บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1167: ผลพวง
ตอนที่ 1167: ผลพวง
ช่างเสื้อสูดหายใจลึก ๆ สงบสติของตนลง และกล่าวว่า “ตาเฒ่าไร้ค่าผู้นี้ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าไฉนผู้อาวุโสจึงต้องเป็นศัตรูกับข้าสองครั้งสามคราด้วย”
วาจาเหล่านี้ออกมาจากใจ
กาลก่อน ยามร่างอวตารของเขาหนีออกมาจากมหาแดนดินได้ครึ่งทาง เขาก็ถูกสตรีผู้ไม่อาจสรรหาวาจาใดมาบรรยายได้ผู้นี้ขวางทางและสังหาร
สิ่งที่ยิ่งน่ากลัวก็คือ สตรีผู้นี้ดูจะสามารถจับกระแสอำนาจสวรรค์และบุกมายังสถานที่ซ่อนร่างจริงของเขาได้ทันที
หากเขาหนีไม่ทันท่วงที คงมิอาจเลี่ยงศึกใหญ่ได้พ้น!
ประสบการณ์นี้เองที่ทำให้ช่างเสื้อตระหนักถึงความน่ากลัวของสตรีถือหอกผู้นี้ และกลัวนางแต่ยามนั้น
ทว่า เขาหาได้คาดไว้ไม่ว่าในแผนการล้อมโจมตีทัศนาจารย์ สตรีถือหอกผู้นี้จะปรากฏตัวขึ้นมาไล่ล่าเขาอีก!!
สิ่งนี้ทำให้ช่างเสื้อหดหู่ใจนัก
แต่นี่คือคราแรกที่เขาได้พบกับสตรีผู้ไร้เหตุผลเยี่ยงนี้!
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่าต่อให้มีแผนแยบยลล้นฟ้า ทว่าก็รู้สึกว่าไม่อาจทำสิ่งใดได้อีกอยู่ดี
ไม่มีทางเลย สตรีผู้นี้บ้าและไร้เหตุผล นางจะทำทุกสิ่งที่ลั่นวาจา และยังแข็งแกร่งเสียจนไร้เหตุผล!
ทุกแผนการที่เขามีล้วนไร้ค่า
สตรีถือหอกตอบ “เพราะเหตุใดหรือ? ง่าย ๆ เลย เห็นเจ้าแล้วไม่สบอารมณ์!”
ช่างเสื้อ “?”
เหตุผลบ้าบออันใดนี่?
“ไอ้แก่เช่นเจ้าน่ะเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ ตาขาวเหมือนหนู เห็นได้ชัดว่าการฝึกฝนมิได้แย่ แต่กลับชอบซุ่มหลอกลวงคนอยู่เบื้องหลัง”
วาจาของสตรีถือหอกกระแทกกระทั้นไม่สบอารมณ์ “และชั่วชีวิตข้า ข้าก็เกลียดคนเช่นเจ้าที่สุด!”
ช่างเสื้อผงะไป ในอกรู้สึกอึดอัดจนยากหายใจ ‘ไม่ว่าข้าผู้นี้จะแสนกลชั่วร้ายเพียงใด แต่ข้าไปล่วงเกินเจ้ายามใดหรือ?’
การควบคุมอารมณ์ของช่างเสื้อนั้นดีมาก ทำให้การวางตัวของเขาเสถียรและร้ายกาจกว่าผู้ใด หาไม่ ตลอดกาลผ่านมา เขาคงไม่อาจซุกซ่อนหลังฉาก ลอบวางแผนลับ ๆ ได้แสนนาน
ทว่ายามนี้ เขาโกรธโดยแท้จริง มิเคยคาดคิดเลยว่าจะมีสตรีผู้โหดเหี้ยมทะนงเพียงนี้ในโลกหล้าด้วย!
“นอกจากนั้น คราก่อนเจ้ายังโกหกข้าด้วย!”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ ดวงตาของสตรีถือหอกก็ฉายประกายดุดันมาดร้าย “สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดคือการถูกผู้อื่นทำเหมือนเป็นคนโง่เง่า!”
กล่าวเช่นนั้น นางก็เงื้อหอกในมือเตรียมพุ่งโจมตี
ช่างเสื้อรีบร้อนตะโกน “ช้าก่อน! ครั้งก่อนข้าไปโกหกอันใดกัน?”
