บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1214: ปลายคมหอกศึก
ตอนที่ 1214: ปลายคมหอกศึก
ปราณฮุ่นตุ้นแผ่ออกมาจากเถาวัลย์สีเทา ระเบิดอำนาจดุร้ายกดดัน บดขยี้แสงหายนะลงในพริบตา
เปรี้ยง!
แสงหายนะยาวกว่าสิบจั้งสลายหายไป
สตรีในชุดหลากสีตะลึงค้าง ใบหน้างดงามซีดขาวขณะหันมองมา
แล้วนางก็พบว่าผู้ถือครองเถาวัลย์สีเทานั้นก็คือชายชุดเขียวซึ่งเพิ่งปรากฏตัวในสมุทรฮุ่นตุ้น!
“นี่…”
ดวงตาคู่งามของนางเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ
ผู้รักษาวิถีคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้าง
ลำแสงหายนะอันเป็นภัยต่อตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิถึงตาย กลับถูกขวางไว้ได้ด้วยจักรพรรดิในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำหรือ?
ช่างน่าเหลือเชื่อนัก!
เปรี้ยง!
โดยไม่รีรอให้ผู้ใดมีปฏิกิริยา แสงหายนะพุ่งออกมาจากเบื้องใต้หุบเหว ทำให้เจดีย์พันจั้งสั่นสะท้านรุนแรงและโยกเอนไปมา
ใบหน้าของทุกคนล้วนเปลี่ยนสี ต่างฝ่ายต่างทุ่มพลังเดินค่ายกลสุดตัว มิกล้าวอกแวกอีกต่อไป
ทว่าหนนี้ ลำแสงหายนะใต้หุบเหวกลับมีอานุภาพน่าหวาดหวั่นกว่าหนใด มันพุ่งทะลวงออกมาราวภูเขาไฟปะทุ
เพียงหนึ่งพริบตา เจดีย์พันจั้งจากพลังของค่ายกลก็ปรากฏรอยร้าวขึ้นนับไม่ถ้วน เผยความเสียหายร้ายกาจ
ผู้รักษาวิถีทั้งสิบสามซึ่งเดินค่ายกลอยู่ล้วนบาดเจ็บพร้อมหน้า ไม่กระอักโลหิตย้อมริมฝีปาก หน้าซีด โอดครวญ ก็ร่างซวนเซ
ค่ายกลทั้งค่ายแสดงสัญญาณพังทลาย
“บ้าเอ๊ย!”
“ไยจึงเป็นเช่นนี้เล่า?”
เหล่าผู้รักษาวิถีต่างกระวนกระวาย ตระหนักรู้ถึงความร้ายแรงแห่งสถานการณ์
“ให้ข้าทำเถอะ”
ยามนี้เอง เสียงเฉยเมยของซูอี้ก็ดังขึ้น
ตู้ม!
ในมือของเขา เถาวัลย์มารดาฟ้าดินแปรเปลี่ยนเป็นดาบวิถี
จากนั้น แขนขวาก็ยกเงื้อ ชี้ปลายดาบไปบนท้องนภา
เปรี้ยง!
เหนือสมุทรฮุ่นตุ้นทั่วสารทิศ ปราณฮุ่นตุ้นอันทรงพลังดูราวถูกอัญเชิญ มันเดือดปุดพลุ่งพล่านเข้าสู่ดาบวิถีในมือซูอี้
ผู้รักษาวิถีทั้งสิบสามอดหัวใจเต้นกระตุกมิได้
“เขา… เขาควบคุมอำนาจต้นกำเนิดแห่งสมุทรฮุ่นตุ้นได้หรือ?”
บางคนตะลึงตกใจ
“อย่าลืมนะว่าเมื่อครู่ สหายเต๋าผู้นี้ช่วยสหายเต๋า ‘หมิงเหอ’ ไว้ยามคับขัน”
บางคนกระซิบพลางเหลือบมองไปทางสตรีในอาภรณ์หลากสี
“สหายเต๋าผู้นี้แข็งแกร่งมาก!”
