บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 116 ตัวแปรไม่ได้รับเชิญ
นายหญิงชุ่ยอวิ๋นจะลืมเหตุการณ์นองเลือดที่เกิดขึ้นในโถงธารคีรีครั้งสุดท้ายได้อย่างไร?
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ตระกูลเหนียนและตระกูลเหยียนก็มาถึงหน้าประตูทีละคน โดยขอให้ภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์อธิบายเรื่องราว
แน่นอนว่านายหญิงชุ่ยอวิ๋นไม่สามารถเอ่ยนามของซูอี้ได้
โชคดีที่โจวจือหลีได้แนะแนวทางแก้ไขไว้ล่วงหน้า ทำให้นางสามารถจัดการปัญหาทั้งหมดร่วมกับมู่จงถิงผู้ว่าเขตปกครองหย่งเหอได้อย่างเฉียบขาด เป็นผลให้นางรอดพ้นเรื่องวุ่นวายในครั้งนั้น
แต่ไม่คาดคิดผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ซูอี้จะวางแผนฆ่าคนในภัตตาคารของนางอีกครั้ง!
ไม่นาน นายหญิงชุ่ยอวิ๋นก็สงบจิตใจลง ริมฝีปากสีกุหลาบเผยยิ้มขมขื่น ถ้อยคำกล่าวออก “นายน้อยซู ภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์เป็นสถานที่สำหรับจัดงานเลี้ยงและชุมนุม เหตุใดท่านจึงถือว่าสถานที่นี้เป็นลานสังหาร นี่…”
ซูอี้กล่าวตอบอย่างไม่เป็นทางการ “ภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์นั้นเหมาะสมแล้ว”
นายหญิงชุ่ยอวิ๋นนิ่งงัน
นางจะพูดสิ่งใดได้?
‘ช่างเถอะ ข้าไม่อาจขัดใจชายหนุ่มผู้นี้ได้…’
นายหญิงชุ่ยอวิ๋นลอบขบฟันแน่น ก่อนกล่าวถ้อยคำพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
“เอาล่ะ พาคุณชายซูและนายน้อยหวงไปยังโถงธารคีรีบนชั้นเก้า อย่าลืมยกสุราชั้นดีและอาหารเลิศรสมา ห้ามหย่อนยานเด็ดขาด!”
กระทั่งเห็นร่างของซูอี้และหวงเฉียนจวินจากไป
จากนั้นนายหญิงชุ่ยอวิ๋นจึงเปิดกระดาษที่ซูอี้มอบไว้ โดยมีรายชื่อทั้งเจ็ดเขียนอยู่
เพียงมองปราดเดียว ทั้งร่างกายนางแข็งค้าง หนังศีรษะด้านชาไปชั่วขณะ
ในฐานะเถ้าแก่เนี้ยแห่งภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์ที่มีผู้ใช้บริการตลอดทั้งปี นางจึงติดต่อกับผู้คนมากมายที่คนธรรมดาไม่อาจจินตนาการได้
ตัวอย่างเช่น ในมหานครอวิ๋นเหอ ตัวตนทรงอำนาจทั้งหมดได้รับการจดจำไว้ในหัวใจนางอย่างชัดเจน
ถึงแม้จะเป็นเหล่าคนรุ่นเยาว์ นางก็ให้ค่ากับทุกคน
ดังนั้นเมื่อเห็นรายชื่อทั้งเจ็ดนี้ จึงทราบไปถึงที่มาของอีกฝ่าย ภูมิหลังครอบครัว และข้อมูลอื่นล้วนปรากฏขึ้นในใจ
“ทั้งเจ็ดล้วนเป็นศิษย์ของสำนักดาบชิงเหอ แต่ละคนมีชาติกำเนิดที่ไม่อาจนำไปเปรียบเทียบกับผู้บ่มเพาะธรรมดา หากพวกเขาทั้งหมดต้องมาตายในภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์ของข้า…”
คิดถึงเรื่องราวนี้ นายหญิงชุ่ยอวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก
“หากเป็นไปได้ ข้าขอไม่พบเจอซูอี้อีกในชีวิตนี้!”
รูปโฉมงดงามดั่งหยกแปรเปลี่ยน ดวงตาสองเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“ภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์ยินดีต้อนรับนายน้อยเฉียน เชิญเข้ามาขอรับ!”
