บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1227: ครั่นคร้าม
ตอนที่ 1227: ครั่นคร้าม
เถ้าแก่เนี้ยแห่งหอสมปรารถนาโกรธเกรี้ยวจริงแท้
เมื่อครู่ นางเพิ่งได้ข่าวเกี่ยวกับเหตุนองเลือดซึ่งเพิ่งบังเกิดใกล้ประตูเมือง
ยิ่งกว่านั้น คนจากหอเมฆาเคลื่อนก็มารวมตัวกันถึงที่ ข่มขู่อย่างไร้ปรานีว่าหากพวกนางกล้าให้ที่พักฆาตกร พวกนางจะเป็นศัตรูกับหอเมฆาเคลื่อน!
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ เถ้าแก่เนี้ยของหอสมปรารถนาจึงแตกตื่นและเดือดดาลขึ้นมา
ยามนี้เอง นางจึงตระหนักว่าคนผู้ยอมจ่ายเงินมากมาย แท้จริงแล้วใช้หอสมปรารถนามาหลบภัย!
นี่มันผลักหอสมปรารถนาของนางลงกองเพลิงโดยแท้!
“นี่คือทัศนคติเจ้าหรือ?”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าดูสีหน้าย่ำแย่ “ในฐานะโรงเตี๊ยมก็ต้องรับแขกเข้าอาศัยแลกเงิน จะมาแอบอ้างเอาผิดหลังรับเงินแล้วได้เช่นไร? ไม่สมเหตุสมผลเลย!”
ซูอี้จิบสุรา
เขาเช็ดปาก รู้สึกว่าเถ้าแก่เนี้ยคนงามช่างน่ารำคาญเสียจริง
เมิ่งฉางอวิ๋นยืนนิ่งไร้อารมณ์ ทำเพียงหันมองซูอี้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายมิได้กล่าววาจา เขาจึงเงียบไป
“ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้า เจ้ายังคิดใช้เหตุผลกับข้าอีกหรือ?”
ดวงตาของเถ้าแก่เนี้ยหอสมปรารถนาเย็นเยียบ “บอกให้นะ หอสมปรารถนาเป็นของข้า หากข้าให้เจ้าไป เจ้าต้องไป!”
เบื้องหลังนาง เหล่ายอดฝีมือต่างดูโหดเหี้ยมมากยิ่งขึ้น
“ไปกันเถอะ”
ซูอี้ลุกขึ้นจากฟูกนุ่ม ก้าวออกไปข้างนอก
ชิงหว่านและเมิ่งฉางอวิ๋นรีบตามเขาไป
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าตะลึงค้าง อดสงบวาจามิได้
มังกรแกร่งหารังแกงูดินไม่
เพราะถึงอย่างไร หอสมปรารถนานี้ก็คือสถานเริงรมณ์อันดับหนึ่งในเมืองฟ้ากระจ่าง ลือกันว่ามีผู้หนุนหลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสซึ่งอ้างนามว่าเสิ่นมู่ดูจะรู้เรื่องนี้อย่างเห็นได้ชัด และตัดสินใจข่มระงับโทสะไว้
“รู้ไว้ทั่วกันนะ”
เมื่อเห็นพวกซูอี้จรจาก เถ้าแก่เนี้ยหอสมปรารถนาก็ดูผ่อนคลายขึ้นมากและกล่าวเตือน “ค่าห้องไม่คืนนะ มันควรเป็นค่าเสียหายสำหรับหอสมปรารถนาของข้า”
สามพันศิลาภูมิมหาวิถีเป็นราคาสูงสำหรับหอสมปรารถนา
ปกติแล้ว การได้พบลูกค้าทุนหนาเช่นนี้หาได้ยาก
เมื่อเห็นพวกซูอี้ให้ความร่วมมือจรจากอย่างว่าง่าย เถ้าแก่เนี้ยหอสมปรารถนาจึงมิเสนอคืนเงิน
ซูอี้แย้มยิ้มเมินเฉย
เมิ่งฉางอวิ๋นเหลือบมองเถ้าแก่เนี้ยแห่งหอสมปรารถนาอย่างสงสาร หากล่าววาจาใดไม่
“ไป ไปดูเรื่องสนุกได้! ยอดฝีมือจากหอเมฆาเคลื่อนปิดกั้นที่นี่ไว้นานแล้ว ขอเพียงเจ้าออกไป เจ้าก็มีแต่ตายกับตาย”
เถ้าแก่เนี้ยหอสมปรารถนาเดินลงบันไดบงกชไป “จริงสิ เมื่อเกิดศึก พวกเจ้าขวางประตูให้ข้าด้วย อย่าให้คนเหล่านี้หนีเข้ามาได้นะ”
“ขอรับ!”
