บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1210: ท่านมหาเทพหง!
ตอนที่ 1210: ท่านมหาเทพหง!
ตีนเขาศักดิ์สิทธิ์ศุภผลในเวลานี้กำลังชุลมุน
การโต้เถียงระหว่างตัวตนในตำนานแห่งดึกดำบรรพ์เข้มข้นขึ้นทุกขณะ
สิ่งนี้ทำให้ซูอี้รู้สึกพิกลเล็กน้อย
ส่วนชายชุดดำและนกกระจอกวิญญาณนั้นแข็งทื่อไปนานแล้ว
นี่… ไม่เปิดเผยโจ่งแจ้งไปหน่อยหรือไร?
ทันใดนั้น ชายชราผมขาวในชุดแดงผู้หนึ่งก็กล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้าอย่าสู้กันเลย คงจะดีกว่าหากจะสำแดงมรดกสูงสุดของพวกเจ้าออกมา และให้สหายเต๋าผู้นั้นเลือกนะ”
ทันทีที่วาจาถูกกล่าว คนมากมายก็เห็นด้วยกับเขาทันที
ทว่ายามนี้เอง ซูอี้พลันกล่าวขึ้นว่า “ทุกท่าน ฟังข้าหน่อยได้หรือไม่?”
บทสนทนาหยุดลงทันที
ทุกสายตาหันมองซูอี้เป็นตาเดียว
“สหายเต๋ากล่าวออกมาเถิด”
ชายชราชุดแดงกล่าวพลางยิ้มอย่างเมตตา
ดวงตาของชายชุดดำเครียดขึ้ง ชายชราชุดแดงผู้นี้คือจอมมารชั้นหนึ่งยากหาผู้เทียบได้ในยุคดึกดำบรรพ์ สังหารคนมิกะพริบตา ดุร้ายทรงพลัง
ทว่ายามนี้ เขากลับมีสีหน้าเมตตาและกิริยานุ่มนวล!
ซูอี้ถือไหสุราพลางกล่าวเบา ๆ “โปรดอย่าโทษข้าที่พูดจาขวานผ่าซากเลย ทว่าข้าไม่ได้สนใจมรดกของพวกท่านมาแต่แรกแล้ว”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างไม่ทันได้ตั้งตัว
ชายชุดดำและผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบอดผงะไปมิได้ พวกเขามองไปยังซูอี้อีกครั้ง
เป็นที่รักมากเพียงนี้ หากเป็นผู้ขัดเกลาคนอื่นใด เกรงว่าคงจะมีความสุขเป็นแน่
บรรยากาศอึมครึมลงอย่างเงียบเชียบ
“ข้ามีวิถีดาบของข้าอยู่ รู้ว่าต้องการสิ่งใด ไม่ต้องการสิ่งใด ข้าจึงขอรับไว้เพียงความเมตตาของพวกท่าน”
ซูอี้กล่าวพลางประคองกำปั้นก้มหัวน้อย ๆ เพื่อแสดงความขอบคุณ
หนึ่งเสียงรำพัน
ใครบางคนอดกล่าวขึ้นมิได้ “หากสหายเต๋าคิดว่ามรดกของเราไม่เข้าตา งั้นมรดกของท่านมหาเทพหงเล่า พอทำให้เจ้าประทับใจบ้างหรือไม่?”
ซูอี้ส่ายหน้า ก่อนกล่าวโดยมิต้องคิด “ผิดแล้ว มิใช่เพราะมรดกของพวกท่านไม่อยู่ในสายตาข้า แต่เป็นเพราะข้าต้องการเบิกวิถีของตนเอง มิเกี่ยวข้องกับระดับมรดกแต่อย่างใด”
สีหน้าของเหล่าตัวตนในตำนานล้วนสับสน
เพราะไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าพวกตนออกหน้าชิงแนะนำเพียงนี้ ทว่าสุดท้ายกลับเป็นการสีซอให้ควายฟัง!
