บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1171: ยอดยุทธ์แห่งดาบในธารนทีสายยาวแห่งโชคชะตา!
- Home
- บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ]
- ตอนที่ 1171: ยอดยุทธ์แห่งดาบในธารนทีสายยาวแห่งโชคชะตา!
ตอนที่ 1171: ยอดยุทธ์แห่งดาบในธารนทีสายยาวแห่งโชคชะตา!
การหลอมรวมความทรงจำและประสบการณ์นี้ย่อมหลอมรวมไปถึงลักษณะนิสัย ความรู้ความเข้าใจ และความรู้สึกของทัศนาจารย์ด้วยเช่นกัน
ขั้นตอนนี้ดูไร้อันตรายใด ๆ
ทว่าทัศนาจารย์ได้เตือนซูอี้ซ้ำ ๆ จนขึ้นใจว่าหากปล่อยให้ลักษณะนิสัย ความรู้ความเข้าใจและความรู้สึกของทัศนาจารย์เข้าครอบงำเขา เกรงว่าเขาก็จะกลายเป็น ‘ทัศนาจารย์’ อีกคน!
ดังนั้น ยามประสานรวมกรรมวิถีของทัศนาจารย์ รวบรวมประสบการณ์และความทรงจำของเขา ซูอี้จึงมิได้ปฏิเสธ แต่ก็ปกป้องหัวใจวิถีของตน เขามิกล้าเลินเล่อแม้แต่น้อย
ประสบการณ์เช่นนี้ยังเป็นสิ่งที่ซูอี้มิเคยประสบมาก่อนด้วย
เหตุผลนั้นช่างง่ายดาย
ในอดีตชาติ เขาเป็นฝ่ายออกค้นหาเคล็ดเวียนวัฏสงสารจนในที่สุดก็บรรลุการเวียนวัฏด้วยตนเอง และเมื่อฟื้นความทรงจำแห่งอดีตชาติ ชาติภพก่อนหลังของเขาทั้งสองก็ได้หลอมรวมกันจนไม่อาจแยกออกอีกต่อไป
มันแตกต่างจากทัศนาจารย์ และยังแตกต่างจากอดีตชาติอื่น ๆ ด้วย
ดังนั้น กรรมวิถีอดีตชาติของพวกเขาจึงถูกผนึกในดาบเก้าคุมขัง
การเวียนวัฏสองทางนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เพราะเช่นนั้น ยามหลอมรวมกับกรรมวิถีอดีตชาติของทัศนาจารย์ สำหรับซูอี้ เขาจึงต้องใช้เวลาและพลังงานเพื่อเรียบเรียงปรับตัว
และระหว่างการทำเช่นนั้น ซูอี้พลันพบว่าทัศนาจารย์ผู้ดูอิสระไร้กังวลก็มีความเสียใจใหญ่หลวงอยู่!
หรือก็คือความทรงจำอันเจ็บปวดจนมิอาจเหลียวมองย้อน!
ความเสียใจนี้เกี่ยวข้องกับหนึ่งสตรีนาม ‘หวังเหยา’
ยามทัศนาจารย์ยังหนุ่ม ครอบครัวของเขาจากไร้ พ่อแม่เป็นชาวนา ครอบครัวของเขาและหวังเหยาอยู่ร่วมหมู่บ้านเดียวกัน ทั้งสองต่างเติบโตมาด้วยกัน เป็นคู่รักวัยเยาว์
ยามนั้น ทั้งสองล้วนแต่เป็นเด็กยากไร้ในดินแดนแห่งปุถุชน ความรู้สึกต่อกันใสซื่อจริงใจที่สุด
ก่อนที่ทัศนาจารย์จะไปสอบเข้าวังหลวง พ่อแม่สองฝ่ายตกลงจัดงานแต่งให้ทั้งคู่ยามทัศนาจารย์คืนถิ่น
แต่ใครเล่าจะคิดว่าหลังได้รับเลือกเป็นบัณฑิตรับใช้วังหลวง เขาจะต้องถูกย้ายไปปฏิบัติงานในเมืองหลวง
โศกนาฏกรรมนี้แปรเปลี่ยนลักษณะนิสัยของทัศนาจารย์อย่างมหันต์ และยังทำให้เขาเสียใจไปชั่วชีวิต ด้วยคิดว่าหากเขากลับบ้านทันทีหลังสอบเข้าวังหลวงได้ สารพัดหายนะสะเทือนใจเหล่านี้คงไม่เกิด
เหตุนี้ยังกลายมาเป็นความเสียใจชั่วชีวิตของทัศนาจารย์อีกด้วย
ไม่ว่าชื่อเสียงความสำเร็จในการฝึกฝนของเขาจะสูงส่งเพียงไร ยามใดที่เขาคิดถึงโศกนาฏกรรมนี้ เขาก็จะจิตตกทุกคราไป
นี่คือเหตุที่ทัศนาจารย์ไม่แต่งภรรยาชั่วชีวิต
เมื่อเขาเข้าใจเช่นนี้ หัวใจของซูอี้ก็ปวดร้าวผงะตะลึง อารมณ์และหัวใจวิถีสะท้านถูกผลกระทบ
เขามีวิธีที่สามารถสะบั้นอิทธิพลทางใจเหล่านี้ได้โดยง่ายอยู่
ทว่าท้ายที่สุด ซูอี้ก็มิได้ทำเช่นนั้น
เขาหลอมรวมเรื่องทั้งหมดนี้กับหัวใจวิถีของตนแทนที่จะสังหารพันธะทางอารมณ์เหล่านี้ และหากทำเช่นนั้น เขาก็จะมิอาจหลอมรวมกับชั่วชีวิตของทัศนาจารย์ได้อย่างครบถ้วน
หากเขามาพบผลกรรมซึ่งอาจเป็นภัยต่อสภาพจิตใจและทำลายเสียแต่เนิ่น ๆ มันจะหมายความว่าหัวใจวิถี ณ ปัจจุบันชาติของเขากลัวผลกรรมของทัศนาจารย์ในอดีตชาติโดยไร้กังขา!
แต่การผสานรวมนั้นแตกต่างออกไป เพราะเขามีสภาพจิตใจของตนอยู่แล้ว เมื่อแทนที่ทุกสิ่งของทัศนาจารย์ก็เป็นดั่งร้อยนทีเคลื่อนสู่สมุทร!
…
กาลเวลาผันผ่านรวดเร็ว
สามเดือนต่อมา
ซูอี้ที่อยู่ในถ้ำพำนักลืมตาขึ้นเงียบ ๆ
ยามนั้น แววตาของเขาก็ดูจะมีการผันผวนของเวลาเคลื่อนคล้อย แสงวิถีลึกลับพร่างพราว
ทว่าท้ายที่สุด ทั้งหมดนี้ก็สลายไป ดวงตากลับมาลึกล้ำเงียบเชียบราวสระนทีแห่งสารทฤดู
เฮ้อ~
ซูอี้ถอนหายใจแผ่วเบา
เขารู้สึกได้โดยชัดเจนว่าตนเปลี่ยนแปลงไป
ทว่าทุกอย่างก็ยังไม่ผิดแปลก เพราะเขาก็ยังเป็นซูอี้ ร่างเวียนวัฏของซูเสวียนจวินอยู่ดี
“เวียนวัฏสงสารผลัดเปลี่ยนชาติภพ พลังกรรมวิถีแตกต่างกระหวัดเกี่ยวที่ตัวข้าผู้เดียว ประสบการณ์นี้ช่างน่าอัศจรรย์จริงแท้…”
ซูอี้กระซิบ พลางแย้มยิ้มเสรี “หากข้าต้องการ ข้าก็เป็นทัศนาจารย์ หรือทำในสิ่งใด ๆ ที่ต้องการได้ มิจำเป็นต้องยึดติดกับตัวข้าผู้ใด!”
เขานำไหสุราออกมากระดกดื่มอั้ก ๆ
จากนั้น ซูอี้ก็หลับตาลงอีกครั้ง
ครานี้ เขาอยากใช้แก่นแท้เอกกะมาสำรวจความลับแห่งดาบเก้าคุมขัง!
ในห้วงความนึกคิด
เมื่อซูอี้ใช้พลังของแก่นแท้เอกกะมาสำรวจปราณของดาบเก้าคุมขัง ทันใดนั้นภาพอันน่าตื่นตาก็ปรากฏขึ้น
แม่น้ำอันทรงพลังสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นที่ด้ามดาบเก้าคุมขัง เหนือสายตรวนเส้นแรก!
แม่น้ำสายยาวนั้นทอดยาวจากอากาศ เคลื่อนคล้อยแสนไกลสู่สถานที่อันเกินรู้จัก ไร้จุดเริ่มจุดจบ!
กระแสแห่งกาลเวลาเคลื่อนคล้อยตามธารยาว โลกหล้าเปลี่ยนแปรพัฒนาการ อดีต ปัจจุบันและอนาคตดูจะหมุนเวียนเปลี่ยนผันภายใน
“ธารนทีสายยาวแห่งโชคชะตา!”
หัวใจของซูอี้กระตุกสั่น
ความทรงจำและประสบการณ์ของทัศนาจารย์ทำให้เขาตัดสินได้เป็นครั้งแรกว่านิมิตที่ปรากฏบนด้ามดาบเก้าคุมขังนั้นต้องสงสัยจะเป็น ‘ธารนทีสายยาวแห่งโชคชะตา’ อันลึกลับเกินเข้าใจที่สุด!
เพราะทัศนาจารย์ขณะอยู่ในขอบเขตคืนสู่สามัญเคยได้เห็นภาพนี้โดยบังเอิญ ทว่าท้ายที่สุดก็มิอาจหยั่งความจริงใด ๆ จากมันได้
และยามนี้ เมื่อซูอี้ใช้แก่นแท้เอกกะเป็นกุญแจเปิดความลับแห่งดาบเก้าคุมขัง เขาก็ได้เห็นธารนทีสายยาวแห่งโชคชะตาอันลึกลับเกินเข้าใจนี้ขึ้นมาอีกครั้ง!
ซ่า!
คลื่นนทีหลั่งริน กาลเวลาผันผ่าน โลกาแปรเปลี่ยน ราวกับมีสารพัดวิถีแห่งสวรรค์กระเพื่อมไหวเคลื่อนคล้อย ก่อให้เกิดบรรยากาศราวนิรันดร์กาล
ตรวนเจ็ดสายบนดาบเก้าคุมขังดูเงียบสนิท ณ ยามนี้ราวกับตกตะลึงจากบรรยากาศแห่งธารนทีสายยาวแห่งโชคชะตา ไร้การเคลื่อนไหวใด ๆ
ซูอี้สะกดความตะลึงอึ้งในใจ ก่อนจะสงบตนเองลง
สิ่งที่เห็นและสัมผัสราวถูกปิดกั้นในความโกลาหล มิอาจแยกตัวเป็นอิสระได้
ความรู้สึกหดหู่และตกตะลึงอย่างมิอาจอธิบายแผ่ซ่านสู่หัวใจของซูอี้
ก่อเกิดเป็นความรู้สึกว่า หากมิอาจสลัดหลุดจากสภาวะประหลาดนี้ได้ เขาคงได้ประสบเหตุมอดมลายแน่แท้!
ซูอี้โคจรวิถีของตนโดยไร้ลังเล
ทว่าเขาก็รู้สึกว่าทุกการดิ้นรนช่างไร้พลัง ราวกับเป็นหนึ่งใบไม้ที่ทำได้เพียงล่องลอยตามกระแสน้ำชั่วกาล ถูกสวรรค์ละทิ้งเพิกเฉย…
ความรู้สึกอันน่าขื่นขมนี้ทำให้ซูอี้เปลี่ยนสีหน้าอย่างช่วยมิได้
เขาแน่ใจว่าทัศนาจารย์ต้องมิเคยได้สัมผัสการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้แน่แท้ หาไม่ คงต้องมีประสบการณ์เช่นนี้ในความทรงจำของเขาเป็นแน่!
“ความแข็งแกร่งของดาบเก้าคุมขังนี้แข็งแกร่งเลิศล้ำโดยมิต้องสงสัย…”
ซูอี้ยิ้มอย่างขมขื่น “น่าเหลือเชื่อเสียยิ่งกว่า ‘กฎดาราจักร’ ที่ข้าในอดีตชาติได้เห็นเสียอีก…”
กฎดาราจักรนั้นอยู่เหนือกฎภูมิดารา!
ใน ‘ภูมิร้อยมหาดารา’ แห่งห้วงลึกจักรวาลพร่างดาว กฎดาราจักรนั้นแทนอำนาจสูงสุดไร้ใดเปรียบ!
ใน ‘จักรดาราตงเสวียน’ มีกฎภูมิดาราสูงสุดถึงสามสิบสามกฎเกณฑ์ เช่น กฎเกณฑ์วอนสวรรค์ กฎวิเวกดารา กฎแปรวิญญาณและอื่น ๆ
ทว่าเขากลับรู้จักกฎดาราจักรเพียงเจ็ดกฎ!
‘กฎอนันตกาลจรัสแสง’ ที่ทัศนาจารย์บรรลุคือกฎดาราจักรอันสูงส่งลึกลับที่สุดในส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว
ทว่ายามนี้ ซูอี้กลับพบว่าเมื่อเทียบกับพลังของ ‘ธารนทีสายยาวแห่งโชคชะตา’ กฎอนันตกาลจรัสแสงนั้นเป็นเพียงหนึ่งสายคลื่นในสายนทียาวนี้เท่านั้น…
สิ่งนี้ย่อมทำให้เขาตะลึงอึ้ง
ท้ายที่สุด ยามนี้เขาก็หลอมรวมความรู้และประสบการณ์กับทัศนาจารย์แล้ว แต่เขาก็ยังตกใจได้อีก จึงคาดได้ว่านทีสายยาวนี้ลึกลับเกินหยั่งเพียงใด
“ต้องออกไปโดยเร็วที่สุด!”
ซูอี้พยายามสงบใจ
ทว่าสิ่งที่เขาเห็นและรับรู้กลับปั่นป่วนรวนเรยิ่ง ร่างของเขาถูกพัวพันมิอาจแยกจาก ราวถูกสวรรค์ทอดทิ้ง และไร้กำลังที่จะต่อต้าน
ซูอี้รู้ว่านี่คืออิทธิพลของดาบเก้าคุมขัง และเป็นไปได้ว่ามันจะโจมตีจิตวิญญาณของเขาโดยตรง ทำให้มิอาจดิ้นหลุด
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้น ซูอี้ก็สัมผัสปราณอันคุ้นเคยได้
เวียนวัฏ!
ยามนี้ ซูอี้ไม่ได้ลังเลอีกต่อไป จากนั้นก็โคจรเคล็ดเวียนวัฏสงสารที่เขาบรรลุทันที!
ตู้ม!
เหมือนเช่นคนเกือบจมน้ำพลันคว้าโขดหินไว้ได้ ซูอี้พลันตื่นขึ้นจากสภาพปั่นป่วนในธารแห่งโชคชะตา
จากนั้นเขาก็เห็นว่าที่ด้ามดาบเก้าคุมขัง ธารนทีสายยาวแห่งโชคชะตาเคลื่อนคล้อยอิสระ และเหนือสายนทียาวมีร่างลวงตาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
เขาก้าวเดินไปบนเกลียวคลื่น ปล่อยกระแสกาลเวลาผันผ่านเปลี่ยนแปร แต่กลับไม่อาจทำให้ร่างของเขาสะท้านสะเทือนได้เลย
กลิ่นอายของเขามั่นคงดุจศิลา ขณะยืนตระหง่านอย่างภาคภูมิในธารแห่งโชคชะตา!
ร่างนั้นพร่ามัวประหนึ่งภาพหลอน แต่กลับให้ความรู้สึกดุจยืนยงนิรันดร์กาล
เขาคือผู้ใดกัน?
ซูอี้แปลกใจ
“ลือกันว่ายามลอบหยั่งแก่นแท้แห่งนิรันดร์กาล ทำความเข้าใจกฎแห่งโชคชะตา คนผู้นั้นจะสามารถยืนเหนือวิถีนับหมื่น มองลงมาสู่ความเปลี่ยนแปลงแห่งโลกหล้า ได้รับรู้แถลงไขถึงการเปลี่ยนผ่านกาลเวลา และจึงได้ประสบเคล็ดแห่งยุคสมัยผันแปร…”
เสียงกระจ่างอันเฉยเมยแว่วมาจากธารนทีสายยาวแห่งโชคชะตา
ซูอี้อ้าปากค้าง ร่างลวงตานั้นกำลังพูดกับเขา!!
“ทว่าข้าผู้นี้เสาะหาวิถีแห่งดาบ เดินบนเส้นทางเวียนวัฏ ค้นหาสืบเสาะผ่านยุคสมัยต่าง ๆ แต่กลับมิอาจสืบหาพบได้…”
“ไร้เทียมทานในโลกหล้า ข้าถือตนเป็นศัตรูของตัวเอง และท้ายที่สุดข้าก็พบว่าสิ่งที่ข้ามองหา จะสำเร็จได้ก็ต้องเริ่มจากการเวียนวัฏเท่านั้น…”
เสียงนั้นดุจวจีดาบละล่องแสนไกลจากบรรพกาล เผยเค้าความเศร้าสร้อยเดียวดาย
และร่างลวงตาซึ่งยืนบนธารนทีสายยาวแห่งโชคชะตาก็ค่อย ๆ หันกลับมา เงยหน้ามองมาทางซูอี้
ตู้ม!
ดาบเก้าคุมขังเปล่งลำนำ โซ่เจ็ดตรวนสั่นสะเทือน
เพียงหนึ่งสายตาจ้องมองนี้ก็ทำให้สภาพจิตใจของซูอี้สั่นคลอน จิตวิญญาณสะท้านโยกราวกับถูกมหาเทพเพ่งพิศ
ทว่าความผิดปกติทั้งหลายหายไปในพริบตา
ดาบเก้าคุมขังมิได้ขานวจีใด เจ็ดตรวนนิ่งสนิทกลับสู่ความเงียบ
และร่างลวงตาในธารนทีสายยาวแห่งโชคชะตาดูจะแย้มยิ้มบาง รำพันว่า “ผู้ที่เข้าใจการเวียนวัฏย่อมสามารถเห็นเสี้ยวชะตาแห่งการเวียนวัฏได้ เจ้าน้องชายเฉินซีจริงใจหาได้ลวงหลอกไม่!”
เข้าใจการเวียนวัฏ เห็นเสี้ยวชะตาแห่งการเวียนวัฏ?
เฉินซี?
ซูอี้ตะลึงอึ้ง
เขาไม่คุ้นกับเรื่องทั้งหมดนี้เลย
ทว่าเมื่อเห็นร่างเลือนรางบนธารแห่งโชคชะตานี้ เขากลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างมิอาจบรรยาย
เขาประสบกับความรู้สึกนี้ยามได้พานพบเจตจำนงของทัศนาจารย์มาแล้วหนหนึ่ง
ใครเล่าจะไม่เข้าใจว่าร่างพร่ามัวนี้ก็น่าจะเป็นหนึ่งในอดีตชาติของเขาเช่นกัน?
………………..