บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1201: รางวัลที่เกินความคาดหมาย
ตอนที่ 1201: รางวัลที่เกินความคาดหมาย
ดวงตาสว่างสดใสของนกกระจอกวิญญาณกลมดิก
บังอาจถึงขั้นพูดว่าท่านมหาเทพก็ยังไม่สามารถกระทบกระเทือนสภาพจิตใจของเจ้าได้เช่นนั้นหรือ?
โอหังมาก!
ยโสมาก!
อหังการมาก!
เมื่อสูดหายใจลึก ๆ ทีหนึ่งแล้ว นกกระจอกวิญญาณก็ยกกรงเล็บข้างหนึ่งขึ้น ชี้ไปที่ศิลาถามใจที่อยู่ห่างออกไป และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “เมื่อไรที่เจ้าขึ้นเป็นที่หนึ่งแล้ว ข้าค่อยมาฟังเจ้าพูดโม้!”
ซูอี้ “…”
เขายกกาสุราขึ้นดื่มไปอึกหนึ่ง “ถ้าเช่นนั้นพักเรื่องเหล่านี้ไว้ก่อน เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าหนทางแห่งการทดสอบนี้มีด้วยกันทั้งหมดกี่ด่านย่อยกันแน่?”
เสียงของนกกระจอกวิญญาณกลับมาราบเรียบดังเดิม “ด่านที่หนึ่งถามใจ ด่านที่สองพินิจปัญญา ด่านที่สามแต้มดารา ด่านที่สี่วาสนา”
ตามที่มันบอกมา ด่านถามใจทดสอบสภาพจิตใจ
ด่านพินิจปัญญาทดสอบความเข้าใจหยั่งรู้
ด่านแต้มดาราทดสอบการควบคุมมหาวิถี
ด่านวาสนาหยั่งยากที่สุด เพราะมันให้ความสำคัญต่อบุญวาสนา
เมื่อรับรู้ถึงสิ่งเหล่านี้แล้ว ซูอี้คิดสักครู่ จากนั้นจึงถามอีก “ผู้แข็งแกร่งที่ผ่านการทดสอบทั้งสี่ด่านของหนทางแห่งการทดสอบแล้ว จะได้รับโอกาสอันใดกันแน่?”
นกกระจอกวิญญาณกล่าว “ครั้งแรกสุดเมื่อโบราณกาล เทพเซียนจำนวนหนึ่งที่อยู่ภายใต้การนำของท่านมหาเทพต่างเก็บรักษาของสืบทอดของตัวเองไว้ในที่แห่งนี้ เพื่อรอคนที่มีบุญวาสนา”
“นอกจากนี้แล้ว ผู้เข้าทดสอบที่ผ่านการทดสอบยังสามารถเข้าสู่ ‘เขตหวงห้ามสมุทรฮุ่นตุ้น’ เพื่อฝึกตนได้”
เขตหวงห้ามสมุทรฮุ่นตุ้น!
ทะเลที่เกิดจากการรวมตัวกันของพลังแหล่งกำเนิดฮุ่นตุ้นของภูมิดาราฟ้าดิน!
หรือกล่าวได้อีกอย่างว่า เขตหวงห้ามสมุทรฮุ่นตุ้นที่ว่านั้นแท้จริงแล้วก็คือพลังแหล่งกำเนิดฮุ่นตุ้นที่เก็บรักษาไว้ในเขตต้องห้ามเซียนอับโชคเมื่อแรกเริ่มสุด!
ตาของซูอี้สว่างวาบ
สาเหตุที่เขาบุกทะลวงเขตต้องห้ามเซียนอับโชคก็เพื่อสิ่งนี้
นกกระจอกวิญญาณสบถกล่าว “เจ้าจงอย่าดีใจเร็วเกินไปนัก ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีใครสามารถผ่านหนทางแห่งการทดสอบไปได้แม้แต่คนเดียว!”
“แม้แต่คนเดียวก็ยังไม่มีเลยหรือ?”
