บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1157: คุกเข่าลงชดใช้ความผิด
………………..
ตอนที่ 1157: คุกเข่าลงชดใช้ความผิด
หนึ่งคนหนึ่งเรือละล่องฝ่าเกลียวคลื่น
การปรากฏตัวของซูอี้ทำลายบรรยากาศเงียบสงัดทั่วฟ้าดิน กลายเป็นศูนย์รวมความสนใจทุกคนในทันที!
“ใต้เท้าซูมาแล้ว!”
บางคนส่งเสียงร้องอย่างตื่นเต้น
บรรยากาศพลันอื้ออึง ทั่วบริเวณปั่นป่วนเซ็งแซ่
ทว่ายามนี้ บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์หมื่นพร่างพรมไกลออกไป เสียงระฆังดังขึ้นสะท้านทั่วนภาสมุทร
คนนับไม่ถ้วนต่างเงยหน้ามอง
และพบว่ามีชายวัยกลางคนชุดแดงผู้หนึ่งถือระฆังวิถีสำริดสูงเกือบจั้งในหนึ่งมือทะยานสู่อากาศ
ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตำหนักมารธุลีแดง กู้เวิ่นเทียน!
“ซูเสวียนจวิน ข้ารอส่งเจ้าถึงจุดจบอยู่นานแล้ว!”
กู้เวิ่นเทียนตวาดลั่น
ด้วยหนึ่งฝ่ามือตี ระฆังวิถีสำริดก็เรืองประกายเจิดจรัส คำรามลั่นดุจอสนีบาตก้องทั่วฟ้าดิน
เสียงฮือฮาหนวกหูทั่วหล้าพลันเงียบลง ทุกคนผงะตกใจ
ยามนี้ กู้เวิ่นเทียนยั่วยุอย่างอหังการ คิดส่งปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินสู่จุดจบ!
“ฮึ!”
หนึ่งเสียงแค่นออกอย่างเย็นชา บรรพชนมารเยว่อิ๋นลุกขึ้นกล่าวว่า “เป็นเพียงลิ่วล้อแต่กล้าเห่าเสียงดัง งั้นข้าจะให้โลกได้ประจักษ์ภาพลักษณ์เน่าหนอนของหมาเฒ่านี่หน่อย!”
เขาหยิบม้วนหยกม้วนหนึ่งออกมา ก่อนจะเปลี่ยนมันให้เป็นม่านแสงสูงราวร้อยจั้งทันที
ในม่านแสง ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่นานนี้ในหอสดับสำเนียงคลื่นของถ้ำเสวียนจวินก็ปรากฏขึ้น
“อ๊ะ นี่มัน——!”
เหล่าผู้ชมต่างผงะหงายและตะลึงงันไป
ม่านแสงสูงร้อยจั้ง ฉายภาพกู้เวิ่นเทียน ‘กลิ้งออกไป’ อย่างชัดเจนละเอียดอ่อน ทำให้กรามคนดูแทบร่วงลงพื้น
ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตำหนักมารธุลีแดงกลิ้งตัวออกไป?
รอบข้างเกิดเสียงฮาครืนดุจคลื่นสาดกระทบลูกแล้วลูกเล่า บรรยากาศเปี่ยมปรีดา
สีหน้าของกู้เวิ่นเทียนที่อยู่เหนือภูเขาศักดิ์สิทธิ์หมื่นพร่างพรมแดงก่ำ ปอดแทบระเบิดจากโทสะ ดวงตาเกือบถลน “ไอ้แก่ เจ้าวอนตายนัก!!!”
บรรพชนมารเยว่อิ๋นฉีกยิ้ม หาได้ตอบโต้ไม่
ซูอี้ยืนอยู่บนเรือท้องแบน เห็นเช่นนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ และจากนั้นมา ชื่อเสียงของกู้เวิ่นเทียนก็ด่างพร้อยโดยสมบูรณ์
“ช่างน่าอัปยศ เจ้าลงไปซะ!”
ทันใดนั้น เสียงเย็นชากึกก้องเสียงหนึ่งก็สะท้อนทั่ว
ดุจเสียงคำรามพยัคฆ์มังกร สะท้อนทั่วแดนสรวงผืนสมุทร สะท้านสั่นอากาศ
เมื่อมองขึ้นไป…
และพบว่าข้างกายกู้เวิ่นเทียน ชายชราผมขาวในอาภรณ์สีเหลืองผู้หนึ่งปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ
คนผู้นี้ยืนสองมือไพล่หลัง ดวงตาลึกล้ำดุจขุมนรก แข็งแกร่งทรงพลังดุจเทพ!
