บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1162: ดาบสะท้านทั่วจักรวาลพร่างดาว
ตอนที่ 1162: ดาบสะท้านทั่วจักรวาลพร่างดาว
ฟ้าดินเงียบสงัด
บรรยากาศอึมครึมกดดันแผ่กระจายไปทั่ว
“บัดซบ?”
บนหมู่ดารา เซวียจื่อหนิงกล่าวน้ำเสียงราบเรียบ “ในสายตาของพวกข้า หากไม่เป็นราชันแห่งภูมิ ก็เป็นเพียงแค่มดตัวจ้อยตัวหนึ่งเท่านั้น เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาต่อว่าพวกข้ากัน?”
ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหยียดหยามดูแคลน
โม่ฉางคงแห่งลัทธิทางช้างเผือกกล่าวสบายใจ “หากว่าพวกเจ้าต้องการมีชีวิตอยู่ ก็จงไปเกลี้ยกล่อมซูอี้ ให้เขาเข้ามาหาที่ตาย”
ถูไป่ชวนผู้เป็นจ้าวเรือนจำที่สามแห่งหอเก้าสวรรค์ก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน “เสียสละเขาเพียงคนเดียว เพื่อแลกกับชีวิตของคนทั้งหลายในมหาแดนดิน ข้อแลกเปลี่ยนเช่นนี้… คุ้มค่ายิ่งนัก!”
ชั่วขณะนี้ ปรมาจารย์เผิง จักรพรรดิมารสวรรค์ กับหนอนตะกละต่างก็สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยโทสะ พวกเขาโมโหเสียจนเลือดลมในกายพลุ่งพล่าน
“เรื่องเท่านี้ไม่จำเป็นต้องโกรธหรอก เพราะมันไม่คู่ควร”
ซูอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ เพื่อบอกให้ปรมาจารย์เผิงกับคนอื่น ๆ สบายใจ
“ภายในระยะเวลาหนึ่งจอกน้ำชา หากเจ้า ซูเสวียนจวินไม่มาหาที่ตาย พวกข้าจะใช้เลือดล้างแผ่นดินมหาแดนดิน”
เซวียจื่อหนิงกล่าวคำขาดสุดท้าย
พอกล่าวเช่นนี้ออกมา
บรรยากาศในเหตุการณ์ก็ยิ่งสงบเงียบ อึดอัดจนรู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมา
การข่มขู่เช่นนี้ ช่างอำมหิตเสียเหลือเกิน!
เปรียบดั่งเรือที่ติดอยู่บนทะเลอันกว้างใหญ่ บนเรือมีคนทั้งหมดหนึ่งร้อยคน ขอเพียงผลักคนลงทะเลเพียงแค่คนเดียว คนอื่น ๆ อีกเก้าสิบเก้าคนก็จะรอดชีวิต
มิเช่นนั้น ทุกคนก็ต้องตายกันหมด!
ในสถานการณ์เช่นนี้ ควรจะเลือกทำเช่นใด?
เช่นเดียวกับฆ่าคน ๆ หนึ่งเพื่อปกป้องเมืองทั้งหมด หากเป็นเช่นนี้จะฆ่าหรือไม่?
ทันใด เสียงอึก ๆ อัก ๆ ติด ๆ ขัด ๆ ก็ดังขึ้น “ใต้… ใต้เท้าซู ท่านมีระดับวิถีล้ำฟ้า สามารถ… สามารถแสดงตนออกมา สู้รบเพื่อสรรพชีวิตในมหาแดนดินได้หรือไม่?”
นั่นคือเสียงของผู้ชายร่างผอมเล็ก ผู้ฝึกตนในขั้นวิถีวิญญาณ ไม่มีอะไรโดดเด่นสะดุดตา
เห็นได้ชัดว่าเขารวบรวมความกล้าอย่างเต็มที่ ทว่าขณะที่พูดออกมายังคงรู้สึกตื่นเต้น เนื้อตัวสั่นสะท้าน
“คนสารเลว!”
ปรมาจารย์เผิงตะคอกดุ
มีหรือที่เขาจะฟังไม่ออก ถึงแม้คนผู้นี้จะพูดความหมายกำกวม ทว่าแท้จริงแล้วไม่ได้ต้องการให้ซูอี้ไปตายหรอกหรือ?