สตรีในชุดหลากสีตอบกลับอย่างเคร่งขรึม
นางรู้สึกขอบคุณต่อซูอี้ แต่เนื่องด้วยนางต้องปราบลำแสงจากใต้หุบเหว จึงไร้โอกาสได้ขอบคุณเขา
ผู้รักษาวิถีคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกปั่นป่วนในใจ
พวกเขานึกขึ้นได้ว่ายามซูอี้แรกปรากฏ เขาไม่ได้ใช้วัตถุภายนอกใด ๆ แต่กลับสามารถพลิ้วร่างอิสระเหนือสมุทรฮุ่นตุ้นราวกับเทพเซียน
และยังจำได้ยามที่ซูอี้บดขยี้แสงหายนะในหนึ่งกระบวน ช่วยชีวิตสตรีในชุดหลากสีนามหมิงเหอยามที่พวกเขาไร้โอกาสยื่นมือช่วย
และยามนี้ เมื่อเห็นเขาดึงพลังต้นกำเนิดสมุทรฮุ่นตุ้นจากทั่วสารทิศ ใครเล่าจะยังไม่รู้ว่าจักรพรรดิที่พวกเขาเคยมองข้าม แท้ที่จริงเป็นตัวตนอันร้ายกาจทรงพลัง?
ในขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิด ซูอี้ได้ก้าวออกมาฟันดาบในมือเขาลงแล้ว
ตู้ม!
เมื่อคมดาบสีเข้มเรียบง่ายฟันลง อำนาจต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นอันไร้จำกัดก็ทะลวงฝั่งธารดาราเก้าชั้นฟ้า ทะยานลงสู่หุบเหว
อากาศปั่นป่วนอลหม่าน ทั่วทศทิศสะท้านสั่น
เพียงหนึ่งดาบ แสงหายนะจากใต้หุบเหวก็ถูกระเบิดแหลกเป็นพิรุณแสงพร่างพรม
และอำนาจฮุ่นตุ้นอัดแน่นในปราณดาบก็หาได้อ่อนแรงลงไม่ ยังคงฟาดฟันลงสู่หุบเหว
เปรี้ยง!!
เสียงอัดปะทะสนั่นออกมาจากใต้หุบเหว อำนาจทำลายล้างกระเพื่อมแผ่ส่งผลให้ฟ้าดินรายล้อมเขย่าระรัวราวท้องนภาใกล้ถล่มร่วง
ผู้รักษาวิถีทั้งสิบสามหัวใจสั่นระรัว ต่างคนต่างอ้าปากค้าง
ช่างเป็นดาบอันร้ายกาจยิ่ง!
“ขอบคุณที่ช่วยเหลือ!”
ชายในชุดนักรบเป็นคนแรกที่มีปฏิกิริยา เขาประคองกำปั้นขอบคุณ
ผู้รักษาวิถีคนอื่น ๆ ต่างก็ออกมาแสดงความขอบคุณเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าสายตาที่พวกเขามองซูอี้แตกต่างไปจากเดิม
“ก่อนหน้านี้ เป็นข้าเองที่มีตาหามีแววไม่ จึงได้กล่าววาจาหมิ่นเกียรติสหายเต๋า หวังว่าสหายเต๋าจะอภัยให้ข้าด้วย”
โดยเฉพาะชายชุดเหลือง ใบหน้าของเขาเผยเค้าความละอาย
ก่อนหน้านี้ ซูอี้เป็นฝ่ายปริปากถามคำถาม หวังจะได้รู้เรื่องบ้าง
ทว่าเขากลับถูกตำหนิอย่างร้อนใจ ขอให้ซูอี้รีบจากไปเสีย
เพราะเหตุนี้ ชายชุดเหลืองจึงรู้สึกทั้งขอบคุณ แต่ก็อดละอายมิได้
“ก็แค่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือยามลำบาก ไม่ต้องพูดถึงหรอก การเปลี่ยนแปลงนี้ยังไม่จบด้วย”
ซูอี้กล่าวพลางก้าวเข้าสู่หุบเหวมโหฬารและมองลงไป
หัวใจของผู้รักษาวิถีทั้งสิบสามเย็นเยือก สีหน้าของพวกเขาเคร่งขรึมขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะยืนประจำมุมต่าง ๆ ของค่ายกลและควบคุมมัน รอรับศึกที่จะตามมา
“จะว่าไป เจ้าว่าหอกศึกใต้หุบเหวนี้เพิ่งเริ่มเปลี่ยนแปลงบ่อยหนขึ้นเมื่อหกเดือนก่อนหรือ?”
