บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1180: เหยื่อล่อ
ตอนที่ 1180: เหยื่อล่อ
สองชั่วยามผ่านไป
ซูอี้ตื่นจากสมาธิ
“ไม่เสียแรงเลยที่เขตต้องห้ามเซียนอับโชคแห่งนี้เป็น ‘ปิตุภูมิหมื่นวิถี’ หากฝึกตนอยู่ที่นี่ เราก็สามารถดูดซับและหลอมปราณมารดาฟ้าดินดั้งเดิมของภูมิดาราฟ้าดินได้”
ซูอี้ค่อนข้างตื่นตระหนกอยู่บ้าง
ก่อนหน้านี้ที่ทำสมาธิ เขาสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าฝึกตนอยู่ที่นี่ กายใจรู้สึกราวกับได้ย้อนกลับสู่ต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นเมื่อครั้งบรรพกาลที่สุด มันล้ำลึกจนไม่อาจพรรณนาได้
‘นี่ยังเป็นเพียงแค่พื้นที่ด้านนอกเท่านั้น หากว่าเข้าไปด้านในของเขตต้องห้ามเซียนอับโชค ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะได้รับผลดีเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าใด’
ขณะที่ซูอี้กำลังครุ่นคิด เขาก็หยิบแผนที่ลับหนังสัตว์ผืนนั้นออกมา และใช้ปลายนิ้วสัมผัสมันเบา ๆ
ภาพภูเขาลำน้ำที่วาดบนแผนที่เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมหัศจรรย์ราวกับมีชีวิตในทันใด แนวเทือกเขาและลำน้ำเคลื่อนตัวราวกับไส้เดือน เกิดเป็นรูปใหม่อย่างช้า ๆ
ในขณะเดียวกันนี้เอง เขตแดนที่ต่างกันไปบนแผนที่ผืนนี้ปรากฏตัวอักษรขนาดเล็กเท่ากับหัวแมลงวัน เขียวกำกับว่า ‘ทางรอด’ ‘อันตราย’ ‘อันตรายถึงตาย’ และ ‘ทางตาย’
นี่คือแผนที่บริเวณด้านนอกของเขตต้องห้ามเซียนอับโชค!
ครั้งนั้นที่ซูอี้ได้แผนที่ลับหนังสัตว์แผ่นนี้มา เคยทำการพิสูจน์แผนที่หนังสัตว์ในมือผืนนี้กับประสบการณ์ที่เคยบุกเข้าไปในเขตต้องห้ามเซียนอับโชคเมื่อในอดีตชาติ
เวลานี้ เมื่อเขาเปรียบเทียบอย่างละเอียดแล้ว จึงมั่นใจได้ว่าตนเองอยู่ในสถานที่ที่มีชื่อว่า ‘ภูเขาพฤกษาขจี’ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ของเขตต้องห้ามเซียนอับโชค ซึ่งยังห่างจากเขตต้องห้ามเซียนอับโชคอีกไกล
ภูเขาพฤกษาขจีแห่งนี้ ถูกกำกับไว้ว่า ‘ทางรอด!’
