บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1182: สหายเต๋าช้าก่อน
ตอนที่ 1182: สหายเต๋าช้าก่อน
ริมธารศิลาหลอม
ซูอี้หยิบเก้าอี้หวายของตัวเองออกมา และนั่งลงอย่างสบายใจ
ต่อมา เขาก็หยิบเบ็ดตกปลาสีทองขึ้นมาพินิจดู แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าน้อย ๆ
เบ็ดตกปลาที่หลอมสร้างจากทองคำบดตะวันคันนี้ดูคล้ายจะหายาก ทว่าหากจะนำมาตกปลามัจฉามังกรจันทร์ฉาย มันกลับไม่ค่อยมีประโยชน์มากนัก
“ข้องปลาปากนี้ไม่เลว ถักทอมาจากเส้นใยหมอกเซียน ถือได้ว่าเป็นสมบัติลับขอบเขตราชันแห่งภูมิชิ้นหนึ่งทีเดียว”
ซูอี้ชายตามองข้องปลาที่อยู่อีกด้านหนึ่งอีกครั้ง ในนั้นมีปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายกำลังแหวกว่ายอย่างมีชีวิตชีวาอยู่สามตัว
เขาจับขึ้นมาตัวหนึ่ง
ปลาน้อยตัวนี้มีสีขาวสว่างไปทั่วตัว มีเกล็ดกับหนวดของมังกร ดวงตาเป็นสีทอง รอบตัวมีลายวิถีลึกลับที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ปลาวิญญาณประเภทนี้ถือเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ปฐมสวรรค์ พลังหนาวเย็นแผ่ปกคลุมไปทั่ว หาพบได้ยากมาก
“แรงไฟสามพันปี ถือเป็นแค่ตัวอ่อนเท่านั้น พอฝืนประทังอวัยวะทั้งห้าในร่างได้”
ซูอี้ใช้ปลายนิ้วกรีดลงบนท้องปลา เลือดสีทองไหลย้อยออกมา ทว่ายังไม่ทันหยดลงพื้น ซูอี้ก็ใช้แจกันหยกรองรับเลือดที่ไหลย้อย
ปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายกระเสือกกระสนอย่างแรง ทว่าทำอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด
จนกระทั่งไม่มีเลือดไหลหยดออกมาอีก ซูอี้จึงใช้ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ขอดเกล็ดมังกรกับหนวดมังกร จากนั้นก็ชำแหละท้องปลา
ทันใด เนื้อปลาสีขาวประดุจหิมะสะท้อนเข้าสู่ม่านตา กลิ่นหอมอ่อน ๆ อบอวลอยู่ในประกายวิถี ทำให้รู้สึกหิวกระหายนัก
ซูอี้กลืนน้ำลาย
เขาใช้ปลายมีดชำแหละเนื้อปลาเป็นชิ้นบาง ๆ ราวกับปีกจักจั่นอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นจึงดึงก้างปลามาผูกกับตะขอเบ็ดตกปลาสีทอง
จากนั้นจึงหยิบกาสุราออกมา และหยิบเนื้อปลาสีขาวราวกับหิมะขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วยัดใส่ปาก
ชั่วขณะนั้น ในความนุ่มของเนื้อปลาสด ๆ เย็น ๆ ให้ความรู้สึกหนุบหนับไปด้วย มีรสหวานอร่อย พอกัดลงไป พลังแหล่งกำเนิดมหาวิถีที่เต็มเปี่ยมก็แผ่ซ่านไปทั่วช่องปากราวกับสุรารสกลมกล่อม กระตุ้นต่อมรับรสบนลิ้นให้ผ่อนคลาย
รูขุมขนบนร่างของซูอี้ก็ขยายตัว พลังลมปราณพุ่งกระฉูด จิตใจผ่อนคลายสบายตัวอย่างที่สุด ถึงกับส่งเสียงร้องอุทานด้วยความพึงพอใจ “ไม่ได้กินอาหารเลิศรสเช่นนี้มานานมากแล้ว…”
เขาดื่มสุราไปอีกกาหนึ่ง รสฝาดปนหวานของสุรากับรสชาติเย็นวาบของเนื้อปลาผสมเข้าด้วยกัน เยี่ยมยอดจนยากจะพรรณนา
ต่อมา ซูอี้กินคำใหญ่ ๆ จนแก้มตุ่ย เพียงแค่ไม่กี่ชั่วพริบตาเท่านั้น ปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายก็ถูกกินจนเกลี้ยง
พลังปราณส่งเสียงขึ้นในร่างกายของซูอี้ ทุกอณูผิวมีแสงวิถีล้อมรอบ ประกายแสงรอบตัวส่องสว่างเฉิดฉาย ระดับวิถีในตัวเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
นี่คือคุณประโยชน์ของปลามัจฉามังกรจันทร์ฉาย เทียบได้กับโอสถล้ำค่ามหาวิถี!
