บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1163: ทัศนาจารย์!
ตอนที่ 1163: ทัศนาจารย์!
ปัง!!
เมื่อพลังดาบของซูอี้ฟันลงบนมือขนาดใหญ่ของจางไป๋หลิง ระเบิดกระแสพลังแห่งการทำลายล้างออกมา
เพียงชั่วครู่ พลังดาบของซูอี้ก็แตกสลาย
ทว่ามือขนาดใหญ่ของจางไป๋หลิงยังคงไม่ลดกำลัง ยังคงเงื้อมมือเข้ามาใกล้
ดุดันราวกับกรงขังสยบปฐพี!
ซูอี้หรี่ตาลง ตวัดดาบเข้าฟาดฟัน
ชั่วครู่เดียว พลังดาบปะทะกันอย่างแรง เกิดเสียงดังสนั่นจนแก้วหูแทบขาด
ฟันออกไปเต็ม ๆ ถึงเก้าดาบ ซูอี้จึงฟันพลังแห่งเงื้อมมือนี้จนแหลกละเอียด
“ร้ายกาจ! แต่เสียดาย ต่อให้มีกำลังต่อสู้ที่เก่งกาจแค่ไหน สำหรับข้าแล้ว ล้วนเปล่าประโยชน์!”
นิ้วทั้งห้าของเขาประดุจตะขอส่องประกายแสงวิถีกฎเกณฑ์อันแสบตา เงื้อมมือไปบีบไหล่ของซูอี้
ซูอี้หลบ
ครืน!
จุดที่เขายืนในตอนแรก แม้แต่อากาศก็ยังโดนบีบจนแตก ทุกอย่างโกลาหล
จางไป๋หลิงแข็งแกร่งมากจริง ๆ พลังของราชันแห่งภูมิสามารถสังหารตัวตนขอบเขตวิถีลึกล้ำได้อย่างง่ายดาย ให้ความรู้สึกหวาดหวั่นอย่างแรงกล้า
ปัง!!
พร้อมกับเสียงปะทะชนที่ดังสะท้านฟ้าสะเทือนดินอย่างรวดเร็ว ซูอี้ถูกฝ่ามือหนึ่งซัดจนต้องถอยร่นออกไปหลายสิบจั้ง ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ในมือสั่นระริกอย่างแรง
“ราชันแห่งภูมินั้นหมายความเช่นใด? หนทางสู่สวรรค์ มีอานุภาพแห่งห้วงดารา สังหารจักรพรรดิตายเพียงแค่ดีดนิ้ว! เจ้า ซูเสวียนจวิน มีระดับวิถีขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ สามารถรับกระบวนท่าของพวกเราสองคนได้และไม่ตาย ควรจะพอใจได้แล้ว”
จางไป๋หลิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
ซูอี้ขมวดหัวคิ้ว
ด้วยระดับการฝึกตนในตอนนี้ของเขา เจอกับตัวตนขอบเขตราชันแห่งภูมิที่แท้จริงเช่นนี้ อย่างไรเสียก็ยังต่างชั้นกันมาก ยากนักจะต้านทานพวกเขาได้ไหวอย่างไม่ต้องสงสัย
ในช่วงเวลาถัดมา ซูอี้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ทว่ายังคงยากจะต้านทานความแข็งแกร่งของจางไป๋หลิงได้ พลาดท่าติดต่อกันหลายครั้ง
พวกปรมาจารย์เผิงเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนั้นแล้วรู้สึกเหมือนกับถูกบีบหัวใจ ตื่นตระหนกยิ่งนัก
ความรู้สึกเวทนาและโกรธแค้นอย่างบอกไม่ถูกผุดขึ้นในใจของเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่า
หากซูเสวียนจวินแพ้…
มหาแดนดินแห่งนี้ก็คงต้องจบสิ้นแล้วจริง ๆ!