“ออกเดินทางจากภูเขาพฤกษาขจี หากว่าจะไปยังซากสถานโลหิตทมิฬ จะต้องผ่านจุด ‘อันตราย’ สองแห่ง จุด ‘ทางรอด’ หนึ่งแห่ง ไม่ถึงกับอันตรายเกินไปนัก”
ซูอี้ครุ่นคิดพลางลุกขึ้นยืน
ตอนที่เขาเข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนอับโชค เคยสัญญากับจักรพรรดิมารสวรรค์ว่าให้ไปเจอกันที่ ‘ซากสถานโลหิตทมิฬ’ ก่อน
ซูอี้เริ่มทำตามแผน และออกจากป่าทึบดั้งเดิมในแถบนี้ไป
…
แดนรกร้างพันกระแส
สถานที่ที่ถูกระบุบนแผนที่ว่าเป็นพื้นที่อันตราย
พื้นที่แถบนี้มีสายน้ำและลำธารนับไม่ถ้วน ไอน้ำคละคลุ้งราวกับแหล่งรวมแม่น้ำ
สามารถมองเห็นปักษาดึกดำบรรพ์รูปร่างใหญ่โตบินโฉบอยู่ใต้ท้องฟ้าเป็นครั้งคราว กลิ่นอายพลังที่แผ่กระจายออกมาจากตัว เทียบเท่ากับตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิ
บนผืนแผ่นดิน คลื่นน้ำที่โหมซัดในแม่น้ำแต่ละสายมีซากศพ ซากสมบัติล้ำค่า รวมไปถึงวัตถุบุบสลายต่าง ๆ ลอยอ้อยอิ่งอยู่
บนน่านฟ้าของแม่น้ำบางสายมีไอชั่วร้ายปกคลุม วิญญาณดุร้ายน่ากลัวซ่อนเร้นอยู่ภายใน
และในแม่น้ำ มีประกายแสงสีแดงผุดขึ้นเป็นระยะ ๆ ซึ่งนั่นก็คือดวงตาสีเลือดที่เย็นชาและหนาวยะเยือกหลาย ๆ คู่
ดินแดนที่คล้ายกับแหล่งรวมแม่น้ำแห่งนี้ มีกลิ่นอายของความน่ากลัว อันตราย และซากปรักหักพังคละคลุ้งไปทั่ว
ซูอี้เคยมาเยือนพื้นที่แห่งนี้เมื่อชาติก่อน ทว่าอยู่เพียงไม่ถึงครึ่งวันก็ตัดสินใจจากไป
สถานที่แห่งนี้วังเวงมาก มีวิญญาณดุร้ายน่ากลัวบางส่วนอาศัยอยู่ แต่ละตนแข็งแกร่งอย่างที่สุด มันสามารถคุกคามและคร่าชีวิตตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิได้!
ทว่าเมื่อได้มายังพื้นที่อันตรายแห่งนี้อีกครั้งในตอนนี้ สภาพจิตใจของซูอี้กลับเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
หากไม่พูดถึงระดับวิถีในตอนนี้ที่เหนือกว่าเมื่อชาติที่แล้วของเขา ลำพังเพียงแค่ประสบการณ์และความทรงจำของทัศนาจารย์ ย่อมทำให้เขาเมินเฉยสิ่งเหล่านี้ไปได้แล้ว
“ไม่รู้เช่นกันว่า ‘ปลาวิญญาณ’ ในทะเลสาบแห่งนั้นจะยังอยู่หรือไม่”
ซูอี้แอบคิดในใจ
ภาพจำของแดนรกร้างพันกระแสแห่งนี้ในความทรงจำของเขา มีธารศิลาหลอมอยู่แห่งหนึ่ง มีบงกชเทวะเก้าสีที่หาพบได้ยากผุดขึ้นกลางทะเลสาบนั้น
อีกทั้งก้นทะเลสาบ ยังมีปลาวิญญาณที่มีรูปร่างประหลาดมากชนิดหนึ่ง ปลาเหล่านี้มีความยาวฉื่อกว่า ๆ ทั้งตัวใสแวววาวดุจหิมะ มีเกล็ดมังกรกับหนวดมังกร ดวงตาเป็นสีทอง
ที่ประหลาดที่สุดก็คือ บนตัวปลาวิญญาณมีลายวิถีลึกลับเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เวลาที่แหวกว่ายอยู่ในธารศิลาหลอมจะแผ่กลิ่นอายมหาวิถีที่น่าตื่นตะลึงออกมา
และตอนนี้ จากประสบการณ์ของทัศนาจารย์ ซูอี้รู้แล้วว่าปลาวิญญาณนั้นมีชื่อว่า ‘มัจฉามังกรจันทร์ฉาย’!
สิ่งมีชีวิตโดยกำเนิดประเภทหนึ่งที่อุบัติขึ้นในแหล่งกำเนิดมหาวิถี
มันเป็นสิ่งหายากขั้นสุดยอดในสายตาตัวตนขอบเขตราชันแห่งภูมิ หากได้กินสักตัว สรรพคุณของมันก็ไม่ด้อยไปกว่าการหลอมโอสถทิพขั้นย์สุดยอดเลยทีเดียว!