ซูอี้ยังไม่หนำใจ จากนั้นเขาก็โยนเบ็ดตกปลาที่ผูกด้วยกระดูกปลาไปยังใจกลางธารศิลาหลอม
จากนั้นจึงหยิบปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายตัวหนึ่งออกมาจากข้อง เขาก็ดื่มสุราไปด้วย กินปลาไปด้วยอย่างเอร็ดอร่อย
ทั้งรู้สึกสบายใจสบายกาย เนื้อตัวเบาสบาย
ใจกลางทะเลสาบ ฝูงปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายรุมทึ้งก้างปลาที่ผูกติดบนเบ็ดสีทองอย่างบ้าคลั่ง ราวกับได้รับแรงกระตุ้นอย่างมหาศาล
ชั่วขณะนั้น เบ็ดตกปลาสีทองในมือซูอี้เกือบจะถูกกระชากหลุด
“อยากจะจับหมาป่าอย่าเสียดายรองเท้า เสียดายก้างปลา ไหนเลยจะกระตุ้นปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายให้บ้าคลั่งได้?”
ซูอี้หัวเราะขึ้นมา
ปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายนั้นเจ้าเล่ห์และฉลาดเป็นกรด เหยื่อทั่ว ๆ ไปจึงใช้ไม่ได้ผล
ทว่า เมื่อพวกมันเห็นก้างปลาของพวกเดียวกันแล้ว จะบันดาลโทสะอย่างแรงจนขาดสติ
ตอนที่อยู่ส่วนลึกหมู่ดารา ทัศนาจารย์เคยใช้วิธีกระตุ้นเช่นนี้ ตกปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายมาได้ทีเดียวสิบกว่าตัว กินอิ่มแปล้ไปมื้อหนึ่ง
ไม่นานนัก ซูอี้ก็เริ่มเก็บเบ็ดกลับมา
พอเขาสะบัดข้อมือ
พรึ่บ~!
พอดึงสายเบ็ดขึ้น บนเบ็ดตกปลาสีทองก็มีปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายติดมาด้วยถึงสามตัว กัดก้างปลาที่ผูกติดบนเบ็ดแน่น ไม่ยอมปล่อย
ทว่าสุดท้าย ปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายสามตัวนี้ก็ต้องกลายเป็นเหยื่อของซูอี้ ำและถูกจับยัดเข้าไปในข้องอยู่ดี
ช่วงเวลาถัดมา ซูอี้ตกปลาไปด้วย กินปลาดื่มสุราไปด้วย สุขสำราญใจยิ่งนัก
เพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น
เขาก็ตกปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายได้ติด ๆ กันสิบกว่าตัว กินไปแล้วสี่ตัว ดื่มสุราหมดไปหนึ่งกา
ระดับการฝึกตนของเขาท่วนท้นออกมาราวกับแก้วน้ำเต็มแก้ว ยามนี้เขาได้บรรลุถึงขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นปลายตามที่ควรจะเป็น!
อีกทั้ง เมื่อพลังปราณในตัวเขาขับเคลื่อน ระดับวิถีโฉมใหม่ทั้งหมดก็วางกำลังอย่างมั่นคง
เช่นนี้คือโชค
สำหรับซูอี้แล้ว หากปิดตัวฝึกตนอยู่ที่ถ้ำเสวียนจวิน ต้องใช้เวลานานอย่างน้อยสามถึงห้าเดือนจึงจะสามารถบรรลุขอบเขตได้
ทว่าอยู่ที่เขตต้องห้ามเซียนอับโชคแห่งนี้ ทุกหนแห่งล้วนมีโอกาสวาสนาที่หาพบได้ยากข้างนอกนั่น ขอเพียงคว้าโอกาสมาได้ก็สามารถก้าวขึ้นไปในที่สูงได้!
