บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1158: ดาบล่าสังหาร
ตอนที่ 1158: ดาบล่าสังหาร
ยามนั้น ยอดฝีมือนับร้อยในขอบเขตมหาจักรพรรดิล้วนลงมืออย่างพร้อมเพรียง
พวกเขาล้วนแต่เป็นตัวตนแข็งแกร่งซึ่งเผชิญศึกมานับร้อย และเข่นฆ่าผู้คนนับไม่ถ้วน แม้จะดูแคลนซูอี้ แต่พวกเขาย่อมไม่มีผู้ใดออมมือแม้เพียงเสี้ยว
พวกเขาเพียงใช้อำนาจอันแข็งแกร่งที่สุดเพื่อปราบซูอี้ลงในคราเดียว!
เปรี้ยง!
อำนาจตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดินับร้อยแข็งแกร่งเพียงไร?
ทันทีที่พวกเขาลงมือโจมตี ปราณในรัศมีหลายพันลี้ก็ถูกสูบเกลี้ยงในพริบตา หนึ่งการโจมตีสามารถล้างโลกใบน้อยได้ทั้งใบ!
สารพัดกฎเต๋าอันน่าสะพรึงกลัวแทรกสอดเป็นคลื่นพลังมหาศาล ดุจธารสวรรค์เหนือนภาทะลวงลงจากเก้าแดนสรวง อำนาจทำลายล้างร้ายกาจ หมายมาดโจมตีเพียงซูอี้ผู้เดียว
อากาศทั่วทศทิศระเบิดแหลก ท้องทะเลพังทลาย วารีในสมุทรระเหยออก
ปรมาจารย์เผิงและตัวตนบรรพกาลอื่น ๆ แทบลืมหายใจ
อำนาจทำลายล้างทำให้พวกเขาทั้งมวลล้วนรู้สึกกดดัน ร่างแข็งทื่อ ไม่อาจข่มกลั้นความกลัวไว้ได้
ช่างน่าสะพรึง!
ยามเผชิญกับการโจมตีนี้ ซูอี้ที่อยู่บนเรือท้องแบนส่ายหน้าน้อย ๆ
ในอดีต เขาอาจตั้งตารอคอย
ทว่ายามนี้…
ไม่ควรค่าให้มองโดยแท้!
เขาสะบัดแขนเสื้อราวปัดฝุ่น
อึดใจนั้น ทั่วฟ้าดินสะเทือนไหว กาลเวลาชะงักนิ่ง
ปราณดาบสายหนึ่งละล่องเหนือโลกา กวาดทะลวงใส่เก้าแดนสรวง!
การโจมตีประสานของตัวตนนับร้อยในขอบเขตมหาจักรพรรดิซึ่งสามารถทำลายโลกใบน้อยทั้งใบได้กลับระเบิดราวฟองสบู่ยามถูกปราณดาบกวาดใส่ แปรเปลี่ยนเป็นควันกระจายหายดุจม่านหมอกเมฆา
และอากาศที่ถูกปราณดาบกวาดผ่านก็ดูราวกับถูกไถออกไป ร่องรอยดาบบาดน่าตกตะลึงปรากฏขึ้นรอยแล้วรอยเล่า แผ่ขยายกระจายออกไป
กล่าวให้กระชับก็คือ ด้วยหนึ่งสะบัดแขนเสื้อ การโจมตีประสานของเหล่าตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิก็สลายสิ้น!!
