บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1199: จะไปหรืออยู่ล้วนเกินขัดขวาง
ตอนที่ 1199: จะไปหรืออยู่ล้วนเกินขัดขวาง
เป็นค่ายสังหารซึ่งตระเตรียมมาอย่างดี!
เมื่อเขาตระหนักถึงเรื่องนี้ ซูอี้ก็ขมวดคิ้วน้อย ๆ จากนั้นก็ฟันออกไปสามดาบในพริบตา
ฟ้าดินพลันแปรปรวน ขณะที่มันทะยานผ่าน
ปราณดาบทั้งสามสายเหล่านี้ล้วนเปี่ยมด้วยพลังแก่นแท้เวิ้งลึกล้ำ ฟาดฟันออกไปในสามทิศทาง
เปรี้ยง!!!
ตราประทับวิถีสีเงินสะท้านสั่นรุนแรง แสงเพลิงลุกโชน ระฆังสีครามสั่นสะท้อนคลื่น จากนั้นก็หมุนคว้าง ก่อนเกิดรอยร้าวขึ้นจากดาบฟัน
ดาบบินสีม่วงถูกขวางไว้บนอากาศห่างออกไปสิบกว่าจั้ง มิอาจเคลื่อนไหวใด ๆ ได้
ฟิ้ว!
ร่างของซูอี้หายวับไปช่วงเวลานี้
อึดใจต่อมา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นห่างออกไปหลายร้อยจั้ง
กระบวนศึกตั้งแต่ต้นจนจบรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
หากปฏิกิริยาช้าไปเพียงเล็กน้อย ร่างของเขาคงได้แหลกสลายแน่ ๆ
ทว่าซูอี้ผู้มีสัญชาตญาณต่อสู้น่าหวาดหวั่นจบการต่อสู้เหล่านี้และทะยานออกจากวงล้อมได้ในพริบตา!
“นี่คือพลังต่อสู้ที่จักรพรรดิในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำมีได้หรือ?”
เสียงหนึ่งอุทานอย่างตกใจ
“บอกได้เลยว่าแม้หาในยามรุ่งโรจน์สุดขีดของภูมิดาราฟ้าดิน เราก็หาตัวตนขอบเขตจักรพรรดิเช่นนี้ไม่ได้หรอก…”
บางคนกระซิบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ยิ่งเป็นเช่นนั้นยิ่งต้องฆ่า!”
บางคนกรุ่นโทสะเปี่ยมจิตสังหาร
หนึ่งชายชราชุดสีเงินซึ่งมีดาบบินสีม่วงลอยอยู่ตรงด้านหน้า
หนึ่งชายร่างมอมแมมซึ่งถือตราประทับวิถีสีเงินในมือ
หนึ่งชายวัยกลางคนชุดเทาซึ่งมีระฆังวิถีสีครามลอยอยู่เหนือศีรษะ
พวกเขาทั้งสามคนล้วนเปี่ยมปราณแข็งแกร่งแห่งขอบเขตคืนสู่สามัญ พละกำลังเหนือชั้นและร้ายกาจ ปราณทั่วร่างกลมกลืนเป็นหนึ่งกับกฎสวรรค์ดุจสามนายเหนือแห่งแดนดินนี้!
ซูอี้มองปราดเดียวก็ตัดสินได้ว่าทั้งสามล้วนแต่เป็นเพชฌฆาตในแดนลี้ลับดึกดำบรรพ์มิต่างกับจินชื่อ!
ตู้ม!
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทะยานสู่เวหา แสงจากสมบัติทะลวงนภา
ราวกับกลัวซูอี้จะหนี สามเพชฌฆาตจึงต่างใช้สมบัติตนเข้าโจมตีซูอี้อีกครั้งอย่างเฉียบขาด ไร้การรีรอ
ทว่าซูอี้หาได้หลบหนีไม่
การรวมพลเช่นนี้ยังห่างไกลเกินกว่าจะทำให้เขากลัว
ตู้ม!