ตัวตนบรรพกาลคนอื่นก็พากันเดือดดาลเช่นกัน เวลานี้ตอนนี้ มหาแดนดินกลับมีคนชาติชั่วที่ไร้เกียรติศักดิ์ศรีเช่นนี้ได้
ผู้ชายร่างผอมเล็กคนนั้นตื่นตระหนกจนทรุดนั่งลงกับพื้น ส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น “แต่หากใต้เท้าซูไม่แสดงตน ทุกคนในแผ่นดินก็ต้องตายกันหมด ข้า… ข้าไม่อยากจะจากบุตรสาวไป นาง… นางอายุยังไม่ถึงปีเลย!”
พูดจบ เขาก็ร้องไห้เสียงดัง
คนที่น่าสงสารจักต้องมีจุดที่น่าเจ็บแค้น ก็เหมือนกับผู้ชายร่างผอมเล็กคนนี้!
ทันใด ผู้เฒ่าท่านหนึ่งก้าวออกมา ทำท่าเป็นไงเป็นกัน กล่าวเสียงดังฟังชัด “ใต้เท้าซู ตัวตนยิ่งใหญ่จากห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวเหล่านั้นเจาะจงไปที่ท่าน ข้าขอพูดอย่างตรงไปตรงมา เคราะห์ภัยยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ เกิดขึ้นก็เพราะท่าน ท่านไม่ควรออกไปรับผลที่เกิดขึ้นเพียงคนเดียวหรอกหรือ?”
เสียงดังไปทั่วบริเวณ
ฝูงคนส่งเสียงระงม สร้างความชุลมุน หลายคนด่าผู้เฒ่าว่าไร้ศักดิ์ศรี
หลายคนเงียบเสียง ไม่พูดไม่จา
และก็มีคนผู้หนึ่งก้าวออกมา ช่วยพูดแทนผู้เฒ่าคนนั้น
“ใต้เท้าซู ทุกชีวิตบนมหาแดนดินมีความผิดอันใดเช่นนั้นหรือ?”
“หรือว่า ต้องให้คนทั้งมหาแดนดินดับชีวิตกันหมดเพราะใต้เท้าซูเพียงคนเดียวเช่นนั้นหรือ?”
เสียงพูดต่าง ๆ นานาดังขึ้น ดังกึกก้องไปทั่ว
ปรมาจารย์เผิงกับคนอื่น ๆ ทั้งตื่นตระหนกทั้งโกรธแค้น ภัยอันตรายร้ายแรงสามารถทดสอบใจคนได้ดีที่สุดจริง ๆ เสียด้วย!
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ล้วนอยู่ในความคาดหมายของพวกเขา!
“ใต้เท้าซู พวกข้าต่ำต้อยประดุจมดตะนอย ไม่ใช่บุคคลยิ่งใหญ่อันใด พวกเรา… เพียงแค่อยากจะมีชีวิตอยู่เท่านั้น!”
“ใต้เท้าซู ในใต้หล้ามีมากมายหลายชีวิต หรือท่านจะทนเห็นคนทั้งหมดต้องตายไปด้วย?”
เสียงร้องดังขึ้นเป็นระลอก
ภาพเหตุการณ์แต่ละภาพสามารถบรรยายสันดานมนุษย์ได้อย่างชัดเจน
“ข้าจะไปฆ่าพวกสารเลวเหล่านั้น!”
จักรพรรดิพิษเทียนฮู่เดือดดาลจนทนไม่ไหวอีกต่อไป โกรธจนเป็นไฟแล้ว
ซูอี้ยกมือขึ้นห้าม พลางกล่าว “จะใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้เพื่อเหตุอันใดกัน หรือว่าเจ้าสามารถฆ่าสรรพชีวิตในใต้หล้าได้หมด?”
พูดจบ เขากวาดสายตามองดูคนทั้งหลาย
ผู้ฝึกตนคนใดก็ตามที่ถูกเขากวาดตามองล้วนต้องก้มหน้าทุกคน ไม่กล้าสบตามอง
“ทุก ๆ คนล้วนกลัวตาย”
ดวงตาของซูอี้ลุ่มลึก กล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “พวกเขาเลือกที่จะเช่นนี้ เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ เหตุใดต้องโกรธด้วย?”
