด ๆ ทั้งสิ้น!!
วาจาที่ว่าหนึ่งคนบรรลุวิถี กระทั่งไก่สุนัขในบ้านยังได้จุติสู่สวรรค์ แม้วาจาจะดูไม่ดี แต่มันก็คือความจริง!
“ศิษย์พี่รอง งานเลี้ยงจะเริ่มในไม่ช้า ท่านอาจารย์รออยู่ในหอสดับสำเนียงคลื่นแล้วขอรับ”
ไกลออกไป เสียงของหวังเชวี่ยก็ดังขึ้น
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
จิ่งหังตอบยิ้ม ๆ
จากนั้นก็กล่าวกับทุกคน “เมื่อจบงานเลี้ยง ข้าจะพาทุกท่านมาทำความคุ้นเคยกับสถานที่อื่น ๆ และจัดสรรที่ฝึกฝนให้ทุกท่านนะขอรับ”
“รบกวนผู้อาวุโสแล้ว”
หนิงซือฮวากล่าว
เหวินหลิงเสวี่ยกล่าวอย่างจนใจ “แต่เราหรือจะกล้าปฏิบัติกับท่านเยี่ยงผู้น้อย”
หนึ่งวาจาสะท้อนใจคนทุกผู้
กิริยาของจิ่งหังนุ่มนวลเรียบง่ายดุจสุภาพบุรุษ ทว่าใครเล่าจะกล้าปฏิบัติต่อจักรพรรดิในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำผู้นี้เป็นผู้น้อย?
จิ่งหังไม่ใช่คนโอหัง เขาแย้มยิ้มทันที “เช่นนั้น เราก็เป็นสหายเท่าเทียมกันดีหรือไม่ ไม่ว่าอย่างไรตลอดมาในโลกผู้ฝึกตน การจัดลำดับอาวุโสก็ยุ่งเหยิงอย่างยิ่งมาชั่วกาลแล้ว”
ผู้คนอดยิ้มมิได้
และจากการนำทางของจิ่งหัง พวกเขาก็เดินทางสู่หอสดับสำเนียงคลื่นในทันที
ตะวันอัสดงดุจทองคำหลอม ทะเลเมฆงดงามตรึงตา ฝูงกระเรียนโบยบินผ่านเวหา ส่งเสียงกู่ร้องกังวานก้อง
ข้างหอสดับสำเนียงคลื่นยังมีธารน้ำตกอีกหนึ่งแห่ง เสียงต้นสนไหวเอนผสานวจีคลื่นดุจเสียงสวรรค์
ในหอสดับสำเนียงคลื่น ซูอี้นั่งผ่อนคลายอยู่บนที่นั่งประธาน เขาเปลี่ยนไปสวมเสื้อแขนกว้าง เส้นผมยาวขมวดมวยด้วยปิ่น นั่งเฉย ๆ เผยบรรยากาศผ่อนคลายสงบเงียบ
“อย่าได้เกรงใจ นั่งลงเถอะ”
จิ่งหังจัดแจงที่นั่งให้ทุกคนทันที
ทว่ายามนี้ ทั้งหนิงซือฮวา ฉาจิ่น หรือกระทั่งพวกหยวนเหิงต่างก็เกร็งขึ้นมาเล็กน้อย
เพียงรีบร้อนทำความเข้าใจภูมิหลังถ้ำเสวียนจวินเพียงยอดเขาน้ำแข็งก็ทำให้พวกเขาตะลึงตกใจมหาศาล
เมื่อเผชิญหน้าซูอี้อีกครั้ง สภาพจิตใจพวกเขาล้วนถูกกระทบอย่างไม่อาจเลี่ยง
นี่คือครรลองแห่งมนุษย์
มันราวกับสหายรักรู้ใจ จู่ ๆ ก็กลายเป็นเทพเซียน ใครเล่าจะตีซี้สนิทสนมด้วยเช่นกาลก่อนได้?
ซูอี้เห็นกิริยาทั้งหมดนี้ และรู้ดีว่าทุกสิ่งในโลกนี้ต่างแปลกใหม่สำหรับพวกเขา และคงไม่อาจปรับตัวได้ในชั่วขณะ เมื่อปรับตัวคุ้นชินได้ ทุกสิ่งจะคลี่คลายไปเอง
เขายกจอกสุราขึ้นยิ้ม ๆ “มาดื่มกันวันนี้ให้เมาไปเลย!”
ทุกคนยกจอกสุราขึ้นดื่มฉลอง
อาหารในงานเลี้ยงอุดมสมบูรณ์ แต่ละจานล้วนเลิศรสหาได้ยาก ต่อให้เป็นในมหาแดนดินก็ยังยากพบพาน
จิ่งหังนั่งลงด้านข้าง พูดคุยหัวเราะกับทุกคน และเมื่อสุราถูกริน ผู้คนก็ทิ้งกังวล บรรยากาศเปลี่ยนเป็นครึกครื้นกลมเกลียว
“ก่อนหน้านี้ ข้าคิดว่าพี่ซูอี้จงใจอวดเรา แต่ยามนี้ข้ารู้แล้ว ว่าในสายตาพี่ซูอี้ ของเหล่านี้เป็นเพียงของธรรมดา มิจำเป็นต้องอวดเลยสักนิด”
ใบหน้างดงามของเหวินหลิงเสวี่ยแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุรา กลับไปเป็นหญิงสาวร่าเริงสดใสเช่นเก่า
ซูอี้อดกล่าวอย่างงุนงงไม่ได้ “ข้าเตรียมของพวกนี้ไว้รับรองพวกเจ้าเป็นพิเศษ ไฉนเลยจะธรรมดา?”
