บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1230
ตอนที่ 1230
หากจะบาดหมางกับราชันแห่งภูมิผู้นี้โดยสมบูรณ์ ผลที่ตามมาจะเกินคาดคิด!
ซูอี้เองก็ยิ้ม กล่าวแนะเมิ่งฉางอวิ๋น “เจ้าหลบไปก่อน”
“ขอรับ!”
เมิ่งฉางอวิ๋นถอยตามคำสั่ง สายตาที่มองมายังชายในอาภรณ์หยกเจือความสงสารเล็กน้อย
“โอ้ บรรพชนรุ่นที่สองนี่คิดชี้นิ้วสั่งข้าจริง ๆ หรือ?”
ชายในอาภรณ์หยกประหลาดใจ
ซูอี้ม้วนแขนเสื้อของเขา พลางกล่าวอย่างราบเรียบ “ชี้นิ้วสั่งคงไม่ทำ แต่ตีให้เจ้าร้องเรียกหาพ่อ เรียกแม่เจ้าเป็นปู่นี่ยังได้อยู่”
“สามหาว!”
ไม่ห่างไปนัก พวกเถี่ยอิงที่คุกเข่าอยู่ร้องปรามาส
“พวกเจ้าเองก็อยู่เฉย ๆ”
พวกเถี่ยอิงรีบถอยไปไกลลิบ
“มา ตีข้าสิ!”
ชายในอาภรณ์หยกชี้หน้าตน สีหน้าเปี่ยมความล้อเลียน “หากทำให้ข้าร้องหาพ่อ เรียกมารดาข้าเป็นปู่มิได้ ข้าจะทำให้เจ้าร้องหาพ่อ เรียกแม่เจ้าเป็นปู่แทน!”
ซูอี้แค่นเสียงขำแล้วกดฝ่ามือลงบนอากาศ
ไร้การเสแสร้งท่ามาก เรียบง่ายตรงไปตรงมา ไร้ความพิเศษใด ๆ
ไม่มีกระทั่งร่องรอยคลื่นอำนาจแผ่ออกมา
เถี่ยอิงแทบหัวเราะ
แม้แต่หมัดหยอกเตะแกล้งของผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปยังเกรงว่าจะแข็งแกร่งกว่าฝ่ามือนี้เลย!
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าฝ่ามือนี้ รอยยิ้มเยาะของชายในอาภรณ์หยกพลันแข็งค้าง ม่านตาพลันหดตัว เขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามถึงตายพุ่งเข้าปะทะหน้า
ราวกับม่านแห่งสรวงคลี่ทับลงบนตัวเขาซึ่งดูเล็กจ้อยเยี่ยงมด ความคิดและจิตวิญญาณตะลึงรุนแรง
เขาลงมือสุดกำลังแทบจะด้วยสัญชาตญาณ
เขาใช้สองมือรับแรงกดดันนั้น ผลักไปด้านข้างบนอากาศ
เปรี้ยง!!!
อำนาจกฎเกณฑ์แดงฉานพร่างพรายปะทุออกจากฝ่ามือของชายในอาภรณ์หยกดุจดวงตะวันแผดเผาเจิดจรัส
ร้ายกาจไร้ขอบเขต
ทว่าก่อนที่อำนาจบนฝ่ามือของเขาจะทันได้แพร่ขยาย มันก็ถูกจองจำกับที่ อย่าว่าแต่จะมีกำลังสะเทือนฝ่ามือซูอี้เลย จะปะทุออกสักนิดมันยังมิอาจทำได้
สีหน้าของชายในอาภรณ์หยกแปรเปลี่ยนกะทันหัน วิญญาณแทบหลุดด้วยความตกใจ
นี่คืออำนาจที่จักรพรรดิมีได้หรือ?