ซูอี้ตะลึง
นกกระจอกวิญญาณกล่าว “ไม่ผิด อย่าว่าแต่ผ่านด่านได้สำเร็จเลย ในช่วงเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยมีใครไปถึงด่านที่สี่ ทุกคนล้วนหยุดที่หน้าด่านที่สามทั้งสิ้น”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ มันก็หยุดพูดไปครู่ จากนั้นจึงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเนิบช้า “ดังนั้น เจ้าอย่าได้อหังการให้มากนัก สงบเสงี่ยมไว้บ้าง เวลาที่ชนกำแพงขึ้นมาจะได้ไม่อับอายขายหน้ามากเกินไป”
ซูอี้หัวเราะขึ้นมา
เขามองออกว่านกกระจอกวิญญาณตัวนี้มีอคติกับตัวเองอย่างแรง!
เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ถือสาเอาความกับนกกระจอกน้อยที่กลายร่างมาจากกฎเกณฑ์ตนนี้
“ใช่แล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”
ซูอี้คิดสักครู่ ก่อนกล่าวขึ้น “ช่วงระยะนี้ มีผู้แข็งแกร่งจากจักรวาลพร่างดาวอื่น ๆ ทำการฝ่าด่านในที่แห่งนี้ใช่หรือไม่?”
เขารู้มาจากเมิ่งฉางอวิ๋นก่อนหน้านี้ว่า ในบรรดาผู้แข็งแกร่งจากห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวที่เข้ามาในเขตต้องห้ามเซียนอับโชคเมื่อครึ่งปีก่อน มีอยู่สี่คนที่เก็บรวบรวมป้ายฟ้าดินมาได้มากพอจนเข้าสู่หนทางแห่งการทดสอบได้
สี่คนนี้คือผู้บวงสรวงเฒ่าของโรงวาดฤทัย
จ้าวเรือนจำที่สองแห่งหอเก้าสวรรค์
จ้าวตำหนักดาราแห่งลัทธิทางช้างเผือก
และผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิ!
นกกระจอกวิญญาณอดพินิจมองซูอี้อย่างจริงจังไม่ได้ ก่อนจะกล่าวออกมา “เจ้าตอบข้ามาก่อน ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ สภาพจิตใจของเจ้าไม่ได้รับความกระทบกระเทือนเลยจริง ๆ หรือ?”
เพิ่งพูดจบ ศิลาถามใจที่อยู่ห่างออกไปได้เกิดความเคลื่อนไหว ประกายแสงส่องสว่าง แสงสีทองอร่ามปรากฏขึ้นในตำแหน่งอันดับที่สิบบนศิลาถามใจ
นกกระจอกวิญญาณเชื่อจริง ๆ แล้วว่าสภาพจิตใจของซูอี้ไม่ได้รับความกระทบกระเทือน และซูอี้ก็ไม่ได้พูดพร่ำเพรื่อด้วย
ไม่เช่นนั้น ผลการทดสอบของเขาคงไม่ปรากฏอยู่บนป้ายศิลาถามใจ อีกทั้งยังผุดขึ้นไปอยู่ตำแหน่งอันดับที่สิบเสียด้วย!
“ก่อนหน้านี้ไม่นาน มีราชันแห่งภูมิจากห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวสี่ท่านเข้ามายังหนทางแห่งการทดสอบจริง”
นกกระจอกวิญญาณกล่าว “ในสี่คนนั้น มีสามคนอยู่ในขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงขั้นปลาย อีกคนหนึ่งอยู่ในขอบเขตคืนสู่สามัญขั้นต้น”
“ในจำนวนนั้น มีสองคนตกรอบไปตอนถึงด่านที่สอง”
“อีกสองคนที่เหลือกำลังทำการทดสอบในด่านที่สาม ถึงตอนนี้เป็นเวลาใกล้จะครบหนึ่งเดือนแล้ว จากที่ข้ามอง สุดท้ายพวกเขาก็ต้องตกรอบอยู่ดี”
ซูอี้พยักหน้า
ถัดมา เขาก็สอบถามถึงบางเรื่องอีก
นกกระจอกวิญญาณก็ตอบทั้งหมดตามที่รู้
ซูอี้ก็ได้รู้บางเรื่องที่น่าสนใจอย่างรวดเร็ว
ผู้รับการทดสอบที่ตกรอบ จะถูกปฏิบัติแตกต่างกันไป!
