บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1206: สัจธรรมเบื้องหลังหายนะ
ตอนที่ 1206: สัจธรรมเบื้องหลังหายนะ
กระดูกมือสีขาวโพลนดุจหิมะอันเปี่ยมบรรยากาศเยี่ยงเซียนวางอยู่ในกล่องโลหะใบหนึ่งอย่างเงียบงัน
มีเค้าลางความประหลาดไหลรินอย่างลึกลับ
เพียงมองไปยังมัน ซูอี้ก็รู้สึกถึงแรงกดดันปะทะใบหน้า
จิตวิญญาณของเขาปวดหนึบ
เขาได้เห็นภาพหนึ่งในภวังค์
ในโลกหล้าที่ปกคลุมด้วยแสงสูญสลาย กลุ่มเงาร่างดุจเทพเจ้ากำลังโรมรัน อาวุธวิเศษกู่คำรามสะท้านเวหา เคล็ดวิชาร้ายกาจนับไม่ถ้วนพร่างพรายประกายแสง กวาดทั่วแดนหล้านภาสวรรค์
โลหิตทะลักพร่างพรม
ผืนนภาพังถล่ม
สรรพชีวิตสิ้นหวังตกตาย
กฎสวรรค์อันยิ่งใหญ่ดุจมังกรแหลกสลายจากท้องนภา ก่อนจะร่วงหล่นลงสู่แดนดิน
“พันธสัญญาแห่งเทพต้องมิถูกฝ่าฝืน!”
มีเสียงตะโกนกึกก้องไปทั่วฟ้าดินราวเทพเจ้าเอ่ยโองการ
ทุกพยางค์สามารถทำให้ฟ้าดินสะเทือนสั่น และไม่อาจทราบได้ว่าบรรพตลำธารถล่มแหลกลงมากมายเพียงใด ชีวิตต้องสะเทือนสู่ความตายทั้งเป็นเท่าไร
ซูอี้เงยหน้าขึ้น ‘มอง’
ทว่าก็เห็นเพียงว่าเหนือท้องนภามีร่างใหญ่โตอันเลือนรางอยู่ร่างหนึ่ง
คนผู้นั้นยืนอยู่บนสายธารยาวแห่งกาลเวลา เขาสวมอาภรณ์สีขาว หอกศึกประกายแสงสีเงินลอยอยู่ตรงหน้าดุจเทพเซียนข้ามมิติเคลื่อนกาลเวลา
ทว่าร่างนั้นอยู่ห่างไกลเกินไป และยังผ่านกาลแสนนานเกินกว่าจะเห็นหน้าตาได้ชัดเจน
ทว่าเมื่อเขาโจมตี หายนะไร้สิ้นสุดก็ระเบิดออก ทะยานลงสู่โลกหล้า
“จากพันธสัญญาเริ่มแรก ขุมกำลังซึ่งมิใช่ของยุคสมัยนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้แทรกแซงมหาวิถีของยุคสมัยนี้ เจ้า… กำลังล้ำเส้น!”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างเย็นชา
มือเรียวบางราวกับหยกข้างหนึ่งพลันฉีกกระชากผ่านนภา พุ่งเข้าใส่สายธารแห่งกาลเวลา ตบเข้าใส่คนซึ่งอยู่อีกฟากฝั่ง
ตู้ม!
ธารแห่งกาลเวลาปั่นป่วนกระฉอกคลั่ง กระแสวารีกระเพื่อมริน
อำนาจคลื่นกระเพื่อมนั้นเป็นดั่งคลื่นล้างโลการะเบิดออกมาธารแห่งกาลเวลา แสงสีขาวปกคลุมทั่วทิศ
พริบตานั้น นิมิตนี้ก็แหลกสลายดังเปรี้ยง
ก่อนที่ซูอี้จะทันคืนสติ อีกหนึ่งนิมิตก็ปรากฏ…
เพียงแค่ว่ามันแตกต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
มันคือดินแดนอันพังทลายเสื่อมทราม ชายผู้หนึ่งซึ่งบาดเจ็บสาหัสและร่างกายสะบักสะบอมนั่งอยู่เหนือผืนดินรกร้าง
บนร่างของเขามีแสงเจิดจรัสสว่างวาบ ขณะคอยกัดกินพลังชีวิตบนร่างของเขา
ทว่าเขากลับไม่สนใจ และบรรจงวางโครงกระดูกมือเล็กบางขาวโพลนข้างหนึ่งลงในกล่องโลหะอย่างยากเย็น
“พันธสัญญาแห่งทวยเทพอะไรกัน พวกเขาก็แค่กลัว… ว่าจะมีผู้หวนคืนควบคุมวัฏสงสารเท่านั้น…”
เสียงพึมพำแหบพร่าดังขึ้น
ชายผู้บาดเจ็บสาหัสนั้นถือกล่องโลหะไว้ในมือ นั่งนิ่งกับที่ลำพัง
“น่าเสียดายที่ข้าหงอวี่โหลวเกรงว่าคงไม่อาจพิทักษ์กระดูกเซียนของผู้อาวุโสข้าได้อีกต่อไป…”
“แต่ข้าก็เชื่อว่าไม่ช้าก็เร็ว ผู้อาวุโสจะหวนคืนและได้ในสิ่งที่ต้องการ!”
