บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1198: กีดขวาง
ตอนที่ 1198: กีดขวาง
ทั่วฟ้าดินปรวนแปร
ศพบรรพกาลนับไม่ถ้วนทะยานออกจากผืนปฐพี ปกคลุมแน่นหนาไร้ขอบเขต
ปราณอันดุร้ายพลุ่งพล่านจากร่างของพวกเขาและหลอมรวมด้วยกันดุจหมอกควัน ปกคลุมทั่วน่านนภาจนสร้างความตะลึงถึงวิญญาณ
ในหมู่พวกเขา ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นศพราชันแห่งภูมิบรรพกาล และยังมีตัวตนแข็งแกร่งในระดับราชันแห่งภูมิอยู่ด้วย
ยามนี้ เมื่อพวกเขาปรากฏกายขึ้น มันก็ดูเหมือนกองทัพซากศพบรรพกาลเดินขบวนพร้อมกวาดจักรวาล!
“ที่นี่คือสนามรบบรรพกาลหรือไร?”
ซูอี้อดประหลาดใจมิได้
ศพบรรพกาลเหล่านี้ดูหนาตา ราวกับห้วงไร้ขอบเขต
“ไม่สิ หากที่นี่คือสนามรบบรรพกาล ซากศพบรรพกาลเหล่านี้คงไม่อยู่มาจวบจนปัจจุบันหรอก”
“บางที ศพบรรพกาลเหล่านี้อาจจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่สิ้นใจภายใต้หายนะลึกลับนั้นก็เป็นได้…”
ทันทีที่ซูอี้คิดเช่นนี้ขึ้นมา ทั่วฟ้าดินก็สะท้านสั่น เสียงสั่งตายสะท้านทั่วแดนดิน
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
ทัพซากศพบรรพกาลอันเรืองฤทธาตะบึงผ่านโลกหล้า บุกโจมตีซูอี้จากทั่วสารทิศ
เพียงได้เห็นเช่นนี้ก็ทำตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิสิ้นหวังได้!
“หากถูกล้อมติดกับ เกรงว่าคงได้เหนื่อยตายพอดี”
ซูอี้มิกล้าลังเลอีก เขาใช้ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์พุ่งไปเบื้องหน้า
เรื่องเร่งด่วนที่สุดคือออกจากวงล้อมนี้ให้ได้ก่อน!
ปราณดาบคำรามพลุ่งพล่าน
ลำแสงดาบเจิดจรัสดุจตะวันเรืองรอง
เมื่อปราณดาบฟาดลงมา รอยแยกเป็นเส้นตรงก็ปรากฏขึ้นบนฟ้าดิน กลุ่มซากศพบรรพกาลนับร้อยระเบิดแหลกสลาย
ซูอี้ทะยานร่างตามปราณดาบ พุ่งไปเบื้องหน้า
ภาวะดาบเรืองรองพลิ้ววนรอบกาย วจีดาบก้องสะท้อนทั่วเก้าชั้นฟ้า วิถีเต๋าในกายถูกเขากระตุ้นโคจรเต็มที่ สำแดงอำนาจกฎสุดวิถี
ทุกปราณดาบพร่างพรมดั่งบุปผาแดงแห่งแดนมิคสัญญีผลิบาน งดงามเจิดจ้าดุจภาพฝัน
เมื่อมองจากไกล ๆ จะเห็นได้ว่าในโลกอันรกร้างโกลาหลนี้ดูเหมือนจะเกิดสายถนนสีแดงเพลิงแผดเผาขึ้นมา
บนถนนเส้นนั้น กลีบบุปผาพร่างพราย เปลวเพลิงโลมเลีย ปราณดาบขับขานสายแล้วสายเล่า ดุจระฆังประหารวิญญาณจากอเวจี
ศพบรรพกาลบนถนนเส้นนั้นต่างระเบิดลุกไหม้ แปรเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่านล่องลอยปะปนกับกลีบบุปผาแดงฉาน
ในภูมิมืดมิดมีหนึ่งตำนานโบราณ
ลือกันว่าในดินแดนปรภพสมัยบรรพกาลมีวิถีเพลิงสายหนึ่งซึ่งสร้างจากบุปผามิคสัญญี ขจัดวิญญาณตกค้างทั่วนภาแดนดิน นำสู่การหวนคืนจากความตาย
นี่คือแก่นแท้แห่งสุดวิถี
สุดทางมิคสัญญี เป็นตายไร้เสียง!
