บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1177: ราชันแห่งภูมิ!
ตอนที่ 1177: ราชันแห่งภูมิ!
ทั่วฟ้าดินราวลุกไหม้
มดเพลิงกลืนวิญญาณฝูงใหญ่หนาตาบดบังท้องนภา
ไม่ว่าตัวใดก็เป็นภัยต่อจักรพรรดิในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำได้
และยามนี้ การจัดทัพเช่นนี้ก็เพียงพอให้ตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิหนีหัวซุกหัวซุนได้แล้ว!
ซูอี้ไม่ได้หนีหาย
เขาก้าวมาเบื้องหน้า ลำแสงดาบนับพันแผ่กระจายรอบร่างเขา
ราวสายธารนับไม่ถ้วนหลั่งรินเล็กบาง
ดุจเกลียวคลื่นเชี่ยวกรากกระเพื่อมขึ้นลง
และเมื่อร่างของซูอี้พุ่งออกไป
ตู้ม!
ดาบกู่คำรามลั่นเยี่ยงวาตะอัสนี
ร่างของเขาเป็นดั่งคมดาบฟาดฟันผ่านนภา ทุกที่ที่เคลื่อนผ่าน มดเพลิงกลืนวิญญาณนับไม่ถ้วนล้วนระเบิดแหลกเยี่ยงกระดาษเปื่อย
แข็งแกร่งไร้เทียมทาน
เกิดรอยแตกผ่าตรงขึ้นในอากาศ
มดเพลิงกลืนวิญญาณเหล่านั้นเตรียมเคลื่อนย้าย ความเร็วสูงส่งยิ่ง
ทว่าต่อหน้าซูอี้ พวกมันไร้ทางสู้โดยสิ้นเชิง
ร่างของเขาอาบปราณดาบนับพัน ละเลงเลือดเปิดทางโดยไม่ออกแรง!
ชายชราชุดเทาอดแปลกใจมิได้ “คุณชายโปรดระวัง คนผู้นี้ผิดปกติ!”
“คนจากมหาแดนดินผู้นี้แข็งแกร่งจริงแท้ ยิ่งกว่าเหล่าเจ้าเฒ่าที่เราล่ามาก่อนหน้านี้อีก”
ตู้ม!
ไกลออกไป วจีดาบคร่ำครวญดุจสายน้ำ
ร่างของซูอี้ทะลวงผ่านวงล้อมไปแล้ว
“คุณชายโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปจัดการคนผู้นั้นเอง”
ชายชราชุดเทาทะยานร่างเข้าเข่นฆ่า
ฉัวะ!
เขาโบกขลุ่ยกระดูกในมือ และทันใดนั้นเทพมารนับพันก็ปรากฏ พัวพันด้วยอำนาจกฎเกณฑ์หนาแน่น
เพียงหนึ่งการโจมตี อำนาจเช่นนี้เพียงพอจะสังหารตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิ ณ ปัจจุบันได้ง่าย ๆ!
ทว่าชายชราชุดเทาผู้นี้หาใช่ราชันแห่งภูมิไม่ แต่มหาวิถีที่เขาบรรลุเป็นกฎภูมิดาราบางอย่าง!
เมื่อเห็นเช่นนี้ ดวงตาของซูอี้ก็ฉายประกายเจือความดูแคลน
คร้านเหลือเกินจะกล่าวอันใด เขาโบกแขนเสื้อ
ตู้ม!
ปราณดาบสายหนึ่งพุ่งออกราวรุ้งทิพย์ กวาดร่างลวงเทพมารทั้งหลายบนฟ้าหายลับพริบตา
“หือ?”
ชายชราชุดเทาพลันเปลี่ยนสีหน้า ตระหนักแล้วว่าบางสิ่งมิชอบมาพากล
ตลอดกาลนานมา ด้วยกฎภูมิดาราที่เขาเจนจัด เขาได้ล่าจักรพรรดิในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำมากมาย และแต่ละครั้งล้วนกำราบอีกฝ่ายลงอย่างแสนง่าย
จนเมื่อเขาได้เผชิญหน้าซูอี้ เขาก็หาได้มีอีกฝ่ายในสายตาไม่
ทว่าครานี้ เขาตระหนักแล้วว่าครานี้ ตนน่าจะเตะถูกแผ่นเหล็กเข้า
“คุณชายหนีไป!”