พวกราชันแห่งภูมิอย่างเซวียจื่อหนิงเห็นเช่นนี้แล้ว ต่างก็แสดงสีหน้าสมเพชออกมา ได้แต่ส่ายหน้า
ต่อให้เก่งกาจสักเพียงไหน สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่จักรพรรดิในวิถีลึกล้ำเท่านั้น จะข้ามหนทางวิถีงัดข้อกับขอบเขตราชันแห่งภูมิได้เช่นใดกัน?
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทัศนาจารย์หลังกลับชาติสามารถยืนหยัดมาได้จนถึงตอนนี้ นับได้ว่าน่ากลัวมากแล้ว อยู่ในห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวได้ ก็ถือได้ว่ามีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ไม่มีขอบเขตจักรพรรดิคนไหนสามารถเทียบเคียงได้”
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา ราชันแห่งภูมิคนอื่น ๆ พากันตาลุกวาว
ครืน!
ระหว่างที่ต่อสู้ ซูอี้ถูกซัดจนถอยร่นไปอีกครั้ง ร่างของเขากระเด็นออกไปไกลถึงร้อยจั้ง เมื่อยืนได้มั่นคง แผ่นดินใต้เท้าถึงกับยุบตัวลง
‘ยังคงไม่ได้จริง ๆ …คงต้องขัดเกลาระดับวิถีจนถึงขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นสมบูรณ์เสียก่อน จึงสามารถสังหารตัวตนขอบเขตราชันแห่งภูมิได้…’
ซูอี้คิดในใจ
เมื่อทดสอบมาจนถึงตอนนี้ เขาจึงเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างตนเองกับขอบเขตราชันแห่งภูมิอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว
“จางไป๋หลิง ที่แท้ไหวหรือไม่กันแน่?”
เซวียจื่อหนิงเริ่มหมดความอดทน ส่งเสียงเร่งเร้า
ถูกผู้หญิงสงสัยเช่นนี้ จางไป๋หลิงรู้สึกเสียหน้าอย่างแรง ตอบเสียงเย็นชา “ร้อนใจอะไร ข้าจะจับเขาเดี๋ยวนี้!”
เขายืดร่างที่ผอมบาง อานุภาพพุ่งขึ้นในทันใด
พลังกฎเกณฑ์ขยุกขยิกมากมายแผ่กระจายออกจากตัวจางไป๋หลิงอย่างเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า ราวกับสายรุ้งเทวะอันสดใสเรืองรอง
พอเขาก้าวเดินก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าซูอี้ จากนั้นก็ซัดฝ่ามือออกไป
“คุกเข่าลง!”
ครืน!
ฝ่ามือของจางไป๋หลิงซัดลงมาราวกับมือใหญ่แห่งสวรรค์
อานุภาพที่รุนแรงเพียงนั้น ทำให้พวกของปรมาจารย์เผิงถึงกับหน้าถอดสี หายใจไม่ออก
เช่นนี้ จะให้ต้านทานเช่นใดอีก?
ทว่าครู่ถัดมา สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น…
มือขวาของจางไป๋หลิงที่ซัดออกไป หยุดชะงักห่างจากกระหม่อมของซูอี้สามฉื่อ ราวกับมีพลังไร้รูปร่างบางอย่างขัดขวาง
ไม่อาจเข้าใกล้ได้กว่านี้!
จางไป๋หลิงตกใจ เจอพลังซัดเช่นนี้ ต่อให้เป็นราชันแห่งภูมิในขอบเขตเดียวกันก็ยังต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี
ทว่าเวลานี้ ฝ่ามือนี้เหมือนกับซัดลงบนกระดานเหล็กที่แข็งแกร่ง
ไม่อาจทำลายซูอี้ได้แม้แต่กระผีก
“นี่…”
เซวียจื่อหนิงกับคนอื่น ๆ ก็ตื่นตระหนกเช่นกัน ดวงตาหรี่เล็กลง คาดไม่ถึงเลยสักนิดว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดเช่นนี้ได้
“ราชันแห่งภูมิขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงขั้นกลาง กลับมารังแกข้าผู้กลับชาติ ไม่รู้สึก… ขายหน้าบ้างหรือ?”