ซูอี้เอ่ยถามเนิบ ๆ
ในคลองจักษุของเขามิอาจประเมินได้ว่าหุบเหวนี้ลึกเพียงใด มันตรงดิ่งราวจะนำไปสู่ขุมเก้าอบาย แสงหายนะร้ายกาจหมุนวนกู่คำรามราวศิลาหลอมภายใน
เขาพอจะเห็นหอกศึกเล่มหนึ่งผลุบโผล่อยู่ในนั้นอย่างเลือนราง
ทว่า เนื่องจากระยะทางห่างกันมากเกินไป มันจึงดูเลือนรางอย่างยิ่ง มิอาจมองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจน
“ใช่”
ชายในอาภรณ์นักรบกล่าวด้วยเสียงลุ่มลึก “ครึ่งปีก่อน เขตหวงห้ามนี้สงบสุขดี มิได้มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ มาเกือบพันปีแล้ว”
“ทว่าหกเดือนมานี้ หอกศึกใต้หุบเหวดูจะถูกกระตุ้นปลุกตื่นขึ้นมา มันอาละวาดขึ้นมาหกรอบได้แล้ว!”
“ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง แสงหายนะสายหนึ่งจะถูกพ่นออกมา พยายามทะลวงออกจากหุบเหวนี้”
“ยิ่งกว่านั้น พลังที่หอกศึกนั่นเปล่งออกมาก็ร้ายกาจขึ้นทุกขณะด้วย”
“จนกระทั่งหนนี้ การเปลี่ยนแปลงใต้หุบเหวนั้นเหนือจินตนาการของเราโดยสิ้นเชิง หากมิได้สหายเต๋าช่วยไว้เมื่อครู่ เราคงต้องจ่ายราคาอย่างหนักหน่วงเสียแล้ว”
กล่าวเช่นนั้น ชายในชุดนักรบก็ดูสะพรึงกลัว แต่ใบหน้าของเขาแสดงความสุขใจ
ซูอี้ครุ่นคิด
ครึ่งปีก่อนคือยามที่เขาเข้ามาในเขตต้องห้ามเซียนอับโชค!
และครึ่งปีมานี้ เขาก็ฝึกฝนอยู่บนเกาะร้างกลางสมุทรฮุ่นตุ้นมาตลอด ทว่าใต้หุบเหว หอกศึกที่มิใช่ของยุคสมัยนี้กลับแปรเปลี่ยนบ่อยครั้ง!
ระหว่างสองเรื่องนี้มีความเกี่ยวพันกันหรือไม่?
“แรกเริ่มเดิมที ฉินชงซูมาที่นี่เพื่อวัฏสงสาร และใช้หอกศึกนี้เรียกหายนะมากระทบทั่วภูมิดาราฟ้าดิน”
“หรือหอกศึกนี้จะตรวจพบปราณจากเคล็ดเวียนวัฏสงสารที่เราบรรลุ?”
ทันทีที่ซูอี้คิดถึงตรงนี้ เหตุผิดปกติก็เกิดขึ้นกะทันหัน
ตู้ม!
เสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นพลันปรากฏจากใต้หุบเหว
แสงหลอมละลายพลันปะทุออกมาจากหุบเหวดุจคลื่นถล่มพิภพทลาย
เหล่าผู้รักษาวิถีล้วนตะลึงหนังหัวชายิบ ไยเป็นเช่นนี้ได้!?
