บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1187: อำนาจแห่งเวิ้งลึกล้ำ
ตอนที่ 1187: อำนาจแห่งเวิ้งลึกล้ำ
ซูอี้มองปราดเดียวก็เห็นได้ว่าอำนาจของชายชุดขาวผู้นี้สอดคล้องกับอำนาจกฎสวรรค์แห่งโลกนี้!
ดังนั้นจึงให้ความรู้สึกราวถูกสรวงสวรรค์กดดัน
สิ่งนี้ทำให้ซูอี้เข้าใจว่าชายชุดขาวตรงหน้าเขาคือผู้พิทักษ์!
เนื่องจากในบริเวณรอบนอกของเขตต้องห้ามเซียนอับโชค มีเพียงผู้พิทักษ์เท่านั้นท่ีบงการอำนาจกฎสวรรค์ได้
“มีอันใดหรือ?”
น้ำเสียงของซูอี้เฉยเมย
เขาโคจรเคล็ดเวียนวัฏสงสาร สลายแรงกดดันที่พุ่งเข้าปะทะหน้าอย่างเงียบ ๆ
สิ่งนี้ทำให้ชายชุดขาวประหลาดใจ อดมองซูอี้มากกว่านี้มิได้
เขากล่าวขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ข้าคือผู้พิทักษ์ เจ้าเรียกข้าว่า ‘ซานหนิง’ ได้ จุดประสงค์ที่ข้ามาหาเจ้ามีเพียงหนึ่ง คือหวังว่าเจ้าจะมอบเคล็ดเวียนวัฏสงสารแก่ข้า และข้าจะให้การยอมรับแก่เจ้า”
ผู้พิทักษ์!
เมิ่งฉางอวิ๋นอ้าปากค้าง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมากจนไม่น่าดู เขามิเคยคาดว่าผู้พิทักษ์ซึ่งกระจายอยู่ในบริเวณรอบนอกแห่งเขตต้องห้ามเซียนอับโชคจะแหกกฎคิดชิงเคล็ดเวียนวัฏสงสารจากผู้ขัดเกลา!
ต้องทราบว่าผู้ได้รับเลือกให้เป็นผู้ขัดเกลานั้นเทียบได้กับการถูกกฎสวรรค์ในเขตต้องห้ามเซียนอับโชคคัดเลือก
และตามกฎ ผู้พิทักษ์มิได้รับอนุญาตให้โจมตีผู้ขัดเกลา!
ทว่ายามนี้ ผู้พิทักษ์นามซานหนิงกลับชิงมาโจมตีถึงที่ เห็นได้ชัดว่าหารักษากฎไม่!
“ที่แท้ก็เพื่อเคล็ดเวียนวัฏสงสาร”
ซูอี้กล่าวกับตนเอง และแย้มยิ้มทันที “ข้าสะสมป้ายประกาศิตฟ้าดินไว้มากพอแล้ว หาต้องการการยอมรับจากเจ้าไม่”
ชายชุดขาวดูเฉยเมย วาจาเนิบช้าไม่รีบร้อน “เจ้าคิดมากไปแล้ว ต่อหน้าข้า หากไม่นำเคล็ดเวียนวัฏสงสารออกมา สะสมป้ายประกาศิตฟ้าดินเท่าไรก็ล้วนไร้ค่า!”
ซูอี้กล่าว “ไม่สนใจกฎเกณฑ์แล้วหรือ?”
หัวใจของเมิ่งฉางอวิ๋นร่วงลงไปถึงตาตุ่ม
เขาเคยได้พบกับผู้พิทักษ์เซียนกระเรียนมาก่อน อีกฝ่ายน่าเคารพทั้งวาจาและกิริยา เขาจึงคิดว่าผู้พิทักษ์คนอื่น ๆ ก็น่าจะเป็นเช่นกัน
แต่ยามนี้ ดูเหมือนเขาจะคิดง่ายเกินไปเสียแล้ว
ชายชุดชาวซานหนิงผู้นี้เย่อหยิ่งโอหัง กระทำผิดกฎเกณฑ์ เหยียบย่ำข้อกำหนด ซ้ำยังถือการกระทำของตนเป็นกฎ!
“ผู้พิทักษ์ทุกคนเป็นเช่นนี้หรือ?”