แล้วนิมิตนั้นก็สลายไป
ซูอี้จมสู่ภวังค์ครุ่นคิด
กระดูกมือวางนิ่งเงียบในกล่องโลหะทำให้เขาได้เห็นนิมิตอันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงสองเรื่อง
เรื่องแรกคือยามหายนะบังเกิด ท้องนภาถล่มแหลก หมื่นวิถีพังทลาย!
สรรพชีวิตถูกกวาดล้าง สารพัดผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งเทียบเทพเทียมมารถูกลำแสงไร้สิ้นสุดทำลายสิ้น
ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากหนึ่งบุคคลลึกลับ
ชายชุดขาวผู้อยู่บนธารแห่งกาลเวลา!
ด้วยนามของพันธสัญญาแห่งเทพ คนผู้นี้ปลดปล่อยหายนะออกมา!
ทว่าท้ายที่สุด หัตถ์หยกเรียวเล็กข้างหนึ่งก็ยกขึ้นพุ่งโรมรันกับชายชุดขาว
เมื่อรวมเหตุการณ์นี้เข้ากับเหตุการณ์ที่สอง ซูอี้ก็มีความคิดมากมายประดังเข้ามาทันที
หงอวี่โหลว!
คนผู้นี้แหละที่น่าจะเป็น ‘ท่านมหาเทพ’ จากปากของนกกระจอกวิญญาณ
กระดูกมือในกล่องโลหะนี้น่าจะเป็นหัตถ์หยกเรียวบางซึ่งผ่าม่านนภาเข้าสู่สายนทีแห่งกาลเวลา ต่อสู้กับชายชุดขาวผู้นั้น
เจ้าของมือนี้ต้องเป็น ‘ผู้อาวุโส’ ที่หงอวี่โหลวว่าแน่แท้!
โฉมหน้าที่แท้จริงของ ‘ผู้อาวุโส’ ผู้นี้ไม่เคยปรากฏในนิมิต มิต้องสงสัยเลยว่าลึกลับอย่างยิ่ง
ส่วนชายชุดขาวซึ่งก้าวเดินบนธารนทีแห่งกาลเวลาราวเทพเซียนแท้ เขาไม่น่าใช่คนของยุคสมัยนั้น!
และเนิ่นนานมาแล้ว หายนะลึกลับที่เกิดกับภูมิดาราฟ้าดินก็น่าจะเป็นฝีมือของชายชุดขาวผู้นี้
เมื่อคิดเช่นนี้ ซูอี้ก็อดขมวดคิ้วมิได้
ในอดีต ภูมิดาราฟ้าดินรุ่งเรืองเจิดจรัสอย่างยิ่ง มีตัวตนในตำนานมากมายถือกำเนิด เป็นที่รู้จักในนามแดนบรรพชนต้นกำเนิดแห่งจักรวาลพร่างดาว
ทว่าหลังประสบหายนะลึกลับครั้งนั้น กฎสวรรค์แห่งภูมิดาราฟ้าดินพังทลายจนกลายเป็นซากหักพัง
นับแต่นั้นมา วิถีสู่สวรรค์ก็หายไปจากโลกหล้า!
ก่อนหน้านี้ ซูอี้ยังคิดถึงที่มาของหายนะลึกลับนี้อยู่
ยามนี้ เขาพอจะเข้าใจแล้ว
ชายชุดขาวซึ่งไม่ใช่คนของยุคสมัยนี้ข้ามผ่านกาลเวลา และอ้างนามพันธสัญญาแห่งเทพปลดปล่อยหายนะต้องห้าม ทำลายกฎสวรรค์แห่งภูมิดาราฟ้าดินในทันที!
และจากวาจาของหงอวี่โหลว เจตนาที่แท้จริงของชายชุดขาวผู้นี้คือการไม่ให้วัฏสงสารหวนคืนสู่โลกหล้า!!
“กระดูกนี้… มาจากเซียนที่แท้จริงหรือ?”
ยามนี้ ดวงตาของนกกระจอกวิญญาณแข็งทื่อ เห็นได้ชัดว่าตกใจ และพึมพำออกมาเช่นนั้น
เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้เห็นสิ่งที่ซูอี้รับรู้
“เจ้าเองก็ไม่รู้ที่มาของโครงกระดูกนี้เช่นกันหรือ?”