“ขอรับ!”
กู้เวิ่นเทียนตัวสั่นทั้งกาย เขาคำนับอย่างนอบน้อมและเคลื่อนกายลงจากอากาศ กลับสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์หมื่นพร่างพรม
ชายชราชุดเหลืองกวาดตามองไปรอบ ๆ และกล่าวอย่างเฉยชา
“ออกมา”
หนึ่งวาจาเรียบง่ายสะท้อนก้องทั่วฟ้าดิน
ครืน! ครืน! ครืน!
รุ้งศักดิ์สิทธิ์พาดข้ามนภา สิบสาย ยี่สิบ สามสิบสาย…
ยามนั้น ทุกคนล้วนตะลึงด้วยไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่เป็นตัวตนในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ!
กล่าวอีกนัยก็คือ เป็นตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดินับร้อย ๆ จากส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว!
สังหารทั่วแดนสรวง เคลื่อนดาราง่ายดาย
จิตสังหารคลุ้งทั่วแดนดิน ลวงมังกรล่ออสรพิษจากผืนพิภพ
เจตนามนุษย์หวังฆ่าฟัน ฟ้าดินสนองตอบ!
และตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิเหล่านี้ เพียงเลือกมาสักคนก็สามารถทำให้ฟ้าดินแปรสีสัน บรรพตลำธารสะท้านไหวได้
ยามนี้ ตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิมารวมตัวกันนับร้อย อำนาจจะร้ายกาจเพียงไร?
เปรี้ยง!
ท้องนภาระเบิดแหลก พายุร้ายเจือสายฟ้าอสนีบาตและจิตสังหารร้ายแรงเปลี่ยนเป็นมวลเมฆมืดทมิฬคล้อยเคลื่อนบนนภา ดุจดั่งทหารจากสวรรค์นับล้านปกคลุมทั่วผืนสมุทรใกล้เคียงภูเขาศักดิ์สิทธิ์หมื่นพร่างพรม
แม้จะมีหน้าตาอาภรณ์แตกต่าง มีทั้งชายหญิง ทว่าอำนาจจากร่างพวกเขาล้วนสะเทือนโลกาก่อพายุใหญ่!
เมื่อพวกเขาปรากฏกาย อำนาจกดดันรวมตัวกันแข็งแกร่งเสียจนท้องนภาและผืนหล้าหม่นแสง อากาศแปรปรวนปั่นป่วน น่าสะพรึงกลัวอย่างไร้ขอบเขต
ยามนั้นเอง ทุกคนล้วนเงียบเสียง ตกอยู่ในภวังค์ความคิด
กระทั่งสารพัดผู้ฝึกตนซึ่งยืนอยู่ริมฝั่งทะเลดาวตก ณ ยามนี้ยังดูราวหัวใจถูกมือใหญ่อันมิอาจมองเห็นกำไว้แน่น อึดอัดแทบมิอาจหายใจ!
จะเป็นไปได้เช่นไร? ไฉนจึงมีตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิมากมายเพียงนี้?
คนมากมายกรีดร้องในใจ
ยอดฝีมือในขอบเขตมหาจักรพรรดิเป็นตัวตนเช่นไร?
เป็นตัวตนที่อาจหาได้ไม่มากนักตามสำนักหรือตระกูลใดสักตระกูล และ ‘สี่ขั้วมหาแดนดิน’ ซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วโลกหล้าก็มีตัวตนระดับนี้เพียงเจ็ดแปดคนเท่านั้น
เหมือนเช่นปรมาจารย์เผิงแห่งแดนลี้ลับขั้นเก้า หลวงจีนเยี่ยนซินแห่งแดนบูรพาน้อย หนอนตะกละเฒ่าจากหอตำราเทียนเสวียน… แต่ละก้าวย่างของคนเหล่านี้สะเทือนทั่วโลกาได้ เป็นตัวตนสูงสุดในมหาแดนดิน
ทว่ายามนี้ กองกำลังนับร้อยจากห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวซึ่งเพิ่งปรากฏตัวขึ้น แต่ละคนล้วนแต่เป็นตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิ จะนำมาเทียบกับมหาแดนดินได้เช่นไร?
เอี๊ยด กึก!
ซี่ฟันของคนบางคนกระทบเข้าหากันด้วยความกลัว!
