บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1197: ศพราชันแห่งภูมิบรรพกาล
ตอนที่ 1197: ศพราชันแห่งภูมิบรรพกาล
นอกวิหารเต๋า
เมื่อรู้ว่าซูอี้ตั้งใจเข้าสู่ส่วนลึกแห่งเขตต้องห้ามเซียนอับโชคเพียงลำพัง จักรพรรดิมารสวรรค์ก็อดเป็นกังวลไม่ได้
ดวงตาพราวเสน่ห์ของนางเบิกกว้าง ลั่นวาจาชัดถ้อย “ตายก็ตายสิ ครานี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย!”
เมิ่งฉางอวิ๋นเองก็รีบร้อนกล่าว “ใต้เท้า ตาเฒ่าผู้น้อยนี้มิกลัวความตายหรอกขอรับ!”
ซูอี้อดถูหว่างคิ้วไม่ได้
เขาบอกทั้งสองแล้วว่าการเข้าไปยังส่วนลึกแห่งเขตต้องห้ามเซียนอับโชคจะนำไปสู่การถูกเพชฌฆาตซึ่งนำโดยจินชื่อหมายหัวแน่นอน
ยิ่งกว่านั้น นกกระจอกวิญญาณยังกล่าวไว้ด้วยว่าในส่วนลึกแห่งเขตต้องห้ามเซียนอับโชคไร้กฎเกณฑ์ใด ๆ!
ซึ่งหมายความว่าเพชฌฆาตทั้งหลายสามารถลงมือเต็มที่ได้โดยไม่ต้องกลัวอาญา
“สหายเต๋า เจ้ามีป้ายประกาศิตฟ้าดินครบสิบแปดชิ้น และหลังเข้าสู่แดนลี้ลับดึกดำบรรพ์ เจ้าก็สามารถเข้าสู่เส้นทางบททดสอบได้ทุกเมื่อโดยไม่ต้องกลัวการขัดขวางแทรกแซงของเหล่าเพชฌฆาตนะ”
เซียนกระเรียนกล่าวเตือน “นอกจากนั้น สหายเต๋ามารสวรรค์ยังได้รับการยอมรับจากข้าแล้ว นางจึงสามารถเข้าสู่เส้นทางบททดสอบแดนลี้ลับดึกดำบรรพ์ได้ทันทีเช่นกัน”
หัวใจของซูอี้ครุ่นคิด หากเป็นเช่นนั้นได้คงปลอดภัยกว่ากันเยอะ
“ผู้อาวุโส เรื่องนั้น… ข้าขอการยอมรับจากท่านด้วยได้หรือไม่?”
ดวงตาของเมิ่งฉางอวิ๋นร้อนเร่า มองไปยังเซียนกระเรียนอย่างคาดหวัง
“ไม่”
เซียนกระเรียนปฏิเสธทันควัน “ข้าบอกแล้ว ศักยภาพของเจ้ามีไม่พอ ต่อให้เข้าไปได้ก็ไปได้ไม่ไกลหรอก”
เมิ่งฉางอวิ๋น “…”
ณ ที่นี้ นอกจากเซียนกระเรียน ก็มีเพียงเขาที่เป็นราชันแห่งภูมิ!
ทว่าเขากลับถูกมองว่ามีศักยภาพไม่เพียงพอ…
ซูอี้หันไปกล่าวกับเมิ่งฉางอวิ๋นว่า “เจ้ามิกลัวตายจริง ๆ หรือ?”
เมิ่งฉางอวิ๋นตอบโดยไม่คิด “มิกลัวขอรับ!”
ซูอี้ยกมือขึ้นโยนประกาศิตฟ้าดินให้เขาสิบแปดชิ้น “ข้าจะมอบโอกาสนี้ให้เจ้า อย่าทำมันเสียเปล่าล่ะ”
เมิ่งฉางอวิ๋นพลันชะงักค้าง ละล่ำละลักอย่างเกรงอกเกรงใจ “ใต้เท้า นี่… นี่ล้ำค่าเกินไป ตาเฒ่าผู้น้อย…”
“ก็แค่โอกาสเลื่อนขอบเขต ไยต้องมากเรื่อง? ในภายหน้า มองให้ไกลกว่านี้นะ”
ซูอี้ตำหนิ
เมิ่งฉางอวิ๋นรู้สึกละอาย ก้มหัวลงคำนับต่ำ ๆ “ตาเฒ่าผู้น้อยเรียนรู้แล้ว! ในภายหน้าเขาจะมิทำให้ใต้เท้าผิดหวังขอรับ!”
