บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1155: พายุอุบัติ
ตอนที่ 1155: พายุอุบัติ
พวกปรมาจารย์เผิงเข้าใจแจ่มแจ้งทันที
“มิน่าเล่า แม้ว่าขุมกำลังจากส่วนลึกจักรวาลพร่างดาวจะมาถึง แต่ก็ไม่ได้ออกเข่นฆ่าทันที แต่กลับขู่เข็ญให้สัตว์ประหลาดเฒ่าซูออกมาจำนนเอง”
ปรมาจารย์เผิงโพล่งขึ้น “ที่แท้ ที่พึ่งอันใหญ่หลวงที่สุดของพวกเขาก็มายังมหาแดนดินนี้โดยสมบูรณ์มิได้!”
หนึ่งตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิ จริงอยู่ที่เข้ามายังมหาแดนดินได้ แต่คนผู้นั้นต้องสะกดระดับฝึกฝนตนเองลงก่อนเท่านั้น
ราชันแห่งภูมิผู้สะกดการฝึกฝนของตนเองลง ยังเรียกว่าราชันแห่งภูมิได้อีกหรือไม่?
แม้ว่าเหล่าตัวตนบรรพกาลอื่น ๆ ล้วนดูเคร่งเครียด ทว่าในที่สุดก็ผ่อนคลายลงได้เล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ พวกเขาล้วนรู้สึกสิ้นหวัง กระทั่งไร้กำลังต่อต้าน!
“แต่ในความคิดข้า มันก็ยังไม่ควรมองข้ามอยู่ดี”
บรรพชนมารเยว่อิ๋นกล่าว “อีกฝ่ายข่มขู่มาดร้ายเพียงนี้ หากสัตว์ประหลาดเฒ่าซูไม่ก้มหัว พวกนั้นจะสังหารทุกคน ขุมกำลังทุกแห่งที่เกี่ยวพันกับเจ้า ด้วยการจัดทัพของพวกเขา หากใจแข็งคิดกระทำการ ก็สร้างหายนะเกินคาดเดาได้แน่แท้”
“ก็จริง ในศึกกับช่างเสื้อคราก่อน ร่างอวตารของช่างเสื้อนั้นร้ายกาจยิ่งกว่าตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิมากโข กระทั่งการฝึกฝนเหนือชั้นยิ่งกว่าจักรพรรดิใด ๆ ของชิงถังยังมิอาจต่อกร ศัตรูซึ่งเข้ามาในมหาแดนดินต้องมีตัวตนระดับเดียวกันอยู่แน่”
ปรมาจารย์เผิงวิเคราะห์
ตัวตนบรรพกาลทั้งหลายที่นี้ล้วนแต่ใช้ชีวิตมายาวนานเกินนับ เผชิญศึกพลิกผันมากมาย พวกเขาแต่ละคนจึงแยกแยะสถานการณ์ทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว
ท้ายที่สุด ทุกคนก็สรุปร่วมกันได้ว่า
ต่อให้ตัวตนระดับราชันแห่งภูมิเหล่านั้นจะไม่ได้จุติสมบูรณ์พร้อมสู่มหาแดนดินก็ตาม แต่ด้วยการจัดทัพครานี้ก็ยังเพียงพอถล่มมหาแดนดินย่อยยับได้!
และหากซูอี้อยากชนะ… ความหวังช่างริบหรี่!
ผลก็คือ อารมณ์ของทุกคนหนักอึ้งขึ้นมาอย่างไม่อาจเลี่ยง
ณ ด้านข้าง กู้เวิ่นเทียนซึ่งเงียบอยู่เห็นเช่นนี้ก็อดยิ้มเยาะในใจมิได้
ไหนว่าข้าเป็นสุนัขไง?
เมื่อพายุอุบัติ ไอ้แก่อย่างพวกเจ้าไม่เป็นสุนัขก็เป็นสุนัขตายอยู่ดี!
“กลับไปบอกพวกนั้นว่าในสิบวัน ข้าซูเสวียนจวินจะไปยังตำหนักมารธุลีแดงแน่ ให้พวกนั้นล้างคอรอไว้!”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยชา วาจากังวานขวานผ่าซาก
สีหน้าของพวกปรมาจารย์เผิงล้วนตกตะลึงกับวาจาของซูอี้
พวกเขากำลังจะเกลี้ยกล่อม ทว่าซูอี้โบกมือกล่าวขัดขึ้น “ข้าตัดสินใจแล้ว มิต้องกล่อมข้าหรอก”
กู้เวิ่นเทียนตะลึงอึ้ง และถามอย่างไม่อยากเชื่อ “เจ้า… เอาจริงหรือ!?”