ซูอี้ไม่ได้โกรธมากมายนัก ผู้พิทักษ์เองก็เป็นผู้ฝึกตน ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าเหิมเกริมแหกกฎ เขาต้องเปี่ยมความมั่นใจแน่แท้
“เจ้าพูดไร้สาระมากไปแล้ว”
ชายชุดขาวกล่าวอย่างเฉยเมย “ให้คำตอบที่ชัดเจนกับข้าภายในสามอึดใจ หาไม่ก็ตาย!”
บรรยากาศพลันตึงเครียดหดหู่
เมิ่งฉางอวิ๋นลอบถอนใจ
ต่อหน้าผู้พิทักษ์ แม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งเยี่ยงทัศนาจารย์ก็เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหัว!
ไกลออกไป หัวใจของโม่หรงซานรู้สึกยินดีอย่างบอกไม่ถูก
ร่างเวียนวัฏของทัศนาจารย์แล้วเช่นไร?
เพราะถึงอย่างไร การฝึกฝนก็ยังต่ำต้อย เมื่อต่อหน้าผู้พิทักษ์ เขาก็ยังเทียบไม่ติดฝุ่น!
โม่หรงซานหวังกระทั่งให้ซูอี้ปฏิเสธและถูกสังหารไป เพื่อที่เขาจะมิเพียงกำจัดมหาศัตรูลงได้ แต่ยังได้รับการยอมรับจากผู้พิทักษ์ มีแต่ได้กับได้เห็น ๆ
“ตาย?”
ซูอี้อดหัวเราะมิได้ “งั้นแสดงให้เห็นทีสิว่ากฎของเจ้าใหญ่หลวงพอหรือไม่!”
ตู้ม!
ร่างของเขากู่คำราม ภาวะดาบเคลื่อนทะยานสู่เวหา ม่านแสงเวียนวัฏสีเข้มหกสายปรากฏเบื้องหลังร่างของเขา และเข้าปกคลุมทั่วผืนนภา
เพียงพริบตา ซูอี้ดูจะแปรเปลี่ยนเป็นคนละคน ดุจนายเหนือแห่งนิรันดร์กาล ควบคุมการเวียนวัฏ ยืนเหนือวิถีทั้งหก
บรรยากาศมืดหม่นลึกลับทำให้ผืนหล้าสั่นสะเทือน
“เป็นการเวียนวัฏสงสารจริง ๆ!”
ดวงตาของชายชุดขาวฉายประกายแรงกล้าราวตื่นเต้นยิ่งนัก
เขาลงมือทันที รอสังหารศัตรูและชิงเคล็ดเวียนวัฏสงสารมามิไหวแล้ว!
เปรี๊ยะ!
ท้องนภาแหวกเว้นช่อง อำนาจกฎสวรรค์โปรยปราย กลายเป็นหอกศึกซึ่งปกคลุมด้วยปราณโกลาหล ฟาดฟันเข้าใส่ซูอี้อย่างดุร้าย
มิติเวลาดูราวถูกฉีกแยก ทั่วฟ้าดินสะบั้นดุจผืนผ้าใบถูกฉีกจากกัน
ด้วยหนึ่งการโจมตีนี้ ดูราวกับหอกพิพากษาทะยานลงมาจากสวรรค์!
อำนาจเช่นนี้ทำให้วิญญาณของเมิ่งฉางอวิ๋นสั่นสะท้าน หลบลี้หนีไปไกลแต่แรกเห็น
เมื่อเผชิญการโจมตีนี้ ซูอี้ก็ชักดาบออกฟาดฟันในอากาศ
ตู้ม!
ปราณดาบและหอกศึกปะทะใส่กัน ฟ้าถล่มดินมลาย อำนาจกฎเกณฑ์ปะทุคลั่งกัมปนาท แดนดินทั่วสารทิศสะเทือนสั่นสะท้านไหว
ทั่วทั้งบริเวณแดนรกร้างพันกระแสเต็มไปด้วยปราณทำลายล้างพลุ่งพล่าน!