และยามนี้เช่นกัน ในที่สุด ชายชุดดำและผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบก็กล้าเชื่อว่าซูอี้หาได้สนใจมรดกของเหล่าตัวตนในตำนานเหล่านี้จริง ๆ
ไม่ได้เสแสร้งเลยสักนิด!
มันจึงทำให้พวกเขาทั้งสองคนล้วนตะลึงนิ่ง ขณะเดียวกันหัวใจก็ปั่นป่วนรวนเร
โดยเฉพาะผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบ ความขมขื่นเกินบรรยายแผ่ซ่านขึ้นในใจ ราวกับ… ประสบกับความพ่ายแพ้ยับเยินที่สุดแต่เกิดมา ในเวลานี้สีหน้าของเขาจึงดำคล้ำ
ทันใดนั้นเอง เสียงไพเราะเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น
“พวกเจ้าว่า ด้วยความสำเร็จของสหายเต๋าซูผู้นี้ เขาจะยังต้องการมรดกของพวกเจ้าอยู่อีกหรือ?”
เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ศุภผลก็สั่นสะเทือน กฎสวรรค์กระหวัดพันดุจอสนีบาต พิรุณแสงสกาวสีพร่างพรม สร้างเป็นเงาร่างผอมร่างหนึ่ง
เขาสวมอาภรณ์ยาวแขนเสื้อกว้าง เส้นผมยาวสยาย ดูบริสุทธิ์อย่างน่าประหลาด แม้จะทำเพียงยืนเฉย ๆ แต่ก็ดูราวเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล บงการตะวันจันทรา
“ใต้เท้ามหาเทพ!”
ชายชุดดำผงะอึ้ง จนหน้าเหวอและร้องเสียงหลงอย่างหาได้ยาก
ผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบเองก็ตะลึงราวถูกสายฟ้าฟาด ใบหน้าชราวัยของเขาเลื่อนลอยประหนึ่งตกอยู่ในภวังค์
ทั้งสองกล่าวทักทายอย่างพร้อมเพรียงในทันที!
แม้แต่นกกระจอกวิญญาณก็ยังกระพือปีกอย่างตื่นเต้นพร้อมร้องตะโกน “ดีจัง! ดีจังเลย! ใต้เท้ามหาเทพฟื้นคืนชีพแล้ว!”
“คารวะสหายเต๋า”
เจตจำนงของตัวตนในตำนานทั้งสามสิบหกบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ศุภผลต่างคำนับทักทาย
ทันใดนั้น ฐานะอันสูงส่งของชายในชุดยาวก็ปรากฏขึ้นมา
ท่านมหาเทพหง!
ซูอี้มองปราดเดียวก็จำเขาได้
เพราะเขาเคยได้เห็นอีกฝ่ายจากความทรงจำที่เก็บอยู่ในกระดูกมือลึกลับนั้นครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้
เพียงแค่ว่าท่านมหาเทพหง ณ ยามนั้นบาดเจ็บสาหัส ร่างกายร้าวราน ดูหดหู่อ้างว้างอย่างยิ่ง
และยามนี้ เขาซึ่งเป็นเพียงเจตจำนงได้แสดงรูปลักษณ์และอุปนิสัยก่อนตายออกมา
“มิต้องถือมารยาทนักหรอก คิดสิ่งที่ข้าพูดอย่างใจเย็นก็พอ”
ท่านมหาเทพหงกล่าว
เหล่าตัวตนในตำนานล้วนเงียบลง
ท่านมหาเทพหงหันไปยิ้มให้ซูอี้ “สหายเต๋าน่าจะรู้ตัวตนของข้าแล้ว ทว่าน่าเสียดาย แม้ข้าจะอยากพบด้วยร่างจริง แต่ก็มิอาจทำได้”
กิริยาของเขาถือซูอี้ในระดับเท่าเทียม และวาจาก็นับได้ว่าสุภาพ!
ชายชุดดำและผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบล้วนสับสนงุนงงเล็กน้อย
ด้วยตัวตนของท่านมหาเทพหง ไฉนจึงเป็นเช่นนี้?