ราวเป็นถังน้ำเย็นเทราดลง ทำให้ทุกคนราวร่วงลงสู่ถ้ำน้ำแข็ง
เพียงเพื่อจัดการกับปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินผู้เดียว พวกเขาถึงกับส่งยอดฝีมือขอบเขตมหาจักรพรรดิมานับร้อย เพียงการจัดทัพเช่นนี้ก็สามารถระเบิดสิ้นมหาแดนดินได้ในไม่กี่อึดใจ!
มีกระทั่งผู้อาวุโสบางคนที่คิดว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ปลายยอดภูเขาน้ำแข็งของสงครามนี้!
ขุมกำลังยักษ์ใหญ่เช่นโรงวาดฤทัย หอเก้าสวรรค์และลัทธิทางช้างเผือกย่อมมีไพ่ตายก้นหีบร้ายกาจซ่อนอยู่มากกว่านี้!
เมื่อคิดถึงมัน คนมากมายก็อึดอัดจนหายใจได้ยาก
ทุกคนตระหนักแล้วว่าเหตุผลที่ขุมกำลังจากห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวยกพลมามากเพียงนี้ก็เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู!
“ใต้เท้าซู ท่านเคยได้คาดคะเนถึงเพียงนี้หรือไม่?”
ตัวตนบรรพกาลทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอ้างว้างในใจ
วันนี้ ขุมกำลังจากจักรวาลพร่างดาวเหล่านั้นทำลายซูอี้ได้ แล้วพรุ่งนี้ พวกเขาไม่ทำลายมหาแดนดินราบเป็นหน้ากลองหรือ?
ปรมาจารย์เผิงกับคณะเองก็อยู่ที่นี่ และหัวใจของพวกเขาล้วนหนักอึ้งยิ่งกว่า!
เพราะพวกเขารู้ดีที่สุด ว่าเหล่าตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิจากส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวเหล่านั้น ขอเพียงเลือกมาสักคนก็เพียงพอจะต่อสู้ไร้เทียมทานในมหาแดนดินได้!
กระทั่งตัวตนบรรพกาลเช่นพวกเขายังอาจไม่สามารถต่อต้าน!
เพียงหนึ่งตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิก็อาละวาดไร้เทียมทานได้
แล้วหากเป็นร้อยเล่า?
ไม่ว่าซูอี้จะแข็งแกร่งเพียงไร ท้ายที่สุดเขาก็มีเพียงหนึ่ง!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเหล่ายักษ์ใหญ่จากห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวเตรียมไพ่ตายใด ๆ ไว้บ้าง!
ยามนั้นเอง
“ซูเสวียนจวิน คุกเข่าลงชดใช้ความผิดเสีย และส่งเคล็ดเวียนวัฏสงสารมา แล้วเราจะไว้ชีวิตเจ้าวันนี้”
ท่ามกลางความเงียบสงัด ชายชราชุดเหลืองกล่าวขึ้นด้วยสำเนียงไม่แยแส
หนึ่งวาจาเปรียบดั่งอสนีบาตฟาดสู่หัวใจผู้คน สรรพชีวิตล้วนเปลี่ยนสีหน้า
คนมากมายกำหมัดอย่างไม่รู้ตัว
“คุกเข่าลงชดใช้ความผิด และส่งเคล็ดเวียนวัฏสงสารมาเสีย!”
ตัวตนนับร้อยในขอบเขตมหาจักรพรรดิย้ำคำพร้อมเพรียง
ตู้ม!
ท้องนภาดูราวแหลกสลาย คลื่นทะเลม้วนตัวป่วนคลั่ง
แรงกดดันมหาศาลกวนกระแสทะเลดาวตก สร้างบรรยากาศแทบมิอาจหายใจออก
บนท้องทะเลคลั่ง หนึ่งเรือท้องแบนลอยเดียวดาย แต่กลับนิ่งเสถียรดุจหินผา ไม่ได้ปั่นป่วนไปกับคลื่นลม
ยังคงผ่อนคลายสุขุมเยี่ยงกาลก่อน
ทว่ายามนี้ แผ่นหลังของซูอี้ในสายตาผู้คนให้ความรู้สึกเพียงเศร้าหมองอาลัย
อดเสียใจมิได้!
บนท้องฟ้าตรงข้ามเขามียอดฝีมือนับร้อยจากส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว ปราณร้ายกาจปกคลุมทั่วทะเลดาวตก
โดยเฉพาะเหนือภูเขาศักดิ์สิทธิ์หมื่นพร่างพรม อากาศมีอสนีบาตปั่นป่วน เพลิงศักดิ์สิทธิ์ม้วนพลิ้ว สารพัดนิมิตแสดงโฉม บดขยี้มวลเมฆาทั่วทิศกระจัดกระจาย แสดงให้เห็นว่าแรงกดดันของยอดฝีมือเหล่านี้น่ากลัวเพียงไร!