ยอดฝีมือเบื้องหลังนางตอบรับอย่างพร้อมเพรียง
ชั่วกาลพลบค่ำ
บริเวณโดยรอบหอสมปรารถนาเดิมพลุกพล่านคลาคล่ำ ทว่ายามนี้กลับว่างเปล่าร้างผู้คน แทบมิเห็นคนเดินถนนใด ๆ
เมื่อพวกซูอี้เดินออกจากประตูหอสมปรารถนา จิตฆ่าฟันรุนแรงก็พุ่งปะทะหน้า
ทั่วทิศด้านนอก ต้นไม้โอนเอน ใบไม้พลิ้วไสว สีแดงฉานดุจเลือดแห่งยามพลบค่ำแผ่ซ่านลงบนทิวสิ่งปลูกสร้าง เพิ่มบรรยากาศกดดัน
เมื่อมองใกล้ ๆ บนสิ่งปลูกสร้างใกล้เคียงก็มีคนยืนอยู่มากมาย
พวกเขามีกันหลายร้อย กีดขวางพื้นที่ในรัศมีพันจั้งอย่างหนาแน่น
ปราณจากร่างพวกเขาปนเป หนาแน่นดุจเมฆหมอกทมิฬกดดันทั่วเมือง ทำให้ผู้คนมิอาจหายใจ
“การจัดทัพเช่นนี้จะฆ่าตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิก็ทำได้ง่าย ๆ …เกรงว่ามีเพียงยอดยุทธ์วิถีดาบเยี่ยงปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินแห่งมหาแดนดินของข้าเท่านั้นที่มีโอกาสทะลวงวงล้อมได้…”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าอ้าปากค้าง สีหน้ามิอาจซุกซ่อนความหวาดผวา
เขาอยู่ในภูมิทมิฬเร้นมาเนิ่นนาน ทว่านี่คือครั้งแรกที่เขาได้เห็นจักรพรรดินับร้อยลงมืออย่างพร้อมเพรียงกัน!
แววตาของเมิ่งฉางอวิ๋นแปรเปลี่ยนพิกล
เกรงว่าคนผู้นี้คงมายังภูมิทมิฬเร้นนานมาแล้ว หาไม่ มีหรือเขาจะ… กล่าววาจาน่าขันเช่นนี้?
ชิงหว่านปลอบขวัญชายชราในชุดนักพรตเต๋าอย่างเมตตา “ท่านลุง อย่ามัวกังวลเลย มิจำเป็นต้องกลัว ท่านควร… เอ่อ… มองพวกเขาเยี่ยงคนตาย”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋า “???”
เขาแทบไม่อยากเชื่อหูตน
ก่อนหน้านี้ บ่าวเฒ่าข้างกายเสิ่นมู่ก็บ้าพอแล้ว
แต่ยามนี้ดูเหมือนสตรีข้างกายเสิ่นมู่จะบ้ามิต่างกัน!