“อย่ากังวลไป ข้าพอจะรู้สถานการณ์ของเจ้าแล้ว และชื่นชมเจ้ามากทีเดียว”
ซูอี้ประคองกำปั้นคืนคำนับ
ท่านมหาเทพหงผู้นี้คือตำนานอันเจิดจรัสที่สุดในยุคแรกเริ่มดึกดำบรรพ์ และยังเป็นเพียงหนึ่งตัวตนในภูมิดาราฟ้าดินที่เคยก้าวสู่วิถีอันสูงส่งกว่าขอบเขตไร้ขีดจำกัดอีกด้วย
ที่สำคัญกว่านั้นคือ เขาเคยนำกลุ่มยอดฝีมือต่อสู้กับหายนะลึกลับนั่น!
เพียงเรื่องเหล่านี้ก็เพียงพอทำให้ซูอี้ให้เกียรติอีกฝ่ายสามส่วนแล้ว
“ฮะ ๆ ข้ายินดีนักที่สหายเต๋าชื่นชมข้า”
ท่านมหาเทพหงหัวเราะร่า
“สหายเต๋า ข้าว่าข้าเข้าใจแล้วล่ะ”
ไม่นานนัก หนึ่งตัวตนในตำนานก็รำพึง “ยามที่ข้าอยู่ในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ พอพูดเกี่ยวกับการแสวงวิถี ข้าก็อ่อนด้อยกว่าสหายเต๋าซูผู้นี้มากโข”
“ด้วยเหตุนี้ ต่อให้ข้าก้าวสู่ขอบเขตไร้ขีดจำกัด แต่มรดกนี้ย่อมห่างไกลเกินกว่าจะเทียบกับวิถีของสหายเต๋าซูเอง”
ทันทีที่วาจาเหล่านี้ถูกกล่าว ตัวตนในตำนานอื่น ๆ ก็พยักหน้า
เป็นเพียงหนึ่งชายหนุ่มแรกวัยยี่สิบ แต่เขากลับสามารถทำให้หัวใจวิถีมิอาจถูกบททดสอบจิตใจใด ๆ กระทบกระเทือนใด
สามารถปีนสู่ยอดเขาดิ์สิทธิ์พินิจปัญญา มองปราดเดียวก็ได้เห็นกฎเกณฑ์ภายในป้ายวิถีคลุมเครือทั้งสามพัน
สามารถจุดประกายดวงดาวร้อยแปดดวงได้ในการประลองมหาวิถี
และสามารถรับมือกับนักดาบในขอบเขตไร้ขีดจำกัด ณ หน้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ศุภผลได้!
ยุคบรรพกาลหรือจะได้เห็นบุคคลเช่นนี้? ใครเล่าจะเทียบเขาได้?
เขาเลิศล้ำเป็นหนึ่งในโลกหล้า!
สตรีผู้หนึ่งในชุดคลุมขนนกกล่าวด้วยแววตาชื่นชม “เราทั้งหลายล้วนคิดว่าความสำเร็จในภายหน้าของสหายเต๋าซูจะต้องเหนือกว่าพวกเราทั้งหลายแน่แท้”
ทุกคนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้น ชายชราชุดแดงก็กล่าวขึ้นอย่างจริงจัง “สหายเต๋าซู ตาเฒ่าผู้นี้มีคำขออันไม่เต็มใจนักอยู่ หวังว่าสหายเต๋าจะช่วยสงเคราะห์ให้ข้าได้”
ซูอี้กล่าว “ข้าฟังอยู่”
ชายชราชุดแดงกล่าวว่า “ตาเฒ่าผู้นี้หวังว่ามรดกมหาวิถีชั่วชีวิตของข้าจะได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ไม่ได้หายไปในธารสายยาวแห่งประวัติศาสตร์ ข้าจึงขอร้องให้สหายเต๋านำมรดกของตาเฒ่าผู้นี้ไปเผยแพร่ อย่าให้มันดับสลายไปเลย”
หลังจากกล่าวเช่นนี้ เขาก็โค้งให้ซูอี้อย่างเคร่งขรึม
ซูอี้ครุ่นคิดสักครู่ จึงกล่าวว่า “ได้ ข้ารับปาก”
ทันใดนั้น ตัวตนบรรพกาลอื่น ๆ ต่างออกมาเอ่ยปากขอคนแล้วคนเล่า หวังว่าซูอี้จะช่วยพวกเขานำมรดกวิถีออกไปสานต่อให้
เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายชุดดำและผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบก็ตะลึงไปอีกครั้ง ไยจึงเป็นเช่นนี้ไปได้!?