เสียงดาบคร่ำครวญเยี่ยงกระแสน้ำ
ร่างของซูอี้พุ่งแหวกอากาศ ตวัดดาบฟาดฟัน
ทว่าครานี้ เขาไม่ได้ใช้พลังจากดาบเก้าคุมขัง
เมื่อเขาฝึกฝนมาถึงขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นสมบูรณ์ ปราณดาบเก้าคุมขังที่เขาสามารถใช้ได้ก็ทะยานพุ่งเกินขีดจำกัดเดิมอย่างมหาศาล
แต่การกลืนกินพลังมหาวิถีของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
หากมิใช่วิกฤตชี้วัดเป็นตาย การใช้พลังของดาบเก้าคุมขังย่อมส่งผลร้ายมากกว่าดี
ยิ่งมิต้องพูดถึงว่าการใช้แก่นแท้เวิ้งลึกล้ำเองก็กินพลังสูงยิ่ง…
มหาสงครามอุบัติ
ซูอี้รับมือเพชฌฆาตทั้งสามคนโดยลำพัง การประชันดุเดือดเลือดพล่าน
ทั่วฟ้าดินถล่มทลาย แดนดินทั่วสารทิศแตกร้าว มองแล้วดูเหมือนหายนะในวันสิ้นโลก
เพียงพริบตา ร่างของซูอี้ก็บาดเจ็บอาบเลือด สถานการณ์ของเขาแปรเปลี่ยนสู่อันตราย
การฝึกฝนของคู่ต่อสู้สูงเกินไป!
ยามสามราชันแห่งภูมิในขอบเขตคืนสู่สามัญร่วมมือกัน ฝีมือของพวกเขาล้วนร้ายกาจเหนือจินตนาการ
แม้ว่าจะสามารถใช้แก่นแท้เวิ้งลึกล้ำเข้าขวางอำนาจกฎสวรรค์ที่อีกฝ่ายควบคุมได้ แต่ความแข็งแกร่งก็ยังแตกต่างมากเกินไปอยู่ดี
“เขาบาดเจ็บแล้ว!”
“ต้องไม่ให้โอกาสพักหายใจ!”
ดวงตาของเพชฌฆาตทั้งสามวาวโรจน์ การโจมตีดุดันขึ้นทุกขณะ
ซูอี้อดหัวเราะมิได้
แค่แผลถลอกเช่นนี้ก็ดีใจกันแล้วหรือ?
เปรี้ยง!
โลกาพลิกตาลปัตร ตะวันจันทราดับแสง
สถานการณ์ศึกเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ซูอี้ถูกกดดันเสียจนเผยสัญญาณราง ๆ ว่าจะไม่อาจทนต่อไหว
ทว่าจิตวิญญาณของเขากลับยิ่งลุกโชนเปี่ยมชีวา เดือดพล่านเยี่ยงอัคคี!
เลือดเนื้อ เส้นปราณ จุดชีพจร อวัยวะภายใน พลังปราณ จิตวิญญาณ… ทุกสิ่งล้วนเหมือนผ่านบททดสอบนับพัน
ราวกับแก่นดาบซึ่งถูกตีอย่างต่อเนื่องอยู่ในเตาหลอม สิ่งแปลกปลอมถูกกำจัด แก่นแท้เรืองรองบริสุทธิ์ และศักยภาพก็ถูกขัดเกลาเพิ่มขีดจำกัดขึ้นเรื่อย ๆ
“ยังไม่พอ ต้องแย่ลงกว่านี้หน่อย ขาดความระทึกจากความเป็นความตายไป…”
ในศึก ซูอี้รู้สึกอย่างชัดเจนว่าศักยภาพจากส่วนลึกที่สุดของเขากำลังถูกปลุก
ทว่านั่นยังไม่พอ!
เวลาต่อมา ซูอี้ลงมือดุเดือดยิ่งขึ้น แม้จะบาดเจ็บกว่าเก่า แต่ก็ไม่เคยสะทกสะท้าน ราวกับลืมสิ้นความเป็นความตาย
ลืมวันคืน ฟ้าดินและตัวตน!
