บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1208: ช่างน่าละอาย!
ตอนที่ 1208: ช่างน่าละอาย!
ตู้ม!
เมื่อเถาวัลย์มารดาฟ้าดินพุ่งออกจากในแขนเสื้อ มันก็กลายเป็นดาบวิถียาวสี่ฉื่อสามชุ่น
วัตถุในตำนานโดยกำเนิดนี้เรียบง่ายและไร้สิ่งตกแต่ง
ทว่าด้วยเสียงคำรามจากพลังปราณของซูอี้ ดาบนี้พลันปลดปล่อยปราณฮุ่นตุ้นออกมา ส่งสำเนียงดุจเกลียวคลื่น
ยามนั้น สายตาเฉยเมยของผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบพลันเปลี่ยนแปร
เถาวัลย์มารดาฟ้าดิน!!
ในฐานะนักดาบซึ่งแข็งแกร่งที่สุดรองจากท่านมหาเทพหง เขาหรือจะจำวัตถุศักดิ์สิทธิ์ฮุ่นตุ้นลำดับสามนับแต่ดึกดำบรรพ์ไม่ได้?
“วัตถุศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ตกไปอยู่ในมือไอ้เด็กนี่ มิต่างจากไข่มุกในกองฝุ่นโดยแท้”
ผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบลอบรำพัน
ตู้ม!
ซูอี้แกว่งดาบฟาดฟัน
แสงสีเจิดจ้าหกสายคล้อยวนอยู่เบื้องหลังเขา และเหนือใบดาบ ปราณฮุ่นตุ้นก็แปรเปลี่ยนเป็นขุมนรกอันมืดมิดไร้ก้นบึ้งราวพร้อมกลืนท้องนภาและแดนดินให้สิ้นสูญ
เคล็ดเวียนวัฏสงสาร!
เถาวัลย์มารดาฟ้าดิน!
พวกมันผ่าออกสู่นภาพร้อมกับวิชาดาบอันเลิศล้ำของซูอี้
ทั่วฟ้าดินในบริเวณต่างปั่นป่วนสะท้านสะเทือน อำนาจกฎสวรรค์กรีดเสียง
ชายชุดดำและนกกระจอกวิญญาณอดใจสั่นมิได้
การฝึกฝนของมันอยู่เพียงแค่ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ ทว่ากลับสามารถฟาดฟันดาบเช่นนี้ออกได้ เลิศล้ำท้าทายสวรรค์แน่แท้!
ผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบยกมือขึ้นกดลงโดยไร้อารมณ์
ตู้ม!
เมื่อปราณดาบของซูอี้ยังห่างจากผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบสิบจั้ง มันก็ดูราวถูกม่านจากสวรรค์ทิ้งตัวลงหยุดยั้งและสลายไป
มือขวาที่กดลงมาของผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบปาดไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
เหมือนกับการโบกมือร่ำลา ดุจเมฆาเคลื่อนคล้อย
ทว่ากลับมีอำนาจดาบแข็งแกร่งไร้เทียบประดังเข้าใส่ซูอี้ราวคลื่นถล่มปฐพีทลาย
เปรี้ยง!!!
ร่างของซูอี้ถูกดีดกระเด็นไปหลายสิบจั้ง
อำนาจวิถีดาบน่าหวาดหวั่นพลันระเบิดออกมา ทำให้ปราณของเขาปั่นป่วน เขารู้สึกอึดอัดจนแทบกระอักเลือด
หากไม่ใช่เพราะดาบวิถีในมือของเขาแปรเปลี่ยนเป็นโล่เถาวัลย์สานขวางหน้าเขาไว้ในพริบตา หยุดอำนาจจากการโจมตีไปกว่าครึ่งล่ะก็ เกรงว่าเขาคงได้บาดเจ็บแน่แท้!
“หยุดไว้ได้หรือ?!”
นกกระจอกวิญญาณอุทาน
นี่คือการเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัว ไร้โอกาสใดให้ซักซ้อม
ทว่าจักรพรรดิในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ ซูอี้กลับหยุดหนึ่งการโจมตีของราชันแห่งภูมิ ณ ขอบเขตไร้ขีดจำกัดได้!