อย่างเช่นผู้รับการทดสอบที่มาจากภูมิดาราฟ้าดิน ต่อให้ตกรอบไปแล้ว ขอเพียงยินยอม ก็จะมีโอกาสได้รับความเห็นชอบจากผู้บัญชาการสักการะ กลายเป็นผู้รักษาวิถี คุ้มครองเขตต้องห้ามส่วนในของเขตหวงห้ามสมุทรฮุ่นตุ้น
แต่ผู้รับการทดสอบจากห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวไม่ได้โชคดีเช่นนี้ จึงทำได้เพียงออกไปจากแดนลี้ลับดึกดำบรรพ์เอง
ทว่าผู้รับการทดสอบเหล่านี้ล้วนตายกันไปเกือบหมดแล้ว
สาเหตุนั้นง่ายนิดเดียว แดนลี้ลับดึกดำบรรพ์มีดินแดนต้องห้ามที่เรียกได้ว่าอันตรายร้ายแรงอยู่มากมาย!
อย่าว่าแต่ราชันแห่งภูมิทั่วไปเลย แม้กระทั่งตัวตนในขอบเขตคืนสู่สามัญก็ยังไม่รอด
นี่คือการถูกปฏิบัติที่แตกต่างกัน
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมองออกว่าภูมิดาราฟ้าดินในตอนนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองเพียงไหน ราชันแห่งภูมิของหมู่ดาราอื่น ๆ แทบไม่อยู่ในสายตา
แดนต้องห้ามที่ผู้รักษาวิถีปกปักคุ้มครองคือศูนย์กลางภัยพิบัติลึกลับครั้งยิ่งใหญ่ที่ปะทุขึ้น ตั้งอยู่ในเขตหวงห้ามสมุทรฮุ่นตุ้น
แต่เสียดาย นกกระจอกน้อยไม่ยอมพูดถึงเรื่องนี้มากนัก
ทว่ามันกลับพูดขึ้นมาว่า ในช่วงเวลายาวนานที่ผ่านมา ผู้แข็งแกร่งที่กลายเป็นผู้รักษาวิถีมีด้วยกันนับร้อยคน
ในจำนวนนับร้อยคนนี้ แรกสุดส่วนใหญ่เป็นจักรพรรดิ แต่หลังจากที่กลายเป็นผู้รักษาวิถีแล้ว พวกเขาก็ได้ฝึกตนอยู่ในเขตหวงห้ามสมุทรฮุ่นตุ้นนานวันเข้า จนถึงตอนนี้ จักรพรรดิเหล่านั้นส่วนใหญ่ล้วนพิสูจน์เต๋าสู่ขอบเขตราชันแห่งภูมิกันหมดแล้ว!
คนที่ไม่แสวงวิถีสู่ขอบเขตราชันแห่งภูมิ มีเพียงแค่สามสิบกว่าคนเท่านั้น
ได้รู้เช่นนี้แล้ว ซูอี้ถึงกับตระหนก
ผู้รักษาวิถีนับร้อยคน มีหกสิบกว่าคนอยู่ในขอบเขตราชันแห่งภูมิ!!
เป็นตัวเลขที่น่ากลัวมาก!
ทว่าซูอี้ก็ได้รู้อย่างรวดเร็วว่า ผู้รักษาวิถีที่ยังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้เหลือเพียงแค่สิบสามคนเท่านั้น!
ผู้รักษาวิถีคนอื่นต่างต้องจบชีวิตลงระหว่างปะทะกับภัยพิบัติลึกลับร้ายแรงในครั้งนั้นเมื่อนานมากแล้ว
ซูอี้อดตื่นตระหนกไม่ได้
จนถึงตอนนี้พลังภัยพิบัติลึกลับร้ายแรงในครั้งนั้นก็ยังไม่สูญหายไป?
ช่างน่าประหลาดเสียเหลือเกิน
เวลาผ่านไปสามชั่วยามเต็ม ๆ
ผลงานการผ่านด่านของซูอี้พุ่งทะลุไปอยู่อันดับที่หนึ่งบนแผ่นศิลาถามใจนานแล้ว!
นกกระจอกวิญญาณตัวนั้นตัวแทบชา ไม่อาจใช้คำพูดใดพรรณาความตื่นตะลึงและไม่เข้าใจของมันได้
“เจ้าเป็นที่หนึ่งแล้ว สามารถออกไปได้แล้ว”
นกกระจอกวิญญาณพูดด้วยน้ำเสียงสับสน ดูเหมือนเศร้า อาวรณ์ และได้รับความสะเทือนใจอย่างแรง
“รออีกสักหน่อย”
ซูอี้กล่าว บาดแผลบนตัวเขายังไม่หายสนิท
“ใช่แล้ว รางวัลเล่า?”