ชายชราชุดเทาตะโกน
ขณะเดียวกัน เขาก็ระเบิดพลังมหาวิถีทั้งหมดของตน โบกขลุ่ยกระดูกในมือฟาดเข้าใส่ซูอี้บนอากาศ
ตู้ม!
เทพมารอุบัติ อำนาจกฎเกณฑ์ทะลักรินเยี่ยงน้ำตก
อำนาจแห่งการโจมตีนี้ร้ายกาจแยกนภาผ่าแดนดิน น่าสยดสยองไร้ขอบเขต
“ตัวตนเช่นเจ้าช่างไร้ค่า มิชวนให้สนใจแม้แต่น้อย”
เสียงอันผิดหวังเล็กน้อยดังขึ้น
ร่างของซูอี้วูบไหว ฝ่ามือขวาฟันน้อย ๆ ผ่านนภาดุจดาบ
เปรี้ยง!!!
เหล่าเทพมารร่างระเบิดแหลก กฎเกณฑ์พลุ่งพล่านสลายหาย
ขลุ่ยกระดูกในมือชายชราชุดเทาปริแตกทีละน้อย เศษฝุ่นผงปลิดปลิวไปรอบ ๆ
อั้ก!
ชายชราชุดเทากระอักโลหิต ร่างของเขาแตกร้าวโซเซไปเบื้องหลัง
ก่อนที่เขาจะทันยืนตั้งหลักได้ ซูอี้ก็ปรากฏขึ้นบนอากาศและยกมือขึ้นฟาด
ทันใดนั้น ศีรษะหนึ่งก็กระเด็นสู่เวหา
ยามสิ้นใจ สีหน้าของชายชราชุดเทาเปี่ยมความตกตะลึง ราวยากจะรับได้
และพริบตานั้น ทั้งหัวและร่างของเขาก็แปรเป็นเถ้าถ่าน
“อาหมิง!”
เสียงแตกตื่นของชายหนุ่มชุดเหลืองดังขึ้นจากที่ห่างไกลออกไป
นับแต่ยามที่ชายชราชุดเทาบอกให้เขาหนี เขาก็ตระหนักได้ว่าบางอย่างผิดแปลกและเผ่นหนีไปแสนไกลแล้ว
แต่เขาก็ยังไม่คาดอยู่ดีว่าชายชราชุดเทาจะแพ้เร็วเพียงนี้!
“ตาเจ้าแล้ว”
ซูอี้พลิ้วกายจาก
ชายหนุ่มชุดเหลืองลนลาน ขยี้ยันต์ลับชิ้นหนึ่งโดยไม่ลังเล
ตู้ม!
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทะยานสู่สรวงสวรรค์ และเจตจำนงของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้น แปรเปลี่ยนเป็นชายวัยกลางคนในชุดบัณฑิตขงจื่อ เส้นผมพลิ้วไสวดุจเทวาจุติสู่แดนดิน
“บรรพชนช่วยข้าด้วย!”
ชายหนุ่มชุดเหลืองตะโกน
“อย่าแตกตื่น เจ้าจะไม่เป็นไรหรอก”
ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุมอ่อนโยน
“จริงหรือ”
ซูอี้ที่อยู่ไกลออกไปหัวเราะ
เจตจำนงราชันแห่งภูมินั้นเป็นเพียงอวตาร เขาฆ่าทิ้งได้ง่าย ๆ ตั้งแต่อยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นสูงสุดแล้ว
นับประสาอันใดกับยามนี้ที่เขาอยู่ในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นกลาง!
ตู้ม!