ภาพนี้ทำให้เหล่าผู้พบเห็นตะลึงนิ่งไปทันที
ไม่อาจทราบได้ว่ามีตัวตนมากมายเพียงใดที่จ้องค้างตะลึงลาน
“นี่…”
พวกปรมาจารย์เผิงล้วนอึ้งค้าง กรามเกือบร่วงลงพื้นด้วยความตกใจ
ส่วนเหล่าผู้ชมไกลออกไปนั้นทึ่มทื่อไร้สติไปเรียบร้อย
ก่อนหน้านี้ พวกเขาล้วนรู้สึกหดหู่สิ้นหวัง คิดว่าศึกอันเกี่ยวพันกับชะตาแห่งมหาแดนดินชะรอยคงจบด้วยความพ่ายแพ้ของซูอี้แน่แท้
ทว่าใครเล่าจะคิดว่าแม้เผชิญหน้ากับทัพยิ่งใหญ่อลังการเพียงนี้ ซูอี้กลับยังมีอำนาจประชัน!!
ล้มล้างทุกความเข้าใจและการทำนายของผู้คนเสียสิ้น!
“เป็นเช่นนั้นได้เช่นไร?!”
ตัวตนนับร้อยในขอบเขตมหาจักรพรรดิเองก็แปลกใจเช่นกัน ไม่อาจเชื่อสิ่งที่เกิดตรงหน้าพวกเขาได้
กระทั่งชายชราชุดเหลืองซึ่งเยือกเย็นสุขุมมาโดยตลอดก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย คิ้วขมวดหากัน ดวงตาเผยความแปลกใจ
ควรค่าแล้วที่เป็นร่างเวียนวัฏแห่งทัศนาจารย์ มีการฝึกฝนเพียงขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ แต่กลับมีอำนาจต่อสู้ท้าทายอำนาจสวรรค์ น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก!
“ลงมืออีกที!”
ชายชราชุดเหลืองแผดเสียงก้อง
ตัวตนนับร้อยในขอบเขตมหาจักรพรรดิร่วมมือ สาดอำนาจไร้จุดจบลงมาอีกครั้ง
ชั่วขณะนั้น อสนีบาตพลุ่งพล่าน เพลิงศักดิ์สิทธิ์ปะทุโหมกระหน่ำ พายุคลั่งนิมิตปรากฏ
อำนาจแต่ละอย่างนั้นต่างเปี่ยมอำนาจมหาศาล กฎเกณฑ์ประสานรัดพัน กระทั่งตัวตนในขอบเขตเดียวกัน ณ มหาแดนดินยังถูกมันฆ่าได้ไม่ยาก
ทว่า แม้อำนาจนั้นจะร้ายกาจทรงพลังเพียงไร เมื่อพุ่งเข้าหาซูอี้ มันก็พังทลายสลายสูญ
ไม่อาจกระทั่งคลอนเรือท้องแบนใต้เท้าซูอี้!
ภาพอันน่าเหลือเชื่อนี้ไม่เพียงทำให้ศัตรูตะลึงอึ้ง แต่กระทั่งผู้ชมนับไม่ถ้วนล้วนตะลึงค้าง สีหน้าไม่อยากเชื่อ
นี่มันเรื่องอันใดกัน!?
สีหน้าตะลึงอึ้งเกินบรรยายปรากฏบนใบหน้าเหล่าผู้ชม
กระทั่งบนจักรวาลพร่างดาวยังมีเสียงอุทานอย่างตกใจ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหล่าตัวตนร้ายกาจบนจักรวาลพร่างดาวเองก็ตกใจงุนงงมิต่างกัน
“มดตัวจ้อยเขย่าต้นไม้ ช่างน่าขัน”
เหนือเรือท้องแบน ดวงตาของซูอี้ทอประกายดูแคลน
ก็แค่ตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิกลุ่มหนึ่ง ต่อให้มากด้วยจำนวน ต่อหน้าเขายามนี้ กระทั่งการโจมตีเต็มกำลังของเขายังอาจรับไม่ไหว
ชายชราชุดเหลืองคำรามลั่น
ตู้ม!
ตัวตนนับร้อยในขอบเขตมหาจักรพรรดิต่างฝ่ายต่างใช้สมบัติของตน ออกเคล็ดวิชาพุ่งโจมตีซูอี้ดั่งเกลียวคลื่น
และยามนี้เอง…
ฟิ้ว!