ที่หน้าประตู น้ำเสียงสุภาพของเสี่ยวเอ้อดังขึ้น
นายหญิงชุ่ยอวิ๋นตกใจและรีบหันมอง
แลเห็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีทอง ดวงตาคมกริบ และมีท่าทีเย่อหยิ่ง
เฉียนอวิ๋นจิว
ศิษย์สายในสำนักดาบชิงเหอ บุตรชายของผู้นำตระกูลเฉียนคนปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นตระกูลอันดับหนึ่งแห่ง ‘เมืองชิงถง’ ในเขตปกครองอวิ๋นเหอ
“ข้ามาร่วมงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ แต่ไม่ทราบว่าผู้ใดคือเจ้าภาพมอบความบันเทิงแก่ข้า”
เฉียนอวิ๋นจิวกล่าวออกเฉยเมย “ภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์ไม่คิดจะบอกข้าหน่อยหรือ?”
เสี่ยวเอ้อตกใจ
ในเวลานั้น นายหญิงชุ่ยอวิ๋นเดินเข้ามาอย่างสง่างาม กล่าวคำพร้อมรอยยิ้ม “นายน้อยเฉียนมาเพียงคนเดียวหรือ?”
เฉียนอวิ๋นจิวประหลาดใจ กล่าวตอบโดยเร็ว “เฉียนอวิ๋นจิวคารวะนายหญิงชุ่ยอวิ๋น เฉียนนั้นมาคนเดียว”
ด้วยสถานะตัวตนของตนเอง เขายังห่างไกลจากคุณสมบัติที่ให้นายหญิงชุ่ยอวิ๋นออกมาต้อนรับ ตอนนี้เขาจึงรู้สึกปลื้มปีติที่คนรุ่นเยาว์อย่างเขาถูกทายทัก
นายหญิงชุ่ยอวิ๋นเผยยิ้มอ่อนหวาน ถ้อยคำกล่าวออก “เจ้าภาพงานเลี้ยงคืนนี้ เขาส่งเทียบเชิญมากกว่าหนึ่ง เหตุใดจึงไม่รอคนอื่นมาแล้วจึงไปพร้อมกัน?”
เฉียนอวิ๋นจิวตกตะลึงครู่หนึ่ง อดถามออกมาไม่ได้ “ขอเสียมารยาทถามนายหญิง ว่าผู้ใดคือเจ้าภาพงานเลี้ยงค่ำคืนนี้?”
“นายน้อยเฉียนอย่ากังวลเลย เมื่อพบกันท่านจะทราบเอง” น้ำเสียงของนายหญิงชุ่ยอวิ๋นฟังดูอ่อนโยน
เสน่ห์และความเป็นผู้ใหญ่ของนาง ทำให้เฉียนอวิ๋นจิวผู้แข็งแรงรู้สึกจับไข้ในใจ ดวงตาทั้งสองจับจ้อง ขณะกลืนน้ำลายลงคอ
นายหญิงชุ่ยอวิ๋นแอบดูแคลนในใจ ชายหนุ่มอายุน้อยตัณหาจัด หากตายตกไปในคืนนี้ คงไม่มีสิ่งใดให้เสียใจ
“ภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์ยินดีต้อนรับนายน้อยฮัว เชิญเข้ามาขอรับ”
ในเวลานี้ อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นนอกประตู
ตามาด้วยร่างสูงของเด็กหนุ่มในชุดสีดำ เขาถูกเสี่ยวเอ้อพาเข้ามาด้านใน
“ศิษย์น้องฮัว?”
เฉียนอวิ๋นจิวตกตะลึงครู่หนึ่ง หันมองนายหญิงชุ่ยอวิ๋นโดยไม่รู้ตัว
“ถูกแล้ว นายน้อยฮัวมาที่นี่เพื่อร่วมงานเลี้ยงเช่นเดียวกับท่าน”
นายหญิงชุ่ยอวิ๋นกล่าวออก ก่อนทักทายอีกฝ่าย
ฮัวหลง
ศิษย์สายในสำนักสำนักดาบชิงเหอ บุตรชายของผู้นำตระกูลฮัวคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นกลุ่มอิทธิพลลำดับรองในมหานครอวิ๋นเหอ
แลเห็นนายหญิงชุ่ยอวิ๋นออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ฮัวหลงประหลาดใจมาก ใบหน้าพลันสดใส ทั่วร่างกายเบาหวิว
ครั้งเห็นเฉียนอวิ๋นจิว ฮัวหลงตกใจและรีบกล่าวออก “ศิษย์พี่เฉียนก็มาที่นี่เพื่อร่วมงานเลี้ยงด้วยหรือ?”