ซูอี้นึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง ติดสามอันดับแรกได้ จะได้รับรางวัลจากท่านมหาเทพเป็นการพิเศษ!
กระจอกน้อยกล่าวพลางชี้ไปที่ศิลาถามใจ “เดินไปข้างหน้า สลักชื่อของเจ้าลงบนตำแหน่งอันดับหนึ่ง ก็จะได้รับรางวัล”
หลังจากครึ่งเค่อผ่านไป
บาดแผลบนตัวซูอี้หายสนิท ระดับการฝึกตนในตัวบรรลุถึงขั้นสูงสุด
อีกทั้ง เขายังรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหลังจากผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดก่อนหน้านี้แล้ว ศักยภาพในตัวของเขาได้ถูกปลุกให้ตื่น และบรรลุสู่ขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสมบูรณ์อย่างไร้ช่องโหว่
ขอเพียงเขาพอใจ ย่อมสามารถแสวงวิถีพิสูจน์เต๋าสู่ขอบเขตราชันแห่งภูมิได้ทุกเวลา!
ซูอี้ลุกขึ้น ก้าวเดินมาอยู่ตรงหน้าแผ่นศิลาถามใจแผ่นนั้น ใช้ปลายนิ้วสลักอักษรตรงตำแหน่งอันดับที่หนึ่ง
‘ซูอี้!’
เพียงแค่สองคำสั้น ๆ ดุดัน มีเอกลักษณ์
หมอกไอคลุมเครือวนเวียนรอบศิลาถามใจ จากนั้นสะเก็ดแสงดังเซียนโบยบินก็ปรากฏขึ้นมา มันยกกล่องโลหะที่ปิดผนึกให้ลอยขึ้น
นี่ก็คือรางวัลที่ท่านมหาเทพมอบให้อย่างไม่ต้องสงสัย!
ซูอี้ยื่นมือไปรับ พอสะบัดปลายนิ้ว ตราปิดผนึกของกล่องโลหะก็เลือนหายไป เมื่อเปิดออกดู ผลเซียนท้อแดงสดผลหนึ่งวางอยู่ในกล่องโลหะ
ผลเซียนท้อมีขนาดเท่ากับกำปั้น ส่องประกายระยิบระยับ มีกลิ่นหอมซาบซ่านถึงหัวใจ บนเปลือกยังมีสะเก็ดแสงเปล่งประกาย ภาพมหัศจรรย์ปรากฏขึ้นมาหลาย ๆ ภาพ
มีภาพแดนเซียนงดงาม กลุ่มเซียนสังสรรค์ เทพเต่าบรรเลงดนตรี นางฟ้าโปรยพฤกษา ดอกบัวสีทองผุดขึ้นกลางดิน…
ซูอี้ตื่นตะลึง “หรือว่านี่จะเป็นผลท้อที่เล่าลือกัน?”
นกกระจอกวิญญาณก็ตะลึงเช่นกัน มันพึมพำราวกับไม่อยากจะเชื่อ “ที่แท้ก็เป็นความจริง ท่านมหาเทพเก็บรักษาโอสถเซียนแห่งโลกกว้างนี้เป็นรางวัลของด่านถามใจจริง ๆ”
มันดูตื่นตะลึงมากจนจิตใจแทบกระเจิง
เมื่อก่อนหน้านี้ แม้กระทั่งนกกระจอกวิญญาณตัวนี้ก็ยังไม่มั่นใจว่าท่านมหาเทพจะเก็บรักษาโอสถเซียนแห่งโลกกว้างเช่นนี้ไว้ที่ด่านถามใจ!
หลังจากนิ่งเงียบไปนาน นกกระจอกวิญญาณจึงกล่าวขึ้นว่า “โอสถเซียนนี้สามารถเรียกได้ว่าผลท้อ เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ปฐมสวรรค์ที่ท่านมหาเทพเด็ดมาจากแหล่งกำเนิดคลุมเครือฟ้าดิน มีมูลค่าประมาณไม่ได้ ราชันแห่งภูมิคนใดที่ได้เห็นล้วนต้องน้ำลายไหล”
“ตามที่ท่านมหาเทพเคยกล่าวไว้ในตอนนั้น ผลท้อนี้มีคุณประโยชน์ในการฝึกฝนขัดเกลาสภาพจิตใจ สร้างความแข็งแกร่งให้กับจิตวิญญาณ หากกินเข้าไปตอนที่บรรลุขอบเขตใหญ่ สามารถหล่อหลอมรากฐานมหาวิถีที่เทียบเท่ากับ ‘รากแห่งฟ้าดิน’ ได้!”