ยามนี้ เมื่อซูอี้ลงมือ ดาบของเขาก็ดูราวกรุยวิถีเพลิงด้วยศพบรรพกาลซึ่งเป็นศัตรู
บุปผามิคสัญญีนับไม่ถ้วนผุดพรายดุจคบเพลิงศักดิ์สิทธิ์ แผดเผาเหล่าศพบรรพกาลตลอดเส้นทาง!
แม้จะเป็นซากศพของราชันแห่งภูมิบรรพกาลอันแข็งแกร่ง ก็ยังหยุดอำนาจดาบของซูอี้ได้ยาก
สังหารแผดเผาร่างผู้วายชนม์ไปตลอดทาง!
เพียงไม่กี่อึดใจ ซูอี้ก็ทะยานสังหารสร้างถนนยาวหลายพันจั้ง ศพบรรพกาลหลายต่อหลายพันมลายหาย
ทว่าศพบรรพกาลนั้นมีมากเกินไป จึงมีศพบรรพกาลใหม่ ๆ ทะลักไหลมาทางเขาอย่างต่อเนื่องจากทั่วสารทิศ
“สถานการณ์ไม่ถูกต้อง ศพบรรพกาลเหล่านี้ล้วนไร้สติ มิอาจเล็งโจมตีข้าเพียงผู้เดียวได้… หรือว่า…”
ซูอี้เพิ่งคิดถึงจุดนี้
ตู้ม!
ปราณมีดสีทองสว่างปรากฏขึ้นจากเบื้องหน้า ฟาดฟันทำลายผ่านเวหา อำนาจกฎสวรรค์ปกคลุมถ้วนทั่ว แข็งแกร่งจนหัวใจสั่นกระตุก
เคร้ง!!
ซูอี้สะบัดดาบอย่างแรง แต่ก็ถูกฟาดร่างซวนเซ ถอยหลังกลับไปหลายสิบก้าว เลือดลมปั่นป่วนทั้งกาย
บนดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ปรากฏรอยร้าวขึ้นเล็กน้อย
ซูอี้ขมวดคิ้ว ดวงตาเจือประกายเย็นวาบ
“ซูอี้ เราพบกันอีกแล้ว!”
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุจากระยะไกล เขาสวมอาภรณ์สีทอง มือถือมีดทรมานสีทอง
เพชฌฆาตจินชื่อ!
สีหน้าของเขาเย็นชา ดวงตามาดร้าย หาซ่อนความแค้นเคืองไม่
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็เข้าใจแจ่มแจ้ง
ก่อนที่เขาจะเข้ามายังแดนลี้ลับดึกดำบรรพ์ เพชฌฆาตจินชื่อก็มารอเขาอยู่ที่นี่ และได้ใช้เคล็ดวิชาควบคุมกองทัพศพบรรพกาลทั่วฟ้าดินให้มาล้อมเขาไว้!
“ข้าไม่คาดจริง ๆ ว่าเจ้าจะสามารถฝ่าวงล้อมของศพโบราณเหล่านี้ได้โดยง่าย นี่คือพลังของเคล็ดเวียนวัฏสงสารหรือ?”
จินชื่อกระซิบ ดวงตาของเขาวาวโรจน์ “โชคร้ายที่ในแดนลี้ลับดึกดำบรรพ์นี้ไร้กฎใดให้อ้างอิง ต่อให้ฆ่าเจ้าเสีย ใต้เท้าผู้บัญชาการสักการะก็มิแยแส!”