พวกเขาพิทักษ์ที่นี่มาไม่อาจนับปีถ้วน ทว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการเคลื่อนไหวอย่างดุร้ายเพียงนี้จากใต้หุบเหว
เพียงบรรยากาศก็ทำให้ราชันแห่งภูมิเหล่านี้ระเบิดเป็นกองเพลิงได้แล้ว
และยามนี้ ซูอี้ขมวดคิ้ว สัมผัสจิตสังหารอันเย็นเยียบทิ่มทะลวงเล็งเป้าแน่นิ่งมาที่เขา!
มันคือปราณของหอกศึกที่พุ่งมาจากใต้หุบเหวราวสัตว์ร้ายที่กบดานอยู่นานหมายสังหารเขา!
“ว่าแล้วเชียว การเปลี่ยนแปลงของที่นี่คือการหมายหัวข้า!”
ในที่สุดซูอี้ก็ยืนยันเรื่องนี้ได้
เขาไม่ลังเล โบกดาบวิถีในมือ
สมุทรฮุ่นตุ้นเดือดพล่าน
พลังต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นทะยานเข้ามาดุจพิรุณวายุบนฟากฟ้า รวมตัวกันที่ดาบวิถีของซูอี้แล้วฟาดฟันลงมา
ยามนั้น ซูอี้เป็นดั่งนายเหนือสมุทรฮุ่นตุ้นแห่งนี้ และแต่ละดาบที่ฟาดฟันลง อำนาจต้นกำเนิดแห่งสมุทรฮุ่นตุ้นก็ทะยานกราดเกรี้ยว
ดุจเป็นแขนข้างหนึ่ง!
ตู้ม!
เขตหวงห้ามนี้ปั่นป่วนเละเทะ
ปราณดาบของซูอี้เข้าปะทะกับแสงหายนะดุจศิลาหลอมจนระเบิดออก คลื่นทำลายล้างร้ายกาจกระเพื่อมโปรยปราย ทำลายทุกสิ่งในละแวกใกล้เคียง
ผู้รักษาวิถีทั้งสิบสามหรือจะกล้าอยู่เฉย พวกเขาทั้งหลายล้วนทุ่มพลังสุดตัวเดินค่ายกล หยุดยั้งมิให้อำนาจทำลายล้างแพร่ออกไปไกล
ทว่าเพียงพริบตา สีหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยน
คลื่นกระเพื่อมจากการประชันนี้ทำให้ค่ายกลรวนเรร้ายแรง ทำให้พวกเขาทั้งหลายล้วนเจ็บปวดกระสับกระส่ายแทบกระอักเลือด!
จินตนาการได้เลยว่าหากมิใช่เพราะซูอี้ขวางหน้าอยู่ เพียงการโจมตีนี้ก็เพียงพอให้เหล่าผู้รักษาวิถีเสียหายมหาศาลเกินคาดคิดได้แล้ว!
“ฮึ!”
ดวงตาของซูอี้แปรเป็นเย็นชา ลงมือโจมตีสุดแรง
ภาวะดาบไร้เทียบเทียมทะยานสู่ฟ้าสายแล้วสายเล่า ลากพลังต้นกำเนิดแห่งสมุทรฮุ่นตุ้นฟาดฟันเข้าใต้หุบเหวเบื้องใต้
การเก็บตัวฝึกฝนครึ่งปีนี้ทำให้ซูอี้หลอมรวมการฝึกฝนในร่างของเขาเข้ากับปราณมารดาฟ้าดินได้อย่างสมบูรณ์ และพลังจิตวิญญาณของเขา ณ ขณะนี้ก็ยิ่งใหญ่หนาแน่นราวฮุ่นตุ้น
นอกจากนั้น ในครึ่งปีมานี้ เขาได้ทำความเข้าใจเคล็ดพลังและกฎเกณฑ์ของภูมิดาราฟ้าดิน ร่างเนื้อ จิตวิญญาณและความคิดได้สอดประสานแนบสนิทกับพลังต้นกำเนิดภูมิดาราฟ้าดินอย่างอัศจรรย์
อีกทั้ง เถาวัลย์มารดาฟ้าดินในมือของเขาเดิมทีก็เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ฮุ่นตุ้นอันเกิดขึ้นจากที่มาแห่งภูมิดาราฟ้าดิน เกิดมาเพื่อใช้พลังต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นอยู่แล้ว
เพราะเหตุนี้ แม้ว่าซูอี้จะยังมิได้ก้าวสู่ขอบเขตราชันแห่งภูมิ แต่เขาก็สามารถควบคุมพลังต้นกำเนิดของสมุทรฮุ่นตุ้นนี้ได้ตามใจชอบแล้ว
สิ่งนี้เรียกว่า ‘ฟ้าดินสอดคล้องประสาน’!