ส่วนบงกชเทวะเก้าสีนั้น เป็นวัสดุที่หาพบได้ยากในโลกหล้าเช่นกัน เม็ดบัวของมันมีคุณประโยชน์ในการฝึกหลอมจิตวิญญาณอย่างประเมินค่าไม่ได้
และตอนนี้ ซูอี้ตั้งใจว่าจะไปที่นั่นอีกครั้ง ดูซิว่าเขาจะสามารถตกปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายได้กี่ตัว และเด็ดบงกชเก้าสีมาสักจำนวนหนึ่งด้วย
ตลอดทาง ซูอี้เลี่ยงแม่น้ำที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งอันตรายเหล่านั้น มุ่งตรงเข้าไปอย่างเงียบ ๆ
ทว่าก็ยังเจอกับเรื่องยุ่งยากอยู่ดี
ในแม่น้ำสายหนึ่ง น้ำเชี่ยวกราก พัดวิญญาณชั่วร้ายที่มีกลิ่นอายพลังน่ากลัวฝูงหนึ่งออกมา แต่ละตนเปรียบได้กับอสูรปิศาจ พุ่งเข้าทำร้ายซูอี้
“ขัดความสุข”
ซูอี้ถอนใจเบา ๆ พลางสะบัดแขนเสื้อ ฝนดาบเต็มท้องฟ้าร่วงหล่นลง พิฆาตวิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้นจนเกลี้ยง
ตลอดทางในลำดับถัดมา ภาพเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันเกิดขึ้นอีกเป็นระยะ ๆ
หากว่าเป็นตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิคนอื่น ๆ คงหนีเตลิดเปิดเปิงไปนานแล้ว
ทว่าต่อหน้าซูอี้ อันตรายเหล่านี้มากสุดก็เป็นได้เพียงแค่เรื่องยุ่งยากเล็กน้อยเท่านั้น เพียงแค่ดีดนิ้วก็จบเรื่องแล้ว
บนแผ่นดินอันไกลโพ้น แสงไฟอันเจิดจ้า มีกลิ่นอายอันร้อนแรงโหมซัด ราวกับสามารถหลอมละลายภูเขาต้นไม้และลำธารได้
นั่นคือธารศิลาหลอม แสงไฟผงาดเมฆาส่องสว่างผืนแผ่นดิน โดดเด่นตระการตายิ่งนัก
“ในที่สุดก็มาถึงจนได้”
ซูอี้กำลังจะก้าวเดินไป
จากนั้นเสียงกรีดร้องคร่ำครวญพลันดังขึ้นใกล้ ๆ ธารศิลาหลอมแห่งนั้น
“ไม่ช้าก็เร็วพวกเจ้าจะต้องได้รับกรรมตามสนอง! อย่างแน่นอน…!”
เสียงหยุดชะงักลง
ซูอี้เลิกหัวคิ้วขึ้น เขาเก็บกลิ่นอายพลังในตัว และเดินไปข้างหน้า
…
ลาวาเดือดปุด เพลิงเทวะเดือดพล่าน
บนหินใหญ่สีดำที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบอย่างเดียวดาย มีโต๊ะเก้าอี้ตั้งอยู่พร้อมสรรพ
บุรุษผู้มีใบหน้าอ่อนวัยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่บนเก้าอี้
เขานั่งไขว่ห้าง มือหนึ่งถือเบ็ดตกปลาสีทองอร่าม อีกมือหนึ่งถือกาสุรา ขณะยกดื่มด้วยความสบายใจ
ข้างกายบุรุษผู้สวมชุดสีแดง มีซากศพซากหนึ่งนอนอยู่ เลือดไหลย้อย
ผู้เฒ่าผมน้อยสวมชุดผ้ากระสอบ กระชากจิตวิญญาณออกมาจากศพ นำมาห้อยติดเบ็ดตกปลาสีทองขนาดเท่ากับนิ้วมือ
จากนั้น ผู้เฒ่าชุดผ้ากระสอบกล่าวด้วยความนอบน้อม “ใต้เท้า เตรียมเหยื่อเสร็จแล้วขอรับ”
บุรุษชุดสีแดงส่งเสียงอืม จากนั้นวางจอกสุราลง
เขาสะบัดเบ็ดตกปลาสีทองในมือ ตะขอเบ็ดสีทองที่มีจิตวิญญาณห้อยอยู่นั้นก็ถูกเหวี่ยงไปใจกลางธารศิลาหลอมที่ไกลออกไปหลายร้อยจั้ง