ท้ายที่สุด ซูอี้ก็ไม่ได้ขัดข้อง
การช่วยผู้อื่นเผยแพร่มรดกนั้นมิได้ยากสำหรับเขา
ยิ่งกว่านั้น หากสามารถเก็บมรดกของตัวตนในตำนานกลุ่มนี้ไว้ได้ มันก็จะเป็นสิ่งดีเลิศล้ำสำหรับแดนเทวามหาแดนดินทั้งมวล
“ขอบคุณสหายเต๋า!”
“ขอบคุณสหายเต๋า!”
ตัวตนในตำนานทั้งหลายล้วนเผยรอยยิ้มจากใจราวโล่งอก ร่างของพวกเขาสลายไปคนแล้วคนเล่า
กลุ่มแสงวิถีกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าปรากฏขึ้นบนแท่นศิลามรดกของพวกเขา
นั่นคืออำนาจชั่วชีวิตของพวกเขาแต่ละคน!
ด้วยหนึ่งโบกแขนเสื้อของท่านมหาเทพหง แสงวิถีทั้งสามสิบหกสายพลันพุ่งเข้าหาซูอี้ราวกับติดปีก
ซูอี้ยกมือขึ้นเก็บพวกมันไป
“ข่งเซิ่น”
ท่านมหาเทพหงมองไปยังผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบ
ผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบคุกเข่าลงกับพื้นเงียบ ๆ และกล่าว “ใต้เท้ามหาเทพ ผู้น้อยเข้าใจแล้วว่าท่านต้องการพูดอันใด และยินยอมรับทุกโทษทัณฑ์ขอรับ!”
ท่านมหาเทพหงถอนหายใจยาว และกล่าวว่า “เจ้ามิได้ผิดต่อกฎที่ข้าบัญญัติไว้แต่ก่อนกาล แล้วข้าหรือจะใจยักษ์กับเจ้าได้? แค่ว่าการกระทำของเจ้าวันนี้มิสมควรเลยจริง ๆ”
ผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบโขกหัวลงกับพื้น ก่อนกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “ใต้เท้ามหาเทพ ผู้น้อยรู้ว่าตนกระทำผิด แต่หาเสียใจไม่ขอรับ”
“กาลก่อน ท่านบอกว่ากฎแห่งภูมิดาราฟ้าดินขาดเพียงกฎเวียนวัฏสงสารเท่านั้น และหากทำให้สมบูรณ์ได้ ก็น่าจะมีหวังขวางหายนะนั่นได้”
“ทว่า… ในฐานะสหายสนิทของท่านในกาลก่อน มหาเทพมืดมิดรับปากมั่นเหมาะว่าจะมาร่วมสู้กับหายนะด้วยตนเอง ทว่าท้ายที่สุด… เขากลับไม่ปรากฏตัวออกมา!”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ น้ำเสียงของผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบก็ดูเหมือนถูกกระตุ้นอย่างชัดเจน “หากไม่ใช่เช่นนั้น ท่านคง… ไหนเลยท่านจะพ่ายแพ้แก่หายนะนั่นได้? ไยสรรพชีวิตในภูมิดาราฟ้าดิน ขุมกำลังและผู้ฝึกตนนับมิถ้วนต้อง… สลายหายไปโดยสมบูรณ์ได้?”