เมื่อเห็นเขายังทำไขสือ สตรีถือหอกจึงกล่าวย้ำทีละคำ “หากเจ้ารับความผิดเจ้าเสีย ข้าก็อาจทำเพียงแค่อัดเจ้าให้น่วม แต่ยามนี้ ข้าว่าแทงเจ้าให้ตายดีกว่า!”
ตู้ม!
อากาศปั่นป่วนกระเพื่อมคลั่ง เมื่อสตรีถือหอกก้าวเข้ามา มือคู่นั้นกวัดแกว่งหอกด้วยเจตนาหมายสังหาร
“เฮอะ!”
เปรี้ยง!!!
คมหอกฟาดฟัน บรรพตศักดิ์สิทธิ์ระเบิดแหลกราวกับกระดาษยุ่ย
สตรีถือหอกพุ่งเข้าโจมตีตรงหน้า ไร้สิ่งใดหยุดยั้ง
ช่างเสื้ออดอ้าปากค้างมิได้ สตรีผู้นี้… มาจากหนใดกัน? แข็งแกร่งบ้าคลั่งเกินไปแล้ว!
เขาไม่อาจคิดมากได้ ร่างของเขาหายวับไป และพริบตาต่อมาก็ปรากฏห่างออกไปแสนไกล
“กล้าดีอย่างไรถึงหลบการโจมตีของข้า?”
สตรีถือหอกยิ่งเดือดดาลกว่าเดิม
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ช่างเสื้อก็แทบบ้า ‘หากข้าไม่หลบ ก็ต้องยืนให้หญิงบ้าเช่นเจ้าฆ่าทิ้งหรือไร!?’
ครืน!
สตรีถือหอกหาได้สนใจไม่ นางก้าวเดินบนอากาศ หอกฟาดฟันจ้วงแทงพลิ้วไหวดุจมังกรบนอากาศ
และสตรีถือหอกก็ได้พุ่งเข้ามาโจมตีอย่างดุดัน
“ไป!”
สีหน้าของช่างเสื้อจริงจังยิ่งกว่าหนใด ดาบบินขึ้นสนิมเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ พุ่งฟาดฟันในอากาศ
เคร้ง!!!
เสียงระเบิดสนั่นภพสะท้านสะเทือน
จักรวาลพร่างดาวสั่นสะท้านรุนแรง มวลดาราเคลื่อนกระตุก
ร่างของช่างเสื้อปลิวกระเด็นรุนแรง ใบหน้าซีดขาว ปากสำลักโลหิตคำโต
สีหน้าของเขาเปี่ยมด้วยความตกใจ
หรือสตรีผู้นี้จะก้าวข้ามวิถีสู่สวรรค์และเป็นเซียนอันแท้จริงไปแล้วจริง ๆ!?
หาไม่ ไฉนนางจึงแข็งแกร่งได้เพียงนี้เล่า?
อำนาจร้ายกาจหาสิ่งใดเทียบได้ไม่ทำให้ช่างเสื้อขนลุก หากเขาถูกแทงเข้า วิญญาณคงไม่แคล้วสลายหาย!
มิกล้าลังเลอีกต่อไป แสงประหลาดสีดำระเบิดออกมาจากแววตาของช่างเสื้อ ตวาดลั่นสนั่น “กำราบ!”
วี้ด!
เสียงหวีดหวิวเล็กแหลมอันฟังดูพิกลดังขึ้น
ทันใดนั้น เข็มเงินซึ่งปักผมช่างเสื้ออยู่พลันพุ่งออกมา พร่างพรมพิรุณแสงอักขระสีเทา
พิรุณแสงอักขระซึ่งดูงดงามตระการตานี้ แท้จริงแล้วทรงพลังอย่างยิ่ง มิเพียงมันขวางทางสตรีถือหอกไว้เท่านั้น แต่ยังผลักร่างของนางถอยไปหลายก้าว
“หือ สิ่งหลงเหลือจากยุควิถีอสูรหรือ?”
สตรีถือหอกแปลกใจ
ช่างเสื้อแปลกใจเสียยิ่งกว่านางอีก มิอาจคาดได้เลยว่าไพ่ตายอันแข็งแกร่งที่สุดของเขาจะมิอาจทำอันตรายอีกฝ่ายได้แม้หนึ่งเส้นผม!
และต้องทราบว่าสมบัตินี้คือสิ่งที่ทำให้เขายื้อชีวิตจากเงื้อมมือทัศนาจารย์ได้!