“ตีเจ้านั่นง่ายนิดเดียว แต่ทว่าข้าทำลายที่นี่ไม่ได้นี่สิ”
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ
เขาว่าพลางออกแรงกดฝ่ามือลง
เปรี้ยง!
ชายในอาภรณ์หยกทรุดลงคุกเข่ากับพื้นราวถูกบรรพตศักดิ์สิทธิ์กดทับ
สิ่งที่ยิ่งน่าอับอายคือ ยามเขาคุกเข่าลง มีอำนาจหนึ่งรองอยู่บนพื้น แต่กลับทำให้เข่าของเขาฟาดจนกระดูกแทบแหลก ร่างซวนเซแทบร่วงกับพื้นท่าสุนัขกินอาหาร
รอบข้างเงียบกริบ
“อา นี่!!!”
เถี่ยอิงและจักรพรรดิอื่น ๆ ตกใจเสียจนกรามแทบร่วงลงพื้น นี่… มันเรื่องอันใดกัน?
หนึ่งฝ่ามือปราบราชันแห่งภูมิ!?
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าเองก็ผงะไป หัวใจสั่นระรัว
ยามที่เขาอยู่ใกล้ประตูเมือง เขาได้เห็นวิธีที่ซูอี้สังหารสามจักรพรรดิมาก่อน และย่อมรู้ว่าจักรพรรดิหนุ่มนามเสิ่นมู่นั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
ดังนั้นเขาจึงเรียกอีกฝ่ายเป็นผู้อาวุโสเสมอ
ทว่าคิดให้หัวแตก ชายชราในชุดนักพรตเต๋าก็ไม่อาจคาดได้ว่าสิ่งที่เสิ่นมู่ผู้นี้พึ่งพาจริง ๆ หาใช่บ่าวเฒ่าข้างกายเขาไม่ แต่เป็นตัวเขาเอง!
การจะสยบราชันแห่งภูมิจนคุกเข่าด้วยหนึ่งฝ่ามือ ต้องแข็งแกร่งเพียงไร?
เขาโบกหมัดอย่างตื่นเต้น เขาควรอัดเจ้าหมอนี่แบบนี้แหละ!
หัวของชายในอาภรณ์หยกอื้ออึง ทั้งตกใจและอับอาย
นี่คือครั้งแรกในชีวิตที่เขาถูกกดตัวลงคุกเข่าโดยง่ายเพียงนี้!
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาขึ้นสี โทสะพลุ่งพล่านในแววตา
“ปู่ผู้นี้จะฆ่าเจ้า!”
เขาเด้งตัวลุกขึ้น ชักมีดยาวอันเปี่ยมประกายแสงดาวและฟาดฟันอย่างโกรธเคือง
ตู้ม!
ดวงดาราเคลื่อนคล้อยเจิดจรัส ปราณมีดเดือดพล่าน
หากปล่อยให้ปราณมีดนี้กวาดขยายต่อไป อย่าว่าแต่ตำหนักนี้เลย กระทั่งบริเวณรอบข้างยังจะพินาศตามไปด้วย
มือของซูอี้เคลื่อนไหวรวดเร็วดุจสายฟ้า กดลงไปเบา ๆ อีกเล็กน้อย
เพียงอำนาจหนึ่งการกดนี้ดุจปิดนภาบังตะวัน ปกคลุมทั่วทศทิศ และพลันสยบปราณมีดนี้ลง
และเมื่อฝ่ามือของซูอี้ขยับเล็กน้อย
ชิ้ง!!!
