บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1160: ดาบเดียวทลายภัยพิบัติ!
ตอนที่ 1160: ดาบเดียวทลายภัยพิบัติ!
“สหายเต๋า เจ้าหมดทางหนีแล้ว ยังคิดจะสังหารพวกข้าอีกหรือ?”
ระหว่างการต่อสู้ฟาดฟัน เซวียจื่อหนิงหัวเราะ “ข้าว่า เจ้ายอมให้จับเสียดี ๆ จะดีกว่า เจ้าก็รู้ว่าพวกเรามาเพื่อวัฏสงสาร ไม่ทำร้ายเจ้าถึงตายหรอก”
ถึงแม้จะกล่าวเช่นนี้ ทว่านางลงมือรุนแรงและทารุณขึ้นเรื่อย ๆ
พวกเขาล้วนเป็นตัวตนอำมหิตที่ผ่านการฆ่าฟันประหัตประหารมานับไม่ถ้วน จึงไม่มีทางประมาทเลินเล่อในเวลาเช่นนี้เป็นแน่
เซวียจื่อหนิงรู้ดีว่า ยิ่งศัตรูอยู่ในสภาพร่อแร่ ก็ยิ่งเกิดความเปลี่ยนแปลงได้ง่าย!
ด้วยเหตุนี้ นางจึงไม่คิดจะให้โอกาสซูอี้ได้หยุดพักหายใจ
อวตารขอบเขตราชันแห่งภูมิคนอื่น ๆ อีกสิบกว่าคนก็เช่นกัน ไม่มีทางอ่อนข้อให้เด็ดขาด!
สถานการณ์ของซูอี้อันตรายมากขึ้นทุกที
ทั่วร่างของเขามีแต่บาดแผล เลือดไหลย้อยเป็นทาง กระดูกโผล่ให้เห็นอยู่รำไร
“หืม?”
เซวียจื่อหนิงกับคนอื่น ๆ พากันตะลึง
ฉับพลัน พวกเขาก็ขนลุกซู่ รู้สึกได้ถึงอันตรายที่คุกคามต่อชีวิต
“นั่นคือ…”
เซวียจื่อหนิงตะลึง
บนท้องฟ้าที่ห่างไกล เมฆภัยพิบัติสีดำทะมึนราวกับสีน้ำหมึกปรากฏขึ้นอย่างไร้สุ้มไร้เสียง บนฟ้าที่ห่างไกลมีแสงภัยพิบัติต้องห้ามส่งแสงแปลบปลาบ
“ภัยพิบัติ!?”
อวตารของตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิคนอื่น ๆ ต่างตื่นตระหนก และไม่อยากจะเชื่อสายตา
ซูอี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตายเช่นนั้นแล้ว กลับต้องการผจญภัยพิบัติ?
เสียสติแล้ว!
ห่างไกลออกไป ทุกคนล้วนสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงต่างรู้สึกหวาดหวั่น
กลิ่นอายของภัยพิบัติเคราะห์นั้นแปลกประหลาดเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นปรมาจารย์เผิงที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น หรือว่าเป็นคนอื่น ๆ ที่คอยดูการต่อสู้ล้วนหนาววาบไปถึงสันหลัง จิตใจสั่นสะท้าน
อานุภาพที่ดุดันเช่นนั้น แข็งแกร่งเสียจนมองดูไกล ๆ ก็ยังรู้สึกหมดหวังที่จะอยู่ต่อไป
“เฒ่าโล้น เช่นนี้คือการลับคมการเผชิญความเป็นความตายเท่านั้นหรือ?”
ดวงตาของจักรพรรดิมารสวรรค์ลุกวาว บนใบหน้าเต็มไปด้วยอาการตื่นตะลึง
“น่าจะใช่…”
หลวงจีนเยี่ยนซินก็ตะลึงจนตาค้างเช่นกัน
ผจญภัยพิบัติระหว่างวิกฤต ค้นหาโอกาสแห่งการเปลี่ยนแปลง?
ใช้ได้เลย ซูเสวียนจวิน!
อาจหาญเช่นนี้ ไม่มีใครเกิน!
ในสถานการณ์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสใกล้ตายเช่นนี้ ต้องมาเจอกับภัยพิบัติใหญ่ต้องห้ามที่ร้ายแรงเช่นนี้อีก เขาจะรับมือเช่นไร?