“เป็นเช่นนั้น”
เฉียนอวิ๋นจิวหยักหน้ากล่าวถ้อยคำ “ศิษย์น้องฮัว เจ้าทราบหรือไม่ว่าผู้ใดคือเจ้าภาพของงานเลี้ยงนี้?”
ฮัวหลงส่ายศีรษะ “ศิษย์น้องไม่ทราบ”
“เมื่อทุกคนมาถึง ข้าจะพาพวกท่านไปยังโถงธารคีรีบนชั้นเก้า เวลานั้นจึงทราบเองว่าผู้ใดคือเจ้าภาพ”
นายหญิงชุ่ยอวิ๋นเผยยิ้มหวาน
ชั้นเก้า!
โถงธารคีรี!
เฉียนอวิ๋นจิวและฮัวหลงมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
ด้วยตัวตนของพวกเขา ยังคงห่างไกลจากคุณสมบัติสำหรับการไปเลี้ยงฉลองบนสถานที่ชั้นดังกล่าวด้วยซ้ำ!
นี่ทำให้พวกเขายิ่งสงสัยมากขึ้นอีกว่า ใครคือเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ หรือจะเป็นใครบางคนจากสำนักดาบชิงเหอ?
“กล่าวถึงโถงธารคีรี ข้าได้ยินมาว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน เหนียนอวิ๋นเฉียวและเหยียนเฉิงหรงบุกเข้าไปในโถง ก่อปัญหาและสร้างความขุ่นเคืองแก่มู่จงถิงผู้ว่าเขตปกครองหย่งเหอซึ่งกำลังจัดงานเลี้ยงอยู่ จึงได้ถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุ”
เฉียนอวิ๋นจิวเผยท่าทีแปลกประหลาด “กล่าวกันว่า ตระกูลเหนียนและตระกูลเหยียนไม่กล้าหาเรื่องอีกฝ่ายหลังจากทราบถึงเหตุการณ์ พวกเขาจึงทำได้เพียงอดกลั้นและยอมรับความโชคร้าย”
“เหอะ ๆ เหนียนอวิ๋นเฉียวและเหยียนเฉิงหรงบ้าระห่ำเกินไปแล้ว ตัวตนเช่นพวกเขากล้าดีอย่างไรถึงบุกไปยังชั้นเก้าอย่างอุกอาจได้?”
ฮัวหลงกล่าวถ้อยคำดูหมิ่น
เฉียนอวิ๋นจิวอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
นายหญิงชุ่ยอวิ๋นรับฟังสิ่งนี้จากด้านข้าง สายตาทอดมองสองศิษย์พี่น้องด้วยความเวทนา
เวลาผ่านพ้นกระทั่งแขกงานเลี้ยงมาถึงทีละคน
พวกเขาคือ เจิ้งเซียวหลิน จางเฟิงถู หลิวอิ๋ง หยางฉี และฉู่เหลียนเหิง
ทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์สำนักดาบชิงเหอ มีเพียงหลิวอิ๋งเท่านั้นที่เป็นหญิงสาว
เมื่อพวกเขามาถึงและรู้ว่างานเลี้ยงตั้งอยู่ในโถงธารคีรีบนชั้นเก้า จึงอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ พากันคาดเดาว่าผู้ใดคือเจ้าภาพงานเลี้ยง
ทุกคนต่างตื่นเต้นและคาดหวัง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นว่า นายหญิงชุ่ยอวิ๋นมองดูพวกเขาด้วยความเวทนาและจนใจ
ทันใดนั้น ขณะที่นายหญิงชุ่ยอวิ๋นกำลังพาเฉียนอวิ๋นจิวและคนอื่นไปยังโถงธารคีรีบนชั้นเก้า เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นชัดเจน
“ศิษย์น้องฮัวหลง เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
หันไปมองทางต้นเสียง แลเห็นคนสามคนกำลังเดินเข้ามาจากประตูหน้า
ชายหนุ่มหล่อเหล่ารูปร่างสูงโปร่ง ส่วนหญิงสาวมีท่าทีบอบบางและงดงามราวกับนางสวรรค์
พวกเขาคือหนีเฮ่าและหนานอิ่ง!
