บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1178: ดาบเวียนวัฏ!
ตอนที่ 1178: ดาบเวียนวัฏ!
………………..
ตอนที่ 1178: ดาบเวียนวัฏ!
พลังของราชันแห่งภูมินั้นน่ากลัวอย่างแท้จริง
เมื่อเสียงของหลัวจื่อหงก้องออกไป มันก็ดังสนั่นราวสายฟ้า
เพียงอำนาจในน้ำเสียงก็เพียงพอจะทะลุการป้องกันจิตใจของตัวตนระดับจักรพรรดิใด ๆ จนปั่นป่วนได้
ทว่าสภาพจิตใจของซูอี้ช่างทรงพลังยิ่ง
ก่อนหน้านี้ เขาคือคนสองชาติภพ
และเมื่อหลอมรวมกับอดีตชาติแห่งทัศนาจารย์ เขาก็กลายเป็นคนสามชาติภพ
สภาพจิตใจของเขาไม่อาจถูกทำลายได้มาแสนนาน!
แต่การที่เขาได้สืบทอดประสบการณ์ของทัศนาจารย์กลับทำให้เขาคุ้นเคยกับพลังของราชันแห่งภูมิในไตรภพสู่สวรรค์เป็นอย่างดี ดังนั้นเขาหรือจะถูกราชันแห่งภูมิในขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงเยี่ยงหลัวจื่อหงข่มเหงได้?
“งั้นข้าก็อยากลองจริง ๆ ว่าที่ว่าไม่รอดแต่ก็มิอาจตายได้นี่หมายความเช่นไร”
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ
เปรี้ยง!
จิตวิญญาณของจั๋วฟางในมือของเขาระเบิดแหลก แปรเปลี่ยนเป็นพิรุณแสง
“เจ้า…”
“สมควรตายนัก!”
“เขากล้าดีเช่นไร!?”
…เบื้องหลังหลัวจื่อหง เหล่าจักรพรรดิในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำทั้งหลายล้วนฮือฮา ต่างตกตะลึงในการวางตนไม่สนใจผู้ใดของซูอี้
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าต่อหน้าราชันแห่งภูมิ ชายหนุ่มผู้นี้ยังกล้าวางอำนาจใหญ่โต!
จิตสังหารปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลัวจื่อหง และลงมือทันทีโดยมิพูดพร่ำทำเพลง
ฟิ้ว!
เขายกคันธนูกระดูกขาวขึ้น สองนิ้วคีบศรศักดิ์สิทธิ์ง้างสุดสาย คลื่นพลังมหาวิถีพิสดารร้ายกาจปกคลุมทั่วศร
จากนั้นก็ยิงออกไป!
ตู้ม!
อากาศพลันระเบิดแหลก
ศรศักดิ์สิทธิ์ดุจแสงพร่างพรายสีเงินแหวกอากาศพุ่งเข้าใส่ซูอี้
อำนาจกฎเกณฑ์ซึ่งปกคลุมรอบศรศักดิ์สิทธิ์ดูจะไร้ใดกีดขวาง แข็งแกร่งน่าเหลือเชื่อ
สิ่งที่น่ากลัวเกี่ยวกับวิถีธนูนั้นอยู่ที่อำนาจการยิงซึ่งเหนือล้ำกว่าผู้ใดในขอบเขตเดียวกัน
และหลัวจื่อหงก็เป็นยอดยุทธ์อันดับหนึ่งในวิถีธนูแห่งภูมิดาราจิตเทวะ!
ลือกันว่าวิถีธนูของเขาสามารถบดขยี้ดวงดาว ทะลวงศัตรูใด ๆ ในขอบเขตเดียวกันได้อย่างง่ายดาย!
และอำนาจธนูเช่นนี้ ขอเพียงเล็งเป้า จะมิอาจหลบเลี่ยงได้เลย
ซูอี้หาได้หลบไม่
เขาไม่อยากหลบเลี่ยง!
ทันทีที่หลัวจื่อหงลงมือ ร่างของเขาก็กู่คำราม เดือดพล่านเช่นเตาร้อนระอุ
หนึ่งวจีดาบขับลำนำ
ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ทะลวงปราณดาบเป็นวังวนออกมาในพริบตา
วังวนนั้นกลืนทั่วฟ้าดิน ควบแน่นภาวะดาบกร้าแกร่งสุดขั้ว พัวพันด้วยพลังกฎเกณฑ์ในวังวน ทั้งกฎเวียนวัฏสงสาร กฎแห่งสังขาร กฎสุดวิถีและกฎแห่งการจมหมุนเวียน
ยามมองปราดแรก วังวนปราณดาบนี้ดูราวจะเปิดประตูสู่การเวียนวัฏ!
ตู้ม!!
ศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินทะยานออก และยามสัมผัสวังวนปราณดาบ มันพลันเกิดเป็นระเบิดดังสนั่น แสงศักดิ์สิทธิ์โปรยปราย ทั่วฟ้าดินดูสลายถล่มเหี่ยวเฉา
ตัวตนทั้งหลายในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำที่อยู่เบื้องหลังหลัวจื่อหงล้วนตื่นตกใจ วิญญาณแทบล่องลอย
เพียงมองจากระยะไกล อำนาจของการโจมตีนี้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัด!
ยามนี้ ศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินเผยอำนาจร้ายกาจหาใดเทียบ ทะลวงเข้าใส่วังวนปราณดาบราวไร้สิ่งใดหยุดยั้ง
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
วังวนปราณดาบปั่นป่วนรุนแรง แสงดาบพลุ่งพล่านระเบิดออก
วังวนปราณดาบส่วนใหญ่ก็ถูกทำลายในพริบตา
ศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินยังคงพุ่งทะลวง ขณะส่งเสียงคำรามลั่นและบดขยี้วังวนปราณดาบโดยพลัน
บริเวณรอบข้างพังทลาย ละอองแสงโปรยปรายทุกทิศทาง
ศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินพุ่งเข้าใส่ซูอี้
เคร้ง!!!
เสียงกระแทกสนั่นโลกหล้าพลันบังเกิดขึ้น
ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ฟาดฟันเข้าใส่ศรเงิน ใบดาบส่งเสียงครวญลั่น
ในขณะเดียวกัน ร่างของซูอี้ก็ถูกผลักกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง กว่าจะตั้งหลักได้ก็ปลิวห่างออกไปหลายสิบจั้ง
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาซีดเซียวเล็กน้อย เลือดลมปั่นป่วนรุนแรง
ผิวหนังแขนขวาซึ่งถือดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์อยู่ปรากฏรอยร้าวเล็กจ้อยและชุ่มเลือดขึ้นนับไม่ถ้วน
ทว่าเขาก็หยุดศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินไว้ได้!
เป็นการเผชิญหน้าตรง ๆ!
กริ๊ก!
หลังศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินสิ้นพลัง มันก็ร่วงลงกับพื้น
ตัวตนในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำทั้งหลายจากส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวที่อยู่ไกลออกไปล้วนชะงักคาที่ ตกใจกับภาพนี้อย่างลึกล้ำ
หนึ่งชายหนุ่มในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำหยุดศรอันน่าหวาดหวั่นของราชันแห่งภูมิในขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงไว้ได้!
สิ่งนี้ทำให้ผู้คนงุนงง ความรู้ความเข้าใจถูกกระทบ มิอาจจินตนาการออกว่าเรื่องประหลาดเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ต้องทราบว่าราชันแห่งภูมิผู้ก้าวสู่วิถีสู่สวรรค์นั้นเป็นยอดฝีมือสูงสุดแห่งภูมิดารา เด็ดดาราเกี่ยวดวงจันทร์ได้เพียงดีดนิ้ว!
ต่อหน้าคนเช่นเขา ตัวตนในขอบเขตจักรพรรดิไม่คู่ควรกระทั่งถือรองเท้าให้เขาด้วยซ้ำ!
ทว่ายามนี้ การโจมตีของหลัวจื่อหง บุคคลอันดับหนึ่งในวิถีธนูแห่งภูมิดาราจิตเทวะกลับถูกรับไว้ได้ ใครเล่าจะมิแปลกใจ?
“นี่…”
หลัวจื่อหงอดตะลึงมิได้ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เห็นได้ชัดว่าตกใจ
ต้องทราบว่าศรนี้ของเขา กระทั่งราชันแห่งภูมิในขอบเขตเดียวกันยังมิกล้ารับตรง ๆ!
“ความแข็งแกร่งสูงมากพอ แต่กฎเกณฑ์ที่บรรลุยังด้อยไป หากแทนที่ด้วยกฎกำเนิดห้วงดาราอย่าง ‘กฎวิเวกดารา’ แห่งภูมิดาราจิตเทวะ กระทั่งข้าคงมิกล้ารับตรง ๆ”
ซูอี้ซึ่งอยู่ห่างออกไปกล่าวขึ้น
ปราณที่ปั่นป่วนของเขาค่อย ๆ สงบเงียบ รอยแผลบนแขนขวาประสานตัว นอกจากใบหน้าที่ซีดลงเล็กน้อยก็ไร้อาการบาดเจ็บใดอื่น
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนแปลกใจยิ่งกว่าเก่า
คนผู้นี้เป็นใครกัน?
เหตุใดเขาจึงแข็งแกร่งท้าทายสวรรค์ได้เพียงนี้!?
“อย่างนี้นี่เอง เกรงว่าเจ้าคงเป็นร่างเวียนวัฏของทัศนาจารย์สินะ!”