ซูอี้หยิบแผนที่หนังสัตว์ออกมาส่งให้เซียนกระเรียน “สหายเต๋า ดูแผนที่ลับนี่สิ”
เซียนกระเรียนมองมันอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวว่า “นี่น่าจะถูกทำขึ้นโดยผู้ขัดเกลาที่เข้ามาในเขตต้องห้ามเซียนอับโชคเมื่อนานมาแล้ว การทำตำหนิต่าง ๆ บนพื้นที่รอบนอกมิได้ผิดเพี้ยน แต่มีปัญหาใหญ่กับคำอธิบายส่วนลึกของเขตต้องห้ามเซียนอับโชค”
ซูอี้เลิกคิ้วกล่าว “โปรดชี้แนะด้วย”
เซียนกระเรียนกล่าว “ในส่วนลึกของเขตต้องห้ามเซียนอับโชคมีแดนลี้ลับดึกดำบรรพ์อยู่ หากไม่รวบรวมป้ายประกาศิตฟ้าดินให้ครบสิบแปดชิ้นหรือได้รับคำยอมรับจากผู้พิทักษ์ แทบมิมีผู้ใดรอดชีวิตที่นั่นได้เลย”
“ส่วนราชันแห่งภูมิในขอบเขตไร้ขีดจำกัดนั้น… ไร้โอกาสได้เข้ามาในเขตต้องห้ามเซียนอับโชค”
กล่าวถึงจุดนี้ เซียนกระเรียนก็เอ่ยขึ้น “เหตุผลนั้นแสนง่าย เป็นเพราะกฎสวรรค์ของเขตต้องห้ามเซียนอับโชคนี้จะสังหารราชันแห่งภูมิใด ๆ จากภายนอกในขอบเขตไร้ขีดจำกัด”
หัวใจของซูอี้เต้นกระตุก ก่อนกล่าวขึ้นว่า “เล็งเล่นงานราชันแห่งภูมิขอบเขตไร้ขีดจำกัดจากภายนอก? หรือในอดีตจะมีราชันแห่งภูมิในขอบเขตไร้ขีดจำกัดคนใดพยายามบุกเข้ามาในเขตต้องห้ามเซียนอับโชคนี้หรือ?”
เซียนกระเรียนพยักหน้ากล่าว “เรื่องนั้นเกิดขึ้นยามแรกกำเนิดภูมิ ยามที่ภูมิดาราฟ้าดินเจิดจรัสรุ่งเรืองอย่างยิ่ง ถูกถือเป็นแดนบรรพชนต้นกำเนิดของภูมิร้อยมหาดาราแห่งจักรดาราตงเสวียน”
“ในยุคสมัยนั้น ยอดฝีมือมากมายจากจักรดาราอื่น ๆ มาที่นี่เพื่อค้นหาวิถีที่สูงกว่าในภูมิดาราฟ้าดิน…”
“ในหมู่พวกเขามีราชันแห่งภูมิในขอบเขตไร้ขีดจำกัดมากมาย”
“ยามนั้น มีตัวตนในตำนานกลุ่มหนึ่งเช่นท่านมหาเทพหงอยู่ ราชันแห่งภูมิในขอบเขตไร้ขีดจำกัดเหล่านั้นจึงมิกล้าหยั่งเชิงซ้ำสอง!”
กล่าวถึงจุดนี้ สีหน้าของมันพลันเครียดขึ้งมากขึ้น ก่อนจะรำพึง “ทว่าด้วยการมาของหายนะลึกลับนั่น ทุกสิ่งในอดีตก็หายลับสิ้นไป…”
ซูอี้พยักหน้าน้อย ๆ
เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นมานานแล้ว คั่นกลางด้วยกาลเวลาไม่รู้จบ กระทั่งด้วยความทรงจำของทัศนาจารย์ยังมิอาจเข้าใจ
ต้องทราบว่าหายนะนั้นเกิดแสนนานผ่านชั่วนิรันดร์
และนับแต่บรรพกาลก็ผ่านพ้นมาเกินแสนปี!