นับแต่เริ่มแรกกำเนิดจักรวาล ไม่มีผู้ใดทำได้เช่นนี้!
“นกยูงเฒ่า เจ้านี่ไร้ปรานีจริง ๆ!”
สีหน้าของชายชุดดำแย่ลง
เขามองปราดเดียวก็เห็นได้ว่าผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบลงมือโดยหาออมแรงไม่
ผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบที่อยู่ไกลออกไป กล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ข้าคือผู้พิทักษ์ด่าน ในเมื่อรับปากแล้วว่าหากผู้ขัดเกลารับสามดาบของข้าได้จะผ่านระดับนี้ ข้าก็จะไม่ผิดวาจา”
อันที่จริง เขาลอบตกใจอยู่!
วิถีลึกล้ำและวิถีสู่สวรรค์นั้นห่างกันหนึ่งวิถีเต็ม ๆ
แม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่สุดวิถีลึกล้ำ อยู่ในขอบเขตสูงสุดแห่งมหาจักรพรรดิแล้วก็ตาม
แต่ระหว่างพวกเขาทั้งสอง ความแตกต่างอยู่ที่หนึ่งวิถีสามขอบเขตใหญ่เต็ม ๆ!
ทว่า แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ซูอี้ก็หยุดการโจมตีของเขาได้ จะไม่ให้เขาแปลกใจได้เช่นไร?
“สหายเต๋า มิจำเป็นต้องสู้กับเขาหรอก การประลองเช่นนี้มิยุติธรรมกับเจ้าเอาเสียเลย ยอมลดราวาศอกแล้วรอดสามดาบให้ได้ก็พอเถิด”
ชายชุดดำกล่าวย้ำเตือน
เขาไม่อาจเกลี้ยกล่อมผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบได้ จึงได้แต่เตือนซูอี้ว่าไม่ให้ต่อสู้หัวพุ่งชนกับเขาแทน
“รอดสามดาบ?”
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ “รอดูเถอะ”
ตู้ม!
ดาบวิถีสั่นสะเทือนเบา ๆ ทว่าวจีขับขานดุร้ายสะเทือนทั่วนภาหล้า
ซูอี้โจมตีอีกครั้ง
เขาไร้เจตนาหลบหลีกหรือประนีประนอม ยังคงเป็นฝ่ายรุดหน้าชิงโจมตี
การวางตนอันโอหังทำให้ทุกคนประหลาดใจ
กระทั่งผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบยังมองมาด้วยความชื่นชม
เขาเคยได้เห็นบุคคลเช่นนี้มาตั้งแต่ยุคบรรพกาล จักรพรรดิเช่นซูอี้เรียกได้ว่าไร้ผู้เทียบในโลกหล้าได้ที่ใดกัน?
ใครเล่าจะไม่ตระหนักว่าชายหนุ่มผู้นี้จะทำให้ราชันแห่งภูมิบางส่วนในโลกหล้าต้องละอายในตน?
ความชื่นชมก็ส่วนความชื่นชม
ทว่าผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบจะไม่แสดงความเมตตาใด ๆ!
“น่าเสียดาย…”
ผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบรู้สึกเสียดายในใจ
ชายแขนเสื้อพัดกระพือ ฝ่ามือฟาดฟันในอากาศเยี่ยงดาบ
เพียงการโจมตีผิวเผิน ทว่ากลับเป็นเหมือนคลื่นวารีแหวกนภา ซึ่งเปี่ยมไปด้วยอำนาจที่มิอาจทำลายได้ อำนาจกฎเกณฑ์ภายในนั้นดูจะทำให้ทั่วฟ้าดินหม่นแสง
สีหน้าของชายชุดดำแปรเปลี่ยนกะทันหัน ไอ้แก่นี่จะกระทำการโหดร้ายเช่นนี้หรือ!?
ทว่าทันใดนั้น หัวใจของเขาก็สั่นระรัว และสัมผัสได้ถึงปราณร้ายกาจที่แผ่ออกมาเหนือคมดาบของซูอี้
และจากนั้น…
ตู้ม!!!