กายใจ วิถีดาบ จิตวิญญาณ… ทุกสิ่งล้วนจดจ่อกับศึกเปี่ยมอันตรายร้ายกาจนี้
ไม่นานนัก…
เพชฌฆาตทั้งสามคนล้วนผงะอึ้ง ความประหลาดใจปราากฏขึ้นบนสีหน้าของพวกเขา
ภายใต้การโจมตีประสานของพวกเขา ซูอี้ก็บาดเจ็บโลหิตชุ่มอาภรณ์เขียว หากเปลี่ยนเป็นตัวตนอื่น ๆ คงไร้หนทางรอดไปนานแล้ว
ทว่าซูอี้กลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
เขาบาดเจ็บสาหัสมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่จิตวิญญาณของเขากลับเรืองฤทธิ์ขึ้นทุกชั่วขณะ จิตต่อสู้ไม่สั่นคลอนเลย
ดุจดาบที่ถูกตีขึ้นผ่านโลหิตและเปลวเพลิง
หากทนการขัดเกลามิได้ มันก็จะแหลกสลาย
หรือไม่เช่นนั้นก็เกิดใหม่ แปรเปลี่ยนเป็นอาวุธวิเศษ!
“หรือคนผู้นี้จะยืมมือเราเพื่อปลุกศักยภาพ หาโอกาสเสริมความแข็งแกร่งของตนเอง ขณะรอขึ้นเป็นราชันแห่งภูมิกัน?”
ชายชราชุดสีเงินขมวดคิ้ว คาดการณ์เบาะแสได้บางอย่าง
“ชนะให้ไว อย่าให้โอกาสเขาดิ้นรนอีก!”
ชายมอมแมมตวาดลั่น ขณะปลดปล่อยจิตสังหารอันพลุ่งพล่าน ดวงตาของเขาวาวโรจน์ดั่งสายฟ้า
“ระวังไม้ตายสังหารของเขาด้วย! มันร้ายแรงพอจะผ่ากฎสวรรค์ เป็นอันตรายถึงตายต่อพวกข้าได้!”
จินชื่อผู้กำลังเยียวยาตนเองกล่าวเตือนเสียงดังจากระยะไกล
เขาบาดเจ็บสาหัสจากดาบของซูอี้ก่อนหน้านี้ และบทเรียนนองเลือดนี้ทำให้เขารู้ว่าหากซูอี้ต่อสู้กลับอย่างจนมุม ผลลัพธ์จะเกินความคาดหมายไปมากทีเดียว!
“ได้!”
ชายวัยกลางคนในชุดเทากัดฟันอย่างแรง ขณะออกเคล็ดวิชาหนึ่ง ระฆังวิถีสีครามขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า จากนั้นก็พุ่งเข้าไปเหมือนจะครอบซูอี้ไว้
ขณะเดียวกัน ชายชราชุดสีเงินและชายมอมแมมต่างก็ออกไม้ตายสังหารของตน
ตู้ม!
เพียงพริบตานั้น ภัยถึงตายอย่างร้ายแรงดุจคมดาบจ่อคอก็กระตุ้นจิตใจและวิญญาณของซูอี้ สร้างเป็นความรู้สึกขนลุกขนพอง
ศักยภาพจากในกายของเขาดูจะหลั่งรินออกมาดุจธารล้นเขื่อน
ทว่ายามนี้ก็ยังอันตรายถึงขีดสุดอีกด้วย
ภัยคุกคามถึงตายนั้นเหนือล้ำมาก
ซูอี้ใช้ปราณดาบเก้าคุมขังออกมาทันทีโดยไม่ลังเล
ตู้ม!
ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์กู่คำรามขณะฟาดออกไปตามแนวขวาง
เพียงพริบตา ทั่วอาณาบริเวณก็หม่นแสง ทั่วฟ้าดินเงียบสงัดไร้วจี
เปรี๊ยะ!
ตราประทับสีเงินแยกเป็นเสี่ยง
เปรี้ยง!!!
ดาบบินสีม่วงถูกฟาดกระเด็นไปบนอากาศ ใบดาบบิดหักดุจถูกบดขยี้
เหง่งหง่าง!