จินตนาการได้เลยว่าช่วงเวลาอันเจิดจรัสรุ่งเรืองที่สุดของภูมิดาราฟ้าดินนั้นเก่าแก่แสนนานยิ่งกว่านิรันดร์กาลนี้เสียแสนไกล
“ที่มาของหายนะนั้นคือสิ่งใดกันแน่?”
ซูอี้ถาม
เมื่อนานมาแล้ว เขาได้เรียนรู้ว่าการอุบัติของหายนะนี้ทำให้กฎแห่งภูมิดาราฟ้าดินพังทลาย ประวัติศาสตร์มลายหาย กระทั่งวิถีสู่สวรรค์ก็ถูกสะบั้นขาด
เซียนกระเรียนกล่าว “ข้าไม่รู้ แต่เท่าที่ทราบ ร่องรอยของหายนะนั้นยังคงหลงเหลืออยู่ในส่วนลึกแดนลี้ลับดึกดำบรรพ์ ลือกันว่าหายนะนั้นมาจากอาวุธสังหารชิ้นหนึ่งซึ่งไม่ใช่ของยุคสมัยนี้”
ม่านตาของซูอี้หดตัวเล็กน้อย
หายนะนี้เกี่ยวพันกับหนึ่งอาวุธสังหารซึ่งมิใช่ของยุคสมัยนี้หรือ?
ชวนใจหายจริง ๆ
หลังจากซักถามเกี่ยวกับการไปยังเขตต้องห้ามเซียนอับโชคอีกสักครู่ ซูอี้ก็พาจักรพรรดิมารสวรรค์และเมิ่งฉางอวิ๋นจากไป
เขานำทั้งสองบรรจุไว้ในเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงเพื่อความปลอดภัย
…
วันถัดมา
เขตแดนมโหฬารอันเชื่อมระหว่างฟ้าดินปรากฏขึ้นในสายตาของซูอี้
เขตแดนนี้เป็นดุจพิรุณแสงเซียนโปรยปรายจากสุดสรวงสวรรค์ ขวางกั้นทางไปต่อเยี่ยงสวรรค์กั้น
กำแพงข้ามนภา!
เขตแดนมหาวิถีที่คั่นระหว่างเขตต้องห้ามเซียนอับโชคส่วนนอกและแดนลี้ลับดึกดำบรรพ์
หากข้ามมันไปได้จะเข้าสู่แดนลี้ลับดึกดำบรรพ์
ในอดีตชาติของเขา ซูอี้ได้เข้ามายังเขตต้องห้ามเซียนอับโชคสามหน ทว่ายามนี้เขาก็รู้แล้วว่ายังมิเคยเข้าถึงแดนลี้ลับดึกดำบรรพ์เลยสักครั้ง
หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย ซูอี้ก็ใช้ป้ายประกาศิตฟ้าดินสิบแปดชิ้น
วิ้ง!
รอยกระเพื่อมประหลาดปรากฏขึ้นบนกำแพงข้ามนภา พิรุณแสงพร่างพรมลงอาบร่างของเขา หายวับไปในพริบตา
เมื่อการมองเห็นของซูอี้กลับคืน เขาก็มาถึงยังโลกสีเลือดอันแปลกประหลาด
ทัศนียภาพกว้างไกล ปกคลุมด้วยบรรยากาศเก่าแก่โบราณ
สายหมอกปั่นป่วนพลิ้วโชยใต้เวหา ปกคลุมทั่วฟ้าดินดำมืดเล็กน้อย
“นั่นคือปราณมารดาฟ้าดิน…”
ซูอี้อดประหลาดใจมิได้
สายหมอกปั่นป่วนที่ปกคลุมทั่วบริเวณนี้ ถูกแปรเปลี่ยนมาจากปราณมารดาฟ้าดิน เพียงหนึ่งสูดหายใจก็ทำให้พลังปราณในกายของซูอี้เคลื่อนโคจรอย่างชีวิตชีวา หัวใจรู้สึกอภิรมย์
“หากมีผู้ใดฝึกฝนที่นี่ได้แต่ยังเล็ก เกรงว่าคงใช้เวลาไม่กี่ปีก็ทะยานขอบเขตเหนือผู้ใดในรุ่นอายุแล้ว”
ซูอี้อดรำพึงมิได้
จากประสบการณ์สามชั่วอายุขัย เขาย่อมรู้ว่าโลกหล้าโบราณอันปั่นป่วนนี้แปลกประหลาดหายากเพียงไร!