อากาศแปรปรวน กฎสวรรค์ระเบิดปั่นป่วน
คลื่นทำลายล้างอันคลุ้มคลั่งทำให้อาภรณ์ของผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง เรือนผมยาวสีขาวพลิ้วสะบัดตามลม
อำนาจคุ้มกันร่างของเขาถูกกระทบเสียดสี ผิวเจ็บแสบเบา ๆ
ร่างของซูอี้ซวนเซถอยไปไกลเก้าก้าว
แต่ละย่างก้าวของเขาทำให้อากาศสะเทือนไหวรุนแรง ทั่วทิศสะท้านเคลื่อน
จนเมื่อร่างของเขาตั้งหลักมั่นคงได้ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็ซีดขาวลง
สภาพร่างเละเทะดูไม่จืด
ทว่าเขาก็หาบาดเจ็บไม่!
“นี่…”
นกกระจอกวิญญาณตะลึง
“ที่แท้นี่ก็คืออำนาจลึกลับที่สะบั้นกฎสวรรค์ได้”
ชายชุดดำพลันเข้าใจ หัวใจของเขาสั่นระรัว
นี่เป็นพลังอันใดกัน?
มันแข็งแกร่งพอจะสลายการโจมตีสุดกำลังจากนักดาบในขอบเขตไร้ขีดจำกัดได้เชียวหรือ?
“อย่างนี้นี่เอง นี่คือไม้ตายก้นหีบของเจ้าหรือ? น่าเสียดายนะ สุดท้ายก็ไม่ได้ผล”
ผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบกล่าวอย่างเฉยชา
เขาก็เห็นมันเช่นกัน
“ไม้ตาย? เปล่าเลย นี่เป็นเพียงเคล็ดที่ข้าเพิ่งทำความเข้าใจได้เท่านั้น”
ซูอี้สูดหายใจลึก ๆ สะกดเลือดลมอันพลุ่งพล่านในกาย
เพิ่งทำความเข้าใจได้?
ทุกคนเกือบคิดว่าตนหูฝาด
เคล็ดมหาวิถีบ้าอะไรจะมีอำนาจน่าตกใจเพียงนี้ตั้งแต่ยามแรกเข้าใจ?
“อย่างนั้นหรือ งั้นก็ลองดาบที่สามของข้าหน่อย”
ดวงตาของผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบเรืองประกายเย็นชา
บนร่างผอมแห้งของเขา ภาวะดาบสีเลือดพลันพลุ่งพล่านดุจตะวันแรกฉาย เจิดจ้าพราวแสง
ตาเปล่าก็เห็นได้ว่าอำนาจกฎอันดุดันหนาแน่นได้แปรเปลี่ยนเป็นเครื่องหมายลึกลับลอยขึ้นลงอยู่ในภาวะดาบสีเลือดนั้น
หากมองจากไกล ๆ ผู้พบเห็นจะรู้สึกเหมือนว่าผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบคือนายเหนือผู้ปกครองจักรวาลพร่างดาว ยืนตระหง่านเหนือสวรรค์เก้าชั้น มองลงมายังโลกหล้า!
นี่คืออำนาจในขอบเขตไร้ขีดจำกัด
สิ่งใดคือไร้ขีดจำกัด?
ประจักษ์ถึงความน่าอัศจรรย์แห่งมวลดารา บรรลุอำนาจแห่งภูมิดารา!
มหาวิถีจะสั่นพ้องในทุกการกระทำ ทุกวจีถูกคล้อยตามเยี่ยงกฎเกณฑ์!
“นกยูงเฒ่า! เจ้าคิดฆ่าจริง ๆ หรือ!?”
ชายชุดดำเดือดดาลเต็มที่ ใบหน้าของเขาเย็นชาน่าสะพรึง
เขาเห็นได้ว่าผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบใช้สุดยอดวิชาของเขาเพื่อใช้ดาบที่สามนี้ปราบซูอี้ลง!
ตู้ม!