ระฆังสีครามสั่นสะท้านรุนแรง จากนั้นก็สลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ขณะเดียวกัน เพชฌฆาตทั้งสามคนต่างบาดเจ็บสาหัส ร่างของพวกเขากระเด็นอย่างรุนแรง สภาพไม่อาจดูได้
แม้จินชื่อจะเตือนพวกเขาแล้ว แต่เมื่อสัมผัสกับอำนาจดาบนี้ เพชฌฆาตเหล่านั้นก็ยังตกตะลึงอยู่ดี
เพียงดาบเดียว สถานการณ์ก็กลับตาลปัตร กระบวนท่าสังหารนี้ร้ายกาจยิ่งนัก!
ตู้ม!
ซูอี้ฟันดาบพลางเดินไปเบื้องหน้า
พลังมหาวิถีของเขาใกล้แห้งเหือด บาดแผลสาหัส และต้องสังหารศัตรูโดยเร็วที่สุด
“ซ่อนเสีย!”
จินชื่อตวาดลั่น
มิต้องให้เขาเตือน เพชฌฆาตทั้งสามคนก็สังเกตเห็นความผิดปกติแล้วหลบลี้ไปไกลก่อนแล้ว
ทว่าซูอี้หรือจะให้โอกาสพวกเขา?
จากนั้นเขาก็ฟาดฟันหนึ่งดาบไปในอากาศ
ตู้ม!
ฟ้าดินถูกฉีกกระชากราวผืนผ้าใบ รอยร้าวปรากฏเป็นเส้นตรง มิติอากาศพังทลาย
แทบจะในทันทีหลังจากนั้น เสียงกรีดร้องอย่างขื่นขมก็ดังขึ้น
ร่างของชายวัยกลางคนในชุดสีเทาถูกดาบตัดแยกเป็นสอง สลายเป็นเถ้าถ่าน เหลือเพียงจิตวิญญาณพุ่งหนี ทว่ามันก็บาดเจ็บสาหัสจากปราณดาบแทบแหลกสลายเช่นกัน
บาดแผลของเขาสาหัสเกินไป มันดูราวกับเปลวเทียนต้องลม ที่พร้อมดับลงได้ทุกเมื่อ!
เพชฌฆาตคนอื่นล้วนหวาดผวาจนร่างเย็นเฉียบ
นี่มันพลังอันใดกัน?
ร้ายกาจมากเกินไปแล้ว!!
แต่ซูอี้ไม่ได้เหลือบมองด้วซ้ำ ทั้งยังลงมือโจมตีอีกครั้ง
ทว่าขณะที่ร่างของเขายังเคลื่อนไปได้ครึ่งทาง การเปลี่ยนแปลงหนึ่งพลันเกิดขึ้นฉับพลัน
ตู้ม!
รุ้งทิพย์ตระการตาเจิดจรัสพลันปรากฏขึ้นรอบกายเขา จากนั้นมันก็แปรเปลี่ยนเป็นตาข่ายปากกว้าง ก่อนจะครอบลงมา
ม่านตาของซูอี้หดตัวเล็กน้อย จากนั้นก็ฟาดฟันดาบทำลาย
ตาข่ายรุ้งทิพย์แหลกสลายเป็นพิรุณแสง
ทว่าแทบจะในเวลาเดียวกัน กระสวยอันเกือบโปร่งใสที่มีขนาดเจ็ดชุ่นก็พุ่งทะยานมาจากอากาศและระเบิดออก
ทุกสิ่งนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป จนซูอี้ไม่มีทางรับมือทัน ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงต้องหลบตามสัญชาตญาณ
เปรี้ยง!