กระทั่งพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ทั่วจักรวาลพร่างดาวยังหม่นรัศมีเทียบไม่ติด!
ทันใดนั้น ซูอี้ก็ตระหนักว่าบางอย่างผิดปกติ
โลกหล้านี้เงียบเกินไป ดูราวไร้ชีวิตใด ๆ ไม่มีกระทั่งต้นไม้หย่อมหญ้า มีเพียงทิวทัศน์อันแร้นแค้น
ท้องนภาแดงก่ำราวถูกย้อมแดงด้วยโลหิตแห่งทวยเทพ เปี่ยมปราณหายนะชวนหดหู่
“นี่น่าจะเป็นที่มาแห่งภูมิดาราฟ้าดิน และถือว่าเป็นแดนลี้ลับดึกดำบรรพ์อันถูกหายนะเข้าโจมตีเมื่อแสนนานผ่านมา ทำให้ที่แห่งนี้พังทลายไม่เหลือดี…”
ซูอี้ครุ่นคิด และขณะที่เขากำลังจะก้าวไปข้างหน้านั้นเอง
เปรี้ยง!
ทันใดนั้น พื้นที่ตรงหน้าก็ระเบิดออก
หนึ่งหอกศึกสีเลือดทะลวงผ่านอากาศ
ร่างของซูอี้วูบไหวเล็กน้อย หลบการโจมตีไปได้
และเมื่อมองขึ้นไป เขาก็พบว่าหอกศึกสีเลือดมาจากมือซากศพสูงราวหนึ่งจั้งผู้หนึ่ง
ซากศพนี้สวมชุดเกราะแตก ๆ ผิวซีดขาว ดวงตาแดงก่ำ ร่างพลุ่งพล่านด้วยหมอกดำเข้มข้น อำนาจกฎเกณฑ์อันพังทลายและดุร้ายกวาดเข้าหาเขาอย่างน่าสะพรึงกลัว
“นี่น่าจะเป็นซากศพของตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิ เจือด้วยจิตสังหารและความแค้น จิตใจสับสนวุ่นวาย”
ซูอี้ขมวดคิ้วน้อย ๆ
ตู้ม!
ศพราชันแห่งภูมิบรรพกาลออกโจมตี กวัดแกว่งหอกศึกสีเลือดขยี้อากาศ ดุร้ายสุดขีด
ชายแขนเสื้อซูอี้สะบัดโบก หนึ่งปราณดาบพลิ้วทะลวงจากมือสู่อากาศ
เปรี๊ยะ!
หอกศึกสีเลือดแหลกสลาย
ทว่าปราณดาบยังไม่ลดรา ทะลวงสู่หว่างคิ้วศพราชันแห่งภูมิบรรพกาลในพริบตา
เมื่อปราณดาบระเบิดออก บุปผาแดงสดจากกฎสุดวิถีปรากฏขึ้นนับไม่ถ้วน เจิดจ้าแผดเผาศพราชันแห่งภูมิบรรพกาลนี้
เพียงพริบตา ปราณดุร้ายบนศพราชันแห่งภูมิบรรพกาลก็สลายหายไปราวถูกชำระล้างโดยสมบูรณ์
ท้ายที่สุด กระทั่งร่างกายยังสลายแหลกเป็นเถ้า
“น่าเสียดาย ในสายตาของพวกเฒ่าผู้ใช้ศพ ศพราชันแห่งภูมิบรรพกาลนี้คงเป็นสมบัติเลิศล้ำไร้ใดเปรียบแน่แท้”
ซูอี้ยกมือขึ้นเล็กน้อย แล้วปราณดาบสายนั้นก็หายไปเงียบ ๆ
เขาไม่ได้สนใจในการควบคุมซากศพ กระทั่งรู้สึกสะอิดสะเอียนด้วยซ้ำ จึงไม่คิดเก็บศพราชันแห่งภูมิบรรพกาลนี้แต่อย่างใด
ซูอี้ก้าวมาเบื้องหน้า หยิบหยกดำชิ้นประมาณกำปั้นทารกขึ้นจากพื้น
หยกชิ้นนั้นกระจ่างใส ดูราวกับมีพลังมหาวิถีอันหนาแน่นและบริสุทธิ์พลุ่งพล่านอยู่ภายใน เรืองปราณศักดิ์สิทธิ์เบาบาง
“ศิลาทิพย์แปรขอบเขต!”