ซูอี้เอ่ยพูด สายตาสงบนิ่งมองดูจางไป๋หลิงที่อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา จางไป๋หลิงถอยร่นออกไปในทันใดราวกับตกใจกลัวอย่างสุดขีด
ทว่ายังคงช้าไปก้าวหนึ่ง
ซูอี้เอื้อมมือออกมาคว้าคว้าของจางไป๋หลิง ง่ายดายราวกับฉกของในถุงย่าม
ทว่าตอนนี้ เพียงแค่ฝ่ามือเบาสบายฝ่ามือเดียวก็จับจางไป๋หลิงจนอยู่หมัด!
ราชันแห่งภูมิทั้งคนกลับไร้เรี่ยวแรงจะดิ้นรน เหมือนกับลูกไก่ในกำมือ! สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปเช่นนั้น ทำให้พวกของปรมาจารย์เผิงแทบตาค้าง
“ไม่ได้การ!”
เซวียจื่อหนิงกับตัวตนราชันแห่งภูมิคนอื่น ๆ ต่างก็สะดุ้ง รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
ในสายตาของพวกเขา ซูอี้ในเวลานี้ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างเห็นได้ชัด ความงามสง่าแผ่กระจายออกมาจากรอบตัว
เพียงแค่ยืนสบาย ๆ ก็คล้ายกับเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่บนสวรรค์ ให้ความรู้สึกสูงส่งไม่อาจเอื้อม ยิ่งใหญ่จนไม่อาจแตะต้อง
และเมื่อนึกถึงคำกล่าวที่ซูอี้เคยพูดไว้นั้นอีกครั้ง เซวียจื่อหนิงกับราชันแห่งภูมิคนอื่น ๆ สูดปากพร้อมเพรียงกัน เริ่มเข้าใจได้คลับคล้ายคลับคลา
“เจ้า… เจ้าคือ… ใคร!?”
จางไป๋หลิงร้องตะโกน
เขาถูกบีบคอหอยจนหน้าแดงก่ำ ระดับวิถีในตัวถูกกดต่ำ ไม่ว่าจะกระเสือกกระสนแค่ไหนก็ดิ้นไม่หลุด
ซูอี้กล่าว
จางไป๋หลิงเบิกตาโพลงราวกับถูกฟ้าผ่า “เจ้า เจ้า… เจ้าคือทัศนาจารย์!?”
ทัศนาจารย์!!
ชื่อ ๆ นี้เหมือนกับมีพลังประหลาด ทำให้พวกของเซวียจื่อหนิงตัวสั่นงันงกไปหมด สีหน้าก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
ห้วงลึกจักรวาลพร่างดาว ต่อให้เป็นประมุขแห่งลัทธิใหญ่ หรือผู้ชี้ชะตาภูมิดารา เวลาที่เอ่ยถึงทัศนาจารย์ขึ้นมา ก็ยังแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา
คนอย่างเช่นพวกเขาเหล่านี้ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ซูอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ ตอบตามจริง “ไม่ ที่พวกเจ้าเห็นในตอนนี้ เป็นเพียงแค่พลังเจตจำนงที่ข้าเก็บรักษาไว้ในครั้งนั้น”
พลังเจตจำนงของชาติที่แล้ว?
เซวียจื่อหนิงกับราชันแห่งภูมิคนอื่น ๆ ต่างก็มองหน้ากัน ในใจรู้สึกโล่งอย่างประหลาด
“รู้สึกว่าตัวเองไหวขึ้นมาอีกครั้งใช่หรือไม่?”
คนทั้งหลาย “…”
จางไป๋หลิงกลับสูดหายใจลึก ๆ ก่อนกล่าวเสียงเครียด “หากใต้เท้าทัศนาจารย์ปล่อยข้าไป ข้ารับรองว่า นับแต่นี้เป็นต้นไป จะไม่เป็นศัตรูกับร่างเกิดใหม่ของท่านอีก!”