“ฮึ!”
ดวงตาของสตรีถือหอกวูบไหวอย่างมาดร้าย ขว้างหอกในมือของนางอย่างแรง
ครืน!
ในอากาศที่อยู่ห่างไกลออกไปพลันเกิดเสียงระเบิดสนั่นลั่น สะเทือนทั่วทั้งจักรวาล
ทันใดจากนั้น เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของช่างเสื้อก็ดังออกมา
ทว่าทั้งหมดนี้ก็จบลงกะทันหัน
“น่าเสียดาย แม้ทะลวงร่างเขาเป็นรูได้ แต่ก็ไม่ถึงตาย”
สตรีถือหอกเสียดายเล็กน้อย ยกมือของนางขึ้น
ตู้ม!
หอกสีเทาครามเรียบ ๆ คืนกลับจากอากาศแสนไกลสู่มือของนาง
สตรีถือหอกกล่าวกับตนเอง
ทันใดนั้นนางก็ส่ายหน้า “เป็นไปมิได้หรอก ยุคสมัยเก่าก่อนทั้งหลายกลายเป็นอดีตอนันตกาลไปจากพันธสัญญาแห่งเทพแล้ว และด้วยวิถีเต๋าของไอ้แก่นี่ก็ไม่น่าจะสามารถทำลายเขตแดนระหว่างอดีตกาลและปัจจุบันได้ด้วย”
“หากมีโอกาสได้ไล่ฆ่าไอ้แก่นี่อีก บางทีเราอาจได้พบความจริงก็เป็นได้”
สตรีถือหอกจัดรายการสิ่งที่ต้องทำให้ตนเอง และตัดสินใจกลับไปเอาชนะเจ้าคนชื่อซูเสวียนจวินในมหาแดนดินให้ได้เสียก่อน
จากนั้น นางจะไปหาช่างเสื้อและค้นหาที่มาที่แท้จริงของเขา
…
พื้นที่ต้องห้ามอันดับหนึ่งแห่งมหาแดนดินแต่บรรพกาล
ทางเข้าเขตต้องห้ามเซียนอับโชค
“พวกเจ้าทั้งสองถูกล้อมไว้แล้ว”
หนึ่งเสียงหัวเราะคิกคัก
ผู้นำของอีกฝ่ายคือชายในอาภรณ์สีทองผู้หนึ่ง ในมือมีพัดหยก ดูโดดเด่นเจิดจรัส
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของจิ่งหังดิ่งวูบ ตระหนักได้ว่าแย่แล้ว
“ข้าแนะนำว่าอย่าได้ขัดขืน ตามเรามาแต่โดยดีเสีย”
ชายชุดทองท่าทีสุขุมกล่าวอย่างเจือความภาคภูมิ “หาไม่ หากลงมือ ข้ารับประกันว่าเจ้าจะมิอาจแบกรับความผิดเช่นนั้นไหว”
ขณะสนทนา กลุ่มของพวกเขาก็ล้อมเข้ามารอบตัวและกระชับวงเข้ามาใกล้ทีละน้อย
จิ่งหังและหวังเชวี่ยมองหน้ากัน จากนั้นก็ขยับเคลื่อนพุ่งสู่ทางเข้าเขตต้องห้ามเซียนอับโชคทันที
“สัตว์ร้ายจนมุม ต่อสู้ยิบตา ช่างน่าเศร้า”
ชายชุดทองส่ายหน้าน้อย ๆ
ตู้ม!
ยอดฝีมือที่ล้อมพวกเขาอยู่ลงมือกระหน่ำโจมตี
เมื่อตระหนักเช่นนี้ จิ่งหังก็ขยี้ยันต์อมตะโดยไม่ลังเล
วิ้ง!
อำนาจกฎเกณฑ์พิสดารลี้ลับพลันอุบัติ แปรเปลี่ยนเป็นวงแหวนศักดิ์สิทธิ์ทรงกลมสีทอง
วงแหวนศักดิ์สิทธิ์อัดแน่นด้วยแสงวิถีอมตะไหลเวียน วนซ้ำไม่รู้จบ สำแดงมนตร์ขลังไร้จุดเริ่มจุดสิ้น
เสียงปะทะสะเทือนโลกหล้าพลันดังขึ้น
เคล็ดวิชาที่ตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิเหล่านั้นใช้ต่างพังทลายลงตรงหน้าวงแหวนศักดิ์สิทธิ์สีทอง มิอาจทำให้มันสะท้านสะเทือนได้แม้แต่น้อย!