เขาลุกขึ้นก้าวออกมา มีดสั้นสำริดเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ ดวงตาเย็นชาคมปลาบเยี่ยงอสนีบาต ปราณดุดันน่าหวาดกลัว
สิ่งนี้ทำให้ผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบขมวดคิ้ว ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าน่ะทำตามกฎ แต่เจ้าล่ะ… คิดจะแหกกฎหรือ?”
“แหกกฎแล้วอย่างไร?”
ชายชุดดำกล่าวอย่างตรงไปตรงมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ต่อให้เจ้าทำลายหัวใจวิถีด้วยสัตย์ปฏิญาณมหาวิถีที่เจ้าเคยทำไว้ วันนี้ข้าก็จะมิให้เจ้าทำเช่นนี้!”
นกกระจอกวิญญาณร้อนใจ มิคาดฝันถึงสถานการณ์นี้แม้แต่น้อย ว่าเพื่อปกป้องซูอี้ผู้นั้น ผู้บัญชาการสักการะที่สองจะลุกขึ้นมาลงมือเอง!
และเขาก็ไม่ลังเลที่จะผิดสัตย์ปฏิญาณมหาวิถีในอดีตกาลด้วย!
ผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบขมวดคิ้วยิ่งกว่าเก่า
และเมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็พลันแปลกใจ แปลกใจมากเสียด้วย!
เมื่อถามตนเองแล้ว เขาก็หารู้จักผู้บัญชาการสักการะทั้งสองมาก่อนไม่ ไร้มิตรภาพความแค้นใด ๆ
ต่อให้อีกฝ่ายไม่ลุกมาช่วยก็ไร้ความผิดใด ๆ
ทว่า ใครเล่าจะคิดว่าอีกฝ่ายจะเลือกลุกยืนข้างเขาโดยมิลังเลจะแตกหักกับผู้บัญชาการสักการะที่สาม!
เรื่องนี้ทำให้ซูอี้แปลกใจอย่างมาก
“ข้าก็พอเดาอยู่แล้วว่าเรื่องวันนี้ เกรงว่าจะทำให้เจ้าและข้าเป็นปรปักษ์ แต่ใครเล่าจะคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ๆ…”
ผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบถอนใจเบา ๆ
“เนิ่นนานหลายพันปี เขาคือผู้เดียวที่เข้ามาที่นี่โดยครอบครองวัฏสงสาร และเมื่อหลายพันปีก่อน ท่านมหาเทพหงก็ได้บอกไว้เช่นกันว่ามีความลับอีกอย่างอยู่เบื้องหลังการที่มหาเทพมืดมิดไม่ได้ออกมาต่อสู้กับหายนะนั่น”
ชายชุดดำกล่าวอย่างเย็นชา “แต่เหตุใดกัน ไยจึงเอาแต่ยึดติดดื้อดึงกับเรื่องนี้? เหตุใดเราจึงมิหยุดดูสิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้เสียบ้าง?”
ผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบกล่าวด้วยสีหน้าเฉยเมย “เจ้าบอกว่าในใจของข้าผูกจิตเจ็บแค้น แต่ในสายตาข้า ข้าแค่มีหัวใจดื้อดึง หากข้าหยุดเพียงเท่านี้ มีหรือหัวใจวิถีของข้าจะดำรงต่อได้?”
กล่าวจบ เขาก็กล่าวเน้นชัดทีละคำ “ถอยไป!”
วาจานั้นเป็นดุจวจีดาบ ซึ่งสะท้อนไปทั่วฟ้าดิน
ร่างของชายชุดดำหาขยับไม่
ในขณะที่เขากำลังจะพูดบางอย่างนั้นเอง เสียงของซูอี้พลันดังขึ้นจากด้านหลังเขา “หลบทางเถิด แม้ข้าจะรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง แต่ในสายตาข้า การกระทำของเจ้าเป็นเพียงการถ่วงมิให้ข้าจัดการเจ้าแก่นี่เท่านั้น”
ชายชุดดำ “?”
