บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1161: ทุกวิถีทาง
ตอนที่ 1161: ทุกวิถีทาง
บนหมู่ดารา
ร่างเดิมของเซวียจื่อหนิงสั่นสะท้าน กระอักออกมาเป็นเลือด
รอบข้างตัวนาง ตัวตนขอบเขตราชันแห่งภูมิคนอื่น ๆ ต่างก็ได้รับผลกระทบ บ้างส่งเสียงครางด้วยความทรมาน บ้างส่งเสียงร้องดังด้วยความเจ็บปวด
ราชันแห่งภูมิที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้แยกอวตารออกไปต่อสู้ ต่างก็สูดปาก ความคับข้องปรากฏขึ้นเต็มใบหน้า
“บัดซบ!”
พลังปราณในตัวเซวียจื่อหนิงระเบิดปะทุด้วยเจ็บแค้นใจ
ไม่เหมือนกับตราเจตจำนง หากอวตารถูกทำลาย ร่างแท้จะได้รับบาดเจ็บไปด้วย
“ซูอี้คนนี้… แข็งแกร่งเกินไปแล้วกระมัง?”
โม่ฉางคงผู้เป็นจ้าวตำหนักดาราแห่งลัทธิทางช้างเผือกขมวดคิ้วแน่น
แสวงวิถีสู่ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำเพียงแค่ระยะเวลาดีดนิ้ว!
และตอนนี้ ยังสังหารอวตารขอบเขตราชันแห่งภูมิของพวกเซวียจื่อหนิงจนไม่เหลือ!
แข็งแกร่งจนไม่มีใครทัดทาน
“เจ็บใจนัก หากไม่ใช่เพราะพลังกฎเกณฑ์ของภูมิดาราฟ้าดินบดบัง ข้าสังหารเขาตั้งแต่แรกแล้ว!”
มีคนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
สำหรับตัวตนขอบเขตราชันแห่งภูมิอย่างพวกเขาแล้ว หากดึงดันไปภูมิดาราฟ้าดิน มีแต่จะได้รับผลกระทบที่น่ากลัว มีแต่เสียไม่มีได้
หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ พวกเขาจะทำแค่มองดูการต่อสู้อย่างเงียบ ๆ บนหมู่ดาราเช่นนั้นหรือ?
“อย่าร้อนใจไป แพ้หรือชนะ ยังไม่ถึงเวลาตัดสิน!”
ถูไป่ชวนจ้าวเรือนจำที่สามแห่งหอเก้าสวรรค์เอ่ยพูดขึ้น
…
ซูอี้ยืนมือไพล่หลัง ระดับวิถีในตัวมั่นคงอย่างรวดเร็ว
หลังจากกลับจากมหาทวีปคังชิง เขาก็หลอมสมบัติลับฟ้าดินในตัวจนหมดในทีเดียว ไม่รู้ว่าปราณมารดาฟ้าดินขัดเกลาและพัฒนาระดับการฝึกตนในตัวกี่ครั้งกี่หนกันแล้ว
และตอนนี้ อาศัยมือของอวตารขอบเขตราชันแห่งภูมิเหล่านั้น บรรลุขอบเขตในขณะที่ทำการต่อสู้ ผลดีที่ได้รับนั้นมากมายจนน่าตะลึง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ดูดซับโอกาสรอดในภัยพิบัติฟ้าต้องห้ามนั้นได้แล้ว เขาก็สามารถก่อสร้างรากฐานมหาวิถีอันยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดออกมาได้
อานุภาพที่สะสมในร่างกายในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็ได้รับการปลดปล่อยอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน ย้อนกลับมาสร้างรากฐานให้ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ
ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้เขาดูคล้ายคนที่เพิ่งบรรลุขอบเขตแสวงวิถี ทว่าแท้จริงแล้วระดับวิถีในขอบเขตนี้ไปถึงระดับขั้นที่ใครได้ยินแล้วเป็นต้องตื่นตะลึง
กระทั่งเทียบกับเมื่ออดีตชาติตอนรุ่งเรืองที่สุดแล้วก็ยังเหนือกว่ามาก!