เถ้าแก่เนี้ยและยอดฝีมือทั้งหลายมองดูจากในหอสมปรารถนาอย่างเย็นชา และเมื่อเห็นทัพยอดฝีมือจากหอเมฆาเคลื่อน พวกเขาก็ตกใจสันหลังหนาววาบ
แสนปลาบปลื้มที่พวกเขาไล่คนเหล่านั้นออกไปทันเวลา
ทว่าเมื่อพวกเขาได้ยินวาจาของชิงหว่าน เถ้าแก่เนี้ยแทบหลุดหัวเราะ คนจะตายปลอบใจกัน ช่างน่าขำเสียนี่กระไร
“ใต้เท้าของข้ามีคำสั่ง หากฆาตกรมอบตัว เขาจะถูกละเว้นชีวิต!”
ไกลออกไป ชายชุดสีเงินผู้หนึ่งปรากฏตัวจากอากาศธาตุ ท่าทางโอหัง สีหน้ามืดทะมึน “หาไม่… พวกเจ้าจะมีชีวิตแย่กว่าตาย!”
วาจานั้นกึกก้องเยี่ยงอสนีบาต
ในบริเวณใกล้เคียง จักรพรรดินับร้อยล้วนมีปราณดุเดือดพลุ่งพล่าน ดวงตาถลึงจ้อง ทำให้บรรยากาศยิ่งน่าหดหู่
“คุณชาย โปรดให้ตาเฒ่าผู้น้อยออกไปฆ่าปลาซิวปลาสร้อยเหล่านี้ด้วยขอรับ!”
เมิ่งฉางอวิ๋นก้มหัวคำนับ กล่าวอย่างเคร่งขรึม
ซูอี้แค่นเสียง “เหลือรอดไว้สักหนึ่งนะ”
“ขอรับ!”
เมิ่งฉางอวิ๋นรับคำสั่ง
หัวใจของเขากระเหี้ยนกระหือรือเต็มแก่ เป็นแค่กลุ่มจักรพรรดิกล้ามาหยามเขาต่อหน้า วอนตายเสียนี่กระไร!
“สหายเต๋า เจ้าต้องระวังตัวนะ!”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าอดเตือนมิได้
เมิ่งฉางอวิ๋นผงะไป และแย้มยิ้มทันที “ขอเพียงเจ้าไม่กลัวหัวหดทีหลังก็พอ”
กล่าวจบ เขาก็กระโดดออกไป
“เจ้าแก่ เจ้า… คิดจะตายหรือไร?”
ไกลออกไป ชายในชุดนักรบผู้หนึ่งอุทาน
สีหน้าของจักรพรรดิคนอื่น ๆ ล้วนแต่แตกต่างกัน
ก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ประจักษ์แก่บทสนทนาระหว่างซูอี้และเมิ่งฉางอวิ๋นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะยามที่พวกเขาได้ยินเมิ่งฉางอวิ๋นถือพวกเขาเป็นปลาซิวปลาสร้อย จึงอดขุ่นเคืองมิได้
และยามนี้ เมื่อเห็นว่าเมิ่งฉางอวิ๋นออกมาลงมือคนเดียว เถ้าแก่เนี้ยแห่งหอสมปรารถนาและคณะจึงอดหัวเราะมิได้ บ่าวเฒ่าผู้นี้ไม่กลัวตายจริง ๆ…
ร่างของเมิ่งฉางอวิ๋นทะยานสู่เวหา สีหน้าเจือความดูแคลนขณะมองไปรอบ ๆ “กล่าวตามตรง ตัวเล็กตัวน้อยเช่นพวกเจ้ามิสู้ฟันตาเฒ่าผู้นี้แม้สักซี่”
วาจานั้นได้ยินกันถ้วนทั่ว
ทุกคนผงะนิ่ง แทบมิอาจเชื่อหูตน
“มิต้องพูดพร่ำ ฆ่าเจ้าสุนัขน่ารำคาญตานี่ก่อน!”
ไกลออกไป ชายในชุดสีเงินออกคำสั่งอย่างโกรธเคือง
“ขอรับ!”