“ยิ่งกว่านั้น หากวันนี้ข้า ซูเสวียนจวิน ไม่ก้าวออกมา วันข้างหน้าก็จะกลายเป็นคนบาปของมหาแดนดิน ถูกคนด่าว่าไปตลอด”
พูดถึงตรงนี้ เขาหัวเราะ “แน่นอน ที่พวกเขากล่าวมาไม่ผิดเลย เคราะห์ภัยยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ เดิมทีเจาะจงมาที่ตัวข้า ดังนั้นข้าก็ควรจะรับผิดชอบเพียงคนเดียว”
คำกล่าวที่ราบเรียบดังก้องไปทั่วผืนแผ่นดินอันเงียบสงบ
ผู้ฝึกตนจำนวนมากมายต่างรู้สึกเศร้าใจ เจ็บแค้นจนกัดฟันแน่น อยากจะฆ่าคนที่ไม่รักศักดิ์ศรีเหล่านั้น
และก็มีผู้ฝึกตนจำนวนไม่น้อยที่โล่งใจ รู้ว่าในที่สุดซูเสวียนจวินก็ก้าวออกมา เช่นนี้ พวกเขาก็ไม่ต้องเดือดร้อนไปด้วย
ปรมาจารย์เผิงกับคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกร้อนรุ่มใจ พากันถอนใจตาม ๆ กัน
พวกเขามีหรือจะไม่รู้ว่านี่คือสันดานมนุษย์?
เพียงแต่ว่า เมื่อแสดงสันดานมนุษย์ขึ้นมาจริง ๆ ยังคงรู้สึกสะท้อนใจอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าซูอี้ไม่ควรเอาชีวิตเข้าแลกเลย
คนทั้งหลายพากันนิ่งเงียบ สีหน้าแตกต่างกันไป
ซูอี้ยกมือขึ้นพลางกล่าวห้าม “ตาเฒ่า อย่าได้พูดมาก เจ้าเป็นผู้ศึกษาร่ำเรียน ยังไม่เข้าใจอีกหรือว่า เรื่องใด ๆ ในโลกล้วนเป็นเช่นนี้? หากเจ้าต้องการให้คนทั้งหมดมีจิตใจเหมือนกับเจ้า กลับเป็นการใช้คุณธรรมบีบบังคับคนอื่น ๆ ทำให้คนอื่นต้องลำบากใจ”
หนอนตะกละเฒ่าส่ายหน้าถอนใจยาว จากนั้นหัวเราะฝืดพลางกล่าว “ข้าเข้าใจในสิ่งเหล่านี้ แต่จะให้พวกเขายกเอาชีวิตคนทั้งหลายในใต้หล้าขึ้นมาอ้างเพื่อให้เจ้าไป… ตายได้อย่างไร?”
พูดถึงตรงนี้ เขากวาดตามองดูผู้ฝึกตนทั้งหลาย กล่าวช้า ๆ ชัด ๆ ทีละคำ “ทำเช่นนี้ถูกต้องแล้วหรือ!?”
ทุก ๆ คนพากันนิ่งเงียบ
“ตาเฒ่า เจ้าผิดแล้ว”
ซูอี้กล่าวน้ำเสียงราบเรียบ “ตัวต้นเหตุคือศัตรูเหล่านั้น พวกเขาตั้งกฎเกณฑ์เช่นนี้ขึ้น หรือว่าเจ้ายังต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่พวกเขาตั้งขึ้น? ไปต่อว่าสรรพชีวิตในใต้หล้าเช่นนั้นหรือ? หากว่าเป็นเช่นนี้ ไม่เท่ากับเข้าทางฝ่ายศัตรูหรอกหรือ?”
หนอนตะกละเฒ่าตะลึงจนนิ่งเงียบไป
จริงดังว่า หากไม่ใช่เพราะศัตรูเหล่านั้นทำการข่มขู่ มีหรือจะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้ได้?