เป็นเพราะเหตุนี้ เมื่อต่อสู้กับอวตารขอบเขตราชันแห่งภูมิอย่างพวกเซวียจื่อหนิงแล้ว จึงสามารถมีพลังบดขยี้ได้!
“ใต้เท้าซู… ไร้เทียมทานอย่างแท้จริงแล้วหรือ…”
ก่อนอื่นสังหารตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดินับร้อย ต่อมาผจญภัยพิบัติ สังหารอวตารขอบเขตราชันแห่งภูมิ!
ในสายตาของคนทั้งหลาย ความสามารถและวิธีการที่ซูอี้แสดงออกมานั้นไม่ต่างไปจากเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่ เต็มไปด้วยสีสันแห่งความมหัศจรรย์
“ก่อนหน้านี้ ข้ายังเข้าใจว่าใต้เท้าซูจะเจอความพ่ายแพ้อย่างใหญ่หลวงในชั่วชีวิตนี้ แต่ตอนนี้ดูแล้ว ข้าเสียอีกที่คิดตื้นเกินไป”
“มหาแดนดินของเรามีใต้เท้าซูคอยดูแล โชคดียิ่งนัก!”
“ที่แท้ ผู้แข็งแกร่งจากห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวเหล่านั้นก็ใช่ว่าจะแข็งแกร่งนัก…”
ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าใดที่ตื่นเต้นจนร้องเฮด้วยความปลาบปลื้ม
จนถึงเวลานี้ พวกของปรมาจารย์เผิงจึงรู้สึกโล่งใจ
เพราะพวกเขารู้ดีว่า ร่างแท้ของราชันแห่งภูมิพวกนั้นไม่อาจมายังมหาแดนดินได้!
และในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เป็นอวตารขอบเขตราชันแห่งภูมิโผล่หน้ามา ก็ไม่อาจทำอะไรซูอี้ได้อีก!
“สหายเต๋า เช่นนี้เรียกว่ามุ่งสู่ความตายเพื่อเกิดใหม่ ไม่ใช่ผู้อาจหาญเพียรพยายาม ไม่อาจทำได้เหมือนสหายเต๋าซู ตั้งตนตระหง่านท่ามกลางวิกฤต พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส!”
หลวงจีนเฒ่าแห่งแดนบูรพาน้อยรูปนี้แสดงสีหน้าตื่นตะลึงยากจะกลบเกลื่อนออกมา
“จริงดังว่า เมื่อสักครู่ข้ายังตกใจไม่หาย อยากจะร่วมสู้เป็นสู้ตายกับซูเสวียนจวินใจจะขาด”
จักรพรรดิมารสวรรค์ดวงตาสดใสเป็นประกาย ใบหน้าปลาบปลื้ม
“มุ่งสู่ความตายเพื่อเกิดใหม่ พูดนั้นง่าย หากพลาดพลั้งขึ้นมา ก็มีแต่แพ้เท่านั้น เรื่องเช่นนี้ มีแต่สัตว์ประหลาดเฒ่าซูเท่านั้นที่ใจกล้าพอและมีความสามารถจะทำเช่นนั้น”
หนอนตะกละเฒ่ากล่าว
สำหรับผู้ที่คอยดูการต่อสู้แล้ว นี่เป็นการต่อสู้ที่น่าตื่นตระหนกที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ในฐานะที่ซูอี้เป็นตำนานวิถีดาบแห่งมหาแดนดิน เขาสังหารศัตรูจนมือชา ชนะจนเหน็บขึ้น!
แค่มองดูจากไกล ๆ ก็รู้สึกสาสมแก่ใจ เลือดร้อนพลุ่งพล่าน!
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?!”
บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์หมื่นกระแส กู้เวิ่นเทียนร้องตะโกนด้วยความโกรธ ไม่อาจรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้
คิดให้สมองแตก พวกเขาก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกผู้ยิ่งใหญ่จากห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวเหล่านั้นจะจัดการกับซูอี้เพียงคนเดียวไม่ได้!
และเมื่อคิดว่าวังมารโลกโลกีย์ของพวกเขายอมสวามิภักดิ์รับใช้ขุมกำลังจากห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวเหล่านั้นตั้งนานแล้ว ทุก ๆ คนแทบคลั่ง
เวลานี้ตอนนี้ ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินจะยอมปล่อยพวกเขาหรือ!?
“อย่าร้อนใจไป! บนหมู่ดารา ยังมีคนขอบเขตราชันแห่งภูมิอีกมากมาย ศึกในครั้งนี้… ยังไม่ถึงเวลาสรุปแพ้ชนะ!”
กู้เวิ่นเทียนฝืนตัวเองให้สงบใจ เอ่ยพูดเสียงหนักแน่น
ทว่าในเวลานี้เอง มีคนร้องตะโกนด้วยความตื่นตกใจ “ใต้… ใต้เท้าซูมาแล้ว!!”
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา คนทั้งหมดในสำนักมารโลกโลกีย์ถึงกับตัวแข็งกระด้าง เงยหน้ามองไป มองเห็นร่างสูงโปร่งของซูอี้สาวเท้าก้าวเดินมาหาแล้ว
“เร็ว ขับเคลื่อนค่ายกลปกป้องภูเขา!”
กู้เวิ่นเทียนแผดเสียงร้องตะโกนราวกับไฟลามก้น
และในเวลาเดียวกันนี้เอง เขาบิดขยี้ป้ายลับ ร้องตะโกนเสียงสั่น “ใต้เท้าทุกท่าน ได้โปรดช่วยพวกข้าโดยเร็ว!”
เขากำลังขอความช่วยเหลือจากขอบเขตราชันแห่งภูมิในหมู่ดารา
ทันใด เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังมาจากท้องฟ้าไกล ส่งเสียงดังครืน ๆ ก้องสนั่นไปทั่วท้องฟ้า
ทุกอย่างสงบเงียบ
จิตใจของทุกคนตื่นตระหนก
เสียงโห่ร้องดีใจด้วยความตื่นเต้นยินดีในตอนแรก จึงหยุดชะงักลงในทันใด
“พวกเจ้ากล้าลงมาสู้หรือไม่?”
ซูอี้ถามน้ำเสียงราบเรียบ
“ทั้ง ๆ ที่เจ้าก็รู้ว่าพวกข้าไม่อาจฝืนลงไปมหาแดนดินได้ ใช่ว่าไม่กล้า แต่กลับพูดจาเช่นนี้ หรือว่า… รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว?”
เสียงเย็นชานั้นดังขึ้นอีกครั้ง แฝงด้วยความดุดัน
“กลัว? ตอนนี้ข้ามีระดับการฝึกตนเพียงแค่ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำเท่านั้น หากว่าพวกเจ้าเก่งจริง ก็ลดระดับการฝึกตนให้อยู่ในขอบเขตนี้และมาสู้กับข้า แต่พวกเจ้า… กล้าหรือไม่?”
คำกล่าวของซูอี้เต็มไปด้วยการเหยียดหยามดูแคลน
ส่วนซูอี้ ก้าวเดินไปอยู่ตรงหน้าภูเขาหมื่นกระแสแล้ว กล่าวน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเจ้าวังมารโลกโลกีย์ ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว”
ชิ้ง!
ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ถูกชูชึ้น เสียงดาบดังกังวาน
จากนั้นเขาก็ฟันลงไป
ชั่วขณะนั้น พลังดาวยาวพันจั้งฟาดฟันลงบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์หมื่นกระแสเป็นแนวยาวราวกับสายรุ้งที่พาดผ่านท้องฟ้ากว้าง
ครืน!!!