เกิดเสียงอึกทึกลั่น มีดยาวในมือชายในอาภรณ์หยกคร่ำครวญดังสนั่น ก่อนจะปลิวออกไปจากมือทันที
และชายในอาภรณ์หยกก็ดูราวถูกสายฟ้าฟาดใส่ ร่างสะท้านสะเทือนร่วงลงกับพื้น
กล้ามเนื้อและกระดูกทุกชิ้นดูราวแหลกมลาย
ทุกคนตะลึงค้าง
ก่อนหน้านี้ อำนาจต่อสู้ของชายในอาภรณ์หยกปรากฏชัดเจน การฝึกฝนอยู่ในขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงขั้นต้น แต่กลับปราบเมิ่งฉางอวิ๋นซึ่งนับได้ว่าเป็นตัวตนขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงขั้นปลายได้อย่างง่ายดาย
ทว่ายามนี้เขากลับดูสิ้นสภาพ ราวเป็นของเล่นใต้เมตตา ถูกปราบลงสองหนติดต่อ!
ไร้การปะทะใด ๆ โดยสิ้นเชิง!
ใครเล่าจะไม่แปลกใจ?
“เอ้า ต่อสิ”
ซูอี้เชื้อเชิญด้วยรอยยิ้ม
ชายในอาภรณ์หยกทั้งอับอายและกรุ่นโกรธ
เขาลุกขึ้น ปราณในกายพลุ่งพล่าน และอำนาจกฎเกณฑ์สีชาดเกี่ยวกระหวัดพัวพัน ย้อมท้องนภาจนเจิดจ้าพร่างพราว
ตู้ม!
ทันทีที่เขากำมือขวา มีดยาวที่ถูกดีดออกก็หวนกลับสู่มือ
มือซ้ายของเขาชักมีดอีกเล่มออกมาจากข้างเอว
มีดเล่มนี้ดำสนิทดุจหมึก ใบมีดแคบและยาว ทอประกายงดงาม ทว่ากลับชั่วร้ายเยี่ยงปีศาจน้ำแข็ง
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ชายในอาภรณ์หยกคำรามอย่างเคืองแค้น ตวัดมีดหมายสังหาร
ตู้ม!
มีดทั้งสองกวัดแกว่ง ธารดาราโปรยปรายเยี่ยงน้ำตก หมอกน้ำแข็งเคลื่อนคล้อยสะท้อนแสงพราวระยับ อำนาจพลันไต่ระดับสูงทะยานเวหา
“ที่แท้ คนผู้นี้ก็แข็งแกร่งได้เพียงนี้…”
เปลือกตาของเมิ่งฉางอวิ๋นกระตุก หัวใจตะลึงอึ้ง
มิต้องสงสัยเลยว่าในการต่อสู้กับเขาหนก่อน ชายในอาภรณ์หยกผู้นี้ออมมืออยู่
หาไม่ เขาคงพ่ายเร็วขึ้นอย่างแน่แท้…
และเมื่ออยู่ต่อหน้าการโจมตีนี้ ซูอี้ทำเพียงยืนนิ่ง มีเพียงฝ่ามือที่ยกชี้ขึ้นบนฟ้า
เคล็ดพลังเร้นลับต้องห้ามระเบิดออก ทั่วฟ้าดินดูนิ่งค้าง สุญญะราวถูกพันธนาการ
มีดคู่ที่ชายในอาภรณ์หยกฟันออกเองก็ถูกผนึกค้างกับที่
ราวกับจู่ ๆ ก็กลับกลายเป็นภาพนิ่ง
จากนั้น ฝ่ามือที่ยกขึ้นของซูอี้ก็พลิกกดลงมา
เปรี้ยง!
ชายในอาภรณ์หยกคุกเข่าลงอีกครั้ง
ปากของเขากระอักเลือด เส้นผมสยายยุ่งเหยิง ร่างกระตุกรุนแรง ใบหน้าเปี่ยมความหวาดผวา
“ไม่มีทางเป็นไปได้ เจ้าไม่ใช่ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิ!”
