บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1237: เกี่ยวดองโดยการแต่งงาน
ตอนที่ 1237: เกี่ยวดองโดยการแต่งงาน
“โลกเร้นลับโบราณนั้นซ่อนสิ่งเหลือเชื่อใด ๆ ไว้หรือไม่?”
ซูอี้ถาม
สามอันดับแรกในงานเลี้ยงราตรีคีรีเหมันต์จะได้เข้าฝึกฝนในโลกเร้นลับโบราณ
และซางชิงพิงก็เป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งของตระกูลซางสู่สามอันดับแรก
ไม่อาจเกี่ยงความเป็นไปได้ว่าบางขุมกำลังของคู่แข่งอาจจะเลือกวิธีที่โหดเหี้ยมเพื่อสกัดดาวรุ่งผู้อื่นและฉวยโอกาสเข้าไปในโลกเร้นลับโบราณนั้น
ซางชิงพิงกล่าว “โลกเร้นลับโบราณนั้นตั้งอยู่ในคีรีเหมันต์ มันบรรจุพลังต้นกำเนิดภูมิดารานภาม่วงเอาไว้ การฝึกฝนในนั้นจะไม่เพียงสามารถสัมผัสกฎสวรรค์ของภูมิดารานภาม่วงได้เท่านั้น แต่ยังช่วยเร่งการเปลี่ยนแปลงการฝึกฝนของคนผู้นั้นได้ด้วย”
จากวาจาของนาง โลกเร้นลับโบราณนี้เทียบได้กับแดนสมบัติอันใช้พิสูจน์วิถีเป็นราชันแห่งภูมิ!
ในอดีตกาล ทุกครั้งที่ตัวตนสามลำดับแรกในงานเลี้ยงราตรีคีรีเหมันต์ถูกระบุตัว มีกว่าครึ่งที่ได้พิสูจน์วิถีเป็นราชันแห่งภูมิในโลกเร้นลับโบราณนั้น!
“ที่แท้ก็เป็นสิ่งที่สามารถช่วยให้บรรลุสู่ราชันแห่งภูมิได้นี่เอง มิน่าเล่า”
เมิ่งฉางอวิ๋นกระซิบ
ในส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว ราชันแห่งภูมิคือตัวตนสูงสุด ทว่าก็มีจำนวนน้อยที่สุดด้วย
เหตุเป็นเพราะการเลื่อนสู่ขอบเขตราชันแห่งภูมินั้นยากเกินไป ไม่เพียงต้องการภูมิหลังและความสามารถอันแข็งแกร่ง แต่ยังต้องการจังหวะเวลาและวาสนา!
หากกล่าวอย่างโหดร้ายก็คือ ในหมู่จักรพรรดิในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำหลายขั้นสมบูรณ์แบบร้อยคน อาจไม่มีสักคนที่สามารถเคลื่อนสู่วิถีสู่สวรรค์เป็นราชันแห่งภูมิได้!
ดังนั้น สำหรับจักรพรรดิทั้งหลาย หากมีโอกาสได้ลองเลื่อนขอบเขต ก็ย่อมไม่มีผู้ใดยอมพลาด
กระทั่งต้องทำทุกสิ่งเพื่อมัน!
ซูอี้เองก็พยักหน้าน้อย ๆ
ในอดีตชาติ เขาอ้างว้างเดียวดายอยู่ในมหาแดนดินมานาน ดูเหมือนสูงส่ง ใช้ชีวิตงดงาม ทว่าการฝึกฝนของเขากลับหยุดชะงักอยู่ที่ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นสมบูรณ์แบบ
เขาทุ่มเทเวลาและความพยายามนับไม่ถ้วนเพื่อเยื้องย่างเข้าวิถีสู่สวรรค์
และหลังจากได้รับประสบการณ์จากทัศนาจารย์ ซูอี้ก็ตระหนักอย่างถ่องแท้ว่ากระทั่งในส่วนลึกของจักรวาลพร่างดาว ก็มิใช่ว่าจักรพรรดิในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำทุกคนจะก้าวขึ้นวิถีสู่สวรรค์ได้!