น้ำเสียงของเขามีความชิงชังเคียดแค้นโดยไม่ปิดบัง
เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายชุดดำก็ดูสับสน นี่… คือมารผจญใจของนกยูงเฒ่า!
และซูอี้ก็ได้เข้าใจว่าไยผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบจึงจองล้างจองผลาญเขานัก ปรากฏว่าทั้งหมดนี้เกี่ยวพันกับเคล็ดเวียนวัฏสงสาร!
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว”
ท่านมหาเทพหงรำพึง “กาลก่อน เจ้าไม่ได้เข้าร่วมศึกต่อสู้กับหายนะ เจ้าจึงมิรู้ความจริง”
“ความจริงหรือขอรับ?”
ผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบตะลึงนิ่ง
“ถูกต้อง แต่เดิม เรื่องนี้เป็นความลับที่เกี่ยวพันกับผู้อาวุโสอันทรงพลังเลิศล้ำท่านหนึ่ง ข้าจึงซุกซ่อนมันจากพวกเจ้า”
ท่านมหาเทพหงกระซิบ ดวงตาพราวระยับหวนระลึก
หัวใจของซูอี้กระตุก ผู้อาวุโส?
ผู้อาวุโสที่หงอวี่โหลวว่า เจ้าของกระดูกมือนั่นน่ะหรือ?
ท่านมหาเทพหงกล่าวต่อ “ในเมื่อกลียุคนั้นมลายไปนานแล้ว ข้าก็ไม่ต้องปิดบังอันใดอีก”
ยามนี้ ซูอี้ ชายชุดดำ นกกระจอกวิญญาณและผู้เฒ่าสวมชุดผ้ากระสอบล้วนทำท่าตั้งใจฟัง
“หายนะนั่นถูกเรียกใช้โดยยอดฝีมือแข็งแกร่งผู้หนึ่งซึ่งไม่ใช่คนจากยุคสมัยนี้ และจุดประสงค์ที่แท้จริงก็มิใช่การทำลายกฎของภูมิดาราฟ้าดินหรือเป็นปฏิปักษ์ใด ๆ กับข้า”
คิ้วของท่านมหาเทพหงขมวดเข้าหากัน “แต่เป็นการมุ่งเป้าไปที่วัฏสงสาร! ในเมื่อชิงไปไม่ได้ ก็ทำลายมันเสีย!”
ทั่วทิศพลันลุกฮือ
ซูอี้อดเลิกคิ้วมิได้
“ด้วยเหตุนี้ จากคำชี้แนะของผู้อาวุโสท่านหนึ่ง ข้าจึงแจ้งมหาเทพมืดมิดเสียแต่เนิ่น ๆ และขอให้เขานำสมบัติต้องห้ามทั้งหลาย เช่นบันทึกยมโลกและกระดานหกวิถีหนีออกไปจากภูมิดาราฟ้าดินก่อนเพื่อมิให้เกิดปัญหา”
ท่านมหาเทพหงกล่าวพลางถอนใจยาว “โชคดีที่ข้าเตรียมการเช่นนี้ไว้ก่อน หาไม่ ไม่เพียงกฎแห่งภูมิดาราฟ้าดินจะถูกทำลายเท่านั้น แต่เกรงว่ากระทั่งวัฏสงสาร… ยังยากจะคงไว้ได้”
เมื่อทุกคนได้ฟังล้วนก็ตะลึงอึ้ง หัวใจของพวกเขาต่างปั่นป่วนรวนเร
สัจธรรมนี้ไม่ได้พลิกผันมากมาย แต่มันเกินคาดไปโดยสมบูรณ์
เพราะไม่มีผู้ใดคาดว่าหายนะลึกลับซึ่งแทบทำลายกฎทั้งมวลแห่งภูมิดาราฟ้าดิน ทำให้โลกหล้าเสื่อมทรามพังทลาย แท้จริงแล้วเล็งเป้าที่วัฏสงสาร!