ท่ามกลางกระแสวายุปั่นป่วน ร่างของซูอี้ปลิวกระเด็นรุนแรง
กว่าเขาจะตั้งหลักได้ก็ต้องถอยไปร้อยจั้ง
เขาดูทุลักทุเล แต่การโจมตีของผู้พิทักษ์ก็ถูกเขาหยุดไว้ได้กะทันหัน!
ทั้งเมิ่งฉางอวิ๋นและโม่หรงซานล้วนตื่นตะลึง เพราะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
พวกเขาต่างเป็นราชันแห่งภูมิในขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงขั้นกลาง และเมื่อถามตนเองดู พวกเขาก็สรุปว่าหากเปลี่ยนเป็นพวกตนเผชิญกับการโจมตีนี้ คงได้ตายตกอย่างง่ายดาย ไร้ความหวังรอดชีวิตโดยสิ้นเชิง
ร่างเวียนวัฏของทัศนาจารย์ไม่ได้หลบเลี่ยงแต่อย่างใด และเขายังใช้อำนาจวิถีดาบเข้าขวางการโจมตีนี้ตรง ๆ!
ความแข็งกร้าวนี้ช่างน่าตกใจนัก!
“นี่คือพลังแห่งการเวียนวัฏ…”
ดวงตาของชายชุดขาวดูคลั่งไคล้ ท่าทีปรีดาตื่นเต้นเจือความบ้าคลั่ง
“การฝึกฝนของคนผู้นี้อยู่เพียงขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงขั้นกลาง ทว่าหลังได้ยืมพลังกฎสวรรค์แห่งฟ้าดินนี้ เขาก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมหาศาล…”
ดวงตาของซูอี้วูบไหว “หากประชันกันตรง ๆ ก็ไม่ต่างกับเป็นปรปักษ์ต่อกฎสวรรค์แห่งภูมิ มิฉลาดเอาเสียเลย”
“ดูเหมือนว่าการเชื่อมต่อระหว่างเขาและกฎสวรรค์ต้องถูกกำจัดก่อน!”
เมื่อคิดเช่นนี้ ความคิดของซูอี้ก็แล่นไหล
เปรี้ยง!
ขณะเดียวกัน ชายชุดขาวก็แบมือออก เสี้ยวกฎสวรรค์ควบแน่นแปรเปลี่ยนเป็นมีดศึก ทะยานร่างเข้าใส่ซูอี้
อำนาจร้ายกาจมหาศาลเยี่ยงนายเหนือแห่งโลกหล้า!
มหาสงครามอุบัติ
เพียงไม่กี่อึดใจ ซูอี้และชายชุดขาวก็ประมือกันหลายร้อยกระบวน ทั่วฟ้าดินระแหงแตก แสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่องพรรณราย
แม้ว่าซูอี้จะโคจรเคล็ดเวียนวัฏสงสารเต็มกำลัง แต่ก็ทำได้เพียงต้านรับการโจมตีของศัตรูและกระเด็นออกไป ดูสภาพทุลักทุเลยิ่งนัก
“นี่ไม่ต่างกับต่อสู้กับกฎแห่งสวรรค์เลย ใครเล่าจะเอาชนะกฎแห่งสวรรค์ในเขตต้องห้ามเซียนอับโชคได้?”
เมิ่งฉางอวิ๋นเริ่มรู้สึกกังวลแทนซูอี้
เขาสงสัยมากว่าหลังจากผู้พิทักษ์แหกกฎสังหารซูอี้ได้ เขาจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป!
มีความเป็นไปได้
“เจ้าสู้มิได้หรอก เคล็ดเวียนวัฏสงสารอยู่ในมือเจ้าไปก็เหมือนไก่ได้พลอย!”
ชายชุดขาวส่ายหน้า ท่าทางของเขาในเวลานี้ยังคงแสดงออกถึงความเหยียดหยัน
เขารุกประชิดกดดันทีละก้าว มิให้โอกาสซูอี้ตั้งหลักแต่อย่างใด
“เจ้าอยู่ในขอบเขตราชันแห่งภูมิ ซ้ำยังใช้กฎสวรรค์เข้าโจมตี นี่ยุติธรรมแล้วหรือไร! หากเจ้ายังเป็นผู้คุมกฎ เจ้าก็เป็นได้เพียงสวะน่าขายหน้า! เจ้ากล้าต่อสู้อย่างยุติธรรมกับใต้เท้าทัศนาจารย์หรือไม่?”