ซูอี้ร้องอ้อขึ้นมาทีหนึ่ง จากนั้นถามย้อน “เจ้าคิดว่า… วันข้างหน้ายังจะมีสิทธิ์กลายเป็นศัตรูกับร่างเกิดใหม่ของข้าอีกเช่นนั้นหรือ?”
คำพูดเรียบง่าย ไร้ซึ่งการประชดประชัน ทว่าจางไป๋หลิงได้ฟังแล้ว กลับรู้สึกเหมือนถูกดูแคลนและลบหลู่อย่างแรง
หน้าของเขาดำทะมึน แล้วแผดเสียงออกมา “หากว่าเจ้าฆ่าข้า วันข้างหน้าสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิจะทำทุกวิถีทางเพื่อแก้แค้น!”
ซูอี้หัวเราะขึ้นมา “หากว่าเป็นเช่นนี้จะเป็นการดีที่สุด เป็นใหญ่ไร้เทียมทาน อย่างไรเสียก็ว้าเหว่จนเกินไป บนหนทางมหาวิถีมีศัตรูมากสักหน่อย จะได้ลับดาบวิถีอย่างถนัดถนี่”
จางไป๋หลิง “?”
“แต่เสียดายพวกโง่เขลาอย่างพวกเจ้า ถูกช่างเสื้อเจ้าเล่ห์หลอกใช้ กลับยังไม่รู้ตัว โง่เขลาได้ถึงเพียงนี้”
ซูอี้ทอดถอนใจพูดกับตัวเอง
ซูอี้กลับไม่อธิบาย “เวลามีไม่มากแล้ว ส่งพวกเจ้ากลับบ้านเกิดก่อน”
เสียงยังดังกึกก้อง
ปัง!
ร่างของจางไป๋หลิงระเบิด แตกกระจุยกลางหมู่ดาราราวกับพลุสีแดงเลือด จากนั้นก็เลือนหายไป
ราชันแห่งภูมิขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงกลับต้องมาดับชีวิตเช่นนี้!
ก่อนตาย ก็ยังตั้งตัวไม่ทัน แม้กระทั่งศพก็ยังไม่เหลือทิ้งไว้ กลายเป็นเถ้าธุลีดิน ลมพัดเลือนหาย
ภาพสยดสยองเช่นนี้ สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนทั้งหมด
ซูอี้หมุนตัวมา มองไปที่พวกเซวียจื่อหนิง กล่าวเรียบง่ายราวกับสายลมบางเบา “ข้ารับรอง หากว่าพวกเจ้าหนีไป จะยิ่งตายเร็ว”
เซวียจื่อหนิงกับคนอื่น ๆ ต่างก็มองหน้ากัน สีหน้าเคร่งเครียดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
การตายของจางไป๋หลิงสร้างความสะเทือนใจให้แก่พวกเขาอย่างแรง ทำให้พวกเขาอยากจะหนีขึ้นมา
เพราะคนที่พวกเขาเผชิญหน้าด้วยในตอนนี้ ไม่ใช่ซูอี้ และไม่ใช่ซูเสวียนจวิน แต่เป็นทัศนาจารย์ที่แท้จริง!
ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่พลังเจตจำนงเมื่อในอดีตชาติของทัศนาจารย์ พวกเขาก็ไม่อาจดูแคลนได้
“พลังของข้า ยืนหยัดอยู่ได้เพียงแค่ครึ่งเค่อเท่านั้น เพียงแต่ไม่รู่วา พวกเจ้าจะสามารถอดทนได้นานถึงครึ่งเค่อหรือไม่”
ซูอี้ใช้นิ้วเคาะปลายดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์เบา ๆ พลางกล่าว “ลงมือได้ ข้าจะให้วิธีตายอย่างสมเกียรติแก่พวกเจ้า”
เซวียจื่อหนิงสูดหายใจลึก ๆ พลางกล่าว “พวกข้าสามารถเสียใจภายหลังได้หรือไม่ ยอมแพ้และจากไปในตอนนี้?”