เช่นนี้เท่ากับร่ายรำบนปลายดาบแห่งความตาย เผลอไผลเพียงน้อยนิด จะมีชีวิตดับอนาถเป็นจุดจบ!
“นี่คือภัยพิบัติใหญ่เช่นไรกัน?”
ในจักรวาลพร่างดาว โม่ฉางคงผู้เป็นจ้าวตำหนักดาราแห่งลัทธิทางช้างเผือกสีหน้าเปลี่ยน สายตาส่องประกาย
“กลิ่นอายของภัยพิบัตินี้… พิสดารยิ่งกว่าภัยพิบัติที่พวกเราเจอตอนบรรลุสู่ขอบเขตราชันแห่งภูมิเสียอีก…”
ถูไป่ชวน จ้าวเรือนจำที่สามของหอเก้าสวรรค์สูดปาก
“เจ้าอาวาสถูกบีบคั้นจนหมดทางเลือกแล้วเช่นนั้นหรือ? มิเช่นนั้น จะบ้าคลั่งถึงเพียงนี้หรือ?”
จางไป๋หลิงผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิรำพึงเบา ๆ
ตัวตนขอบเขตราชันแห่งภูมิอย่างพวกเขาล้วนรู้สึกได้ถึงการมาของภัยพิบัติเคราะห์และรู้สึกหวาดหวั่นครั่นคร้ามในแบบเดียวกัน
เพราะภัยพิบัติเคราะห์เช่นนี้แปลกประหลาดพิสดารมาก ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
พูดแล้วก็มาในทันที
ขณะที่ทุกคนต่างก็รู้สึกได้ถึงการมาของภัยพิบัติใหญ่ครั้งนี้ แสงภัยพิบัติลำหนึ่งก็ระเบิดเสียงดังท่ามกลางเมฆาพิบัติที่ห่างไกล ฟาดลงมายังโลกมนุษย์!
ชั่วขณะนี้ เซวียจื่อหนิงกับคนอื่น ๆ ตื่นตระหนกอย่างสุดขีด พวกเขาแทบจะถอยหนีในทันทีโดยสัญชาตญาณ ไม่มีจิตใจจะไปต่อสู้กับซูอี้อีกแล้ว
ชั่วขณะนี้ แสงพิบัติสีขาวส่องสว่างวาบไปทั่วผืนพสุธา ทุกคนล้วนหลับตาปี๋ กลิ่นอายทำลายล้างของพิบัติเคราะห์ที่น่ากลัวแผ่ซ่านออกไปอย่างรวดเร็วราวกับคลื่นลูกยักษ์ในทะเลที่โหมซัดทุกสิ่งจนไม่เหลือ
ทุกคนต่างก็หน้าถอดสีในทันใด จิตใจสั่นสะท้าน
และก็เป็นชั่วขณะนี้เช่นกัน ซูอี้ผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสกลับหัวเราะขึ้นมา ส่งเสียงพูดด้วยความพึงพอใจ
“ในที่สุดวันนี้ ข้า ซูเสวียนจวิน ก็กลับสู่ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำได้อีกครั้ง!”
เสียงยังคงดังกึกก้อง
ทันใดร่างของเขาก็พุ่งขึ้นไปรับแสงพิบัติที่กำลังฟาดลงมา
ครืน!
ทว่ายังไม่ทันได้แตะต้องโดนตัวซูอี้ เงาดาบเลือนรางก็ฟาดฟันจนย่อยยับไปเสียก่อน มันระเบิดกลายเป็นสะเก็ดแสงเต็มท้องฟ้า
เงาดาบเลือนรางนั้นปรากฏขึ้นบนกระหม่อมของซูอี้ ความจริงแล้วเป็นพัฒนาการของดาบเก้าคุมขังในห้วงความนึกคิดของซูอี้!
สำหรับการผจญภัยพิบัติแต่ละครั้งในชาตินี้ ซูอี้คุ้นเคยเสียเหลือเกิน
เขารู้ดีมากว่า ภัยพิบัติใหญ่แต่ละครั้งที่เขาพบเจอรุนแรงจนไม่มีโอกาสรอด! เพราะภัยพิบัติใหญ่เช่นนั้นล้วนต้องการทำลายล้างเขาให้หมดสิ้น!
แต่ยังดีที่มีดาบเก้าคุมขังอยู่!