ค่ายกลปกป้องภูเขาของวังมารโลกโลกีย์ถูกขับเคลื่อนจนถึงขั้นสุดยอด ทว่าใต้พลังดาบอันรุนแรงเช่นนี้ กลับพังทลายลงอย่างง่ายดายราวกับกระดาษ อักขระอักษรปลิวว่อนเต็มท้องฟ้า
ค่ายกลใหญ่พังทลาย พลังดาบพันจั้งยังคงไม่ลดแรงกำลัง ฟาดฟันลงไปอย่างแรง
ภายใต้การจับจ้องของสายตานับไม่ถ้วนที่ห่างไกลออกไป ภูเขาศักดิ์สิทธิ์หมื่นกระแสซึ่งถูกมองว่าเป็นภูเขาอันดับหนึ่งของทะเลดาวตกแตกกระจายไปเป็นส่วน ๆ ภายใต้ดาบเล่มนี้
ภายใต้อานุภาพอันหนักหน่วงของดาบเล่มนี้ ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ของวังมารโลกโลกีย์หลบไม่ทัน ถูกภาวะดาบที่ถาโถมเข้ามากลบทับ ร่างแตกวิญญาณดับ
ภายในดาบเดียว ภูเขาศักดิ์ถล่มทลาย!
“ไม่…!”
ผู้เฒ่าที่ยิ่งใหญ่ดั่งเขา ต่างพากันหลบหนีหัวซุกหัวซุน พยายามหนีขึ้นหมู่ดารา เพื่อขอให้คนขอบเขตราชันแห่งภูมิปกปักรักษา
ทว่าไปได้แค่ครึ่งทาง ก็ถูกซูอี้ตวัดดาบสังหารอย่างไร้ความปรานี
เพียงแค่ไม่กี่ชั่วครู่ ทะเลแถบนั้นก็ไม่มีภูเขาศักดิ์สิทธิ์หมื่นกระแสอีก และไม่มีวังมารโลกโลกีย์อีกด้วยเช่นกัน มีแต่เพียงละอองเลือดทั่วแผ่นฟ้า
คนทั้งหลายตื่นตระหนก หายใจติดขัด
หนึ่งคน หนึ่งดาบ สังหารสำนักมารระดับสุดยอด กวาดล้างพวกเขาออกไปจากโลกนี้อย่างง่ายดาย!
วิธีการรุนแรงของซูอี้เปรียบได้กับการป่าวประกาศแบบไร้เสียง กำลังบอกให้ทุกคนในแผ่นดินมหาแดนดินรู้ว่า นี่คือจุดจบของพวกทรยศ!
“สมน้ำหน้า!”
“มีหรือที่คนทรยศจะมีจุดจบที่ดี?”
…เสียงคนร้องเฮฮาดังขึ้นเป็นพัก ๆ
ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าใดที่ร้องดีใจให้กับซูอี้
ทว่าในเวลานี้เอง…
ครืน!
บนท้องฟ้า จู่ ๆ เกิดเสียงคำรามราวกับฟ้าจะถล่มลงมา แม้กระทั่งกฎเกณฑ์ครอบฟ้าก็ยังสั่นสะเทือน ระเบิดเสียงขึ้นมา
มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าตรงที่ฉีกขาดเป็นรูนั้น คนจากจักรวาลพร่างดาวปรากฏตัวออกมา
และกึ่งกลางความว่างเปล่านั้น ตัวตนขอบเขตราชันแห่งภูมิผู้มีพลังกลิ่นอายน่ากลัวกลุ่มหนึ่งยืนอยู่
พวกเขายืนสูงลิ่วราวกับเทพผู้ยิ่งใหญ่กำลังก้มมองดูคนบนโลก!
ชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างก็สะดุ้ง ใจแทบสลาย
ผู้ฝึกตนมากมายตื่นตะลึงตัวสั่น จนถึงขั้นอยากจะคุกเข่ากราบไหว้!