ตู้ม!
เขาฟาดฟันมีดทัณฑ์ล้างมาร ฉีกปราณมีดสีทองขึ้นไปในอากาศพันจั้ง มันพุ่งแหวกนภาด้วยอำนาจร้ายกาจ
“อย่างนั้นก็ดี”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยชา
เขาหาได้ถอยกลับไม่
เพราะขอเพียงถอยกลับ เขาก็จะกลับสู่วงล้อมของทัพศพบรรพกาล ซึ่งจะถูกโจมตีจากทุกสารทิศ และสถานการณ์ก็รังแต่จะแย่ลง
วูบ!
ร่างของเขาทะยานไปเบื้องหน้าเยี่ยงสายรุ้ง
ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ในมือพลันเปล่งวจีกู่ก้อง เหนือใบดาบมีอำนาจจากแก่นแท้เวิ้งลึกล้ำแผ่ซ่าน
เมื่อซูอี้สะบัดข้อมือ หนึ่งปราณดาบก็พุ่งทะยาน
เปรี้ยง!
ทั่วทิศพลันระเบิดเปรี้ยง อากาศแตกเป็นเสี่ยง
ปราณมีดพันจั้งของจินชื่อพลันแตกกลาง แปรเปลี่ยนเป็นพิรุณแสงกฎสวรรค์พร่างพรม
เมื่อคลื่นกระทบจากศึกซัดผ่าน ทัพซากศพบรรพกาลในละแวกใกล้เคียงไร้โอกาสได้ดิ้นรน ร่างของพวกมันจึงแหลกสลายไป
ดูราวถูกลบทิ้งจากโลกหล้า!
“หือ?”
จินชื่อประหลาดใจ ดวงตาหรี่ลงอย่างมิรู้ตน หัวใจตะลึงเล็กน้อย
เขาเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตคืนสู่สามัญ และควบคุมกฎสวรรค์ภายในแดนลี้ลับดึกดำบรรพ์ซึ่งแข็งแกร่งกว่าพื้นที่รอบนอกของเขตต้องห้ามเซียนอับโชคเป็นไหน ๆ
มีดเมื่อครู่ของเขาดูจะสังหารราชันแห่งภูมิในขอบเขตเดียวกันได้โดยง่าย
ทว่ายามนี้กลับถูกจักรพรรดิในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำอย่างซูอี้ทำลายลงได้!
“กฎมหาวิถีที่คนผู้นี้ใช้ดูจะมิใช่การเวียนวัฏ หรือ… เขาจะบรรลุวิถีใดที่แข็งแกร่งกว่าการเวียนวัฏด้วย?”
ขณะจินชื่อครุ่นคิด จากนั้นเขาก็มิลังเลที่จะโจมตีออกมาอีกครั้ง
เขาตั้งใจว่าจะฆ่าซูอี้เสียยามนี้ ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายมีชีวิตต่อ!
มหาสงครามอุบัติ
ซูอี้ถือดาบทะยานไปเบื้องหน้า ลำดาบตวัดโจมตี ปราณดาบทะลวงนภาดุจรุ้งแหวกสวรรค์ ทั้งแข็งแกร่งและอหังการ
เขามิได้ออมแรงใด ๆ
ความต่างชั้นในขอบเขตฝึกฝนสูงส่งเกินไป
แม้ว่าการฝึกฝนของเขาจะบรรลุสู่ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นสมบูรณ์แล้ว แต่เมื่อเทียบกับราชันแห่งภูมิในขอบเขตคืนสู่สามัญก็ยังคงแตกต่างกันสองขอบเขตใหญ่!
ทว่า นับแต่ที่เขามายังแดนลี้ลับดึกดำบรรพ์ เขาก็คิดหาวิธีจัดการกับศัตรูร้ายเยี่ยงจินชื่อไว้แล้ว
ดังนั้นยามเริ่มศึกชายหนุ่มจึงไร้ความลังเล
เปรี้ยง!