ซูอี้ประหลาดใจ
มันคือวัตถุศักดิ์สิทธิ์บางอย่างที่สามารถควบแน่นขึ้นในร่างราชันแห่งภูมิขอบเขตคืนสู่สามัญเท่านั้น รวบรวมอำนาจที่มาแห่งมหาวิถีของราชันแห่งภูมิไว้ภายใน นี่ถือได้เป็นสมบัติหายากชั้นหนึ่งในโลกหล้าจริงแท้
หากราชันแห่งภูมิคนอื่น ๆ ได้มันไป ก็สามารถใช้มันหล่อหลอมสมบัติ และยังสามารถใช้ตรวจหาเคล็ดฝึกฝนของราชันแห่งภูมิขอบเขตคืนสู่สามัญผู้นี้ได้ด้วย!
ในส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว ศิลาทิพย์แปรขอบเขตนี้ยากจะระบุมูลค่า มันเลิศล้ำพอจะทำให้ขุมกำลังใหญ่ทั้งหลายน้ำลายหก!
ประการแรกคือ วัตถุล้ำค่านี้ควบแน่นขึ้นได้ในร่างราชันแห่งภูมิในขอบเขตคืนสู่สามัญเท่านั้น
ประการที่สองคือ ไม่ใช่ราชันแห่งภูมิในขอบเขตคืนสู่สามัญทุกคนจะทิ้งสมบัติเช่นนี้ไว้ยามตาย
หลังจากราชันแห่งภูมิในขอบเขตคืนสู่สามัญตกตายส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาจะหายไปโดยสมบูรณ์ ไม่มีโอกาสทิ้งศิลาทิพย์แปรขอบเขตของตนไว้
“ดูเหมือนว่าก่อนตาย ศพราชันแห่งภูมิบรรพกาลผู้นี้จะเคยเป็นผู้แข็งแกร่งในขอบเขตคืนสู่สามัญมาก่อน”
ซูอี้กล่าวเสียงขรึม
เขาเก็บศิลาทิพย์แปรขอบเขตไป ตั้งใจจะใช้มันหล่อหลอมสมบัติมหาวิถีในภายหน้า
นี่คือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ได้ง่าย ๆ หากใช้อย่างถูกวิธี มันก็สามารถสร้างยอดสมบัติในวิถีสู่สวรรค์ได้!
“ยังดีที่ข้าควบคุมเคล็ดเวียนวัฏสงสาร จึงย่อมกำราบสิ่งที่ตายแล้วเช่นนี้ได้ตามธรรมชาติ หาไม่ การรับมือศพบรรพกาลเช่นนี้ย่อมเป็นปัญหาไม่น้อย”
“ข้าไม่รู้แค่ว่าในโลกนี้จะยังมีศพราชันแห่งภูมิบรรพกาลเช่นนี้อยู่อีกหรือไม่…”
ซูอี้อดคาดหวังมิได้
เขาเพิ่งเข้ามาในแดนลี้ลับดึกดำบรรพ์ แต่ก็ได้รับโอกาสเช่นนี้ทันที ทำให้เขาประหลาดใจมาก
เปรี้ยง!
และขณะที่ซูอี้กำลังคิดอยู่นั้นเอง ทั่วบริเวณพลันเกิดการเคลื่อนไหวรุนแรงจนท้องนภาสั่นสะท้าน
ทันใดจากนั้น ทั่วทิศในโลกหล้า ร่างอันร้ายกาจร่างแล้วร่างเล่าก็ทะลวงออกมาสู่เวหา
แออัดหนาแน่นปกคลุมท้องนภา!