ชายในอาภรณ์หยกตะโกนอย่างกรุ่นโกรธ
ก่อนหน้านี้ เขาแสนเย่อหยิ่งอวดดี วาจาเย้ยเยาะ ยกตนเป็นปู่อย่างโอหัง
ทว่ายามนี้ เขากลับดูสภาพเละเทะน่าอับอายยิ่ง
ยากจะดูได้
“จริงอยู่ที่ข้าหาใช่จักรพรรดิไม่ แต่พลังที่ข้าใช้นั้นเป็นพลังในขอบเขตจักรพรรดิ ซึ่ง… ไม่ถือว่าข้าใช้ขอบเขตสูงกว่ามารังแก ถูกหรือไม่?”
ซูอี้อธิบายยิ้ม ๆ
ชายในอาภรณ์หยกเบิกตากว้าง “นี่ก็เรียกว่าเป็นพลังในขอบเขตจักรพรรดิหรือ? หลอกใครอยู่ไม่ทราบ!”
เขาโมโหคลั่งแค้น อับอายขุ่นเคือง มีหรือจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาหาใช่บรรพชนรุ่นที่สองไม่!
ทว่าเป็นไอ้แก่ใจดำโหดร้ายไร้ยางอายที่แกล้งลดตนเป็นจักรพรรดิ!
“ไม่รู้อันใดเสียแล้ว คุณชายของข้ามีอำนาจพอสังหารคนในขอบเขตอสงไขยลึกล้ำตั้งแต่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิ แล้วไยต้องหลอกเจ้าด้วย?”
เมิ่งฉางอวิ๋นซึ่งอยู่ไกลออกไปกล่าวอย่างเย็นชา
ชายในอาภรณ์หยกตะโกนลั่น “ข้าลัดเลาะในส่วนลึกจักรวาลพร่างดาวหลายต่อหลายปี ยังไม่เคยได้ยินว่ามีตัวตนเช่นนี้อยู่ในโลกหล้าใด!”
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น กระทั่งชายชราในชุดนักพรตเต๋าและพวกเถี่ยอิงยังตะลึงจังงัง
สังหารตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิด้วยการฝึกฝนในขอบเขตจักรพรรดิ?
พวกเขาก็เพิ่งได้ยินครั้งแรกเช่นกัน ช่างแปลกประหลาดยิ่ง!
“เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ช่าง เล่นต่อสิ”
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ
พฤติกรรมเฉยชากระตุ้นโทสะของชายในอาภรณ์หยกขึ้นอีก “เจ้าคิดว่าปู่ผู้นี้จะก้มหัวให้จริง ๆ หรือ? ฝันไปเถอะ!”
เขากระโดดขึ้นมาและใช้ท่าไม้ตายสูงสุดโจมตี
ทว่าเพียงพริบตา เขาก็ถูกปราบลงอีกครั้ง นอนแอ้งแม้งสิ้นท่ากับพื้น ร่างแหลกร้าว โลหิตไหลทะลักต่อเนื่อง
“ปู่ผู้นี้ไม่เชื่อหรอก!”
ชายในอาภรณ์หยกเค้นเสียงลอดไรฟัน
ดวงตาของเขาแดงฉาน สีหน้าเปี่ยมความบ้าคลั่ง ยกมือขึ้นใช้ยันต์ลับสีดำชิ้นหนึ่ง
มันคืออาวุธสังหารที่เขาพกติดตัวอยู่เสมอ แข็งแกร่งจนสามารถทำให้ราชันแห่งภูมิในขอบเขตคืนสู่สามัญบาดเจ็บสาหัสได้!
ทว่า ก่อนที่ยันต์ลับสีดำจะทันได้เรืองอำนาจ ซูอี้ก็เป็นดั่งผู้หยั่งกาล เขาคว้ามือขึ้นบนอากาศในขณะเดียวกัน ผนึกยันต์ลับสีดำร่วงลงสู่มือของเขา
ชายในอาภรณ์หยก “???”