ทันใดนั้น หลัวจื่อหงก็กล่าวขึ้น ดวงตาน่าสะพรึงกลัว
เพียงหนึ่งวาจานั้นทำให้ผู้ฟังท้ังหลายเงียบสงัด
ทัศนาจารย์!!
เหล่าจักรพรรดิล้วนสิ้นกำลังหน้าถอดสี
เมื่อสักพักผ่านมา ผู้ฝึกตนจากมหาแดนดินมากมายเข้ามาในเขตต้องห้ามเซียนอับโชค และพวกเขาก็ได้รับรู้รายละเอียดของศึกในทะเลดาวตก
ใครบ้างจะไม่รู้ว่าร่างเวียนวัฏแห่งทัศนาจารย์ได้สังหารตัวตนระดับมหาจักรพรรดินับร้อย ๆ รวมไปถึงราชันแห่งภูมิอีกสิบกว่าคน?
กระทั่งช่างเสื้อ หนึ่งในยักษ์ใหญ่ผู้น่าเกรงกลัวที่สุดในห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวยังมิกล้าเผยร่องรอยในท้ายที่สุด!
เหตุนี้ทำให้พวกเขาแตกตื่น
เพราะยอดฝีมือที่ตกตายในทะเลดาวตกเหล่านั้น หลายคนเป็นผู้อาวุโสของสำนักพวกเขา!
และยามนี้ เมื่อได้รู้ว่าชายหนุ่มชุดเขียวซึ่งยืนอยู่ไกล ๆ น่าจะเป็นร่างเวียนวัฏแห่งทัศนาจารย์ จะยังมีใครเล่ารักษาความสุขุมได้?
“ข้านึกว่าพวกเจ้ารู้ฐานะของข้าอยู่แล้วเสียอีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนสายตาของพวกเจ้าจะยังแย่เกินไปนะ”
ซูอี้กล่าวพลางถือดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์เดินบนอากาศ
“อย่าแตกตื่นไป ในศึกที่ทะเลดาวตก คนผู้นี้พึ่งอำนาจที่ทัศนาจารย์เหลือไว้ และยามนี้ก็ดูเหมือนเขาจะใช้พลังของทัศนาจารย์ไม่ได้แล้ว”
หลัวจื่อหงกล่าวเสียงเข้ม “หาไม่ ด้วยการโจมตีเมื่อครู่ เขาคงมิต้องดูทุลักทุเลนักหรอก”
ทันทีที่วาจาเหล่านี้ถูกกล่าว หัวใจของทุกคนพลันสงบลงมาก
จริงของเขา หากเมื่อครู่เขาใช้พลังของทัศนาจารย์ อย่าว่าแต่รับศรเลย กระทั่งทำลายคนทุกคนที่นี่ยังทำได้ง่ายดาย!
“เจ้าพูดถูก พลังกรรมวิถีอดีตชาติของข้าหายไปจากโลกหล้าแล้ว แต่วิถีเต๋ายามนี้ของข้า ฆ่าคนเช่นเจ้าสักคนสองคนมิน่าเป็นปัญหา”
ซูอี้แย้มยิ้มและฟาดฟันดาบโจมตี
ร่างของเขาวูบไหวราวเคลื่อนย้ายพริบตา ฟาดฟันดาบในอากาศ
หลัวจื่อหงง้างสายธนูยิงศรออกไป
เคร้ง!!!
เกิดเสียงปะทะ และร่างของซูอี้ก็ถูกผลักกระเด็นอีกครั้ง
ทว่าดาบที่เขาฟาดฟันออกไปพลันแปรเปลี่ยนเป็นพิรุณปราณดาบพร่างพรายราวธารดาราเคลื่อนคล้อยสู่พิภพ
หลัวจื่อหงสะบัดแขนเสื้อฟาด บดขยี้ปราณดาบจากทั่วทุกสารทิศในหนึ่งกระบวน
ทว่าตัวตนในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำเหล่านั้นหาได้โชคดีเช่นเขาไม่ ยามดิ้นรนฝืนต้าน เจ็ดชีวิตปลิดปลิวคาที่
สมบัติของพวกเขาแหลกสลาย ร่างระเบิดเป็นหมอกโลหิต ตายอย่างอเนจอนาถ
หลัวจื่อหงเดือดดาลและเข้าช่วยเหลือทันที ทว่าท้ายที่สุดยามพิรุณดาบสลายหาย เขาก็เสียจักรพรรดิในฝ่ายเดียวกันเพิ่มอย่างน่าเวทนาอีกสาม!