ซูอี้ตื่นตะลึงมาก
ผู้ใดที่มิได้ฝึกฝนอย่างแท้จริง จะมิอาจรับรู้ได้
สรรพสิ่งเกิดจากวิถี วิถีคือรากฐานแห่งฟ้าดิน!
ในสามขอบเขตใหญ่สู่สวรรค์ การหล่อหลอม ‘รากฐานแห่งฟ้าดิน’ คือสิ่งที่ราชันแห่งภูมิล้วนแสวงหา!
และผลท้อผลนี้สามารถช่วยผู้ฝึกตนหล่อหลอมรากฐานแห่งฟ้าดิน สิ่งนี้เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่มากถึงเพียงใด!
“เพียงแค่ผลนี้ผลเดียว?” ซูอี้อดถามไม่ได้
นกกระจอกวิญญาณกล่าวเสียงค้อน “อย่างเซียนท้อผลนี้ หากว่าอยู่ในภูมิดาราฟ้าดินยุคแรกเริ่ม ถือเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์หายาก แทบจะมีแต่ในตำนาน ได้มาเพียงผลเดียวถือเป็นบุญกุศลที่เจ้าสร้างมาในแปดชาติสิบภพ!”
นิ่งเงียบไปชั่วครู่ มันก็เบะปากพลางกล่าว “แม้กระทั่งข้าก็ยังคิดไม่ถึงว่า ท่านมหาเทพจะเอาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ออกมาเป็นรางวัลในการทดสอบด่านผ่านใจ จริง ๆ เลย… เฮ้อ…”
มันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“บุญกุศลที่สร้างมาในแปดชาติสิบภพ?”
ซูอี้หัวเราะขึ้นมา เพียงแค่ผลเซียนท้อผลหนึ่งเท่านั้น แม้จะหายากก็จริง แต่ก็แค่ทำให้ราชันแห่งภูมิเหล่านั้นรู้สึกอิจฉาจนน้ำลายไหลเท่านั้น
“ด่านที่สองคือพินิจปัญญา เมื่อไรที่เจ้าผ่านด่านแล้ว ข้าจะปรากฏตัวมาพบกับเจ้าเอง”
นกกระจอกวิญญาณพูดจบก็กระพือปีกหายวับไป
จากนั้น ฟ้าดินก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ป้ายศิลาถามใจเลือนหายไป สะเก็ดแสงระยิบระยับเปล่งประกาย พาซูอี้บินทะยานสู่หนทางแห่งการทดสิบที่ปูลาดด้วยสายรุ้งเทวะ
ตลอดทาง ราวกับอยู่ในกาลเวลาที่เคลื่อนตัว สะเก็ดแสงเคลื่อนผ่าน ดาราเคลื่อนคล้อย
เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าซูอี้ก็เปลี่ยนไป ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งตระหง่านในหมู่ดาราปรากฏขึ้น
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์สูงใหญ่ตั้งตระหง่าน ดวงดาวล้อมรอบด้าน บนของภูเขาอันสูงใหญ่ คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายคลุมเครืออันเข้มข้น
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พินิจปัญญา!
ตั้งแต่เชิงเขาจนถึงยอดเขามีเส้นทางเดียว
บนเส้นทางนี้ จากด้านล่างถึงด้านบน มีป้ายวิถีคลุมเครือทั้งสิ้นสามพันป้าย หมายความถึงมหาวิถีสามพันข้อ
ป้ายวิถีคลุมเครือแต่ละป้ายหลอมประทับปริศนาของกฎเกณฑ์มหาวิถีอันล้ำลึก
หากผู้รับการทดสอบต้องการจะผ่านด่านนี้ ต้องตอบวิสัชนาความลึกลับของป้ายวิถีคลุมเครือเก้าสิบเก้าป้ายให้ได้ภายในสิบสองชั่วยาม!