ถึงแม้ภัยพิบัติใหญ่ที่พบเจอในแต่ละครั้งล้วนอันตรายยิ่งขึ้น รุนแรงยิ่งขึ้น
แต่ทั้งหมดกลับมลายไปสิ้นภายใต้ดาบเก้าคุมขัง
เมื่อก่อนเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนี้!
ในขณะที่สายตาตื่นตระหนกหลายคู่จับตามอง ซูอี้ยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ ทันใดเขาก็ชูมือขึ้น
ครืน!
แสงภัยพิบัติอันยิ่งใหญ่สิ้นสลาย กลายเป็นสะเก็ดแสงระยิบระยับพร่างพราวราวกับน้ำตกจากสรวงสวรรค์ ชโลมอาบทั่วร่างของซูอี้
สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าว่าบาดแผลบนตัวเขาสมานอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลเนื้อฉีก กระดูกหัก เอ็นขาด อวัยวะภายในบอบช้ำ… ล้วนสร้างตัวขึ้นใหม่และเกิดการเปลี่ยนแปลงราวกับหลุดพ้นจากการเกิดดับ!
และพลังปราณในตัวเขา เดินหน้าบุกทลายผนังกำแพงกั้นในตัวเอง บรรลุสู่ขอบเขตใหม่เอี่ยมอีกขอบเขตหนึ่ง!
ครืน!
ใต้ท้องนภา แสงวิถีหมื่นจั้งกระจายออกมาจากตัวของซูอี้ สาดส่องไปทั่วผืนฟ้าผืนแผ่นดิน ไม่ว่าใครล้วนต้องยำเกรง
“เพียงแค่นี้ก็ผ่านพ้นภัยพิบัติได้สำเร็จแล้วหรือ!?”
คนจำนวนไม่น้อยพากันตื่นตะลึง ไม่อยากจะเชื่อ
นี่มันผจญภัยพิบัติที่ไหนกันเล่า พิฆาตภัยพิบัติฟ้ามากกว่า เพียงแค่ดาบเดียว เมฆาพิบัติก็มลายสิ้นแล้ว!
“เมื่อก่อนสัตว์ประหลาดเฒ่าซูไม่ได้แรงถึงเพียงนี้…”
พวกของปรมาจารย์เผิงอ้าปากตาค้าง
ก่อนหน้านี้ ทุกคนนยังรู้สึกเป็นห่วงแทนซูอี้ คิดว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตาย อาจจะต้านทานพิบัติไม่ไหว และไม่มีวันกลับมาอีก
ทว่าไหนเลยจะคาดคิด เพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น สามารถทลายพิบัติแสวงวิถีได้!
ช่างอัศจรรย์เสียเหลือเกิน
บนจักรวาลพร่างดาว ตัวตนราชันแห่งภูมิเหล่านั้นก็ตื่นตะลึงมากเช่นกัน รู้สึกเพียงแค่ว่าโลกทัศน์ของตัวเองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างแรง สงสัยว่าตัวเองคงมองผิดไปแล้ว
ภัยพิบัติใหญ่ต้องห้ามและน่ากลัวเช่นนั้น ทำให้พวกเขารู้สึกใจสั่นหวั่นไหว ทว่ากลับโดนพังทลายไปในดาบเดียว!
“เร็ว ถือโอกาสตอนที่ขอบเขตยังไม่นิ่ง สังหารเขาทิ้ง!”
ทันใด เสียงตะคอกของเซวียจื่อหนิงก็ดังขึ้น
“ได้!”
อวตารขอบเขตราชันแห่งภูมิคนหนึ่งเข้าประมือในทันใด
คนนี้คือผู้ชายในชุดสีขาว มือถือหอกรบ รอบตัวมีสายฟ้าสีน้ำเงินรายล้อม เขาก้าวออกมาหนึ่งก้าว ก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าซูอี้
หอกรบแทงออกไปอย่างรุนแรง
ผืนแผ่นดินแตกระเบิดในทันใด พลังกฎเกณฑ์อันเฉิดฉายปกคลุมทั่วตัวหอกรบ ราวกับจะพลิกฟ้าให้หงายคว่ำ
ทุกคนที่สังเกตเห็นภาพเหตุการณ์นี้ต่างก็กลั้นหายใจ
ทว่าหอกรบที่พุ่งแทงออกไปนี้กลับถูกคว้าด้วยมือขาวเนียนขนาดใหญ่เห็นโครงกระดูกได้ชัดเจน
ไม่อาจจะพุ่งไปข้างหน้าได้อีก!