ร่างของซูอี้ทะยานขึ้นมาจากบนเรือท้องแบน
ดวงตาของเขาลึกล้ำ กิริยาสุขุม อำนาจรอบกายดุดันทิ่มแทง
ดุจร่างจุติเทพเซียน!
“ตาย!”
ซูอี้กระซิบ ชี้นิ้วออกไปส่ง ๆ
ด้วยอำนาจเพียงหนึ่งนิ้ว สลายร่างสิ้น ขยี้จิตวิญญาณแหลก!
หลังจากนั้น นิ้วของซูอี้ก็เป็นดุจดาบ ฟาดฟันปราณดาบเจิดจ้ายาวร้อยจั้ง เจิดจรัสดุจดวงตะวันส่องสว่างทั่วถิ่นบริเวณ ตัดร่างตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิเจ็ดแปดคนเป็นสองส่วนในพริบตา
พรวด!
โลหิตสาดกระเซ็นดุจน้ำตก เสียงร้องโหยหวนดังตามติด
พริบตานั้น ทั่วฟ้าดินพลันแปรเปลี่ยนเป็นขุมนรกนองเลือด!
และร่างของซูอี้ก็เป็นดั่งดาบอันคมปลาบไร้ใดเทียบ ทะยานผ่านท้องนภาเป็นเส้นยาว พุ่งทะลวงสู่ทัพศัตรู!
เปรี้ยง!
ท้องนภากระเพื่อม ผืนสมุทรเคลื่อนสะเทือน ตะวันจันทราหม่นรัศมี
ยามนี้ ภาวะดาบรอบกายซูอี้กู่คำราม ร่างระเบิดแสงเจิดจรัสดุจดวงตะวันแผดเผา ทุกการเคลื่อนไหวของมือเท้า ปราณดาบนับหมื่นพันคลั่งทะยาน อำนาจดาบน่าตื่นตกใจ!
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิคนแล้วคนเล่าซึ่งเป็นหนึ่งในมหาแดนดินคนแล้วคนเล่า ล้วนแต่ถูกสังหารราวเป็นเพียงต้นหญ้าต่อหน้าซูอี้
โลหิตระเบิดออกเยี่ยงดอกไม้ไฟดอกแล้วดอกเล่า
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังระงม เคล้าคลอด้วยการฆ่าฟันโกลาหล ถักทอเป็นภาพอันร้ายกาจ
ท้ายที่สุด ซูอี้ก็ไม่ชอบใจความเชื่องช้าเท่าไรนัก เขาจึงเร่งพลังมหาวิถีของตนถึงขีดสุด ฟาดฟันออกไปสามดาบในพริบตา
จากนั้น ร่างของเขาก็หายวับไป
เมื่อเขาปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง เขาก็อยู่นอกสนามรบแล้ว หยิบไหสุราขึ้นมา
และ ณ ใจกลางสนามรบ…
ตู้ม!!!
ปราณดาบแรกทะยานลง
ดุจดั่งธารดาราร่วงหล่นจากสวรรค์ชั้นเก้า ตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิหลายสิบตายคาที่
อากาศถูกผ่าแยก เผยช่องว่างมิติใหญ่มโหฬาร โลหิตกระฉูดพุ่งเป็นเมฆหมอกทรงดอกเห็ด
ปราณดาบที่สองกระหน่ำตาม
ทว่ากลับดูราวแยกบรรพตทลายสมุทร ทะยานไปเบื้องหน้าไร้ลังเล ที่ใดที่ปราณดาบอหังการนี้กวาดผ่าน สมบัติมากมายก็สลายสูญ ตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิต่างสายเกินหลบ ต้องตกตายอนาถภายใต้แรงบดขยี้แห่งปราณดาบ
เมื่อยามปราณดาบสายที่สามมาถึง
ท้องนภาคล้ายจะถล่มลงมา อากาศปั่นป่วนรวนเรอย่่างน่าสะพรึง
ตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิซึ่งเหลือเพียงสิบกว่าคนต่างหวาดผวาและคิดจะลี้หนี ทว่าร่างของพวกเขาล้วนถูกช่องว่างมิติจากปราณดาบกลืนกินเสียสิ้น!