“ซูเสวียนจวิน เจ้าเข้าใจแล้วมีประโยชน์อันใด? อย่างไรเสีย พวกเรามีความสามารถพอที่จะตั้งกฎเกณฑ์ ส่วนเจ้า… ทำได้เพียงแค่ถูกบีบให้เลือกเท่านั้น!”
เซวียจื่อหนิงที่อยู่บนหมู่ดาราส่งเสียงกล่าวเย็นชา
ซูอี้เหลือบตามองขึ้นไป ก่อนกล่าวขึ้น “เช่นนั้นหรือ วันข้างหน้าเมื่อข้าไปห้วงลึกจักรวาลพร่างดาว ก็จะใช้วิธีเดียวกันนี้กระทำต่อพวกเจ้า ให้พวกเจ้าจากแต่ละสำนักต้องเลือกด้วยเช่นกัน!”
“ถึงเวลานั้น ข้าจะดูสิว่า สำนักที่อยู่หนุนหลังพวกเจ้าแต่คนจะเลือกเช่นไร!”
น้ำเสียงราบเรียบ ทว่าความหมายที่แฝงมานั้นทำให้พวกราชันแห่งภูมิอย่างเซวียจื่อหนิงรู้สึกหนาววาบขึ้นมาอย่างประหลาด
“วันข้างหน้า?”
เซวียจื่อหนิงหัวเราะขึ้นมา “เจ้า ซูเสวียนจวิน… ไม่มีวันข้างหน้าอีกแล้ว!”
ราชันแห่งภูมิคนอื่น ๆ ก็หัวเราะตามด้วยเช่นกัน
ท่าทีสูงศักดิ์ยิ่งใหญ่เช่นนั้น ทำให้ปรมาจารย์เผิงกับคนอื่น ๆ รู้สึกโกรธแค้นใจแทบระเบิด
“เชื่อข้า ตอนนี้พวกเขาหัวเราะดีใจมากเท่าใด เวลาตายก็จะน่าเกลียดมากเท่านั้น”
ชิ้ง!!
เสียงดาบดังขึ้น ซูอี้ไม่รอช้าอีกต่อไป ถือดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ก้าวเดินขึ้นไปกลางอากาศ
ทุกคนต่างก็สะดุ้ง ใต้เท้าซู… ไปสู้ตาย!?
“ไม่ว่าซูเสวียนจวินจะคิดอย่างไร หากว่าเขาตาย ข้าจะให้พวกเจ้าต้องตายตามไปด้วย! ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว!!”
จักรพรรดิพิษเทียนฮู่โกรธจัด ความเคียดแค้นพุ่งสูง ดวงตาคมกริบราวกับใบมีด กวาดตามองดูผู้ฝึกตนทั้งหลายในเหตุการณ์
ผู้ฝึกตนทั้งหลายเหล่านั้นตกใจจนขวัญหนี แต่ละคนขวัญกระเจิง ราวกับบิดามารดรลาลับ
“ยังไม่ถึงเวลานั้น ตอนนี้… ดูการต่อสู้ก่อน”
หลวงจีนเยี่ยนซินกล่าวสีหน้าเคร่งเครียด
ปรมาจารย์เผิงกับคนอื่น ๆ แหงนหน้ามองขึ้นไปพร้อมกัน
กลางหมู่ดารา
ในที่สุดซูเสวียนจวินคนนี้ก็ติดเบ็ดแล้ว!
“เชอะ ข้าไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าทัศนาจารย์ผู้กลับชาติจะมีจิตใจโอบอ้อมอารีเช่นนี้ ยอมเสียสละตัวเอง เพื่อไม่ให้สรรพชีวิตในมหาแดนดินต้องเดือดร้อนไปด้วย”
จางไป๋หลิงผู้อาวุโสไท่ซ่างแห่งสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิพูดหยอกล้อขึ้นมา “หากว่าเป็นคนอื่น ๆ ที่มีจิตใจเหี้ยมโหดสักหน่อยก็คงจะไม่หลงกล เพราะอย่างไรเสีย ขอเพียงตัวเองอยู่รอด จะสนใจไปไยว่าน้ำจะท่วมถึงฟ้าหรือไม่?”