เขาสงสัยนักว่าซูเสวียนจวินบ้าไปแล้วหรือ!
ซูอี้กล่าวกับกู้เวิ่นเทียน “แน่นอน เมื่อถึงกาล ข้าจะจัดงานศพให้ตำหนักมารธุลีแดงของเจ้าเอง”
ร่างของกู้เวิ่นเทียนชะงัก และเผยยิ้มเยาะทันที “งั้นข้าจะรอดู!”
ซูอี้กล่าว “กลิ้งไปได้แล้ว”
กู้เวิ่นเทียนสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปอย่างหงุดหงิด
ปอดของกู้เวิ่นเทียนแทบระเบิดด้วยโทสะ ใบหน้าแดงก่ำ “ซูเสวียนจวิน เจ้าจะหยามกันเกินไปแล้วนะ…”
ตู้ม!
แว่ววจีดาบคำรน
ดวงตาของซูอี้เปี่ยมจิตสังหาร
กู้เวิ่นเทียนตกใจกลัวจนขดตัวเป็นก้อนกลม และเขาก็…
กลิ้งหลุน ๆ ออกไปต่อหน้าสายตาทุกคู่!
“ฮ่า ๆ!”
“โอ๊ย!”
“ข้าบันทึกภาพนี้ไว้ในม้วนหยกแล้ว คงใช้เวลาสักพักกว่าจะเผยแพร่มันออกไปได้ โลกหล้าจะได้เห็นทั่วกันว่าผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตำหนักมารธุลีแดงเป็นคนเช่นไร!”
พวกปรมาจารย์เผิงเยาะเย้ย
เสียงคำรามอย่างเคืองแค้นอันหาที่เปรียบมิได้ของกู้เวิ่นเทียนดังออกมาจากนอกถ้ำเสวียนจวิน
น่าเสียดายที่ซูอี้หาสนใจไม่
“สัตว์ประหลาดเฒ่าซู ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ข้าก็จะไม่กล่อมเจ้าอีก ยามถึงกาล เราจะไปกับเจ้าด้วย!”
ในหอสดับสำเนียงคลื่น ปรมาจารย์เผิงกล่าวขึ้นด้วยเสียงลุ่มลึก
ตัวตนบรรพกาลอื่น ๆ มองหน้ากัน ทุกคนต่างพยักหน้า
ซูอี้ผงะไป ก่อนจะอดหัวเราะมิได้ “พวกเจ้าเฒ่านี่เอะอะกันจริง เหมือนจะไปตายอย่างมีเกียรติกระนั้น”
แม้กล่าวเช่นนั้น แต่ความอบอุ่นก็เอ่อล้นขึ้นในใจ
มองทั่วโลกหล้า เมื่อผู้อื่นรับรู้ว่าเขา ซูเสวียนจวินพบหายนะเช่นนี้ เกรงว่าคงหนีซ่อนตัวหัวซุกหัวซุนด้วยกลัวถูกลากไปพัวพันแน่แท้
ทว่าปรมาจารย์เผิงและพวกเขากลับเลือกยืนข้างเขา!
“เอะอะอันใด? เราทนส่งเจ้าไปตายคนเดียวไม่ได้ต่างหาก!”
ซูอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ และกล่าวอย่างเฉยชา “ส่งข้าไปตาย? ไม่จำเป็น หากครานี้ข้าไม่ละเลงเลือด จะบอกเจ้าพวกคนในห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวได้เช่นไร ว่าข้าซูเสวียนจวินมิได้ต่อกรง่ายดายเพียงนั้น?”
พวกปรมาจารย์เผิงมีสีหน้าหลากอารมณ์ ทั้งชื่นชมระคนกังวล
นี่คือซูเสวียนจวิน!
เขายืนยงอหังการตลอดมา แม้จะเผชิญหายนะก็ไม่อาจคดกระดูกสันหลังก้มหน้าลง!
ซูอี้หยอกเย้าด้วยรอยยิ้ม “เจ้าจะแค่มองความหฤหรรษ์ก็ย่อมได้ ข้าไม่อยากให้พวกเจ้าเข้ามาพัวพันด้วย”
พวกปรมาจารย์เผิงล้วนหัวเราะอย่างขุ่นเคือง ปรามาสซูอี้ที่ดูแคลนพวกเขา
อันที่จริง พวกเขาล้วนรู้อยู่แล้ว ว่าที่ซูอี้กล่าวเช่นนี้ก็เพราะมิอยากให้พวกเขาติดร่างแหไปด้วย
พวกเขาล้วนแต่เป็นสหายเก่ามาแสนนาน ใครเล่าจะมองไม่เห็นกัน?