และเมื่อโอกาสเช่นนี้ถูกนำมาวางตรงหน้าเจ็ดตระกูลโบราณแห่งภูมิดารานภาม่วง การแข่งขันเช่นนี้ย่อมป่าเถื่อนโหดร้าย
เวลาต่อมา ซูอี้ก็ได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตระกูลซาง
ท้ายที่สุด เขาก็รำพึงในใจ เข้าใจเรื่องมากมายขึ้นหลายประการ
ตระกูลซางตกต่ำลง!
กาลก่อนสมัยยังมีซางเจี้ยนโหลว ตระกูลซางก็คือตระกูลโบราณอันดับหนึ่งในภูมิดารานภาม่วง!
และยิ่งด้วยวีรกรรมของซางเจี้ยนโหลว ตระกูลซางจึงเป็นที่เลื่องลือไปทั่วจักรวาลพร่างดาว
ทุกคนที่พูดถึงภูมิดาราฟ้าดินต้องพูดถึงซางเจี้ยนโหลว
ทุกคนที่รู้ถึงเกียรติภูมิของซางเจี้ยนโหลวย่อมรู้ว่าเขามาจากตระกูลซาง!
ทว่ายามนี้…
ตระกูลซางหลุดจากตำแหน่งขุมกำลังอันดับหนึ่งของภูมิดารานภาม่วงไปแสนนาน แม้รากฐานของพวกเขาจะยังอยู่ แต่อำนาจก็ถดถอยลงจากเก่าก่อนมากนัก เป็นได้เพียงหนึ่งในเจ็ดตระกูลโบราณในภูมิดารานภาม่วงเท่านั้น
ทั้งหมดนี้มิอาจแยกกับการตายของซางเจี้ยนโหลวได้
กล่าวง่าย ๆ ก็คือ ตระกูลซางโด่งดังทั่วจักรวาลพร่างดาวได้ก็เพราะซางเจี้ยนโหลว และยังตกต่ำถดถอยเพราะการตายของซางเจี้ยนโหลวเช่นกัน!
“ไม่ว่าอย่างไร ครานี้ข้าจะช่วยแม่หนูนี่”
ซูอี้นำไหสุราออกมาจิบเงียบ ๆ
กาลก่อน เขาเป็นผู้พาซางเจี้ยนโหลวไปพิสูจน์วิถีเป็นราชันแห่งภูมิในแดนรกร้างหมื่นพิษ ณ วังวายุเร้นอาสัญ
และยังเป็นผู้สอนสั่งวิถีดาบแก่ซางเจี้ยนโหลวอีกด้วย
แม้จะไม่ถือว่าเป็นศิษย์อาจารย์กัน แต่ก็ยังมีมิตรภาพจากการสอนสั่งอยู่
…
เรือสมบัติเคลื่อนผ่านวังวายุเร้นอาสัญ มาถึงส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว!