บุปผาโลหิตผลิบานขึ้นบนเวหา
อกของซูอี้ถูกทะลวงเป็นรู ร่างของเขาซวนเซไปหลายก้าว
ความเจ็บปวดแล่นริ้วผ่านร่าง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาพลันซีดขาว
ภายใต้ท้องนภาที่ไกลออกไป หนึ่งหญิงหนึ่งชายปรากฏขึ้นเคียงข้างกัน
ฝ่ายชายมีรูปร่างสูงทับด้วยอาภรณ์โบราณ บนศีรษะสวมมงกุฎ
ฝ่ายสตรีสวมชุดกระโปรงสีเขียวและสวมมงกุฎบนศีรษะ กระสวยยาวเจ็ดชุ่นลอยอยู่ตรงหน้านาง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งสองคือผู้ลงมือโจมตีซูอี้เมื่อครู่
และเมื่อเห็นเช่นนี้ พวกจินชื่อก็ถอนหายใจโล่งอก
“ที่แท้เพชฌฆาตทั้งหกก็มารวมตัวกันหมดแล้ว”
ซูอี้กระซิบ
เขาในยามนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และอกก็ถูกทะลวงเป็นรูชุ่มเลือดน่าใจหาย
กระทั่งดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ในมือยังมีรอยร้าวแผ่ทั่วเยี่ยงใยแมงมุม มันใกล้สะบั้นลงทุกขณะ
ทันใดนั้น ริมฝีปากของเขาก็เหยียดยิ้มเย็นชา “ทว่า เท่าที่ข้าใส่ใจ จุดประสงค์ของศึกนี้ก็ลุล่วงแล้ว เพื่อตอบแทน รอบหน้าที่ข้าได้พบพวกเจ้า ข้าจะส่งพวกเจ้าสู่โลกหน้าด้วยตนเอง”
ดวงตาของเขาลึกล้ำสุขุม น้ำเสียงเรียบรื่นดุจสายลมโชย
ทว่าความหมายของมันชวนหนาวเยือก
เหล่าเพชฌฆาตล้วนดูจะตระหนักบางเรื่องขึ้นได้ ใบหน้าของพวกเขาล้วนเปลี่ยนสี และไม่ลังเลที่จะลงมือ!
ตู้ม!
ทั่วฟ้าดินสะเทือนและปั่นป่วน อำนาจกฎสวรรค์ร่วงหล่นเยี่ยงน้ำตก ปกคลุมทั่วแดนจรดสวรรค์
ทว่าทุกการโจมตีนี้ล้วนไร้ผล
ร่างของซูอี้หายวับไปในพริบตาราวกับระเหิดสู่อากาศธาตุ
“บ้าเอ๊ย!!!”
จินชื่อคำรามอย่างเดือดดาล เขากัดฟันกรอด สีหน้าในยามนี้เปี่ยมความมิยินยอม
“ก่อนหน้านี้ ไม่มีผู้ใดคาดเลยว่าเขาจะหยุดกฎสวรรค์ที่เราควบคุมได้…”
สีหน้าของชายชราชุดสีเงินดูเคืองแค้น
เหล่าผู้ขัดเกลามีป้ายประกาศิตฟ้าดินสิบแปดชิ้นในมือ ซึ่งสามารถส่งพวกเขาสู่เส้นทางบททดสอบได้ทันที!
แต่เดิม เหล่าเพชฌฆาตได้ควบคุมกฎสวรรค์เพื่อไม่ให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น
ทว่าพวกเขาไม่คาดว่าซูอี้จะผ่ากฎสวรรค์หนีไปได้!
“ก่อนหน้านี้ เราทุ่มกำลังสุดฝีมือแล้ว แต่อำนาจต่อสู้ของคนผู้นี้น่ากลัวมาก เขาทำลายวงล้อมและทำให้เราได้รับบาดเจ็บสาหัสในพริบตา และมอบโอกาสให้เขาหนีไปได้”
วิญญาณของชายวัยกลางคนชุดเทาทอดถอนใจ
ร่างของเขาถูกทำลาย วิญญาณบาดเจ็บสาหัส แต่ก็สามารถหนีความตายได้อย่างเฉียดฉิว และยามเขาพูดเรื่องนี้ออกมา เขาก็ยังดูหวาดกลัว
สตรีชุดเขียวสวมมงกุฎที่อยู่ไกลออกไปพลันแย้มยิ้ม และกล่าวว่า “พวกเจ้ามิต้องโกรธเคืองไปหรอก คนผู้นั้นบาดเจ็บสาหัส และยังถูก ‘กระสวยสะบั้นเทพ’ ของข้าทะลวงเข้าที่อก ต่อให้ออกเดินทางในเส้นทางบททดสอบ เขาก็ย่อมอยู่ได้อีกไม่นาน”
“หากไม่มีสิ่งใดเป็นอื่น เขาจะตายในเส้นทางบททดสอบแน่นอน!”
………………………………