“ไม่นะ—”
“ไฉนเป็นเช่นนี้ไปได้!?”
…เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดผวาสิ้นหวังยังคงก้องสะท้อน
และตัวตนนับร้อยในขอบเขตมหาจักรพรรดิจากส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวล้วนแล้วแต่ถูกสังหารสิ้น!
นับแต่เริ่มศึกจวบจนอวสานกินเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ซูอี้ก็ทำลายพวกเขาลงสิ้นง่ายดายเยี่ยงหักไม้ไผ่!
ยามนี้ ซูอี้ซึ่งอยู่นอกสนามรบจิบสุราไปแล้วหนึ่งหน
อาภรณ์เขียวพลิ้วไสวไร้มลทิน!
ทั่วฟ้าดินนองเลือดดุจภาพเขียน
หนึ่งบุคคลดุจเทพเซียน ยืนผงาดเดียวดายร่ำสุรานอกม้วนภาพ!
ทั่วฟ้าดินเงียบสงัด
ทุกคนชมต่างตกตะลึง
ปรมาจารย์เผิง บรรพชนมารเยว่อิ๋นและคณะล้วนเบิกตาโต สิ้นสมาธิจดจ่อ
หลวงจีนเยี่ยนซิน จักรพรรดิมารสวรรค์ หนอนตะกละเฒ่าและคนอื่น ๆ ในฝูงชนล้วนเหม่อลอยไร้วาจาแสนนาน
กระทั่งไกลออกไป บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์หมื่นพร่างพรมก็เงียบกริบราวป่าช้า
ยามนั้น ทั่วโลกหล้าเงียบสงัด
มีเพียงร่างของซูอี้หลงเหลือ ยืนนิ่งกลางอากาศ ดุจเทพเซียนจุติลงบนโลกมลทิน!
สิ่งใดคือไร้เทียมทาน?
สิ่งที่ซูอี้สำแดงครานี้คืออำนาจไร้เทียมทาน!
ตัวตนนับร้อยในขอบเขตมหาจักรพรรดิดุจม่านเหล็กกล้า เพียงพอกวาดล้างทั่วมหาแดนดิน
ทว่าเมื่อเผชิญกับซูอี้ พวกเขาทั้งหมดก็ถูกสังหารในพริบตาราวกับไก่!
ไม่อาจน่าตกใจไปมากกว่านี้!
“ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ! ไฉนจึงแข็งแกร่งได้เพียงนี้?”
ใครบางคนบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์หมื่นพร่างพรมอุทาน
จริงดั่งว่า ความแข็งแกร่งของซูอี้นั้นแข็งแกร่งเกินไปจริง ๆ! ห่างไกลเกินความรู้ความเข้าใจของพวกเขาต่อขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ
ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำนั้นห่างจากขอบเขตมหาจักรพรรดิหนึ่งขอบเขตใหญ่
ไม่ว่าขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำจะมีอำนาจท้าทายสวรรค์เพียงไร การต่อกรกับขอบเขตมหาจักรพรรดิได้นั้นก็เรียกว่ามีเพียงหนึ่งในล้าน
ทว่าสำหรับซูอี้ ตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำซึ่งข้ามขอบเขตทำลายตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิได้นั้น ต่อให้ไปหาในส่วนลึกจักรวาลพร่างดาวก็ยังยากหาผู้ใดเหมือน!
หรืออาจไม่พานพบเลย!