ซูอี้ถาม
นกกระจอกวิญญาณส่ายหน้า “ท้ายที่สุดข้าก็เป็นเพียงกฎ ส่วนความเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ยังมีจำกัดอยู่บ้าง”
ซูอี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง และกล่าวว่า “นามที่แท้จริงของท่านมหาเทพ คือหงอวี่โหลวใช่หรือไม่?”
นกกระจอกวิญญาณกล่าว “ถูกต้อง”
“เขารอดชีวิตจากหายนะลึกลับนั่นหรือไม่?”
“คาดว่า… คงสิ้นแล้ว…”
นกกระจอกวิญญาณถอนใจ
ซูอี้เลิกคิ้ว “คาดว่า? หมายความว่าเขาตายจริง ๆ หรือไม่ก็มิแน่ชัดหรือ?”
นกกระจอกวิญญาณถามย้อน “หากเจ้าคิดว่าท่านมหาเทพหงยังอยู่ ไฉนจึงมิเผยร่องรอยจวบจนยามนี้เล่า?”
ซูอี้ไม่ถามมากไปกว่านั้น
เขาเห็นแล้วว่านกกระจอกวิญญาณหารู้ความจริงเกี่ยวกับหายนะลึกลับที่เกิดขึ้นเมื่อกาลก่อนไม่
“ข้าผ่านมาถึงจุดนี้ แต่กลับได้เพียงกระดูกมือข้างหนึ่งที่หงอวี่โหลวทิ้งไว้… แปลกจริง ๆ…”
ซูอี้กระซิบ
เขาจำนิมิตที่เห็นก่อนหน้านี้ได้ หงอวี่โหลวกล่าวไว้ว่า ‘ผู้อาวุโส’ จะหวนคืนในไม่ช้าก็เร็ว!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหงอวี่โหลวดูแน่ใจมากว่า ‘เจ้าของ’ กระดูกมือนี้จะปรากฏขึ้นในภายหน้า!
“ไยเจ้าจึงเรียกท่านมหาเทพหงด้วยชื่อห้วน ๆ ได้เล่า?”
นกกระจอกวิญญาณตำหนิซูอี้อย่างไม่ค่อยพอใจนัก
ซูอี้เมินมันไป จากนั้นเขาก็เอื้อมมือคว้ากระดูกมือในกล่องโลหะราวกับตั้งใจแน่วแน่แล้ว
เปรี้ยง!
แสงเซียนปะทุวาบ สะเทือนข้อมือของซูอี้อย่างรุนแรง
ซูอี้โคจรพลังมหาวิถีทั่วร่างและลองอีกครั้ง
ทว่าผลก็คือเขาถูกดีดมือออกมาอีกครั้ง
ทั้งมือและนิ้วของซูอี้เจ็บแปลบ แต่เขาก็อดแปลกใจมากขึ้นทุกขณะมิได้
อำนาจในมือข้างนี้ร้ายกาจเกินจินตนาการ!
“ไฉนข้าจึงต้องการการยอมรับของกระดูกด้วย?”
ซูอี้ยกยิ้มแสยะ
แล้วเขาก็ลงมืออีกครั้ง
เพียงแค่ว่าหนนี้เขาใช้เคล็ดเวียนวัฏสงสารด้วย
วิ้ง!
ทันใดนั้น ภาพอันน่าตื่นตาพลันอุบัติ
กระดูกมือขาวโพลนสั่นสะท้านรุนแรง แสงเซียนสาดส่องเจิดจ้า
ขณะที่ปลายนิ้วของซูอี้แตะถูกกระดูกมือนั้นเอง
ตู้ม!
อำนาจอันเย็นเยียบและลึกลับสายหนึ่งพลันพลุ่งพล่านขึ้นมา
ในภวังค์ ซูอี้เห็นตราผนึกลึกลับซึ่งดูเหมือนแท่นเต๋าแห่งหนึ่ง เป็นสีทองดุจทองเทวะหล่อหลอม และภายในผนึกจองจำนี้มีร่างพร่ามัวร่างหนึ่งอยู่
“วัฏสงสาร!”
ทันใดนั้น ตราผนึกก็สะท้านสั่น แสงเซียนพร่างพราย ร่างพร่ามัวดูดิ้นรนที่จะออกมา ดูตื่นเต้นยิ่งนัก
“เจ้าคือใคร?”