ทุกคนเฮฮา
ทันใดนั้น หวังเชวี่ยพลันรีบร้อนเข้ามาพูดเบา ๆ “ท่านอาจารย์ขอรับ ปรมาจารย์อาวุโสเผิงแห่งแดนลี้ลับขั้นเก้าพาสหายเต๋ากลุ่มหนึ่งมาเยือน บอกว่ามีเรื่องสำคัญอยากขอปรึกษาท่านอาจารย์ขอรับ”
ซูอี้โบกมือ “เจ้ารับรองพวกเขาแทนข้าไปก่อน”
“ขอรับ”
หวังเชวี่ยจากไป
“พี่ซูอี้ หากมีเรื่องด่วนก็ไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ “หลิงเสวี่ยก็ยังคงใส่ใจข้าที่สุด แต่มันมิใช่เรื่องใหญ่หรอก เราดื่มกันก่อนเถอะ”
แต่ไม่นานนัก หวังเชวี่ยก็รีบร้อนกลับมาอีก “ท่านอาจารย์ขอรับ เมื่อปรมาจารย์อาวุโสเผิงได้ยินว่าท่านอาจารย์กำลังเลี้ยงฉลองกับสหายเก่า เขาก็อยากมาคารวะด้วยตนเองขอรับ”
ซูอี้ขมวดคิ้วน้อย ๆ
ทันใดนั้น เขาก็กล่าวว่า “ไปเชิญพวกเจ้าเฒ่าพวกนั้นเข้ามาเถอะ”
ไม่ช้าก็เร็วในภายหน้า เขาก็จะออกจากแดนเทวามหาแดนดิน และยามนี้ ให้พวกเหวินหลิงเสวี่ยได้พบกับเหล่าเจ้าเฒ่าในมหาแดนดินก็เป็นการสร้างสัมพันธ์ ซึ่งอาจมีประโยชน์ในภายหน้าก็เป็นได้
ส่วนเรื่องที่ตัวตนบรรพกาลเหล่านั้นจะดูแคลนพวกเขาหลังจากได้รู้ที่มาของพวกเหวินหลิงเสวี่ยหรือไม่ ซูอี้หาได้กังวล
เจ้าเฒ่าเหล่านั้นอยู่มาเนิ่นนานมิอาจนับปี และหากพวกเขามีตาไร้แววกระทั่งเรื่องนี้ ก็เสียชาติเกิดโดยแท้
ไม่นานนัก จากการนำทางของหวังเชวี่ย ปรมาจารย์เผิง บรรพชนมารเยว่อิ๋นและคณะก็มาถึงยังหอสดับสำเนียงคลื่น
พวกเหวินหลิงเสวี่ยอดตกใจไม่ได้
ด้วยความรู้สึกเล็กจ้องดุจมด ทุกคนก็อดสงวนท่าทีมิได้
นี่คือการข่มสยบด้วยวิถีอย่างสมบูรณ์ ความต่างชั้นสูงส่งเกินไป
พวกปรมาจารย์เผิงเองก็ตะลึงเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ หวังเชวี่ยได้เตือนพวกเขาแล้วว่าอาจารย์ของเขากำลังรับรองสหายเก่าอยู่ และการฝึกฝนของพวกเขาไม่ได้สูง แต่พวกเขาก็หาได้คิดมากไม่
แต่เมื่อได้มาพบเหล่าแขกจริง ๆ ปรมาจารย์เผิงและคณะก็มิได้คาดว่าจะเป็นเหล่าผู้ฝึกตนปลาซิวปลาสร้อยซึ่งมิเคยได้เหยียบย่างถึงขอบเขตจักรพรรดิ
“มาเถิด ให้ข้าแนะนำ ทุกคนที่นี่คือสหายเก่าของข้า คนแซ่ซูในชาตินี้”
ซูอี้บนเก้าอี้ประธานลุกขึ้นพูดยิ้ม ๆ
หนึ่งวาจานั้นเป็นดั่งสายลมวสันตฤดูพัดหลังพายุโหม ซึ่งทำให้พวกเหวินหลิงเสวี่ยซึ่งตัวเกร็งตึงเครียดผ่อนคลายลง ทั้งใจกายถูกปลอบประโลม
และเมื่อเห็นซูอี้เป็นฝ่ายชิงลุกขึ้นแนะนำก่อนด้วยตนเอง พวกปรมาจารย์เผิงล้วนตะลึงอยู่ในใจ ผู้ใช้หนึ่งดาบสยบสวรรค์แห่งมหาแดนดินให้ค่าสหายเก่าของเขาเพียงใด?
ปรมาจารย์เผิงแย้มยิ้ม กล่าวขึ้นทันที “ไม่ใช่คนอื่นคนไกล สัตว์ประหลาดเฒ่าซู เจ้านั่งลงก่อนเถอะ ให้ข้าทำความรู้จักสหายเต๋าเหล่านี้ทีละผู้ดีกว่า!”
ตัวตนบรรพกาลอื่น ๆ ล้วนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ยามนี้ ต่อให้พวกเขาจะงุนงง แต่จะมิรู้สิ่งที่ต้องทำได้เช่นไร?
การเผชิญกับสหายเก่าของซูเสวียนจวินก็เทียบเท่าเผชิญกับซูเสวียนจวิน!
มิฉะนั้น มันคือการไม้ไว้หน้าซูเสวียนจวิน!
เหล่าตัวตนบรรพกาลซึ่งล้วนแต่เป็นบรรพชนในมหาแดนดินแสนนานเหล่านี้ย่อมเข้าใจดี
………………..