เหนือท้องนภาบนจักรวาลพร่างดาว มีเมฆสายฟ้าขนาดพันจั้งล่องลอย
เหนือเมฆสายฟ้ามีกลุ่มตัวตนร้ายกาจซึ่งมีปราณร้ายกาจสะท้านท้องนภายืนอยู่
“ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ แต่กลับสามารถฝึกฝนจนมีอำนาจต่อสู้ท้าทายสวรรค์เช่นนี้เลยหรือ? น่ากลัวจริง ๆ…”
ชายชราผู้หนึ่งกระซิบ
เขาสวมอาภรณ์ขนนกรุ้งดารา ประดับมงกุฎหยกบนศีรษะ กิริยาบรรยากาศดุจเทพเซียน
โม่ฉางคง
จ้าวตำหนักดาราแห่งลัทธิทางช้างเผือก!
“อย่าลืมเสียเล่าว่าเขาคือร่างเวียนวัฏของทัศนาจารย์ วิชาและพลังที่เขาบรรลุไหนเลยจะเทียบกับตัวตนทั่วไปในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ?”
เซวียจื่อหนิง
ผู้อาวุโสสูงสุดที่สามแห่งโรงวาดฤทัย!
“ไม่นะ จากที่ใต้เท้าช่างเสื้อว่ามา คนผู้นี้ยังไม่คืนความทรงจำของทัศนาจารย์ ที่เขามีพลังต่อสู้ท้าทายสวรรค์เช่นนี้อาจเกี่ยวเนื่องกับการฝึกฝนปราณมารดาฟ้าดินและเคล็ดเวียนวัฏสงสารมากกว่า”
แววตาของถูไป่ชวนลังเล
เขาสวมชุดดำ ถือดาบหยกปลายมนเล่มหนึ่ง ร่างผอมสูง และเป็นจ้าวเรือนจำที่สามแห่งหอเก้าสวรรค์ ผู้มีฐานการบ่มเพาะขอบเขตราชันแห่งภูมิ!
“เวียนวัฏสงสาร… ปราณมารดาฟ้าดิน… ทัศนาจารย์ช่างควรค่าแก่การเป็นยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งแห่งวิถีดาบทั่วจักรวาลพร่างดาวโดยแท้ หลังจากหายตัวไปไม่อาจนับปีถ้วน เขากลับเวียนวัฏสู่วิถีอันลึกลับและแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมได้…”
ชายชราชุดเทาผู้หนึ่งรำพึง
เขามีรูปร่างเตี้ย ดวงตาลึกโหล ผมเผ้ารุงรัง
จางไป๋หลิง
พวกเขาเสวนาต่อกัน หาได้ใส่ใจตัวตนนับร้อยในขอบเขตมหาจักรพรรดิที่ถูกสังหารฆ่าฟันไม่ แต่ครุ่นคิดถึงความผิดปกติของซูอี้
เพราะตัวตนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นตัวตนซึ่งผูกพันกับสำนัก หาใช่ตัวตนจากสำนักของตนไม่!
“ทุ่มเทจ่ายหนักหนา แต่กลับไม่อาจหยั่งเชิงร่างเวียนวัฏแห่งทัศนาจารย์ได้ น่าผิดหวังจริงแท้ เกรงว่าเหล่าผู้อาศัยในแดนเทวามหาแดนดินคงได้หัวเราะเยาะเราแล้ว”
“งั้น… เราทำให้ร่างเวียนวัฏแห่งทัศนาจารย์ลำบากสักหน่อยเป็นไร?”
“ลำบาก? เฮ้ย เบาไปกระมัง ไม่ต้องเสียเวลาหรอก ใช้อวตารของเรากันเถอะ”
“ดี!”
ขณะกล่าว เซวียจื่อหนิงซึ่งนั่งถือฝักดาบบนพื้นเมฆก็ยกมือขึ้นเล็กน้อย
พรึ่บ!
หนึ่งยันต์ลับมอดไหม้กลางเวหา
………………..