เจ้าของมือขนาดใหญ่นั้น ก็คือซูอี้
แสงวิถีรอบตัวเขาส่องประกายเจิดจ้า ในแววตามีแต่ความราบเรียบ แฝงความเย้ยหยันเอาไว้อย่างเห็นได้ชัด
ผู้ชายในชุดสีขาวหรี่ตาลง แอบร้องในใจว่าไม่ได้การ
ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งตัว พลังรุนแรงไร้ขอบเขตที่ผ่านหอกรบมา กระเทือนจนกระดูกข้อมือขวาของเขาหัก นิ้วแตก
ซูอี้แย่งหอกรบไป
“ตาย!”
ซูอี้หมุนปลายหอกในมือ แล้วโยนออกไป
ปัง!!!
หอกรบแหวกทะลุอากาศราวกับหัวธนูที่ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า เสียงเข้าอกของผู้ชายในชุดคลุมสีขาวคนนั้นอย่างแรง ทะลุผ่านหลัง กลายเป็นรอยโบ๋ขนาดเท่ากับชามข้าว
ร่างของผู้ชายในชุดสีขาวกระตุกอย่างแรง ร้องเสียงหลงราวกับไม่อยากจะเชื่อ “เหตุใดเจ้า…”
ยังพูดไม่จบ ร่างของเขาก็ระเบิด กลายเป็นชิ้นย่อย
เพียงครู่เดียว ก็สามารถสังหารอวตารของตัวตนขอบเขตราชันแห่งภูมิจนไม่เหลือได้!!
ความรุนแรงน่ากลัวเช่นนั้น สร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์
“หลังจากที่สัตว์ประหลาดเฒ่าซูผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้มาได้ ถึงแม้จะอยู่ในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นต้น แต่เทียบกับเมื่อตอนรุ่งเรืองที่สุดในชาติที่แล้วแข็งแกร่งกว่ามาก!”
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่น ๆ ก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน
ซูเสวียนจวินเมื่อในอดีตชาติ แข็งแกร่งจนไร้ศัตรูเทียบเทียมแล้ว
ทว่าตอนนี้ หลังจากที่เขาผ่านพ้นภัยพิบัติย่างเข้าสู่ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำแล้ว กำลังการต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนแข็งแกร่งที่สุดในอดีตชาติ!
“ให้ตายสิ!”
เซวียจื่อหนิงกับคนอื่น ๆ ล้วนสีหน้าเปลี่ยน หนาววาบขึ้นในใจ
โดยไม่ต้องสงสัย ซูอี้ในเวลานี้ ผ่านภัยพิบัติข้ามขอบเขต กลายเป็นตัวตนขอบเขตสานพันธะลึกล้ำที่แท้จริงแล้ว ระดับวิถีในตัวของเขาเกิดความเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยเช่นกัน แตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง!
ลองคิดดู ซูอี้ผู้ที่อยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ สามารถรับมือกับร่างจำแลงขอบเขตราชันแห่งภูมิอย่างพวกเขาสิบกว่าคนได้ ถึงแม้เกือบจะถูกฆ่าตาย ทว่ากำลังการต่อสู้เช่นนั้นก็ยังถือได้ว่ารุนแรงสวนทางสวรรค์
และตอนนี้ เมื่อเขาบรรลุสู่ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ กำลังการต่อสู้เช่นนั้นก็เปลี่ยนไป น่ากลัวจนเกินกว่าที่คาดเดาถูก!
“ต่างไปจากเดิมจริง ๆ…”
อานุภาพของทุก ๆ กิริยาอาการสามารถสร้างแรงกดดันอันรุนแรงแก่แผ่นดินทางนี้ ราวกับต้องการให้หมื่นวิถีฟ้าดินต้องจำนน!
ต่างจากขอบเขตสานพันธะลึกล้ำในอดีตชาติจริง ๆ พลัง อานุภาพ และการควบคุมมหาวิถีเช่นนั้นเกินกว่าเมื่อชาติก่อนตอนรุ่งเรืองที่สุดกว่ามาก!
รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้แล้ว ซูอี้ก็รู้สึกยินดีอย่างบอกไม่ถูกขึ้นมา
ตอนนั้นเขากลับชาติฝึกตนใหม่ เพราะต้องการจะล้ำหน้ากว่าชาติก่อน ย่างสู่หนทางวิถีที่สูงส่งยิ่งกว่าหรอกหรือ?