แน่นอนว่าต้องมีชีวิตรอดมาให้ได้เสียก่อน
ดังเช่น ‘แดนรกร้างพันกระแส’ แห่งนี้ เป็นเขตอันตรายที่อยู่รอบนอก ต่อให้มีตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิบุกเข้ามา ก็มีแต่ต้องตายเท่านั้น!
“กลับไปเอาไปฝากจักรพรรดิมารสวรรค์สักหน่อย แล้วเอากลับไปให้พวกเขาชิมด้วย”
ซูอี้รู้สึกว่า เมื่อตนเองบรรลุขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นปลายแล้ว เวลาที่หลอมพลังของปลามัจฉามังกรจันทร์ฉาย จึงได้ประสิทธิผลดีกว่าแต่ก่อนมาก
แต่เมื่อไปถึงระดับหนึ่งแล้ว ประสิทธิผลเช่นนี้มีแต่จะลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ
ทว่าซูอี้ก็ไม่ได้คิดจะหยุด โอกาสหายาก ถึงแม้จะไม่อาจตกปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายในธารศิลาหลอมมาได้ทั้งหมด แต่ก็ต้องพยายามจับให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ระหว่างนั้น ซูอี้ยังถือโอกาสเด็ดบงกชเทวะเก้าสีมาด้วย แต่ต้องเสียดายเมื่อพบว่า เม็ดบัวในฝักยังไม่สุก
…วัตถุศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้อาจจะเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากต่อจักรพรรดิคนอื่น แต่ในสายตาของเขา มันไม่มีประโยชน์มากนักอีกต่อไปแล้ว
ทันใด สะเก็ดแสงสีทองก็ส่องสว่าง สร้างความสนใจแก่ซูอี้
สะเก็ดแสงสีทองส่องประกายออกมาจากวัตถุที่บุรุษผู้สวมชุดสีทองคนนั้นทิ้งไว้
วัตถุที่บุรุษสวมชุดสีแดงทิ้งไว้มีไม่มากนัก ชิ้นหนึ่งคือแหวนเก็บสมบัติ ชิ้นหนึ่งคือกระบอกไผ่สีทอง และโอสถกับเศษวัสดุทิพย์บางส่วน
ภายในแหวนเก็บสมบัติ มีไขวิญญาณระดับราชันแห่งภูมิอยู่มากมาย รวมไปถึงวัตถุในการฝึกตนอื่น ๆ มากมายหลากหลายแบบ มูลค่าประมาณไม่ได้
ในจำนวนนั้น มีป้ายประกาศิตฟ้าดินถึงเก้าชิ้น!
ฝ่ายโรงวาดฤทัยที่มีบุรุษสวมชุดสีแดงเป็นแกนนำได้ฆ่าผู้ทดสอบไปแล้วแปดคนอย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนสะเก็ดแสงสีทองส่องสว่างนั้น ส่องประกายออกมาจากท่อนไผ่สีทอง
ซูอี้หยิบขึ้นมาพิจารณาดูสักครู่ก็รู้ว่าของสิ่งนี้คืออะไร…
สาส์นทองสื่อวิญญาณ!
สมบัติล้ำค่าที่หลอมสร้างมาจาก ‘ไผ่ทองสื่อญาณ’ ซึ่งเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์แห่งโลกกว้าง
เพียงแค่ใช้จิตสัมผัสสลักอักษรลงบนสาส์นทองสื่อวิญญาณก็สามารถติดต่อกับอีกคนที่ถือสาส์นทองสื่อวิญญาณได้ทุกที่ทุกเวลา
ซูอี้ใช้จิตสอดส่องเข้าไปภายใน
อักษรบันทึกการสนทนาปรากฏขึ้นเป็นบรรทัด ๆ
‘ข้าอยู่กับสหายเต๋า ‘อวิ๋นหงจื่อ’ แห่งสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิแล้ว ตัดสินใจว่าหนึ่งวันให้หลังจะไปจัดการกับร่างกลับชาติของทัศนาจารย์’
ข้างอักษรบรรทัดนี้ยังกำกับไว้ว่า ‘หลัวจื่อหง’
‘ข้าไปด้วย เมื่อข้าสังหารวิญญาณชั่ว ‘หลุมแสงดำ’ นั่นแล้วจะไปรวมตัวกับพวกเจ้า’
ตัวอักษรบรรทัดนี้เขียนกำกับไว้ว่า ‘เหยียนเฟิง’
หลัวจื่อหง ‘สหายเต๋าคนอื่น ๆ มีแผนอย่างไร?’