ซูอี้ใช้จิตสัมผัสเอ่ยถาม
เขาเองก็แปลกใจ ไม่คาดเลยว่าในกระดูกมือลึกลับจะมีตราผนึกลึกลับเช่นนี้อยู่
“ข้า…”
ร่างพร่ามัวชะงักค้าง “นั่นสิ ข้า… เป็นใครกัน?”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความงุนงงอย่างบอกไม่ถูก
ทันใดนั้น ร่างพร่ามัวนั้นก็กุมศีรษะของตนราวเจ็บปวดเหลือแสน “ทำไมล่ะ เหตุใดข้าจึงจำอะไรไม่ได้เลย? ใครผนึกข้าไว้ที่นี่กัน?”
ร่างพร่ามัวส่ายหน้า “เขาคือใครหรือ? หรือเขาจะเกี่ยวข้องกับข้าอย่างไร?”
ซูอี้อดผิดหวังมิได้ มองปราดแรกก็เห็นแล้วว่าร่างพร่ามัวนี้น่าจะเป็นเพียงเสี้ยววิญญาณตกค้าง และยังเสียความทรงจำของตนไปแล้ว!
“ไยเจ้าจึงจำวัฏสงสารได้เล่า?”
ซูอี้ถามอีกครั้ง
“วัฏสงสาร… วัฏสงสาร…”
ร่างพร่ามัวย้ำเพียงคำนี้
ในที่สุด เขาก็กล่าวอย่างขื่นขม “ข้าจำมิได้!! เพราะอันใดกัน… จะว่าไป เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าคือผู้ใดใช่หรือไม่?”
ร่างพร่ามัวเงยหน้าขึ้นมองซูอี้จากตราผนึกลับจิตวิญญาณคล้ายแท่นเต๋า น้ำเสียงเต็มไปด้วยความคาดหวัง
และยามนี้เองที่ร่างหนึ่งพลันปรากฏในใจของซูอี้
ร่างนั้นยืนอยู่บนธารแห่งกาลเวลาบนฟากฟ้า สวมอาภรณ์สีขาว หอกศึกพร่างพรายแสงเซียนสีเงินลอยคว้างตรงหน้า ภาคภูมิเยี่ยงนายแห่งสรวง!
“คนผู้นี้คือใครกัน?”
ซูอี้หรี่ตาลงเล็กน้อย
เขาจำได้ว่าในเหตุการณ์ที่เขาเห็นมาก่อนหน้านี้ เจ้าของกระดูกมือได้ลงมือแหวกท้องนภา เข้าสู่ธารแห่งกาลเวลาและต่อสู้กับชายชุดขาว
หากเขาคาดการณ์ถูกต้อง จิตวิญญาณตกค้างซึ่งถูกผนึกอยู่ในโครงกระดูกนี้ก็น่าจะมาจากชายชุดขาวผู้นั้น!
ยอดฝีมือซึ่งมิใช่ของยุคสมัยนั้น!
เมื่อคิดเช่นนั้น ซูอี้ก็เพ่งพินิจอย่างจริงจัง
โชคร้ายที่ร่างในตราผนึกลึกลับพร่ามัวเกินไปจนดูเหมือนกลุ่มหมอก เขาจึงไม่อาจมองเห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายได้เลย
“สหายเต๋าเอ๋ย เล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังได้หรือไม่? หรือปล่อยข้าออกไปก่อนก็ได้?”
ร่างพร่ามัวกล่าวขึ้นอย่างร้อนใจ
“ยังไม่ได้หรอก”
ซูอี้ปฏิเสธทันที
ยามนี้เขาไม่รู้เรื่องอันใดเกี่ยวกับกระดูกมือนี้เลย และยังไม่รู้เรื่องใด ๆ เกี่ยวกับร่างพร่ามัวนี้ด้วย ดังนั้นจึงมิอาจกระทำการสุ่มสี่สุ่มห้าได้
“เพราะเหตุใดเล่า?! เจ้าทำลายผนึกนี้ได้อย่างง่ายดายแท้ ๆ!”
ร่างพร่ามัวร้องตะโกน เปี่ยมความไม่เต็มใจ
ซูอี้เมินเขาแล้วเก็บจิตสัมผัสไป
กระดูกมือเรียวบางขาวโพลนดุจหิมะนี้หาเปลี่ยนแปลงใด ๆ ไม่ แต่ซูอี้ตระหนักแล้วว่าเจ้าของมือนี้ต้องเหนือล้ำเกินจินตนาการเป็นแน่
เพราะถึงอย่างไร หากเขาคาดเดาถูกต้อง มันหมายความว่าระหว่างหายนะลึกลับเมื่อนานมาแล้ว เจ้าของมือนี้ได้ปราบตัวตนร้ายกาจที่อยู่ผิดยุคสมัยลง!
“เจ้าได้เห็นสิ่งใดกันแน่?”
นกกระจอกวิญญาณถามขึ้นมา เมื่อมันสัมผัสได้ว่าสีหน้าของซูอี้ผิดปกติไป