ทั่วฟ้าดินสั่นสะท้าน ทุกสารทิศปั่นป่วน
หนึ่งปราณดาบแหวกเวหาฟาดเข้าใส่ชายวัยกลางคนผู้นั้น
ชายวัยกลางคนอดยิ้มเยาะไม่ได้ “เห จักรพรรดิทุกวันนี้กล้าโอหังแสนอหังการ… หือ?”
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนกะทันหัน และโจมตีสุดแรงด้วยสัญชาตญาณ
ทว่าในพริบตานั้น ร่างของเขาก็แหลกระเบิดโปรยปรายด้วยถูกหนึ่งปราณดาบสะบั้น
เสียงเย้ยเยาะของเขายังคงสะท้อนทั่วฟ้าดินไม่สร่าง
คล้ายเรื่องประชดประชันใหญ่หลวง
“เป็นอย่างนี้ได้เช่นไร!!??”
ชายหนุ่มชุดเหลืองตะลึงจนแทบสิ้นสติ
ไยคนจากมหาแดนดินจึงแข็งแกร่งได้เพียงนี้กัน?
ป้าบ!
ชายหนุ่มชุดเหลืองถูกตบหัว ทำให้ดวงตาเห็นดวงดาราพร่างพราย ร่างสั่นสะท้านแต่หัวจรดเท้า
“ผู้ใดคือคนจากมหาแดนดิน?”
ซูอี้ถามยิ้ม ๆ
ก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มชุดเหลืองแสนวางท่าโอหัง ทว่ายามนี้ใบหน้าของเขาซีดเซียว ถามอย่างหวาดผวา “เจ้า… เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ป้าบ!
ซูอี้แย้มยิ้ม ถามอีกครั้ง “มิใช่เจ้าจะจับข้าเป็นทาสหรอกหรือ? เหตุใดจึงมิกล้าแล้วเล่า?”
ชายหนุ่มชุดเหลืองรู้สึกตื่นตระหนก ร่างสั่นระรัวแทบสิ้นสติ
เขาเองก็งุนงงเช่นกัน คิดเช่นไรก็ไม่ออกว่าเหตุใดชายหนุ่มวัยยี่สิบเศษจึงแข็งแกร่งได้เพียงนี้ กระทั่งเจตจำนงราชันแห่งภูมิยังไร้ทางสู้ตรงหน้าเขา!
“พูดสิ”
ซูอี้พูดพลางยกมือฟาดอีกครั้ง
ป้าบ!
ร่างของชายหนุ่มชุดเหลืองทรุดลง ดวงตามืดมัวใกล้สลบ
เขาอดคำรามมิได้ “พอได้แล้วหรือไม่! จะฆ่าก็ฆ่าเลย!! บรรพตมารพันเจตของข้าจะล้างโคตรเจ้าแน่!!”
“ไอ้โง่ฉุนเฉียวไร้สามารถอีกคนแล้ว”
ทันใดนั้น ซูอี้ก็หมดความสนใจ จากนั้นก็ลงมือโจมตีขยี้ร่างของชายหนุ่มชุดเหลือง ดึงจิตวิญญาณของเขาออกมาทันที
“เจ้า… เจ้าจะทำอันใด?”
จิตวิญญาณของชายหนุ่มชุดเหลืองดูจะตระหนักแล้วว่าซูอี้คิดทำสิ่งใด เขาจึงดิ้นรนสุดกำลัง กรีดร้องอย่างตื่นกลัว “อย่านะ ข้ายอมแพ้!
“อ้อ แต่ข้าไม่รับล่ะ”
ซูอี้กล่าวเฉยเมย
ชายหนุ่มชุดเหลือง “…”
เปรี้ยง!
จิตวิญญาณของเขาพลันสิ้นสติสัมปชัญญะ
ต่อมา ซูอี้ก็เริ่มค้นวิญญาณ
ครึ่งเสี้ยวชั่วยามต่อมา
ในที่สุดซูอี้ก็รู้ที่มาของอีกฝ่าย
และภูมิดาราจิตเทวะนี้คือถิ่นของลัทธิทางช้างเผือก!