ไม่นานนัก ภายใต้การโจมตีเต็มที่ของซูอี้ แสงหายนะจากใต้หุบเหวก็ถูกสลายไปอีกครั้ง!
ทว่า ก่อนที่เหล่าผู้รักษาวิถีจะถอนหายใจโล่งอกได้ เสียงกังวานเยี่ยงศิลาร้าวพลันก้องขึ้น
ตู้ม!
แสงหายนะใต้หุบเหวเดือดพล่าน หอกศึกสำริดอันพร่างพราวด้วยปราณเซียนปรากฏขึ้น
ยามนั้น ปราณฆ่าฟันถล่มโลกาสะพัดโชย
ท้องนภาครั่นคร้ามกระเพื่อมสั่น
สมุทรฮุ่นตุ้นเดือดพล่านปั่นป่วน
ผู้รักษาวิถีทั้งสิบสามซึ่งเดิมแสนสาหัสต่างสัมผัสถึงภัยคุกคามถึงตาย ดุจเทพมรณะยุรยาตรเข้าใกล้
ไกลออกไปในสมุทรฮุ่นตุ้น ลู่เหยียนได้รับข่าวแล้ว และกำลังทะยานเข้ามาทางนี้อย่างสุดกำลัง
เมื่อเขาสัมผัสคลื่นพลังอันร้ายกาจไร้ขอบเขตนี้ได้ ตัวตนในขอบเขตไร้ขีดจำกัดซึ่งอยู่รอดมาแต่แรกเริ่มดึกดำบรรพ์ก็อดพรั่นพรึงมิได้
หรือหอกศึกนั่นจะฟื้นพลังเต็มที่แล้ว?!
ขณะครุ่นคิด ลู่เหยียนก็เหมือนจะเห็นได้ว่าหากหายนะลึกลับทะลวงออกมาได้อีกหน โลกหล้านี้คงจบสิ้น!
“ทำไมกัน…”
ลู่เหยียนพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าอย่างสุดแรงด้วยความร้อนใจ
เขารู้ดีมากว่าหากปล่อยหอกศึกนั้นเป็นไท ไม่เพียงสมุทรฮุ่นตุ้นจะถูกทำลาย แต่เขตต้องห้ามเซียนอับโชคและกระทั่งภูมิดาราฟ้าดินทั้งหมด ณ ยามนี้จะประสบหายนะเกินคาดคิด!
ยามนี้เอง ซูอี้พลันหัวเราะอันเปี่ยมทั้งความตื่นเต้นและหยิ่งทะนง
“ฮ่า ๆๆ จากวันนี้ไป ข้าจะรับวัฏสงสารไปล่ะนะ!”
เสียงนั้นดังออกมาจากกระดูกมือเรียวขาวโพลนที่สตรีลึกลับลั่วเหยาทิ้งไว้!
คนผู้นั้นแสร้งความจำเสื่อมหรือ?
ซูอี้เลิกคิ้ว
โดยไม่รีรอให้เขาคิดมากไปกว่านี้ หอกศึกสำริดอันเปี่ยมปราณเซียนใต้หุบเหวอาบย้อมตนด้วยรัศมีเจิดจรัสแรงกล้า ทะยานสู่เบื้องบนแห่งหุบเหว
ปราณทำลายล้างร้ายกาจเยี่ยงหายนะวันสิ้นโลกกวาดตามยาวเป็นทาง!!