คนอื่น ๆ พากันหัวเราะ
“หากไม่ใช่เพราะเขามีความเมตตาเช่นนี้ เกรงว่าคงจะไม่มาหาที่ตายหรอก”
โม่ฉางคงยิ้มพลางกล่าว
พวกเขาตระเตรียมแผนการไว้พร้อม เมื่อเห็นว่าซูอี้ใกล้เข้ามาทุกที จิตใจก็ยิ่งโหยหวน ระงับความเดือดดาลในหัวใจไว้ไม่อยู่
มองดูความลับแห่งวัฏสงสารเป็นฝ่ายเสนอตัวเข้าหา ราวกับมองเห็นเหยื่อที่มาติดกับเอง!
“อีกประเดี๋ยวลงมือพร้อมกัน จับตัวเขาให้ได้ก่อน หลังจากที่งัดความลับแห่งวัฏสงสารได้แล้ว ค่อยส่งเขากลับบ้านเก่า”
“ได้!”
ราชันแห่งภูมิคนอื่น ๆ พากันพยักหน้ารับคำ
สวบ!
ร่างของซูอี้กระโดดข้ามกลางอากาศมาอย่างรวดเร็ว มาถึงหมู่ดาราแห่งนี้แล้ว
ชั่วขณะนี้ จางไป๋หลิงแห่งสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิทนรอไม่ไหว ลงมือก่อนเป็นคนแรก
ครืน!
เขามีร่างเล็ก เตี้ย และผอม ผมเผ้ารุงรังราวกับต้นหญ้า ทว่าเวลาที่ลงมือ หมู่ดาราแห่งนี้เกิดความสั่นสะเทือน พลังกฎเกณฑ์ที่น่ากลัวประสานตัวเข้าด้วยกัน ทำให้เขาแลดูคล้ายกับเทพผู้ยิ่งใหญ่
ราชันแห่งภูมิที่แท้จริง น่ากลัวเพียงใดกัน?
เด็ดดวงดาราด้วยมือเปล่า ทลายโลกเพียงสะบัดแขนเสื้อ!
พลังและกฎเกณฑ์ที่มีในตัวเหนือกว่าขอบเขตจักรพรรดิมาก!
“เข้ามาสิ!”
ตัวของจางไป๋ถูยังลอยอยู่กลางอากาศ ทว่ากลับฉีกยิ้มเอื้อมมือออกมาคว้า
วูบ!
มือขนาดใหญ่กินอาณาบริเวณถึงร้อยจั้งถูกซัดออกมา นิ้วทั้งห้าใหญ่โตราวกับเสาหินค้ำสวรรค์ พลังกฎเกณฑ์อันยิ่งใหญ่รายล้อมเดือดดาล บดขยี้ท้องฟ้า ซัดไปที่ซูอี้อย่างแรง
ราวกับกรงขังมหาวิถี ใหญ่โตจนสามารถบดฟ้าบังตะวัน!
น่ากลัวเหลือเกิน!
หากว่าเป็นตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิทั่วไป คงจะต้านรับไม่ทัน และถูกกรงขังทรงอานุภาพนี้กักขังระดับวิถี ไม่มีเรี่ยวแรงกำลังให้กระเสือกกระสน ได้แต่ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามฆ่าแกงตามอำเภอใจ
ห่างออกไป มหาวิถีรอบตัวซูอี้ส่งเสียงคำราม สะเก็ดแสงสาดกระเซ็น ระดับวิถีในตัวพุ่งสูงไปจนถึงขั้นสุดยอดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาไม่หลบหลีก ถือดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์พุ่งเข้าหา
ครืน!
ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ระเบิดประกายแสง ราวกับแสงดาวพุ่งเจาะหมู่ดารา แฝงไว้ซึ่งภาวะดาบอันไร้เทียมทาน ฟาดฟันออกไป
บนทะเลดาวตก ตัวตนบรรพกาลเหล่านั้นตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน รู้สึกเป็นห่วงจนใจแทบขาด
ไม่มีใครคาดคิดว่า ซูอี้เพิ่งก้าวสู่หมู่ดารา ศึกใหญ่ก็เปิดฉากขึ้นแล้ว!