ลำดับถัดมา มีคำตอบของผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ปรากฏขึ้น
โม่หรงซาน ‘ข้ากำลังเจรจากับผู้พิทักษ์ท่านหนึ่งอยู่ หวังว่าจะได้รับการยอมรับจากเขา หลังจากที่ทำสำเร็จแล้ว จะไปรวมตัวกับพี่น้องเต๋าทุกท่าน และไปกำจัดซูอี้ด้วยกัน!’
‘น่าขัน หากรอให้เจ้ามาถึง ซูอี้ก็ไม่รู้ว่าหนีไปถึงไหนแล้ว!’
‘ไม่ต้องฝืนบังคับกัน แผนการครั้งนี้ พวกเรามีตัวตนราชันแห่งภูมิถึงหกคน การจะฆ่าซูอี้เป็นเรื่องง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ! เมื่อจัดการกับคนผู้นี้เสร็จ พวกเราค่อยแบ่งความลับแห่งวัฏสงสารกัน’
เมิ่งฉางอวิ๋น ‘เหตุใดจึงสหายเต๋าเหวินเป่ยจึงนิ่งเงียบไป? หรือว่ายังตกปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายอยู่อีก?’
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ สายตาของซูอี้ก็เปลี่ยนไป
คนกลุ่มนี้ บังอาจใช้สาส์นทองสื่อวิญญาณทำการติดต่อกันเพื่อวางแผนสังหารตัวเอง!
เหวินเป่ยคนนั้นก็คือบุรุษผู้สวมชุดสีแดงที่ถูกตัวเองฆ่าเมื่อก่อนหน้านี้อย่างไม่ต้องสงสัย
คิดสักครู่ ซูอี้ใช้จิตสัมผัสสลักอักษรประโยคหนึ่งลงบนสาส์นทองสื่อวิญญาณ ‘ใครอยู่ใกล้ที่สุด ข้าจะไปหาพวกเจ้า จะได้กระทำการพร้อมกัน’
ในใจของเขาเกิดความเคียดแค้น และตัดสินใจจะไล่ล่าย้อนกลับ หลอกฆ่าให้ได้มากที่สุด
เมิ่งฉางอวิ๋น ‘เหวินเป่ย เจ้าลืมไปแล้วหรือ? เมื่อวานเจ้าบอกให้ข้าไปหาเจ้า ข้าใกล้จะไปถึงแดนรกร้างพันกระแสอยู่แล้ว เจ้ากลับจะไปที่อื่น คิดจะล้อข้าเล่นหรืออย่างไร?’
ซูอี้นิ่งตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นเขียนสลักตอบไปในสาส์นทองสื่อวิญญาณ ‘เจ้ารีบมาเร็วไว ข้าทนไม่ไหวอยากจะฆ่าซูอี้ใจจะขาดอยู่แล้ว!’
เมิ่งฉางอวิ๋น ‘ไม่เกินครึ่งชั่วยามไปถึงแน่ อย่าลืมเก็บปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายให้ข้าได้ลิ้มรสด้วย!’
เวลานี้ หลัวจื่อหงก็พูดขึ้นมาเช่นกัน ‘สหายเต๋าทั้งสองเจอกันแล้ว ให้ตรงไปที่ ‘ภูเขาพฤกษาขจี’ พร้อมกัน พวกเราเจอกันที่นั่น’
ซูอี้ก็ตอบเช่นกัน ‘ได้’
จากนั้น เขาอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ สนุกจริง ๆ!
เขาลูบคางสักครู่ สายตาส่อแววประหลาด มีสาส์นทองสื่อวิญญาณนี้แล้ว ย่อมสามารถใช้ฐานะของ ‘เหวินเป่ย’ ตกปลาได้อย่างเต็มที่ และไม่ต้องกังวลด้วยว่าคนอื่นจะรู้สึกตัว!