“ข้าตกมาเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว จับปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายมาได้แค่สามตัวเท่านั้น ปลาพวกนี้ฉลาดยิ่งนัก”
บุรุษชุดสีแดงกล่าวอย่างทอดถอนใจ
ผู้เฒ่าผู้สวมชุดผ้ากระสอบพยักหน้า “ใต้เท้าอย่าร้อนใจ ปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายเป็นสิ่งมีชีวิตโดยกำเนิดที่อุบัติขึ้นในแหล่งกำเนิดมหาวิถี แม้กระทั่งห้วงลึกจักรวาลพร่างดาว ปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายก็ยังหาพบได้ยากเช่นกัน ครั้งนี้พวกเราสามารถหาสถานที่สมบูรณ์เช่นนี้ได้ ขอเพียงอดทนตกต่อไป จะต้องได้ปลากลับไปเต็มกระบุงอย่างแน่นอน”
บุรุษในชุดสีแดงพยักหน้า “ข้ามีความอดทนพอ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาเวลามาเสียเปล่าในที่แห่งนี้ เมื่อรวบรวมประกาศิตฟ้าดินมาได้มากพอแล้ว จะออกเดินทางไปแดนลี้ลับดึกดำบรรพ์ในทันที เมื่อข้าจากไป ที่ตรงนี้มอบให้เจ้าเป็นผู้ดูแล”
“ขอรับ”
ผู้เฒ่าในชุดผ้ากระสอบรับคำสั่ง
“นอกจากนี้ หลัวจื่อหงส่งข่าวมาว่า ซูอี้คนนั้นมาถึงเขตต้องห้ามเซียนอับโชคแล้ว หวังว่าจะร่วมมือกับพวกเราเพื่อจัดการกับคนผู้นี้ เจ้าคิดว่า ข้าควรเข้าร่วมด้วยหรือไม่?”
บุรุษในชุดสีแดงถาม
“เรื่องนี้…”
ผู้เฒ่าในชุดผ้ากระสอบทำสีหน้าสับสน “อดีตชาติของซูอี้คนนั้นคือทัศนาจารย์ เมื่อครึ่งปีก่อน เคยยืมพลังของทัศนาจารย์ระหว่างสู้รบกับเหนือนทะเลดาวตก สังหารตัวตนขอบเขตราชันแห่งภูมิทั้งหมดในพริบตาเดียว…”
ไม่รอให้เขาพูดจบ บุรุษในชุดสีแดงตัดบท “ตอนนี้กับตอนนั้นไม่เหมือนกัน ตามที่หลัวจื่อหงบอกมา ถึงแม้ซูอี้จะมีความสามารถที่เก่งกาจ ทว่าไม่อาจใช้พลังของทัศนาจารย์ได้อีกแล้ว หากไม่ถือโอกาสนี้สังหารเขา วันข้างหน้าก็รังแต่จะเป็นภัย”
บุรุษในชุดสีแดงเอ่ยถึงตรงนี้ ประกายชิงชังก็ผุดขึ้นในสายตา “นอกจากนี้ ศึกที่ทะเลดาวตกในครั้งนั้น โรงวาดฤทัยของพวกเราเสียหายหนักมาก ตัวตนขอบเขตราชันแห่งภูมิหนึ่งคนกับขอบเขตมหาจักรพรรดิอีกห้าคนต้องถึงแก่ชีวิต! ความแค้นนี้ จะไม่ชำระได้เช่นใด?”
ผู้เฒ่าในชุดกระสอบพยักหน้าน้อย ๆ “ใต้เท้ากล่าวได้ถูกต้อง”
“แน่นอน ข้าไม่กระทำการอันใดเพียงลำพังแน่ หลัวจื่อหงกำลังรวบรวมตัวตนขอบเขตราชันแห่งภูมิจากขุมกำลังอื่น ๆ อยู่ เพราะยามนี้พวกเขาต้องการจะร่วมมือจัดการกับซูอี้นั่น ถึงเวลานั้น ข้าก็ไปด้วย เช่นนี้ ไม่มีผิดพลาดเป็นอันขาด”
บุรุษในชุดสีแดงพูดจบ เบ็ดตกปลาสีทองในมือสั่นระรัว
เขากำลังจะชักเบ็ดกลับมา แล้วก็เห็นปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายตัวหนึ่งคาบจิตวิญญาณที่ผูกติดกับเบ็ดไป ทว่ามันกลับไม่ติดเบ็ดเสียอย่างนั้น
บุรุษในชุดสีแดงขมวดคิ้ว “ไปฆ่าจักรพรรดิมาอีกคนหนึ่ง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะตกปลาบ้านี่ไม่ได้!”