เมื่อเห็นท่าทางอันไร้ยางอายของอีกฝ่าย เมิ่งฉางอวิ๋นก็อดตะโกนปรามาสมิได้
เขากลัวมากก็จริง แต่กลัวยิ่งกว่าว่าหลังจากซูอี้ตายไป เขาเองก็จะถูกฆ่าปิดปากเช่นกัน
ดังนั้นยามนี้เขาจึงไร้ความกลัว สบถด่าราวเปิดอกคุยกัน
ชายชุดขาวหัวเราะเยาะเย้ย “ในการประลองตัดสินเป็นตาย ใครเล่าจะสนว่าเจ้าอยู่ในขอบเขตใด ใครเล่าจะสนว่าเจ้าจะยืมอำนาจภายนอกหรือไม่? ในเมื่อเจ้ายังพูดเรื่องความยุติธรรมตรงหน้าข้าก็ย่อมได้! หลังจากนี้ข้าจะให้เจ้ามาคุกเข่า บอกข้าอีกทีว่าสิ่งใดคือความเสมอภาค!”
สีหน้าของเมิ่งฉางอวิ๋นแปรเปลี่ยน
ทันใดนั้นเอง ซูอี้ก็พยักหน้าก่อนกล่าว “เจ้าพูดถูก”
ร่างของเขาไหววูบในอากาศ
ตู้ม!
วจีดาบกังวาน สะท้อนทั่วสวรรค์เก้าชั้น
เจิดจรัสเยี่ยงอรุณรุ่ง ไพศาลเช่นธารดาราเหนือแดนสรวง เก่าแก่โบราณ เดือดพล่านโกลาหล
สีของมันเจือฟ้าครามเยี่ยงเวหาในช่วงต้นวสันตฤดู
กระจ่างใสสูงส่ง ลึกลับยากหยั่ง
แก่นแท้มหาวิถี เวิ้งลึกล้ำ!
กฎเต๋าซึ่งได้รับสืบทอดจากธารนทีสายยาวแห่งโชคชะตา ลึกล้ำยากเข้าใจเสียยิ่งกว่าเคล็ดเวียนวัฏสงสาร!
เมื่อดาบของซูอี้เงื้อขึ้น ทั่วฟ้าดินพลันเงียบสงัดอย่างประหลาด
อากาศที่แตกสลายพลันนิ่งกับที่
โลกหล้าอันปั่นป่วนสั่นสะเทือนถูกปกคลุมด้วยแสงสีฟ้าครามลึกลับ
และเมื่อดาบนี้ฟาดฟันลง
อำนาจ ‘กฎสวรรค์’ ซึ่งเดิมถูกชายชุดขาวควบคุมก็ถูกสะบั้นลงในพริบตา
เปรี้ยง!!!
มีดศึกในมือชายชุดขาวแหลกสลายทีละนิด แปรเปลี่ยนเป็นกฎสวรรค์ที่พังทลาย
ยามนี้ การเชื่อมต่อระหว่างชายชุดขาวกับกฎสวรรค์ได้ถูกดาบของซูอี้สะบั้นขาดแล้ว!
ตู้ม!
โลกาซึ่งเดิมเงียบสงัดพลันสั่นสะท้าน
ปราณดาบบนฟ้าหลากคลั่งคล้ายพายุ
สีหน้าซึ่งเดิมเย็นชาเฉยเมยของชายชุดขาวพลันเปลี่ยนแปร สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
สะบั้นกฎสวรรค์?
นี่มันคือแก่นแท้มหาวิถีใดกัน?
แข็งแกร่งยิ่งกว่าเคล็ดเวียนวัฏสงสารอีกหรือ?
ชายชุดขาวพิทักษ์ดินแดนแห่งนี้มาแสนนาน ทว่านี่คือคราแรกที่เขาได้เห็นว่าโลกนี้ยังมีอำนาจซึ่งสามารถสะบั้นกฎสวรรค์อยู่อีก
เขาจะใจเย็นอยู่ได้เช่นไร?
ฉับ!