นกกระจอกวิญญาณอ้าปากค้าง ชะงักงันกับที่
ผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบหัวเราะลั่น “เจ้าได้ยินหรือไม่? ไอ้หนูนี่ก็ไม่ชอบใจการกระทำของเจ้าเช่นกัน!”
ในน้ำเสียงของเขาเจือความแดกดัน
ชายชุดดำหันมามองซูอี้ และกล่าวอย่างไม่ชอบใจนัก “ข้ายุ่งมิเข้าเรื่องหรือไร?”
ซูอี้กล่าว “ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก แต่ก็กล่าวได้ว่าเป็นความห่วงใยที่สร้างความปั่นป่วน”
ชายชุดดำยังคงดูมิได้ “งั้นข้าไปนะ?”
ซูอี้พยักหน้ากล่าว “แค่ชมศึกก็พอแล้ว”
ชายชุดดำถูแก้มตัวเองพลางหัวเราะเยาะ “ข้ากับนกยูงเฒ่าแตกหักกัน แต่เจ้ากลับกันข้าออกให้พ้นทาง ความห่วงใยข้างเดียวนี้ช่างน่าละอาย”
กล่าวเช่นนั้น แล้วเขาก็พลิ้วกายจากไปยืนอยู่ด้านข้าง
ไม่ว่าใครก็เห็นได้ว่าชายชุดดำขุ่นเคืองอย่างยิ่ง
ดวงตาของนกกระจอกวิญญาณดูซับซ้อน ตกลงใครกันแน่ที่คิดก่อเรื่อง?
มิใช่ว่าเห็น ๆ กันอยู่หรือว่าดาบที่สามของผู้บัญชาการสักการะร้ายกาจอย่างยิ่ง?
ตู้ม!
ผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบกังวลว่าจะมีสิ่งใดกั้นขวางอีก และลงมือโจมตีทันที
ยามสะบัดแขนเสื้อ มือขวาของเขาก็จีบเบา ๆ แล้วภาวะดาบสีเลือดก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นปราณดาบสีเลือดสายยาวฟาดฟันบนอากาศ
ยามนั้น ทั่วฟ้าดินดูราวจมลงสู่ทะเลโลหิตไร้ประมาณ
ภาพดุจขุมนรกพลันปรากฏขึ้นมา หนึ่งดาบดุจอเวจีกว้างไกลครอบคลุมลงมา
ดูเหมือนว่าดาบนี้อาจเป็นภัยถึงตายต่อราชันแห่งภูมิ ณ ขอบเขตเดียวกันได้!
ซูอี้เองก็ออกโจมตีแทบจะในยามเดียวกัน
บนดาบวิถีซึ่งแปรเปลี่ยนจากเถาวัลย์มารดาฟ้าดิน นอกจากเคล็ดเวิ้งลึกล้ำยังมีปราณดาบเก้าคุมขังแฝงเข้ามา ลึกล้ำไพศาล
ยามนี้ ซูอี้ก็ได้ปลดปล่อยอำนาจที่ฝึกฝนมาอย่างไร้ปิดกั้นเพื่อออกดาบนี้
ชิ้ง!!!
วจีดาบครวญผ่านเก้าชั้นสรวง อำนาจเคลื่อนทั่วทศทิศ
เมื่อดาบของซูอี้ฟาดออกไป ทั่วฟ้าดินพลันหม่นรัศมี สรรพสิ่งเดือดพล่านคลุ้มคลั่ง มิติเวลาดูจะหยุดนิ่งภายใต้ดาบนี้
จากนั้น…
ภาวะดาบสีเลือดบนท้องนภาก็ได้กลายเป็นดุจทุ่งหิมะอันถูกแผดเผาด้วยเพลิงจากสวรรค์ชั้นเก้า แหลกสลายละลายไป
นิมิตน่าขนลุกเยี่ยงขุมนรกก็เปลี่ยนไปดุจฟองคลื่นสมุทรถูกพายุกวาดหายไปในพริบตา
และอำนาจดาบไร้ใดเทียบก็ทะยานผ่านเข้าหาผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบซึ่งอยู่ห่างออกไปด้วยพลังอันมิอาจทำลายลงได้แทบจะในทันที!!