ก่อนที่ไม้ตายสังหารจะทันส่งผล ผู้อื่นก็ชิงฉกมันไปเสียแล้ว สถานการณ์เช่นนี้เพิ่งเคยประจักษ์แก่ชายในอาภรณ์หยกเป็นครั้งแรก จนเขาถึงกับนิ่งค้างกับที่
ซูอี้กล่าวพลางมองไปที่ยันต์ลับสีดำในมือ “ยันต์อัคคีทิพย์หยินหยางอาจให้ผลอัศจรรย์ยามลอบโจมตีได้ ทว่าต่อหน้าข้า มันไม่เพียงพอหรอก”
ชายในอาภรณ์หยกขนลุกขนพอง ตกใจกลัวโดยสมบูรณ์ “เจ้า… เป็นใครกันแน่?”
ยามนี้โทสะของเขามลายหาย ตระหนักแล้วว่าชายหนุ่มชุดเขียวตรงหน้าเขาไม่มีทางเป็นตัวตนร้ายกาจโดยทั่วไป!
“ข้าน่ะนะ”
ปุ่มที่ 1 ใน 4 สารบัญ
ปุ่มที่ 4 ใน 4 ตอนถัดไป
ปุ่มที่ 3 ใน 4 ตอนก่อนหน้า
ปุ่มที่ 2 ใน 4 ความคิดเห็น
ซูอี้ครุ่นคิดสักพัก “ในด้านลำดับอาวุโส เจ้าไม่เพียงพอเป็นหลานข้าหรอก”
ชายในอาภรณ์หยก “…”
เขาถูกโทสะบังตา กล่าวเน้นทีละคำ “ฆ่าคนยังไม่พอ ไยต้องมาหยามข้าเช่นนี้ด้วย? มาสิ ลงมือฆ่าข้าได้เลย ข้ามิสะท้านหรอก!”
ซูอี้กล่าวเย้าหยอก “อันใดนี่ เจ้าผู้เดียวหรือที่ป่วนเรื่องชาวบ้านโดยมิแยแสจริงเท็จได้ ทนรับให้ผู้อื่นปราบลงมิได้หรือไร?”
ชายในอาภรณ์หยกกลืนน้ำลายพลางเม้มปาก
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ “นอกจากนั้น เจ้ายังปากเสียมาก ล้อเลียนกระแนะกระแหนเฒ่าเมิ่งซึ่งอยู่ข้างกายข้า แต่พอข้าพูดติเจ้าคำสองคำ ก็มามองหาความตายแล้วหรือ?”
ใบหน้าของชายในอาภรณ์หยกแดงก่ำ “ผู้ชนะคือราชา จะพูดอันใดก็ได้ แต่บอกให้นะว่าถึงตาย ข้าก็จะไม่มีวันขอความเมตตาจากเจ้า!”
ซูอี้แค่นเสียงขำ เดินมาหาชายในอาภรณ์หยก
ยามนี้ ชายในอาภรณ์หยกสัมผัสแรงกดดันถึงตายได้ วิญญาณของเขาสั่นสะท้าน สติแทบหลุดลอย พร้อมหยุดหายใจได้ทุกเมื่อ
ทว่าเขากัดฟันแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความรั้น
ทันใดนั้น ชายในอาภรณ์หยกก็ผ่อนร่าง แรงกดดันมหาศาลหายวับ เขาอดหอบหายใจอย่างแรงมิได้ราวคนได้รับความช่วยเหลือยามใกล้จมน้ำ
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาซีดขาวไร้สีเลือด
ยามนี้ เสียงเฉยเมยของซูอี้ดังขึ้น “ควรค่าเป็นลูกหลานตระกูลจวง ถึงการกระทำจะแย่ พฤติกรรมน่าขันไปหน่อย แต่ก็ถือได้ว่าหนักแน่นกระดูกเหล็ก ไม่ทำให้บรรพชนเจ้าต้องเสียหน้า”
ชายในอาภรณ์หยกชะงักค้าง คนผู้นี้… ปรากฏว่ามองตัวตนของเขาออกแต่ก่อนแล้วหรือ!?