ทั่วฟ้าดินปั่นป่วน ปราณทำลายล้างคลั่งทั่วทศทิศ
จินชื่อกวัดแกว่งมีดทัณฑ์ล้างมาร หมายกำราบศัตรูลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทว่าเขาก็ต้องตะลึงเมื่อทุกการโจมตีของเขาล้วนถูกซูอี้ปัดป้องได้ทั้งสิ้น!
การวางตัวแข็งแกร่งนี้ทำให้จินชื่อสงสัยเล็กน้อย ว่าตกลงผู้ใดกันที่เป็นราชันแห่งภูมิในขอบเขตคืนสู่สามัญ ใครกันควบคุมกฎสวรรค์แดนดินนี้…
“หากไม่กำจัดคนผู้นี้ ปล่อยให้เขาหนีไปฝึกฝนในเส้นทางบททดสอบได้ เขาจะกลายเป็นเสี้ยนหนามในอนาคตของข้าแน่!”
จิตใจของจินชื่อเปี่ยมจิตสังหาร ลืมทุกสิ่งและลงมือทุ่มสุดตัว
ตู้ม!
กฎสวรรค์เดือดพล่าน ควบรวมเข้ากับมีดทัณฑ์ล้างมาร และอาวุธวิเศษนี้ก็ระเบิดแสงสีเลือดออกมาพร่างพราย ส่งวจีเยี่ยงเสียงบริกรรมแห่งทวยเทพ
และเมื่อมีดนี้ฟันลง
มันก็เหมือนคมมีดแห่งสวรรค์ตัดลงมาบนโลกา เปี่ยมด้วยอำนาจแข็งแกร่งร้ายกาจ
แทบในยามเดียวกัน ดวงตาของซูอี้ฉายจิตสังหาร
ตู้ม!
ปราณลึกลับเกินเข้าใจสายหนึ่งอุบัติขึ้นบนดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ กระทั่งวจีดาบยังเปลี่ยนไปเป็นหนักแน่นล้ำลึก
โลกหล้าสั่นสะเทือน
ทั่วทิศมืดหมอง
ศพบรรพกาลนับไม่ถ้วนห่างออกไปแข็งทื่อกับที่ราวกับตกตะลึง
ราวกับมิติเวลานิ่งกับที่ในชั่วพริบตา
ขณะนั้น จินชื่อขนลุกขนพอง
เขาตระหนักชัดเจนว่ายามนี้ กฎสวรรค์ที่เขาควบคุมถูกสะกดลงอย่างร้ายแรง!
ยิ่งกว่านั้น หัวใจยังสัมผัสได้ถึงวิกฤตร้ายแรง
แต่เขาไม่มีเวลาให้ครุ่นคิด สายเกินกว่าจะเปลี่ยนกิริยา
ดาบของซูอี้แหวกเวหามาแล้ว
ดาบนั้นดูราวจะอยู่เหนือการผันเปลี่ยนแห่งเวลา ทำลายกำแพงแห่งมิติ และเพียงหนึ่งวูบไหวเหนือนภา ปราณมีดสีทองก็สลายไปเยี่ยงกระดาษเปื่อย
ปลายมีดทัณฑ์ล้างมารซึ่งเป็นสมบัติวิเศษชั้นยอดถูกสะบั้นขาดอย่างง่ายดาย
และปราณดาบก็ยังฟาดเข้าใส่จินชื่อต่ออย่างไร้อุปสรรค
ฉัวะ!
โลหิตแดงฉานสาดกระเซ็น
แขนโชกเลือดข้างหนึ่งกระเด็นฝ่าเวหา
“ไยจึงเป็นเช่นนี้ได้!?”