ทว่าซูอี้กลับดูราวไม่ได้รับรู้เรื่องทั้งหมดนี้เลย เขาเก็บไหสุราในมือ เงยหน้าขึ้นมองชายชราชุดเหลือง ก่อนกล่าวอย่างเฉยเมยด้วยรอยยิ้มเจือความเย้ยหยัน
“ไม่ต้องพูดไร้สาระ ยามนี้ข้ามีเพียงหนึ่งวาจา”
“สยบแทบเท้าข้าหรือตาย!”
ทันทีที่วาจาเหล่านี้ดังออกมา เหล่าผู้ชมก็เงียบกริบ
เหล่าตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดินับร้อยต่างดูมึนงงราวมองคนบ้า
ไม่ว่ายามใด ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินก็ยังอหังการยิ่งเสมอ!?
“ข้าจะไปฆ่ามันเอง!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือภูเขาศักดิ์สิทธิ์หมื่นพร่างพรม
ชายชุดดำร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งพุ่งออกมา
ตู้ม!
ร่างว่องไวดุจสายฟ้า ดวงตาเจิดจ้าดุจตะเกียงทอง ยามออกมาปรากฏกาย อำนาจร้ายกาจในร่างของเขากวาดทั่วท้องนภาแดนสมุทรราวพายุโหม
“เจ้าทำไม่ได้หรอก”
ซูอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ พลางกวาดสายตามองตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิคนอื่น ๆ “พวกเจ้า… ก็ไม่ได้เช่นกัน”
กล่าวจบ เขาก็ถอนใจเบา ๆ มองขึ้นไปบนผืนนภา และกล่าวว่า “ในสายตาพวกเจ้า ข้าซูเสวียนจวินควรค่าเพียงถูกตัวตนปวกเปียกเหล่านี้ฆ่าเอาหรือไร?”
บ้าไปแล้ว!
ราวกับว่าปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินในยามนี้บ้าไปแล้วโดยสิ้นเชิง
“วอนตาย!”
ดวงตาของชายชุดดำถลึงดุดัน เตรียมพร้อมลงมือ
ทว่าทันใดนั้น บนท้องนภาเหนือจักรวาลพร่างดาว เสียงสตรีเย็นชาลึกล้ำพลันดังขึ้น
“ควรค่าแก่การเป็นร่างเวียนวัฏแห่งทัศนาจารย์ ความกล้านี้แฝงกิริยาแห่งทัศนาจารย์ไว้สามส่วน ทว่าน่าเสียดาย การฝึกฝนยามนี้ของเจ้า… อ่อนแอเกินไปจริง ๆ”
วาจานั้นเปี่ยมความยิ่งใหญ่ทรงพลัง กดลงมาให้ท้องนภาสะท้านสั่น!
ทุกคนล้วนตื่นตระหนกหวาดกลัว
ปรมาจารย์เผิงและเหล่าตัวตนบรรพกาลล้วนหนาวเยือกในใจ
เหนือจักรวาลพร่างดาว เห็นได้ชัดว่ามีตัวตนอันร้ายกาจยิ่งกว่ามองศึกนี้อยู่!
ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นไปได้สูงมากด้วยว่าเป็นตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิที่แท้จริง!!
ซูอี้มองขึ้นไป
เนื่องจากอยู่ห่างไกลเกินไป เขาจึงพอเห็นเพียงเลือนรางว่าในจักรวาลพร่างดาว มีกลุ่มตัวตนอันเปี่ยมปราณน่าหวาดหวั่นนักอยู่ ไม่อาจมองเห็นจำนวนคนได้
“เนี่ยไห่ พวกเจ้ารุมลงมือเป็นการให้เกียรติร่างเวียนวัฏของทัศนาจารย์เสียหน่อย ฟังให้ดี เจ้าต้องจับเป็นเขานะ! หากเขาตาย พวกเจ้าทั้งหมดต้องปาดคอชดใช้”
เสียงสตรีเย็นชาดังขึ้นเบา ๆ แต่สะท้อนทั่วเก้าชั้นฟ้าทั่วทศทิศแดนดิน
“ขอรับ!”
ชายชราชุดเหลืองรับคำสั่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เขาเบนสายตาไปมองตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดินับร้อยที่มาด้วยกัน และกล่าวสองคำสั้นง่ายออกมาเบา ๆ
“ลงมือ!”