ห้าคนซึ่งหลงเหลืออยู่ต่างบาดเจ็บสาหัส
ความสูญเสียเช่นนี้ทำให้สีหน้าของหลัวจื่อหงโกรธขึ้ง จิตสังหารพลุ่งพล่าน
“วิถีแห่งธนูเปรียบเหมือนศาสตร์ลอบสังหาร หากโจมตีพลาดเป้าต้องถอยร่นแสนไกล ขอเพียงถูกประชิดตัวได้ก็จะถูกพันธนาการแปดด้าน ถึงมหาวิถีจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไร้หนทางปกป้องผู้อื่น”
เสียงเฉยเมยของซูอี้ดังมาจากไกล ๆ
หลังจากตั้งหลักยืนนิ่ง ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวลงอีก เลือดลมปั่นป่วนทั่วร่าง เผยสัญญาณความเรรวน
แต่ไม่นานอาการเหล่านี้ก็ถูกเขาสยบลง
ยิ่งกว่านั้น ขณะกล่าววาจา เขาได้ฟาดฟันดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์เข้าโจมตีอีกหนแล้ว
ไม่หลบเลี่ยงแต่ต้นจนจบ!
แข็งแกร่งน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก
ยามนี้ หลัวจื่อหงก็ยิงศรสามดอกโดยไม่ออมมือแม้แต่น้อย
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ศรเงินศักดิ์สิทธิ์แต่ละดอกล้วนเจิดจ้าเช่นตะวัน กลบรัศมีทั่วสารทิศ เผยอำนาจถล่มโลกา
เมื่อศรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามพลิ้วทะลวงพร้อมเพรียง บริเวณรอบข้างพลันถล่มราบป่นเป็นธุลีมลายหาย
ยามนี้ ดวงตาของซูอี้หรี่ลงเงียบ ๆ สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามถึงตาย
สามศรนี้เปรียบได้กับราชันแห่งภูมิขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงขั้นกลางสามคนโจมตีสุดกำลัง อำนาจเช่นนั้นย่อมอยู่เหนือจินตนาการ
ยิ่งกว่านั้นคือ ไร้ความเป็นไปได้ที่จะหลบพ้น!
ร่างของซูอี้พลันเปล่งประกาย วงล้อแสงลวงตาสีเข้มพลันปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขา แปรเปลี่ยนเป็นนิมิตประหลาดหกภาพเวียนวน
และอำนาจกฎเกณฑ์เวียนวัฏสงสาร สังขาร สุดวิถี การจมและจุดจบต่างแปรเปลี่ยนเป็นนิมิตอัศจรรย์ของแท่นเกิดใหม่ พฤกษาเทพเวียนวัฏ เส้นทางเพลิงโชติ ทะเลทุกข์ท่วมกระหน่ำ และจุดสิ้นสุดแห่งรัตติกาลในวงล้อแสง
แม้ว่านิมิตเหล่านั้นจะคลุมเครือเลือนราง แต่เมื่อวงล้อแสงเคลื่อนหมุน มันก็เผยอำนาจร้ายกาจพอจะทำให้สรวงสวรรค์สั่นคลอน
ยามนี้ ในที่สุดซูอี้ก็เผยไพ่ตาย หลอมรวมเคลื่อนเคล็ดเวียนวัฏสงสารซึ่งบรรลุถึงขั้นเริ่มต้นเป็นวิชาดาบ
จากนั้น ซูอี้ก็ฟาดฟันสามดาบพร้อมวจีดาบทุ้มต่ำในพริบตา
เปรี้ยง!
ภายใต้ดาบแรก ศรเงินศักดิ์สิทธิ์ดอกแรกร่วงหล่นสู่ก้นอบาย อาบแสงเวียนวัฏมืดหม่น
ทันใดนั้น อำนาจของศรเงินศักดิ์สิทธิ์ดอกนั้นก็มลายสิ้น ปลายศรดูไร้สิ้นกำลัง ผุพังเปื่อยสลายหายไป
จากนั้นในทันใด ภายใต้อีกสองดาบที่กวาดออกมา ศรเงินศักดิ์สิทธิ์ดอกที่สองและสามล้วนดำเนินตามรอยศรดอกแรก สลายหายไปท่ามกลางพลังเคล็ดเวียนวัฏมืดหม่น
และในสายตาคนทุกคนห่างออกไป
สามดาบที่ซูอี้ฟาดฟันออกมาเป็นดั่งหกวิถีเวียนวัฏคลี่สยาย ปกคลุมสามศรศักดิ์สิทธิ์หายไปในพริบตา ไม่เหลือกระทั่งเสี้ยวพลังปราณ!
ภาพประหลาดนี้ทำให้เหล่าผู้พบเห็นตะลึงในทันที
หลัวจื่อหงราวถูกสายฟ้าฟาด อึ้งตะลึงเบิกตากว้าง
ยามนี้ ยอดยุทธ์วิถีธนูอันดับหนึ่งในภูมิดาราจิตเทวะ ราชันแห่งภูมิขั้นกลางขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงผู้นี้รู้สึกกลัวขึ้นมาโดยสมบูรณ์!