ซูอี้โจมตีมาจากระยะไกลดุจรุ้งทิพย์ทะยานเคลื่อนว่องไว
แก่นแท้เวิ้งลึกล้ำจากภายในดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์จางหายไปอย่างเงียบ ๆ แทนที่ด้วยเคล็ดเวียนวัฏสงสาร
เพียงหนึ่งฟาดฟัน ภาพลวงแห่งหกวิถีเวียนวัฏก็กระเพื่อมวูบไหว ภาวะดาบมืดหม่นราวพร้อมสะบั้นฟ้าดินเวียนกลับเกิดใหม่!
ชายชุดขาวละทิ้งทุกความคิด ขณะฝืนต้านอย่างสุดกำลัง
เปรี้ยง!!
อึดใจต่อมา ร่างของเขาก็ถูกฟาดฟันกระเด็น แผนจากดาบอาบโลหิตปรากฏขึ้นบนอก ย้อมอาภรณ์ขาวด้วยสีแดงฉาน
ชายชุดขาวรู้สึกเดือดดาล ขณะพยายามยืมพลังกฎสวรรค์อีกครั้ง
ทว่า ซูอี้ไหนเลยจะให้โอกาส และโดยไม่รีรอให้ชายชุดขาวตั้งหลัก เขาก็กวัดแกว่งดาบสังหาร
แขนข้างหนึ่งของชายชุดขาวปลิดปลิว โลหิตทะลักร่วงเยี่ยงน้ำตก
สีหน้าของเขาซีดขาว สังเกตเห็นแล้วว่าบางอย่างผิดปกติ จึงกล่าวขึ้นเสียงแข็ง “ข้าเป็นผู้พิทักษ์นะ เจ้า…”
ผัวะ!!
ก่อนเขาจะทันพูดจบ หนึ่งดาบก็ฟาดเข้าที่หน้า โลหิตไหลออกมาจากจมูกปาก ฟันหลุดร่วงหลายซี่ และร่างกระเด็นไปจนแทบหงายหลัง
“น่าอายนัก!”
ใบหน้าของชายชุดขาวบวมแดงดุจหัวหมู เขาสติแตกโดยสิ้นเชิง และพลันใช้ตราประทับทองแดงสีเลือดอันขึ้นสนิมด่างดำชิ้นหนึ่ง
ตู้ม!
ตราประทับทองแดงคำรามลั่นนภา แสงสีเลือดหลั่งรินกระทบจนเกิดลวดลายลี้ลับเทพมารอันเก่าแก่โบราณนับมิถ้วน ความน่ากลัวแข็งปราณบดขยี้ผืนนภาได้โดยง่าย
ทว่าด้วยภาวะดาบเวียนวัฏของซูอี้ อำนาจของตราประทับทองแดงสีเลือดนี้จึงสลายไปในพริบตา หม่นรัศมีจืดจาง
ท้ายที่สุด ตราประทับทองแดงสีเลือดก็ถูกผ่าแบ่ง เกิดรอยร้าวที่น่าสะเทือนใจขึ้นบนพื้นผิว
อั้ก!
ชายชุดขาวถูกผลกระทบ กระอักเลือดออกมา
เดิมทีเขาบาดเจ็บสาหัสเจียนตายอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อซูอี้ขัดขวางเขาอย่างรุนแรงทุกครั้งยามพยายามติดต่อกับกฎสวรรค์
จนกระทั่งยามนี้ เมื่อใช้เพียงการฝึกฝนในขอบเขตอสงไขยลึกล้ำ เขาก็ถูกซูอี้ปราบเสียจนแทบไร้พลัง!
เปรี้ยง!!
เกิดเสียงทึบ ๆ ขึ้นอีกเสียง และฟ้าดินก็สะท้านสั่น
ภายใต้การโจมตีจากปราณดาบของซูอี้ ร่างของชายชุดขาวกระเด็นฟาดพื้นอย่างรุนแรงราวอุกกาบาต ก่อให้เกิดหลุมลึกมหึมา เศษศิลากระเด็นปลิว
ร่างของชายชุดขาวในยามนี้กระดูกหักไปไม่รู้กี่ซี่ ร่างแหลกเละเลือดเนื้อกระเด็นปะปน
ชวนใจหาย!
เทียบกับท่าทีเย่อหยิ่งมิสนผู้ใดก่อนหน้านี้ ดูราวคนละคน!