ตรงกลางของทั้งสองเป็นชายชราผมสีดอกเลาเปี่ยมล้นด้วยกลิ่นอายหนักแน่น แววตาสองข้างคล้ายกับมีกระแสน้ำไหลเย็นพาดผ่านดูน่าเกรงขามยิ่ง
ผู้เฒ่าดาบยอดเขาขจี โจวฮวายชิว!
“คารวะท่านผู้อาวุโสโจว!”
เฉียนอวิ๋นจิวและคนอื่นรีบก้าวออกไปด้านหน้าและทักทาย
ในสำนักดาบชิงเหอ โจวฮวายชิวเป็นผู้อาวุโสอันดับสี่ในสำนัก เป็นผู้มีสถานะสูงส่งและทรงอำนาจยิ่ง
นายหญิงชุ่ยอวิ๋นตกใจเล็กน้อย ถ้อยคำประหลาดกล่าวออก “ผู้อาวุโสโจว ข้าได้ยินว่าท่านพาศิษย์ออกท่องยุทธ์ ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไรหรือ?”
โจวฮวายชิวกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าเพิ่งกลับมาถึงเมื่อครู่”
สิ้นเสียง เขาเหลือบมองเฉียนอวิ๋นจิวและคนอื่น ถ้อยคำกล่าวออก “พวกเจ้ากำลังจัดงานเลี้ยงที่นี่หรือ? เหตุใดจึงไม่มากับพวกเราล่ะ?”
ดวงตาคู่งามของนายหญิงชุ่ยอวิ๋นหรี่ลง แอบหลั่งน้ำตาในใจ
ทันใดนั้นเฉียนอวิ๋นจิวอธิบาย “ผู้อาวุโสโจว เราต่างมาที่นี่เพื่อร่วมงานเลี้ยงของคนผู้หนึ่ง”
จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องราวถึงใบเทียบเชิญจากบุคคลลึกลับ
หลังจากได้รับฟัง โจวฮวายชิวเผยความแปลกใจ ก่อนมองย้อนกลับไปยังนายหญิงชุ่ยอวิ๋นพร้อมกล่าวออก “นายหญิง เจ้าภาพงานเลี้ยงนี้มาจากสำนักดาบชิงเหอของข้าหรือ?”
ใบหน้านายหญิงชุ่ยอวิ๋นแข็งค้าง พยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจ “เป็นเช่นนั้น”
ท้ายที่สุด ซูอี้ก็เคยเป็นศิษย์สำนักดาบชิงเหอ คำตอบนี้จึงไม่ผิด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้นางแอบพร่ำบ่นอยู่ในใจก็คือ การได้พบโจวฮวายชิวโดยบังเอิญ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญ!
“ผู้อาวุโสโจว เหตุใดเราไม่ไปโถงธารคีรีที่ชั้นเก้าเพื่อร่วมงานเลี้ยงที่จัดโดยศิษย์ของสำนักเราเองล่ะ?” หนานอิ่งเอ่ยถามเสียงใส
อาภรณ์สีขาวราวกับหิมะ เผยทรวดทรงสง่างามและเย้ายวน ริมฝีปากสีแดงดั่งเพลิงไฟ ดวงตาลุ่มลึกเปรียบเสมือนสายน้ำ เปี่ยมล้นด้วยเสน่หาน่าดึงดูดใจ
ครั้งแลเห็นนางกล่าวเช่นนี้ เฉียนอวิ๋นจิวและคนอื่นก็รีบกล่าวออกเชื้อเชิญพวกโจวฮวายชิวไปด้วยกัน
“นี่…”
โจวฮวายชิวครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวออก “เอาล่ะ ไปก็ไป”
หนานอิ่งหัวเราะ
กล่าวถึงเรื่องนี้ มันเป็นครั้งแรกที่นางมีโอกาสเข้าร่วมงานเลี้ยงบนชั้นเก้าของภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์ แล้วจะพลาดได้อย่างไร?
แม้แต่หนีเฮ่าก็ยังไม่ปฏิเสธ
ประการแรก โถงธารคีรีบนชั้นเก้าไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเข้าถึงได้
ประการสอง เขาอยากรู้ว่าผู้ใดเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงนี้
เบื้องหน้าทุกคน นายหญิงชุ่ยอวิ๋นเผยยิ้มขมขื่น นางแข็งค้างไปชั่วครู่โดยไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
ท้ายที่สุด นางสูดลมหายใจเข้าลึก ปั้นยิ้มหวานพลางกล่าวออก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกท่านโปรดตามข้ามา”
ทันทีที่กลุ่มคนมาถึงโถงธารคีรีบนชั้นเก้า
ภายในห้องส่วนตัวของภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์ชั้นแรกซึ่งมีประตูกั้นขวางเปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง
รับชมภาพฉากนี้ เฉิงอู้หย่งจึงขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ “การลงมือของคุณชายซูค่ำคืนนี้อาจประสบปัญหา”
นอกจากเขาแล้ว ยังมีหยวนลั่วซีและหยวนลั่วอวี่อยู่ภายในห้อง
หลังรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับงานเลี้ยงของซูอี้เมื่อวันก่อน เฉิงอู้หย่งก็มีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้น
ดังนั้นเขา หยวนลั่วซี และหยวนลั่วอวี่จึงมาโดยเร็ว และตั้งใจว่าจะแอบรับชมอย่างเงียบงัน ว่าคืนนี้จะเกิดเหตุการณ์ยิ่งใหญ่เพียงใด
ใครจะคาดคิด ว่ามีผู้ที่ไม่ได้รับเชิญมาร่วมงานเลี้ยง ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญอย่างโจวฮวายชิว
“โจวฮวายชิวเหมือนกับตัวข้า ติดอยู่ในขอบเขตรวบรวมลมปราณมาหลายปี ทว่าทักษะดาบนั้นยอดเยี่ยมมาก ในหมู่สหาย จึงสามารถเรียกเขาได้ว่าเป็นยอดคน ฝีมือเป็นรองเพียงเหล่าปรมาจารย์วิธียุทธ์เท่านั้น”
เฉิงอู้หย่งถอนหายใจเบา “แต่แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณชายซู”
“อย่างไรก็ตาม ตัวตนของโจวฮวายชิวนั้นก็จัดการลำบาก เขาเป็นผู้อาวุโสในสำนักดาบชิงเหอ เมื่อเกิดความขัดแย้ง มันจะปลุกปั่นความเกลียดชังของสำนักดาบชิงเหอทั้งหมด ข้าเกรงว่าเรื่องราวจะไม่จบเพียงเท่านี้”
เดิมที หากซูอี้จัดการกับเด็กหนุ่มเพียงเจ็ดคน มันก็ไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โต
ด้วยอำนาจของตระกูลหยวน พวกเขาก็สามารถช่วยให้เหตุการณ์นี้คลี่คลายได้ง่ายดาย
แต่ตอนนี้กลับมีโจวฮวายชิว ซึ่งมันแตกต่างออกไป!
“แล้วเรื่องนี้จะทำอย่างไร?” หยวนลั่วซีขมวดคิ้วมุ่น
หยวนลั่วอวี่กล่าวถ้อยคำไม่ใส่ใจ “เจ้ากลัวอะไร ด้วยความสามารถของคุณชายซูที่สามารถสังหารปรมาจารย์วิถียุทธ์ได้ด้วยดาบเดียว แค่สำนักดาบชิงเหอเพียงสำนักเดียว ไม่อาจสร้างขีดข่วนต่อคุณชายได้แน่”
“สิ่งต่าง ๆ ไม่เรียบง่ายนัก อย่าลืมว่า แม้แต่ตัวตนอันเหี้ยมโหดอย่างฉินเหวินเยวียนที่เป็นผู้ว่าเขตปกครอง ก็ยังคิดวางแผนแก้แค้นให้กับบุตรชาย!” เฉิงอู้หย่งกล่าวออกเคร่งขรึม