ทันใดนั้น หนึ่งกลุ่มจักรพรรดิก็รัวกระหน่ำโจมตีสู่เวหาไม่ยั้ง
พวกเขามีมากกว่าสิบคน อำนาจแผ่คลุมน่านฟ้า แรงกดดันรุนแรงสะท้านทั่วทิศ
เพียงมองจากไกล ๆ ก็น่ากลัวแล้ว
ซูอี้จิบสุรา หาคิดมองไม่ หัวร่อต่อกระซิกกับชิงหว่านข้างกายเขา แสงยามพลบค่ำแดงดุจโลหิตฉาบไล้ร่างของเขาจนโดดเด่นเหนือผู้ใด
และยังขับเน้นให้ร่างอรชรของชิงหว่านงดงามดุจนางเซียน
ชายชราในชุดนักพรตเต๋ามิอาจสงบใจ หัวใจพุ่งขึ้นมาจ่อที่ลำคอ
ยามนี้ เมิ่งฉางอวิ๋นพลันลงมือ
เพียงกดมือลงเบา ๆ เท่านั้น
ตู้ม!
ทั่วฟ้าดินครั่นคร้าม อากาศแหลกมลาย
จักรพรรดิสิบกว่าคนเหล่านั้นเพิ่งออกโจมตีได้ครึ่งทาง ทว่าร่างและสมบัติในมือล้วนแหลกสลาย
เพียงหนึ่งขยับมือ จักรพรรดินับสิบก็ตกตาย!
ภาพอันแข็งแกร่งร้ายกาจนี้ทำให้ทุกคนตะลึงจนสีหน้าแข็งค้าง หัวใจสั่นระรัว นี่มันเหตุใดกัน!?
“เป็นแค่ตั๊กแตนก็ควรอยู่อย่างตั๊กแตน!”
เมิ่งฉางอวิ๋นเอ่ยเยาะ ร่างวูบไหวเริ่มเข่นฆ่า
ทุกการวาดมือ หนึ่งกลุ่มจักรพรรดิก็แหลกระเบิด โลหิตสาดกระเซ็นย้อมทั่วทิศ
มิอาจหยุดยั้ง และไร้ผู้ใดหยุดได้!
แม้จะเป็นตัวตนทรงพลังในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำก็ไร้ทางสู้เมื่ออยู่ต่อหน้าเมิ่งฉางอวิ๋น ซึ่งไม่ต่างจากเชือดไก่ฆ่าสุนัขแต่อย่างใด
ชั่วขณะนั้น ทั่วนภากว้าง จักรพรรดิกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าปลิดปลิว สารพัดสมบัติแหลกมลายเยี่ยงบุปผาเพลิงดอกแล้วดอกเล่า
พิรุณโลหิตโปรยปรายดุจห่าฝน ปะปนด้วยเศษสมบัติเจือเศษแขนขา
เสียงกรีดร้อง ร่ำไห้ แผดตะโกนอย่างหวาดกลัวและฉากล่าสังหารละเลงเลือดสอดประสาน สร้างเป็นภาพอันโหดเหี้ยมเยี่ยงขุมนรก
ไม่ต่างจากการเข่นฆ่าฝ่ายเดียว!
และนี่คือพลังของหนึ่งราชันแห่งภูมิ
อยู่เหนือจักรพรรดิทั้งมวล ดีดนิ้วเด็ดดารา เอื้อมมือคว้าจันทร์ เรียกตนได้ว่านายเหนือแห่งหนึ่งภูมิดารา
เมื่ออยู่ต่อหน้าราชันแห่งภูมิ เหล่าผู้แข็งแกร่งในขอบเขตมหาจักรพรรดิทั่วโลกหล้ามิต่างอันใดกับมด
แน่นอนว่าซูอี้คือข้อยกเว้น
และก็เป็นเพราะความพิเศษเลิศล้ำของซูอี้นี้เอง ไม่ว่าจะเป็นศึกเหนือทะเลดาวตกหรือแดนหวงห้ามสิ้นเซียน ตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิมากมายจึงตกตาย จ่ายราคาค่าโอหังด้วยชีวิต
เพียงเก้าชั่วดีดนิ้ว
เมื่อศึกจบลง นอกจากชายชุดสีเงินซึ่งถูกจับเป็น จักรพรรดิคนอื่น ๆ ล้วนถูกสังหารสิ้นมิละเว้นผู้ใด!
หมอกโลหิตละล่องทั่วฟ้าดิน คลุ้งกลิ่นคาวเหล็ก สิ่งปลูกสร้างมากมายในบริเวณนั้นพังทลาย ปราณทำลายล้างพลุ่งพล่านกลางอากาศ ชวนให้พลบค่ำสีเลือดนี้น่าใจหายยิ่งกว่าเก่า
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าตะลึงค้าง ร่างแน่นิ่งกับที่ สติว่างโล่ง
ก่อนหน้านี้ เขาก็คิดว่าเมิ่งฉางอวิ๋น บ่าวเฒ่าผู้ไร้จุดเด่นนั้นกล่าววาจาสามหาว และกังวลเป็นห่วงเขา
ทว่ายามนี้ เขาตระหนักแล้วว่าวาจาเหล่านั้นหาสามหาวไม่ แต่สำหรับตัวตนดุจบ่าวผู้นี้ การสังหารจักรพรรดิพวกนั้นหายากเย็นไม่จริง ๆ!
“คุณชาย ควรทำเช่นไรกับคนผู้นี้ขอรับ?”
เมิ่งฉางอวิ๋นลากชายในชุดสีเงินมาขอคำพิพากษาชีวิต
“ค้นวิญญาณของเขา ตรวจสอบเรื่องของหอเมฆาเคลื่อน จากนั้นก็ฆ่าเสีย”
ซูอี้ออกคำสั่งเรียบ ๆ
“ขอรับ!”
เมิ่งฉางอวิ๋นลงมือค้นวิญญาณชายในชุดสีเงินทันที
ตุ้บ!
ที่หน้าประตูหอสมปรารถนา เถ้าแก่เนี้ยเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นและกล่าวอ้อนวอนอย่างหวาดผวา “คณิกาผู้นี้มีตาไร้แวว ขอผู้อาวุโสโปรดอย่าถือสา!”
เบื้องหลังนาง เหล่ายอดฝีมือต่างตระหนกลนลานมิต่างกัน พวกเขารีบร้อนคุกเข่าลง ตื่นกลัวเสียจนหกสัมผัสยุ่งเหยิง ร่างสั่นสะท้านหวั่นเกรง
ภาพการนองเลือดนี้ทำให้พวกเขาครั่นคร้ามหวาดกลัวจริงแท้
ซูอี้หันหลังให้ประตูหอสมปรารถนา หาหันกลับไปมองไม่ ดวงตาของเขาจับจ้องทิวทัศน์พลบค่ำอันงดงามจากไกล ๆ ขณะหยิบไหสุราขึ้นจิบดื่ม
กล่าวไป พลบค่ำในภูมิทมิฬเร้นนี้งดงามจับตาดีแท้
ชิงหว่านเม้มปาก เอาเงินคุณชายไปไม่พอ ยังไล่คุณชายจากหอ ยามนี้เพิ่งมาสำนึกผิดก็สายไปแล้ว
“ผู้อาวุโส โปรดรามืออันสูงส่งของท่าน ให้อภัยคณิกาผู้นี้สักหนเถิด คณิกาผู้นี้เต็มใจมอบสมบัติชั่วชีวิตของนางให้ท่าน หวังว่าผู้อาวุโสจะเมตตา!”
เมื่อเห็นว่าซูอี้ไร้วาจาใด เถ้าแก่เนี้ยแห่งหอสมปรารถนาก็ยิ่งหวาดผวา เอ่ยวิงวอนอย่างแสนโศก
“หากเจ้ากระทำผิด ก็ควรจ่ายราคา ในความคิดข้า หอสมปรารถนานี้… ไม่จำเป็นต้องมีอยู่แล้ว”
ซูอี้หามองย้อนมาไม่ เขาเก็บไหสุราไปแล้วโบกแขนเสื้อ
หนึ่งปราณดาบทะยานลงจากนภา
แล้วหอสมปรารถนาสูงพันจั้งก็ถล่มโครม