“หือ?”
“นี่คือ?”
เหล่าตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิล้วนตกตะลึง
จิ่งหังและหวังเชวี่ยอดแปลกใจมิได้ ช่างเป็นยันต์อมตะอันประหลาดแท้!
เสียงเล็กกังวานใสดังขึ้น และร่างอรชรร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในวงแหวนศักดิ์สิทธิ์สีทอง
สตรีผู้นี้สวมอาภรณ์สะท้อนแสง คิ้วโก่งได้รูป บนหน้าผากมีตรา ‘หนอนไหมสีทองกลืนหาง’ ประทับอยู่
นางคืออาไฉ่!
เมื่อเห็นภาพนี้ ม่านตาของชายชุดทองและคณะล้วนหดตัวกะทันหัน
เจตจำนงของตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิ!
“เรียนผู้อาวุโสตามตรง ซูอี้คือนามอาจารย์ของเราทั้งสองขอรับ”
จิ่งหังคำนับอย่างจริงจัง
อาไฉ่ร้องโอ้ และพลันเข้ามาหา
ดวงตาคู่งามของนางจับจ้องพวกชายชุดทองและกล่าวยิ้ม ๆ “พวกเจ้าอยากตายเช่นไรดี?”
ชายชุดทองตะลึงถึงหัวใจ กล่าวขึ้นว่า “พวกข้ามาจากโรงวาดฤทัย…”
นางดูเหมือนหญิงสาว ไม่ว่าโกรธเกรี้ยวหรือปรีดา เสียงของนางก็ยังใสกังวานรื่นหู
ทว่าความหมายของวาจานั้นช่างเย็นยะเยือก!
ชายชุดทองและคณะมองหน้ากัน และต่างโจมตีทุ่มสุดตัว
ตู้ม!
พวกเขาแต่ละคนล้วนใช้เคล็ดวิชาสูงสุดและสมบัติต่าง ๆ ถล่มโจมตีใส่อาไฉ่ราวสั่งตายมิให้รับมือไหว
และทันทีที่ร่างของพวกเขาโจมตีเสร็จ ก็พากันถอยกรูดสุดความเร็วไปแสนไกล เห็นได้ชัดว่าตั้งใจหนี
อาไฉ่ยกมือขึ้น
วงแหวนทองอมตะหมุนวน บดขยี้เคล็ดวิชาและสารพัดสมบัติแหลกสิ้น
ท่ามกลางพิรุณแสงโปรยปราย ร่างของอาไฉ่ก็หายไปในอากาศธาตุ
ตู้ม!
จากนั้น ชายชุดทองก็ร่างสั่นดุจกระดาษไหม้ไฟ ร่างแหลกสลายเป็นธุลี
และในคลองจักษุของจิ่งหังและหวังเชวี่ย พวกเขาเห็นร่างบอบบางสง่างามของอาไฉ่วูบไหวครั้งแล้วครั้งเล่าดุจข้ามมิติ แต่ละหนล้วนส่งร่างของนางไปปรากฏข้างกายตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิหนึ่งคน และด้วยหนึ่งฝ่ามือทาบลง ศัตรูก็ระเบิดแหลกเป็นผงเยี่ยงเถ้าถ่าน
กล่าวให้กระชับก็คือ มันง่ายราวหยิบของออกจากกระเป๋า!
ก่อนที่จิ่งหังและหวังเชวี่ยจะฟื้นคืนจากความตะลึง อาไฉ่ก็กลับมาหาพวกเขาและกล่าวยิ้ม ๆ “เอาล่ะ จบแล้วนะ”
จิ่งหังและหวังเชวี่ยตื่นจากภวังค์ ต่างคนต่างหอบหายใจ
สังหารตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิเยี่ยงตัดหญ้าเกี่ยวผลไม้!
สตรีผู้ดูอ้อนแอ้นบอบบางผู้นี้ มิต้องสงสัยเลยว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลังยิ่ง!
และยามนี้เองที่พวกเขาทั้งสองตระหนักลึกล้ำว่ายันต์อมตะที่ท่านอาจารย์พวกตนมอบให้นั้นทรงคุณค่าเพียงใด!
………………..