“ขอรับ”
ผู้เฒ่าในชุดผ้ากระสอบรับคำสั่ง
ไม่ไกลนัก มีผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งทรุดนั่งกับพื้นราวกับเป็นนักโทษ แต่ละคนถูกผนึกระดับการฝึกตน ซึ่งมีด้วยกันถึงสามสิบคน
เมื่อผู้เฒ่าในชุดผ้ากระสอบเดินมา ผู้ฝึกตนเหล่านี้ต่างแสดงอาการหวาดกลัว และตัวสั่นระริก
ภายในเวลาครึ่งเดือน ทุกวันจะมีผู้ฝึกตนสิบกว่าคนถูกฆ่าตาย จิตวิญญาณถูกกระชาก กลายเป็นเหยื่อตกปลาในมือบุรุษชุดสีแดง!
“เลือกเหยื่อมาคนหนึ่ง”
ผู้เฒ่าในชุดกระสอบออกคำสั่งด้วยสีหน้าราบเรียบ
ในสายตาของเขา ผู้ฝึกตนมหาแดนดินเหล่านั้นราวกับไม่ใช่คน แต่เป็นเหยื่อที่รอการเชือด!
“ขอรับ!”
ผู้แข็งแกร่งของโรงวาดฤทัยที่คุมอยู่ใกล้ ๆ กันนั้นรับคำ
ทันใด บุรุษในชุดสีทองก็ก้าวออกมา พร้อมกับลากตัวสตรีนางหนึ่ง
สตรีนางนี้เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง แต่ท่าทางของนางกลับไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ เพราะไม่มีความตื่นตระหนกแสดงบนใบหน้านั้น
นางกล่าวพลางถอนใจยาว “หากว่าใต้เท้าซูอยู่ พวกเจ้าคนนอกภูมิเหล่านี้ ยังจะกล้าโอหังเช่นนี้อีกหรือ? ป่านนี้คงถูกใต้เท้าซูสังหารเกลี้ยงแล้ว!”
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา ผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ ต่างก็เห็นด้วย
เมื่อครึ่งปีก่อน ศึกบนทะเลดาวตก ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินได้พิฆาตกลุ่มศัตรู และสังหารยักษ์ใหญ่จากห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวจนไม่เหลือ!
ใครบ้างที่ไม่รู้?
เพียะ!
สตรีนางนั้นถูกตบหน้าอย่างแรง จนหน้าบวมแดงในทันที
บุรุษผู้สวมชุดสีทองคนนั้นบีบคอนาง ขณะกล่าวด้วยสีหน้าดุดัน “จะบอกให้เจ้าได้รู้ ต่อให้ซูเสวียนจวินคนสารเลวคนนั้นมา ก็ช่วยชีวิตพวกเจ้าไม่ได้!”
พูดจบ เขาก็ลากตัวสตรีไปยังจุดที่อยู่ไม่ไกลนัก
ที่นั่นมีศพวางเกลื่อนกลาด กลิ่นคาวเลือดโชยคละคลุ้ง พวกมันคือศพของผู้แข็งแกร่งแห่งมหาแดนดินที่ถูกฆ่าตายในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น
“เจ้าควรจะรู้สึกโชคดีที่ได้เป็นเหยื่อตกปลาให้ใต้เท้าของพวกข้า ถือว่าได้ทำตัวเป็นประโยชน์ ไม่เสียแรงที่มีชีวิตอยู่”
บุรุษในชุดสีทองแสยะหัวเราะ
ขณะที่พูด เขาตบลงบนกระหม่อมครอบวิญญาณของสตรี
ผู้ฝึกตนที่ถูกจับเหล่านั้นต่างก็เบือนหน้าหนี ไม่กล้ามอง
ทว่าในชั่วขณะนี้เอง เสียงดาบกังวานก็ดังชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ!