บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1229: บรรพชนรุ่นที่สอง
ตอนที่ 1229: บรรพชนรุ่นที่สอง
หนทางต่างระดับ ชักมีดออกช่วยเหลือ?
เมิ่งฉางอวิ๋นหัวเราะเย้ย เหตุผลโง่ ๆ เช่นนี้ แม้แต่ผียังไม่เชื่อเลย!
เถี่ยอิง อวี๋เฟิงและคนอื่น ๆ ซึ่งเหมือนนักโทษรอพิพากษาต่างตื่นเต้น เห็นความหวังริบหรี่
เหตุผลนี้ฟังดูน่าขัน แต่พวกเขาก็อยากจะเชื่อเช่นนั้น!
เผื่อจะรอดชีวิต?
ซูอี้หยิบไหสุราขึ้นจิบ โดยมิกล่าววาจาใด
ชายหนุ่มในอาภรณ์หยกกระโดดลงจากกำแพง เดินมาหาจูจิ้นม่อซึ่งถูกกดลงกับพื้น ก่อนกล่าวรำพัน “ดูสิ จักรพรรดิในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำถูกเจ้ารังแกขนาดนี้ ยุติธรรมหรือ? ความชอบธรรมยังมีอยู่หรือไม่!?”
ดวงตาของเขากวาดมองเมิ่งฉางอวิ๋น คมกริบดุจคมมีดพลางตำหนิ “ในฐานะราชันแห่งภูมิ มารังแกผู้อ่อนแอกว่านี้มิเพียงไร้ยางอาย ยังไร้สติด้วย!”
เถี่ยอิงและพวกจักรพรรดิอื่น ๆ เช่นอวี๋เฟิงอดรู้สึกตื้นตัน รู้สึกว่าชายหนุ่มในอาภรณ์หยกช่างกล่าววาจาถูกต้องจริงแท้!
สีหน้าของเมิ่งฉางอวิ๋นดูมิได้เล็กน้อย เขาขมวดคิ้ว “เจ้าที่มิถามไถ่เรื่องราว แต่ก็ลุกมาเข้าข้างชาวบ้านพร่ำเพรื่อเช่นนี้ เกรงว่ามิบ้าไปกว่าหรือ?”
“เจ้าว่าข้าบ้า?”
ชายในอาภรณ์หยกกล่าวกับตนเอง วางมือลงที่มีดสองเล่มข้างเอวพลางแสยะยิ้ม “วาจาเยาะข้าที่บ้า ขณะที่ข้าหัวเราะเยาะความโง่งมแห่งโลกหล้า มิต้องพูดพล่ามแล้ว เรื่องวันนี้ ปู่ผู้นี้*[1] จะดูแลเอง!”
สีหน้าของเมิ่งฉางอวิ๋นมืดหม่น เจ้าหมอนี่นอกจากจะบ้ายังหยาบคายมากด้วย!
“เฒ่าเมิ่ง ไปคุยกับเขาหน่อยไป”
ซูอี้พลันออกคำสั่ง
เมิ่งฉางอวิ๋นตอบรับอย่างเคร่งขรึม “ขอรับ!”
ชายหนุ่มในอาภรณ์หยกหรี่ตามองซูอี้ ให้นิ้วแคะหู ก่อนจะกล่าวพร้อมรอยยิ้มเย้ยเยาะ “บรรพชนรุ่นที่สอง*[2] ไร้ความรู้และฝีมืออีกคนแล้ว พอมีบ่าวเฒ่าเป็นราชันแห่งภูมิเสียหน่อยก็เย่อหยิ่งอวดดี มาสิ ปู่ผู้นี้จะสอนให้เป็นผู้เป็นคนเอง!”
ชิงหว่านขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจเล็กน้อย
ชายชราในชุดนักพรตเต๋ารู้สึกว่าชายหนุ่มในอาภรณ์หยกผู้นี้โอหังเกินไป ท่าทางสามหาว วาจาไร้ยางอาย!
หัวใจของเหล่าจักรพรรดิเช่นเถี่ยอิงและอวี๋เฟิงแสนลิงโลด แน่นอนว่าพวกเขาอยากให้ชายในอาภรณ์หยกเข้ามาแทรกแซง กำจัดศัตรูเหล่านี้ให้พวกเขา!
ซูอี้แย้มยิ้ม เดินออกห่างออกไป นำเก้าอี้หวายออกมาและนั่งลงเอกเขนก
“นี่ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ!”
ชายในอาภรณ์หยกขมวดคิ้ว มองท่าทีของบรรพชนรุ่นที่สองผู้นี้ ยังคิดมองเรื่องสนุกอย่างสง่างามอีกหรือ?
โดยมิรอให้เขามีปฏิกิริยา ร่างของเมิ่งฉางอวิ๋นวูบไหว กระโดดขึ้นบนท้องนภา กล่าวอย่างเย็นชา “กล้าขึ้นมาสู้กันหรือไม่?”
ซูอี้กล่าวไว้ว่าเขาจะอาศัยในตำหนักนี้ชั่วขณะ ดังนั้นเขาย่อมมิอาจทำลายที่นี่ได้
“ไยจึงมิกล้า?”
ชายในอาภรณ์หยกหัวเราะลั่น แล้วร่างของเขาก็ทะยานสู่เวหา
ตู้ม!
ร่างของชายในอาภรณ์หยกเปี่ยมอำนาจร้ายกาจ ทำให้ท้องนภาเคลื่อนสะเทือน
บริเวณรายล้อมล้วนย้อมด้วยอำนาจของเขา
ชายผู้ชักมีดออกช่วยยามคับขันเป็นราชันแห่งภูมิจริง ๆ!!
เถี่ยอิงและพวกอวี๋เฟิงล้วนตื่นเต้น ในใจลิงโลดยินดี
เพลิงสีชาดเรืองขึ้นบาง ๆ รอบร่างชายในอาภรณ์หยก ทำให้เขาดูเจิดจรัสอหังการเยี่ยงเทพ
สีหน้าของเมิ่งฉางอวิ๋นแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างเงียบ ๆ
แม้ว่าอีกฝ่ายจะโอหัง แต่วิถีเต๋าของเขาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เพียงเผชิญหน้าก็ทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างหนักแล้ว
“เฒ่าเมิ่ง นำอาวุธวิถีออกมา ลงมือเต็มที่ได้เลย”
ซูอี้ที่นอนบนเก้าอี้หวายซึ่งอยู่ไกลออกไปออกคำสั่งเบา ๆ
“ลงมือเต็มที่แล้วเช่นไร? ตั๊กแตนใช้ตัวบังเกวียนแท้ ๆ”
เมิ่งฉางอวิ๋นเมินเขาไป
เขาสูดหายใจลึก ๆ แล้วนำหอกศึกสีดำออกมาเล่มหนึ่ง อำนาจของเขาพุ่งถึงขีดสุดในพริบตา วิถีเต๋าในขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงขั้นกลางทะลวงสูงสุด
ตู้ม!
ท้องนภาสะเทือนไหว
เมิ่งฉางอวิ๋นผู้เดิมดูเหมือนบ่าวเฒ่าราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดวงตาเย็นชาคมปลาบเยี่ยงอสนีบาต อำนาจกลืนกินแผ่ขยาย
“ที่แท้นี่ก็คือพฤติกรรมแท้จริงของผู้อาวุโสเมิ่ง…”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าตะลึงอึ้ง
ตู้ม!
เสียงท้องนภาสะท้านไหวดังดุจกระแสน้ำ เมิ่งฉางอวิ๋นพลิ้วหอกฟาดฟันทันที
อำนาจกฎเกณฑ์พลุ่งพล่านเดือดดาลเข้าปกคลุมหอกศึกสีดำ ถล่มอากาศทะยานฆ่าฟัน
ใบหน้าของชายหนุ่มในอาภรณ์หยกปรากฏความประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะขำและส่ายหน้าทันที
ชิ้ง!
ลำแสงมีดพลันวูบไหว
ทันใดจากนั้น เสียงระเบิดสะท้านแดนดินก็ดังขึ้น
ร่างของเมิงฉางอวิ๋นกระเด็นไปอย่างรุนแรง ใบหน้าแดงก่ำ โลหิตปรวนแปร
หอกศึกสีดำในมือของเขาสะท้านไหวระรัว
ทุกคนต่างตกใจ
เพียงหนึ่งมีดก็ดีดเมิ่งฉางอวิ๋นจนกระเด็น ไร้โอกาสตั้งตัว!
ยามนี้เองที่ทุกคนได้เห็นชัดเจนว่าชายในอาภรณ์หยกดึงมีดยาวเล่มหนึ่งออกจากข้างเอว เป็นสีขาวพราวแววเงิน วาบวับเยี่ยงดวงดารา
เขาไม่เหมือนกับถือมีด แต่เหมือนเป็นธารดารา!
“แม้ปู่ผู้นี้จะอยู่ในขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงขั้นต้น แต่การจัดการตาเฒ่าเช่นเจ้ามิยากเลย”
ชายในอาภรณ์หยกกล่าวอย่างเฉยชา
เขาลงมือกวัดแกว่งมีดยาวในมือโจมตี
ตู้ม!
ธารดาราเหนือฟากฟ้าสาดแสงแรงกล้า ปราณมีดเดือดพล่านทะยานเข้าหาเมิ่งฉางอวิ๋น
มหาสงครามอุบัติ
เมิ่งฉางอวิ๋นพยายามสู้สุดใจ ทว่าก็ถูกทำให้ต้องถอยร่นต่อเนื่อง
อำนาจวิถีมีดที่ชายในอาภรณ์หยกบรรลุนั้นร้ายกาจเกินไป ทุกการกวัดแกว่งดุจธารดาราฟาดฟัน ปราณมีดดุร้ายเดือดดาลราวพร้อมทำลายสรรพสิ่งให้แหลกสลาย
ยามเขาขยับร่าง ธารดาราเหนือนภาก็ดูจะร่ายรำบ้าคลั่งดุจเทพเจ้าสำแดงฤทธา
ในขณะเดียวกัน เมิ่งฉางอวิ๋นกลับถูกลดเหลือเพียงฝ่ายปัดป้อง
เพียงไม่กี่อึดใจ ร่างของเขาก็บาดเจ็บ ดูมิได้เอาการ
“เจ้าแก่ ถูกรังแกบ้างรู้สึกเช่นไร? หากมิใช่เพราะเจ้าใช้อำนาจรังแกผู้อ่อนแอกว่าวันนี้ ปู่ผู้นี้คงคร้านเกินกว่าจะลดตัวมาตีเจ้าหรอก!”
ชายในอาภรณ์หยกแย้มยิ้มพลางกล่าวเยาะ
เขากวัดแกว่งมีดในมือ ปราณมีดอาละวาดคลั่ง อหังการอย่างยิ่ง
สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของพวกเถี่ยอิงทอประกาย แทบอยากลุกมาปรบมือ!
เป็นคนดีมากฝีมือ!
พวกเขาไม่ได้รู้จักกันเลย แต่อีกฝ่ายกลับมิลังเลจะลุกขึ้นมาช่วยเหลือปราบตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิให้ ต้องมีจิตใจและความกล้าเช่นไร?
“คุณชาย ลุงเมิ่งอันตรายแล้ว…”
ชิงหว่านขมวดคิ้ว
นางมิห่วงว่าเมิ่งฉางอวิ๋นจะตาย แต่นางไม่คุ้นเคยกับกิริยาของชายในอาภรณ์หยกอย่างยิ่ง เขาโอหังเยี่ยงคนบ้า ยุ่งมิเข้าเรื่องโดยมิถามไถ่ ชวนให้โมโหจริงแท้
“ไม่มีปัญหาหรอก”
ซูอี้ยกไหสุราขึ้นจิบเบาๆ
เขามองศึกอยู่แต่ต้น เก็บรายละเอียดของการต่อสู้
“ไม่มีปัญหา?”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋างุนงง
เขากังวลแทบตายว่าเมิ่งฉางอวิ๋นอาจปลิดปลิว หัวใจแขวนอยู่ที่คอ
ทว่าผู้อาวุโสเสิ่นมู่กลับมิดูสนใจสักนิด!
“นั่นสินะ ถึงเขาจะเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตจักรพรรดิ แต่กลับมีตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิเช่นผู้อาวุโสเมิ่งเป็นบ่าวรับใช้ ตัวตนของเขาต้องเกินธรรมดา และย่อมมิกังวลว่าชีวิตของเขาจะอยู่ในอันตราย…”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าลอบรำพัน “แต่สถานการณ์ของผู้อาวุโสเมิ่งไม่ดีเลย”
ทันทีที่เขาคิดเช่นนี้ ชายชราในชุดนักพรตเต๋าพลันสังเกตว่าเถี่ยอิง อวี๋เฟิงและคนอื่น ๆ ที่คุกเข่ากับพื้นลุกขึ้นมากันหมดแล้ว
ดวงตาของเหล่าผู้มีอำนาจในเมืองฟ้ากระจ่างล้วนทอประกาย ตื่นเต้นเปี่ยมจิตวิญญาณ มิเหลือความลนลานก่อนหน้านี้
ยิ่งกว่านั้น…
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าเปลือกตากระตุก เขาสังเกตเห็นว่าท่าทีของพวกเถี่ยอิงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด และสายตาของพวกเขาก็มักจะเหลือบมองมาทางนี้เป็นพัก ๆ
เห็นได้ชัดว่าเตรียมลงมือ!
“แย่แล้ว หากผู้อาวุโสเมิ่งแพ้ก็เหมือนกำจัดศัตรูใหญ่ที่สุดของพวกเถี่ยอิงไปได้ และเมื่อจบศึก พวกนั้นต้องฉวยโอกาสล้างแค้นแน่นอน!”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าใจสั่น
เขากำลังจะถ่ายทอดเสียงไปเตือนซูอี้ ทว่ากลับได้ยินเสียงโครมใหญ่
ร่างของเมิ่งฉางอวิ๋นร่วงลงจากที่สูงลงกระแทกพื้น!
พสุธายุบเป็นหลุมใหญ่ เศษศิลาปลิวกระจาย
เมิ่งฉางอวิ๋นนอนจมกองเลือด ผมเผ้าสยายยุ่ง เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บสาหัส
แย่แล้ว!
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าหน้าซีด
“ไอ้แก่ บทเรียนนี้พอหรือไม่? หากมิใช่เพราะปู่ผู้นี้เมตตา เฮอะ… เกรงว่าเจ้าคงตายไปแล้ว!”
บนท้องฟ้า ชายในอาภรณ์หยกเสียบมีดกลับลงฝักดังชิ้ง ดวงตาเปี่ยมความเยาะเย้ย
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ลุกขึ้นสู้อย่างมีคุณธรรม ช่วยชีวิตพวกข้าไว้!”
ยามนี้ พวกเถี่ยอิงไม่อาจอยู่เฉยได้ พวกเขาล้วนก้าวเข้ามาโค้งคำนับ สีหน้าเปี่ยมความตื่นเต้นซาบซึ้ง
“ข้าไม่ได้มาเพื่อช่วยพวกเจ้า แค่มิอาจทนเห็นราชันแห่งภูมิใช้กำลังรังแกผู้อ่อนแอกว่าได้!”
ชายในอาภรณ์หยกยิ้มอย่างถือตน
เขากล่าวพลางร่อนลงกับพื้น ก้มลงกล่าวกับเมิ่งฉางอวิ๋นว่า “เรียนรู้จากความผิดพลาดเสีย ครานี้ข้าไว้ชีวิตเจ้า หวังว่าจะจดจำ อย่าทำเรื่องเช่นนี้อีก”
เขาชี้ไปไกล ๆ “เอ้า พาบรรพชนรุ่นที่สองของเจ้าไสหัวไปได้แล้ว!”
“ผู้อาวุโส หากเป็นไปได้ ข้าหวังให้ท่านลงมือฆ่าคนผู้นี้เสีย!”
เถี่ยอิงคุกเข่าลงดังตุ้บ กล่าวอย่างขมขื่น “ยามนี้ เจ้าแก่นี่อาจไร้กำลัง แต่หากท่านไป เราจะถูกแก้แค้นแน่แท้”
ทันใดนั้น อวี๋เฟิง จูจิ้นม่อและคนอื่น ๆ ล้วนคุกเข่าลงอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงน่าเวทนาโดยพร้อมเพรียง
“ขอผู้อาวุโสอย่าใจอ่อน ช่วยกันให้ถึงที่สุดด้วยเถิด หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะซาบซึ้งเหลือแสน ยินดีทำทุกสิ่งเพื่อตอบแทนบุญคุณผู้อาวุโส!”
ภาพนี้ทำให้ชายชราในชุดนักพรตเต๋าทั้งตกใจและเคืองโกรธ ว่าแล้วเชียว เจ้าพวกคนใหญ่คนโตในเมืองฟ้ากระจ่างนี้เผยเจตนายืมมีดฆ่าคนชัดเจนมาก!
ชายในอาภรณ์หยกขมวดคิ้ว กล่าวกับตนเอง “เป็นปัญหาจริง ๆ ด้วยสิ”
เถียอิงและพวกล้วนลิงโลดในใจ
ชายในอาภรณ์หยกหันมามองซูอี้ “เจ้าตรงนั้นน่ะ คิดว่าเรื่องวันนี้ควรจบเช่นไร?”
เขาเห็นแล้วว่าชายชราที่เขาเอาชนะไปคือบ่าวเฒ่ารับใช้บรรพชนรุ่นที่สองผู้นี้
บรรยากาศเงียบสงบ สี่ทิศเงียบงัน
ทุกสายตาหันมองซูอี้
จนเมื่อซูอี้ดื่มสุราหมดไห เขาจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้หวาย เดินมาหาเมิ่งฉางอวิ๋น
“เฒ่าเมิง เจ้าโทษข้าหรือไม่ที่เอาแต่มองสภาพเละเทะของเจ้า?”
ซูอี้ถาม
เมิ่งฉางอวิ๋นไอหนัก ๆ แล้วลุกขึ้นจากพื้นมาโค้งคำนับ ก่อนกล่าวด้วยสีหน้าละอาย “คุณชาย ตาเฒ่าผู้น้อยไร้ความสามารถ ทำให้ท่านเสียหน้า หัวใจช่างคับแค้นนักที่มิแข็งแกร่งพอ ไม่มีวันโทษคุณชายได้หรอกขอรับ!”
“โอ้ บ่าวเจ้านี่ภักดีแท้”
ชายในอาภรณ์หยกประหลาดใจ
เมิ่งฉางอวิ๋นเมินเขา ทำเพียงก้มหัวเงียบ ๆ อย่างละอาย
ซูอี้พยักหน้าน้อย ๆ “หลังเรื่องวันนี้จบลง ข้าจะชี้แนะการฝึกฝนของเจ้า หากไร้สิ่งอื่นใด เมื่ออาการบาดเจ็บหาย วันนั้นน่าจะเป็นวันที่เจ้าเลื่อนขั้น”
ก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ตั้งใจจะชมเรื่องสนุก เหตุที่เขาอยากให้เมิ่งฉางอวิ๋นลงมือนั้นก็เพราะอยากเห็นระดับวิถีเต๋าและความแข็งแกร่งของเมิ่งฉางอวิ๋นให้ชัดในศึกนี้ รวมถึงข้อบกพร่องทางการฝึกฝนในร่างของเขา
และยามนี้ เขาน่าจะเข้าใจแล้ว
เมิ่งฉางอวิ๋นผงะอึ้ง ใบหน้าแสดงความตื้นตัน “ตาเฒ่าผู้น้อย… ขอบคุณคุณชายมากขอรับ!”
เขาตื่นเต้นจนพูดแทบไม่เป็นคำ หัวใจลิงโลดโผนทะยาน!
[1] ตัวละครนี้ในต้นฉบับแทนตัวเองว่า 爷爷我 (ตัวข้า ปู่ผู้นี้) เป็นคำพูดเชิงแสดงความเป็นใหญ่กว่าผู้ฟัง
[2] บรรพชนรุ่นที่สอง หมายถึงลูกคนรวย เกิดมาบนกองทรัพย์สินของพ่อแม่ มีอำนาจเงินทองโดยไม่ต้องพยายาม
………………..