“ตามนั้นแหละ”
ซูอี้กวาดสายตามองทุกคน “ยามนั้น ต่อให้ข้าซูเสวียนจวินตายในศึก พวกเจ้าก็ห้ามเข้ามาพัวพัน!”
ยามนี้ เขาดูเฉยชาสุขุม ทว่าที่จริง หัวใจของเขากำลังเดือดดาลสุดขีด หมายมาดสังหารเต็มที่!
เหตุผลนั้นแสนง่าย เพราะเหล่ายักษ์ใหญ่จากห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวเหล่านั้นขู่จะใช้กำลังสังหารผู้คนและขุมกำลังที่เกี่ยวข้องกับเขาทั้งหมด!!
สิ่งนี้ล้ำเส้นบรรทัดฐานของซูอี้อย่างสมบูรณ์
“จะว่าไป ไฉนพวกเจ้าจึงมาที่นี่ยามนี้เล่า?”
ซูอี้เอ่ยถาม
ก่อนหน้านี้ หวังเชวี่ยรายงานว่าพวกปรมาจารย์เผิงมาที่นี่ก็เพื่อหารือเรื่องสำคัญ
สีหน้าหม่นหมองปรากฏขึ้นบนใบหน้าของปรมาจารย์เผิง “มันก็เกี่ยวกับขุมกำลังใหญ่ในห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวเหล่านั้นแหละ พวกนั้นส่งคนมาติดต่อตาเฒ่าเช่นพวกเรา และออกข้อเสนอมา”
“หนึ่งคือเลือกศิโรราบ เป็นลิ่วล้อของพวกเขา คอยเก็บสมบัติลับฟ้าดินให้พวกเขา”
“หรือก็แค่ออกมาประกาศจุดยืน ขีดเส้นตัดขาดเป็นศัตรูกับเจ้าซูเสวียนจวิน ปล่อยเจ้าเดียวดายตกสู่วิกฤตในมหาแดนดิน และร่วมมือกับพวกเขาจัดการกับผู้คนและขุมกำลังรอบกายเจ้า”
ทันทีที่วาจาเหล่านี้ถูกกล่าว ซูอี้ก็ตระหนักว่าเหล่ายักษ์ใหญ่จากห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวได้เริ่มลงมือแล้ว!
สิ่งนี้ทำให้จิตสังหารในใจของเขาพลุ่งพล่านร้อนแรงขึ้นอีก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการที่โรงวาดฤทัย ลัทธิทางช้างเผือก หอเก้าสวรรค์และสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิร่วมมือกันส่งกองกำลังนับร้อยสู่มหาแดนดินต้องมีช่างเสื้อคอยขับเคลื่อนเบื้องหลัง!
และเฉกเช่นกัน การกระทำของเหล่ายักษ์ใหญ่เหล่านี้ก็ต้องเป็นแผนของช่างเสื้อเช่นกัน!
“สัตว์ประหลาดเฒ่าซู อย่าห่วงไป ข้าไม่ได้รับปากใด ๆ กับพวกเขา”
บรรพชนมารเยว่อิ๋นกล่าวขึ้น
“ไม่หรอก พวกเจ้าสามารถโป้ปดกับพวกนั้นไปก่อนได้ หลังข้าทำลายพวกเขา เจ้าก็มิต้องทำเช่นนั้นอีก”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยชา
เขาแสดงความเยือกเย็นและมั่นใจยิ่งกว่าหนใด
เพียงแค่ว่า… พวกปรมาจารย์เผิงล้วนลอบถอนใจ ยากจะมั่นใจในทางเลือกของซูอี้ได้มาก
หลังงานเลี้ยงเลิกรา พวกปรมาจารย์เผิงก็แยกย้าย
และซูอี้ก็เรียกจิ่งหังและหวังเชวี่ยมาหา
“ในอีกไม่กี่วัน ข้าจะไปยังตำหนักมารธุลีแดง แม้ข้าจะไม่กลัวหายนะนี้ แต่ก็ต้องป้องกันไม่ให้ศัตรูทำร้ายพวกเจ้า ดังนั้นเตรียมการไว้แต่เนิ่น ๆ เสีย”
ซูอี้นำเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงออกมาส่งให้จิ่งหัง “จิ่งหัง ข้าฝากเจ้าเก็บเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงไว้ก่อน เมื่อข้าจากไป ให้เจ้าและหวังเชวี่ยนำพวกหลิงเสวี่ยและเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงออกจากถ้ำเสวียนจวิน ไปหลบภัยที่เขตต้องห้ามเซียนอับโชคก่อน”
กล่าวจบ ซูอี้ก็นำม้วนหยกม้วนหนึ่งออกมาแล้วสั่งการเสียงเบา “ในนี้มีแผนที่ลับของพื้นที่ลี้ลับมากอันตรายแห่งหนึ่งในเขตต้องห้ามเซียนอับโชคระบุไว้ และมีเส้นทางปลอดภัยวาดอยู่ ตามเส้นทางนี้ไป แล้วพวกเจ้าก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอันตราย”
“อีกอย่าง หวังเชวี่ย อย่าลืมกลับไปเตรียมการที่ตระกูลหวังแห่งแคว้นจงก่อนด้วย จะดีที่สุดหากพาคนตระกูลเจ้าหลบหนีไปด้วยกัน”
หัวใจของจิ่งหังและหวังเชวี่ยสั่นสะท้าน ต่างคนต่างตระหนักว่ามีเรื่องผิดปกติ!