อานุภาพของตัวตนขอบเขตราชันแห่งภูมิเหล่านั้นช่างน่ากลัวเสียจริง ๆ ยืนตระหง่านบนหมู่ดารา ก้มมองดูโลกมนุษย์ ให้ความรู้สึกสูงส่งเหลือคณา
ปรมาจารย์เผิง จักรพรรดิมารสวรรค์ หนอนตะกละเฒ่า กับคนอื่น ๆ ต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา หรือว่า…พวกราชันแห่งภูมิเหล่านี้จะดึงดันลงมาให้ได้โดยเกรงกลัวต่อสิ่งใด?
ซูอี้กลับสงบนิ่ง ชูดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ขึ้น ชี้ขึ้นไปที่หมู่ดารา กล่าว “มา ข้ารอพวกเจ้าอยู่ตรงนี้ มาเท่าไร ฆ่าเท่านั้น!”
นี่คือการท้าทายอย่างชัดเจน และเป็นการประกาศท้ารบอย่างแข็งกร้าวอีกด้วย!
สายตาของเซวียจื่อหนิง โม่ฉางคง กับตัวตนคนอื่นในขอบเขตราชันแห่งภูมิผุดประกายเคียดแค้น อานุภาพน่ากลัว ถูกยั่วจนโมโหอย่างเห็นได้ชัด
ถูไป่ชวนผู้เป็นจ้าวเรือนจำที่สามของหอเก้าสวรรค์แสดงตนออกมา กล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ “ซูเสวียนจวิน ข้าให้เจ้าได้เลือก เจ้าจะมาจักรวาลพร่างดาวเองเพื่อคุกเข่ารอความตาย”
“หรือว่าจะให้พวกข้าใช้เลือดล้างมหาแดนดิน ฆ่าทุกสิ่งในดินแดนแห่งนี้อย่างไม่มีละเว้น!”
พอกล่าวเช่นนี้ออกมาราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ ผู้ที่มาดูการต่อสู้จำนวนนับถ้วนถึงกับตื่นตะลึงจนตาค้าง
ใครบ้างที่ฟังไม่ออก หากปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินไม่ไปต่อสู้ที่จักรวาลพร่างดาว ถ้าเช่นนั้นขอบเขตราชันแห่งภูมิก็จะบุกมายังมหาแดนดินและฆ่าล้างบางทุกชีวิต?
ไม่ได้พูดเกินไปเลย
ขอเพียงพวกราชันแห่งภูมิพอใจ ขอเพียงส่งตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิมา ก็สามารถทำให้มหาแดนดินเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ทำได้ทุกอย่างตามที่พอใจ!
ถึงเวลานั้น ต่อให้ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินอยากจะเข้าไปช่วย แต่อย่างไรเสียก็มีเพียงแค่เขาคนเดียว จะสามารถช่วยทุกชีวิตในใต้หล้าได้เช่นใดกัน?
สีหน้าของปรมาจารย์เผิงเคร่งเครียดขึ้นมา
“บัดซบ! เสียแรงที่พวกเจ้าเป็นผู้ยิ่งใหญ่จากห้วงลึกจักรวาลพร่างดาว แต่กลับใช้วิถีไร้ยางอายเช่นนี้ทำการข่มขู่ ไม่รู้สึกขายหน้าบ้างเลยหรือ?”
บรรพชนมารเยว่อิ๋นร้องตะคอกบันดาลโทสะ
คนอื่นโมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยเช่นกัน
พวกราชันแห่งภูมิเหล่านี้ ทำทุกวิถีทางเพื่อจะจัดการกับซูอี้ โดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
ซูอี้ขมวดคิ้วขึ้นมา สายตาเย็นชาจนน่ากลัว
เอาชีวิตของคนทั้งแผ่นดินมาข่มขู่ เพื่อบีบบังคับให้เขารับคำท้า ชั่วช้าได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ? เขาประมาทความไร้ยางอายของตัวตนขอบเขตราชันแห่งภูมิเหล่านี้เกินไปเสียแล้ว!
………………..