และตอนนี้ เขาก็ล้ำหน้าเกินชาติก่อนแล้ว ลำดับถัดมาก็คือเสาะแสวงหาหนทางสู่สวรรค์ หลุดพ้นจากหนทางแห่งวิถีลึกล้ำ!
“บุกพร้อมกัน!”
เซวียจื่อหนิงกับอวตารขอบเขตราชันแห่งภูมิเหล่านั้นบุกเข้ามา ต่างก็มีพลังน่ากลัว ออกแรงสุดกำลัง ท่าทางดุดันนัก
ทุกคนซัดพลังอย่างเต็มที่
เวลานี้ กลิ่นอายพลังที่แผ่ปกคลุมไปทั่วร่างของซูอี้ทำให้พวกเขาตื่นตระหนก คาดไม่ถึงสักนิดว่านี่คือตัวตนที่เพิ่งย่างสู่ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ
และครั้งนี้ ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนหน้านี้อีกแล้ว!!
ซูอี้หัวเราะเสียงใส ก้าวเท้าเพียงก้าวเดียว ก็มาหยุดตรงหน้าผู้เฒ่าในชุดสีดำ ยกมือขึ้นกวาด
เอื๊อก!
หัวคนกลิ้งกระเด็น ร่างแตกสลายกลายเป็นธุลี ฟุ้งกระจายไปในอากาศ
ชิ้ง!
ในเวลาเดียวกัน ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ส่งเสียงคำราม แสงวาววับรวมตัวกันที่ปลายดาบ ถล่มการร่วมมือกันของฝ่ายศัตรูจนราบคาบ
ร่างของซูอี้หายวับไป
เอื๊อก! เอื๊อก! เอื๊อก!
อวตารของขอบเขตราชันแห่งภูมิทั้งสามคนระเบิดกระจุยราวกับกระดาษเปียก
ละอองเลือดซ่านกระเซ็น ย้อมท้องฟ้าจนกลายเป็นสีแดง
เซวียจื่อหนิงส่งเสียงร้องตะโกน รู้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว
ซูอี้ในเวลานี้ ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ทั้งยังมีอานุภาพสามารถบดขยี้อวตารของตัวตนขอบเขตราชันแห่งภูมิอย่างพวกเขา!
แต่เสียดาย อย่างไรเสียก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง
เมื่อได้ลงมือ ซูอี้ไม่มีอ่อนข้อแม้แต่น้อย ถือดาบฟาดฟัน ชั่วขณะที่กวัดแกว่ง พลังดาบสังหารไม่มีเหลือ
เพียงแค่ไม่กี่พริบตาเท่านั้น อวตารขอบเขตราชันแห่งภูมิที่เมื่อก่อนหน้านี้ยังทำตัวกร่างราวกับไร้ศัตรู ล้วนตายเรียบ
ง่ายดายราวกับผ่าฟักผ่าแตง!
เมื่อเซวียจื่อหนิงตาย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสับสนและเจ็บใจ ราวกับไม่อยากจะเชื่อเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
จนกระทั่งถึงตอนนี้ อวตารขอบเขตราชันแห่งภูมิสิบหกคนดับสิ้น
ไม่มีใครรอดสักคน!
ซูอี้ยืนตระหง่านเพียงผู้เดียวท่ามกลางฟ้าดิน งดงามประดุจเทพผู้ยิ่งใหญ่
เมื่อได้ลงมือ ซูอี้ไม่มีอ่อนข้อแม้แต่น้อย ถือดาบฟาดฟัน ชั่วขณะที่กวัดแกว่ง พลังดาบสังหารไม่มีเหลือ
เพียงแค่ไม่กี่พริบตาเท่านั้น อวตารขอบเขตราชันแห่งภูมิที่เมื่อก่อนหน้านี้ยังทำตัวกร่างราวกับไร้ศัตรู ล้วนตายเรียบ
ง่ายดายราวกับผ่าฟักผ่าแตง!
เมื่อเซวียจื่อหนิงตาย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสับสนและเจ็บใจ ราวกับไม่อยากจะเชื่อเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
จนกระทั่งถึงตอนนี้ อวตารขอบเขตราชันแห่งภูมิสิบหกคนดับสิ้น
ไม่มีใครรอดสักคน!
ซูอี้ยืนตระหง่านเพียงผู้เดียวท่ามกลางฟ้าดิน งดงามประดุจเทพผู้ยิ่งใหญ่
………………..