ในอดีต ไม่ว่าจะเผชิญกับอันตรายใด ท่านอาจารย์ของพวกเขาสุขุมผ่อนคลาย ไม่ได้ใส่ใจสิ่งใด ๆ เสมอมา
ทว่ายามนี้ เห็นได้ชัดว่าแตกต่างออกไป!
“วางแผนก่อนและเตรียมตัวให้พร้อม ยามข้าเวียนวัฏ ข้าบุ่มบ่ามเกินไป จึงทิ้งอันตรายซุกซ่อนไว้เยอะไปหมด ครานี้ข้าจะไม่ทำผิดซ้ำรอยเดิม”
ซูอี้มองปราดเดียวก็เห็นความกังวลในใจสองศิษย์ และกล่าวอย่างเรียบเฉย “ศัตรูเหล่านั้นไร้สิ่งใดน่าห่วง ข้าไม่ได้ห่วงสิ่งอื่นใดมากไปกว่าพวกเจ้า”
“อาจารย์ ศิษย์ผิดไปแล้วที่ไร้ความสามารถขอรับ!”
จิ่งหังก้มหัวลง ในวจีเจือความโศกเศร้าเล็กน้อย
หัวใจของหวังเชวี่ยเองก็ขื่นขมมาก
“ไร้สามารถ?”
ซูอี้หัวเราะ “เจ้าคือศิษย์ของข้าซูเสวียนจวิน ใครบ้างจะกล้าพูดว่าเจ้าไร้ความสามารถ? ในภายหน้าไม่ช้าก็เร็ว พวกเจ้าจะได้บรรลุสู่ขอบเขตราชันแห่งภูมิ ห่างไกลเกินเทียบได้กับผู้ฝึกตนใด ๆ ในโลกหล้า”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เขาก็นึกบางอย่างขึ้นได้และกล่าว “จำไว้ว่าหากประสบอันตรายอันมิอาจแก้ ขยี้ยันต์อมตะนั่นเสีย”
“ศิษย์น้อมรับคำสั่งอาจารย์ขอรับ!”
…
พายุจากส่วนลึกจักรวาลพร่างดาว… อุบัติแล้ว!
ไม่นานนัก ข่าวนี้ก็แพร่ไปทั่วมหาแดนดิน เกิดเป็นเสียงฮือฮาในโลกหล้า
“ศึกถ้ำเสวียนจวินเพิ่งผ่านไปไม่ทันไร เหล่ายักษ์ใหญ่ในห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวก็แห่กันมาอีกแล้วหรือ?”
บางคนหัวใจสั่นเทา
“กองกำลังนับร้อยเปี่ยมด้วยยอดฝีมือมากมาย! รวมตัวกันมาเช่นนั้น เกรงว่าคงสามารถทำลายมหาแดนดินสิ้นได้โดยง่าย!”
บางคนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันปะทะหน้า
“มันจบแล้ว ในที่สุดก็มีผู้มาแก้แค้นใต้เท้าซู!”
บางคนวิญญาณหลุดลอย
“เมื่ออยู่ต่อหน้าพายุร้ายเช่นนี้ ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินจะรับมือมหาหายนะสวรรค์สั่งตายนี้เช่นไร?”
บางคนครุ่นคิดคาดการณ์
ไม่นานนัก ข่าวหนึ่งก็ปรากฏ…
เหล่ายักษ์ใหญ่จากส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวประกาศเจตจำนงให้ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินมาคุกเข่าก้มหัวหน้าตำหนักมารธุลีแดงภายในสิบวันเพื่อชดใช้ความผิด!
หาไม่ ทุกคนและขุมกำลังทุกแห่งที่เกี่ยวข้องกับซูเสวียนจวินในโลกหล้าจะถูกกวาดล้าง!
ทันใดนั้น ข่าวนี้ก็แปรเปลี่ยนดุจพายุโหม ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาในมหาแดนดินนับไม่ถ้วน
โลกหล้าแปรเปลี่ยนฉับพลัน!
………………..