เสียงกรีดร้องโหยหวนสะท้อนก้องจากระยะไกล
ปรากฏว่าในยามชี้วัดเป็นตาย จินชื่อได้เผ่นหนีเลี่ยงอันตรายไปไกลลิบตามสัญชาตญาณ
แต่ถึงเช่นนั้น แขนข้างหนึ่งของเขาก็ถูกสะบั้นขาด และจากแรงกระทบของภาวะดาบแรงกล้า ร่างของเขาก็ถูกผลกระทบจนแหลกร้าวเต็มไปหมด อวัยวะภายในล้วนบาดเจ็บหนัก
ต้องกล่าวว่าราชันแห่งภูมิในขอบเขตคืนสู่สามัญนั้นร้ายกาจนัก และยังเป็นตัวตนเหนือชั้นกว่าผู้อยู่ในขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงเป็นไหน ๆ
แม้เขาจะคิดหาวิธีรับมือยามเผชิญหน้ากับศัตรูไว้แล้ว แต่ปราณดาบเก้าคุมขังก็ยังไม่อาจสังหารจิงชื่อลงได้อยู่ดี
ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเพราะการฝึกฝนของเขายังไม่ถึงขั้น และพลังปราณยังมิอาจเล็งเป้าจินชื่อโดยตรงได้ อำนาจจิตวิญญาณจึงมิอาจสะท้านถึงเขาได้มากนัก
สิ่งนี้ทำให้จินชื่อโชคดีรอดไปได้
ทว่าอีกฝ่ายเองก็บาดเจ็บสาหัส และสำหรับซูอี้ นี่ก็มิต่างจากการลับคมดาบแต่อย่างใด
ซูอี้หาได้ชักช้า
ไม่ว่าจะเป็นการใช้แก่นแท้เวิ้งลึกล้ำหรือปราณดาบเก้าคุมขังก็กินพลังมหาวิถีที่เขาฝึกฝนไว้มากเกินไป
เรื่องสำคัญที่สุดคือ แม้ดาบนี้จะทำให้จินชื่อบาดเจ็บสาหัส แต่มันก็กระตุ้นความระแวงของอีกฝ่ายเช่นกัน ทำให้มิอาจเป็นการโจมตีกะทันหันได้อีก และต้องปราบอีกฝ่ายลงโดยเร็ว
วูบ!
ร่างของซูอี้วูบไหว เตรียมตวัดดาบเข้าใส่จินชื่อ
ทันใดนั้น หัวใจของเขาก็สั่นรุนแรง มิลังเลที่จะหลบไปด้านข้าง
ตู้ม!
ดาบบินสีม่วงเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในอากาศ จากนั้นมันก็ฟาดลงมา ปราณดาบเกินใดเทียบระเบิดพลุ่งพล่านดุจคลื่นน้ำ
ซูอี้ขมวดคิ้ว หากไหวตัวช้ากว่านี้สักนิด ดาบนี้จะฆ่าเขาได้!
ใครกันที่โจมตี?
โดยไม่รอให้ซูอี้ครุ่นคิด เสียงอสนีบาตพลันดังขึ้น แสงสีเงินเจิดจรัสพร่างพราวเยี่ยงธารดาราเก้าสวรรค์ปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน
มันเป็นตราประทับวิถีสีเงินชิ้นหนึ่งที่ร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว ป่นนภาดุจตราสะเทือนสวรรค์ ก่อให้เกิดความปั่นป่วนทั่วแดนดิน
ขณะเดียวกัน ระฆังสีครามใบหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในอีกทิศทาง ถล่มอากาศพลางเปล่งเสียงก้องกังวาน
คลื่นเสียงสีครามกวาดผ่านทั่วทิศเยี่ยงคลื่นทะเลคลั่ง
และดาบบินสีม่วงก็พลิ้วไหวหมุนคว้างบนอากาศ ฟาดฟันลงมาอีกครั้งด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อเยี่ยงเคลื่อนย้ายพริบตา!
เพียงพริบตา ซูอี้ก็ตกอยู่ในวงล้อม!
………………………………