ซูอี้ส่ายหน้า “ความตาย เป็นสิ่งที่พวกเจ้าจะต้องเจอ”
“ลงมือพร้อมกัน ข้าไม่เชื่อหรอกว่า พวกเราร่วมมือกันแล้ว ก็ยังไม่อาจต้านทานแม้กระทั่งพลังเจตจำนงในอดีตชาติของทัศนาจารย์ได้!”
โม่ฉางคงเอ่ยพูดเสียงเข้ม
แววตาดุดันผุดขึ้นในสายตาของตัวตนขอบเขตราชันแห่งภูมิสิบกว่าคน ต่างก็พยักหน้า
ครืน!
หมู่ดาราแถบนั้นเกิดความโกลาหล เสียงระเบิดดังกึกก้อง ดวงดาวบนท้องฟ้าที่อยู่ใกล้ ๆ ร่วงหล่นทีละดวง ราวกับไม่อาจต้านทานอานุภาพเช่นนั้นได้
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้เปรียบได้กับเทพผู้ยิ่งใหญ่ออกศึก ผงาดกลางหมู่ดารา สั่นสะท้านไปทั้งฟ้าดิน!
เจอกับการปิดล้อมเช่นนี้แล้ว ดวงตาของซูอี้ฉายแววซับซ้อนขึ้นมา
“นี่ อาจจะเป็นการลงมือครั้งสุดท้ายในโลกนี้ของข้าแล้ว…”
“แต่วันข้างหน้า ความสำเร็จด้านวิถีดาบของร่างเกิดใหม่ของข้า คงจะเหนือกว่าข้าเมื่อในอดีต! เช่นนี้ เพียงพอแล้ว”
ท่ามกลางเสียงพึมพำเบา ๆ ซูอี้ก็ลงมือ
เขาก้าวฝีเท้าออกไปหนึ่งก้าว
ครืน!
ทางช้างเผือกสั่นสะเทือน ท้องฟ้ารอบทิศทางเงียบกริบ ถูกอานุภาพดาบซึ่งเต็มไปด้วยความไร้เทียมทานกดดันอย่างเต็มที่
พวกของเซวียจื่อหนิงหยิบสมบัติล้ำค่าออกมา สำแดงเคล็ดวิชา ทว่าเวลานี้กลับถูกหน่วงเหนี่ยว หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ ขยับเขยื้อนไม่ได้
ร่างของพวกเขาได้รับแรงกดดันที่น่ากลัว ราวกับถูกภูเขาใหญ่ทับ จมลึกลงไปในบ่อโคลน เดินทางด้วยความยากลำบาก
“ไม่…!”
พวกเขาสีหน้าเปลี่ยนพร้อมเพรียงกัน ร้องตะโกนด้วยความตื่นตระหนก
ไม่คาดคิดเลยสักนิด ถึงแม้พวกเขาจะรับมืออย่างเต็มกำลังพร้อมกันแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับพลังเจตจำนงเมื่อชาติก่อนของทัศนาจารย์แล้ว กลับยังคงอยู่ในสภาพร่อแร่เช่นนี้
ลำพังเพียงแค่อานุภาพดาบที่ไร้เทียมทานนั้น ก็ยังกดดันจนราชันแห่งภูมิอย่างพวกเขาไม่อาจต้านทานได้!!
และจุดที่ห่างไกลออกไป ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์พุ่งตรงเข้าหา
ในชั่วพริบตา…
ร่างของเซวียจื่อหนิง โม่ฉางคง ถูไป่ชวน กับราชันแห่งภูมิคนอื่น ๆ ทั้งสิ้นสิบแปดคนขาดเป็นเสี่ยง ๆ
ราวกับพลุไฟสีแดงเลือด
สวยงาม!
สะเทือนขวัญ!
ก่อให้เกิดภาพวาดสีเลือดสยดสยองปรากฏ ณ ใจกลางหมู่ดารา!!!