“อุ๊บ ทำเช่นนี้จะชั่วร้ายเกินไปหรือไม่นะ?”
ซูอี้ส่ายหน้า จะเรียกว่าชั่วร้ายได้อย่างไรกัน พวกเขาแอบวางแผนร่วมมือกันจัดการกับตนเองก่อน ตนเองเพียงแค่ใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟันเท่านั้น
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เสียง ๆ หนึ่งก็ดังแหวกท้องฟ้ามาแต่ไกล
ผู้เฒ่าสวมชุดสีดำมือถือพัดท่าทางงามสง่าก็พุ่งตัวมาทางนี้
เมิ่งฉางอวิ๋น เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักดาบเมฆาร่วงหล่นแห่งภูมิดาราวอนสวรรค์ เขามีระดับการฝึกตนขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงขั้นกลาง
เมิ่งฉางอวิ๋นที่อยู่ห่างออกไปนิ่งตะลึง เขากวาดตามองดูรอบธารศิลาหลอม มองเห็นแต่เพียงคนหนุ่มคนหนึ่งนั่งเพียงลำพังอยู่ตรงนั้น ไม่มีคนอื่นอีก
“สหายน้อย ที่นี่มีแค่เจ้าเพียงคนเดียวเช่นนั้นหรือ?”
เมิ่งฉางอวิ๋นลอยตัวมาอยู่ตรงน้า เขายิ้มอ่อนโยนพลางถาม
ซูอี้ยิ้มพลางตอบเช่นกัน “ถูกต้อง”
เมิ่งฉางอวิ๋นร้องอ้อ ในใจโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก คนสารเลวเหวินเป่ย จงใจจะปั่นหัวข้าเช่นนั้นหรือ?!
ฉับพลัน เขาก็เหลือบไปเห็นในข้องปลาที่อยู่ข้างกายซูอี้ มีปลามัจฉามังกรจันทร์ฉายอยู่หลายสิบตัว จึงร้องตกใจขึ้นมา “ปลาเหล่านี้… สหายน้อยเป็นคนตกเองหมดเลยหรือ?”
ซูอี้หัวเราะพลางตอบ “ถูกต้อง”
เมิ่งฉางอวิ๋นร้องอุทานด้วยความตื่นตระหนก “เก่งมาก!”
เหวินเป่ยกับผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ ของฝ่ายโรงวาดฤทัยไม่อยู่ กลับมีหนุ่มน้อยมานั่งตกปลาที่นี่คนเดียว เรื่องนี้รู้สึกทะแม่ง ๆ พิกล
ตามที่รู้กันว่า ที่นี่คือแดนรกร้างพันกระแส!
แม้กระทั่งตัวตนขอบเขตราชันแห่งภูมิอย่างเขาก็ยังต้องระมัดระวังตัวเองเลย
แต่ตอนนี้ คนหนุ่มในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำกลับมานั่งตกปลาสบายใจอยู่ที่นี่ ข้างกายยังมีก้างปลากองโต เห็นได้ชัดว่านั่งตกปลาอยู่ที่นี่ระยะเวลาหนึ่งแล้ว เช่นนี้ดูพิกลเกินไป!
นอกจากนี้แล้ว เมิ่งฉางอวิ๋นยังพบร่องรอยการต่อสู้ในบริเวณใกล้ ๆ ด้วย!
ทั้งหมดนี้ทำให้เขารู้สึกเอะใจขึ้นมา รู้สึกไม่ชอบมาพากล
“ถ้าเช่นนั้นสหายน้อยก็นั่งตกต่อไปเถอะ ข้าไม่รบกวนแล้ว”
เมิ่งฉางอวิ๋นหัวเราะพลางกล่าวลา จากนั้นหมุนตัวเพื่อจะจากไป
“สหายเต๋าช้าก่อน”
เสียงคนหนุ่มดังขึ้นจากข้างหลัง
ทว่าเมิ่งฉางอวิ๋นรู้สึกได้ตงิด ๆ ว่าเหตุการณ์ไม่ดี ดังนั้นทันทีที่ก้าวเท้าไปได้ก็รีบเผ่น!