ซึ่งยอดฝีมือทั้งหลายจากบรรพตมารพันเจตก็ถูกลัทธิทางช้างเผือกส่งมายังมหาแดนดินกับคนของพวกเขา
พวกเขายังติดตามนักบวชสูงสุดแห่งตำหนักจันทรา ลัทธิทางช้างเผือกและคณะมายังเขตต้องห้ามเซียนอับโชคนี้
และนอกจากบรรพตมารพันเจต ยังมีขุมกำลังอีกเจ็ดแห่งที่ทำงานรับใช้ลัทธิทางช้างเผือก!
“กะแล้วไม่มีผิด ก่อนที่ศึกทะเลดาวตกจะปะทุขึ้น เจ้าพวกคนจากส่วนลึกจักรวาลพร่างดาวก็ออกเคลื่อนไหวมายังเขตต้องห้ามเซียนอับโชคกันแล้ว”
ซูอี้กล่าวด้วยสีหน้าถมึงตึง
จากความทรงจำของจั๋วฟาง กลุ่มยอดฝีมือของลัทธิทางช้างเผือกและหกขุมกำลังใต้บัญชามีทั้งหมดราว ๆ สามสิบคน
และตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิมีเพียงสองคน
หนึ่งคือนักบวชสูงสุดแห่งตำหนักจันทราจากลัทธิทางช้างเผือก ‘หลิ่วเจี้ยนฉือ’ และอีกหนึ่งคือผู้อาวุโสสูงสุด ‘หลัวจื่อหง’ แห่ง ‘สำนักเต๋าเมฆาหยกเขียว’ จากภูมิดาราจิตเทวะ
หลิ่วเจี้ยนฉือพายอดฝีมือบางส่วนเดินทางเข้าสู่ส่วนลึกแห่งเขตต้องห้ามเซียนอับโชคตั้งแต่เมื่อครึ่งเดือนก่อนแล้ว
และหลัวจื่อหงและสำนักเต๋าเมฆาหยกเขียวก็พายอดฝีมืออีกส่วนออกสำรวจหาโอกาสในเขตต้องห้ามเซียนอับโชคส่วนนอก
“การมีราชันแห่งภูมิอยู่ด้วยทำให้การปักหลักโคจรในพื้นที่รอบนอกนี้ปลอดภัยกว่าจริงแท้”
ซูอี้กล่าวอย่างหนักอึ้ง
สิ่งที่ทำให้เขาสนใจจริง ๆ ก็คือในเขตต้องห้ามเซียนอับโชคนี้ การฝึกฝนของราชันแห่งภูมิไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากกฎสวรรค์ภูมิดารา!
กล่าวอีกนัยก็คือ ในเขตต้องห้ามเซียนอับโชค เหล่าราชันแห่งภูมิสามารถเผยอำนาจทั้งหมดออกมาได้เต็มที่!
ทันใดนั้น หัวใจของซูอี้พลันบีบตัวแน่น
เขาเคลื่อนกายหลบอย่างไร้ลังเล
แทบจะในยามเดียวกัน ศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินดอกหนึ่งก็ทะยานเข้ามาปักในจุดที่เขายืนอยู่แต่เดิม รอบข้างพังทลาย ปฐพียุบเป็นหลุมใหญ่โต
อำนาจทำลายล้างน่าหวาดหวั่นแผ่ซ่าน ส่งให้ทั่วบริเวณสั่นสะท้านรุนแรง
ร่างของซูอี้เคลื่อนโคลง อาภรณ์สั่นกระพือ
ทันใดนั้น เสียงแหวกอากาศแหลมสูงก็ดังขึ้น
มิต้องสงสัยเลยว่าศรศักดิ์สิทธิ์นี้รวดเร็วเหนือเสียง ทะยานพุ่งผ่านอากาศ ดุร้ายสุดขั้ว!
“หือ หลบได้หรือ?”
เสียงประหลาดใจพลันดังขึ้นจากที่ห่างไกล
ซูอี้มองขึ้นไป และก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งทะยานมาจากท้องนภาที่ห่างไปไกล
ผู้นำคือบุรุษผู้มีรูปร่างผอมสูง ผิวสีคล้ำแดด ดวงตาเจิดจรัสเยี่ยงดวงตะวัน ถือคันธนูกระดูกคันใหญ่
ปราณจากร่างของเขาพลุ่งพล่านสะเทือนแดนดิน ดุร้ายอหังการ!
เมื่อมองจากไกล ๆ ก็ดูราวเทพโบราณคลั่งแค้นจุติ
หลัวจื่อหง!
ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเต๋าเมฆาหยกเขียว
เขาเป็นที่รู้จักในนามยอดยุทธ์วิถีธนูอันดับหนึ่งในภูมิดาราจิตเทวา เขามีรากฐานการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงขั้นกลาง
คันธนูใหญ่สร้างจากกระดูกขาวในมือของเขา ลือกันว่าหล่อหลอมขึ้นจากกระดูกชะตาของ ‘เจินโห่ว’ และสามารถทะลวงผ่านการป้องกันของราชันแห่งภูมิได้โดยง่าย!
ทั้งหมดนี้ล้วนแต่มาจากความทรงจำของจั๋วฟาง
แม้ว่าซูอี้จะได้รับสืบทอดความทรงจำของทัศนาจารย์ แต่ด้วยฐานะสูงส่งเหนือสรรพภูมิในจักรวาลพร่างดาวของเขา และเมื่อเขาไม่รู้จักหลัวจื่อหงผู้นี้ ย่อมพิสูจน์ว่าคนผู้นี้ขึ้นเป็นราชันแห่งภูมิหลังจากทัศนาจารย์เวียนวัฏ
ยามนี้ เบื้องหลังหลัวจื่อหงยังมีกลุ่มผู้ฝึกตนตามมาอีกกลุ่มใหญ่ กลุ่มนั้นมีทั้งชายและหญิง ปราณทั่วร่างของพวกเขาทั้งดุดันและแข็งแกร่งยิ่ง
พวกเขาแทบทั้งหมดเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาล้วนแต่เป็นยอดฝีมือซึ่งทำงานรับใช้ลัทธิทางช้างเผือกจากหกขุมกำลัง
“ในที่สุดก็มีพวกเข้าตาโผล่มาสักคน”
ซูอี้กระซิบแผ่วเบา เวลาเดียวกันนั้นเอง จิตต่อสู้กำลังพลุ่งพล่านในแววตาของเขา
ในศึกก่อนที่ทะเลดาวตก เขาถูกล้อมโจมตีจากราชันแห่งภูมิสิบกว่าคน และยามนั้น ก่อนจะใช้อำนาจมหาวิถีของทัศนาจารย์ เขาก็ใช้การฝึกฝนซึ่งเพิ่งเข้าสู่ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นต้นหมาด ๆ ยันการต่อสู้ได้เนิ่นนาน
และยามนี้เมื่อเขาอยู่ในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นกลาง ก็ได้เผชิญหน้ากับราชันแห่งภูมิ
…แน่นอนว่า ซูอี้หาได้กลัวไม่!
ส่วนตัวตนอื่น ๆ ในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำนั้นถูกเขาเมินสิ้นไปแต่แรก
“โห พูดจาใหญ่โตดีนี่”
ไกลออกไป ปราณของหลัวจื่อหงลากอากาศทั่วทิศบิดเบี้ยวตามแรงกดดัน ส่งผลให้ทั่วด้าวแดนสะเทือนสั่น อากาศหวีดครวญ
ดวงตาของเขาวาวโรจน์ ขณะมองซูอี้อย่างเย็นชาและกล่าวอย่างเฉยเมย “ปล่อยจิตวิญญาณของจั๋วฟางเสีย แล้วข้าจะให้เจ้าตายโดยไม่เจ็บปวด!”
“หาไม่ นอกจากจะไม่รอด ต่อให้นึกอยากตาย เจ้าก็ตายมิได้เช่นกัน!”