ส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวนั้นกว้างไกลอย่างยิ่ง มีภูมิดารานับร้อย โลกภูมิเล็กใหญ่นับไม่ถ้วน
หนึ่งในนั้นคือภูมิดารานภาม่วง
ภูมิดารานี้ไม่ได้พิเศษเลิศเลอ และมิอาจเทียบได้กับภูมิดาราสูงสุดทั้งสิบแต่อย่างใด
ทว่าเมื่อนานมาแล้ว ยังมีผู้ฝึกดาบในตำนานเช่นซางเจี้ยนโหลวถือกำเนิดขึ้น จึงสั่นสะเทือนทั่วจักรวาลพร่างดาว โด่งดังทั่วโลกหล้า
ในส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว ระหว่างภูมิดาราหลักมีค่ายกลเคลื่อนย้ายเชื่อมต่อกันอยู่
หากมิต้องการเดินทางไกล ก็เลือกใช้จ่ายศิลาภูมิมหาวิถีเพื่อยืมค่ายกลเคลื่อนย้ายท่องสู่ภูมิดาราหลักอื่น ๆ ได้
ทว่ามันแพงระยับหูดับ
ผู้ฝึกตนทั่วไปมิอาจเอื้อมถึงได้เลย
หลังจากพวกซูอี้มาถึงส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว ด้วยต้องการเร่งให้ถึงจุดหมาย พวกเขาจึงใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายไปยังภูมิดารานภาม่วงทันที
“คุณหนู เจ้าตระกูลส่งข่าวมาว่าให้ตรงไปยังภูมิเมฆาสวรรค์ได้เลยขอรับ”
ทันทีที่มาถึงภูมิดารานภาม่วง ลุงหงก็ได้รับข่าวจากเจ้าตระกูลซางจากสมบัติลับที่เขามีติดตัว
ซางชิงพิงขมวดคิ้วน้อย ๆ ใบหน้าเปี่ยมความเศร้าโศก
คืนพรุ่งนี้ งานเลี้ยงราตรีคีรีเหมันต์จะถูกจัดบนยอดคีรีเหมันต์ในภูมิเมฆาสวรรค์
และอาการบาดเจ็บของนางก็ไร้สัญญาณฟื้นตัว
หากเข้าร่วมการประลองในงานเลี้ยงราตรีคีรีเหมันต์ทั้งเช่นนี้ เกรงว่าคงไร้โอกาสเข้าประชันเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกหลงเหลือมากนัก
ซางชิงพิงสูดหายใจลึก ๆ “ลุงหง เจ้าส่งข้อความบอกบิดาข้าด้วย ว่าหากในตระกูลเรามีมธุรสเซียนเคียงตะวันอยู่ ขอให้ส่งมันให้ข้าโดยเร็วที่สุด”
“ขอรับ!”
ลุงหงรับคำสั่ง
“เจ้ายังไม่ถึงขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ ถึงจะติดหนึ่งในสามอันดับแรกในงานเลี้ยงราตรีคีรีเหมันต์ไป เจ้าจะได้เพียงโอกาสเข้าฝึกฝนในโลกเร้นลับโบราณ ทว่าไร้โอกาสลองเคลื่อนขอบเขตสู่ราชันแห่งภูมิในช่วงสั้น ๆ นี้ ไยจึงรีบนักเล่า?”
ซูอี้อดถามไม่ได้
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ถาม แต่ยามนี้ ดูเหมือนว่าซางชิงพิงจะเป็นกังวลเกี่ยวกับโอกาสนี้ยิ่งนัก
ซางชิงพิงส่ายหน้า “ข้าหาพยายามเคลื่อนขอบเขตสู่ราชันแห่งภูมิไม่ แต่ข้าต้องติดอันดับหนึ่งในสามให้จงได้”
“เพราะเหตุใด?”
ซูอี้เลิกคิ้ว
ซางชิงพิงเม้มปาก แววตาทอประกายซับซ้อน “เพราะการขึ้นสู่หนึ่งในสามอันดับแรกเท่านั้นที่จะทำให้ข้ามีคุณสมบัติ… เพียงพอจะแต่งเข้าตระกูลหลานโบราณ… เป็นคู่วิถี… ของนายน้อยว่าที่เจ้าตระกูลของพวกเขาได้…”
ท้ายที่สุด ใบหน้าหยกงามของนางก็เปี่ยมความโศกเศร้า
เมิ่งฉางอวิ๋นตะลึงอึ้ง
คุณหนูตระกูลโบราณ บุตรีผู้โดดเด่นที่สุดแห่งชนรุ่นเยาว์ผู้มีความสามารถร้ายกาจท้าทายสวรรค์เยี่ยงเส้นชีพทมิฬเก้าหยิน… พยายามแทบตายเพื่อแต่งงานหรือ?
ไร้สาระอย่างมิต้องสงสัย
ซูอี้เองก็ประหลาดใจ แล้วจึงอดกล่าวพลางมองซางชิงพิงอย่างลึกล้ำมิได้ “หรือ… มีผู้ใดบังคับให้เจ้าทำเช่นนี้?”
ซางชิงพิงส่ายหน้า เม้มปากไม่กล่าวอันใดราวมิอยากพูดอีก
“พวกเจ้าคิดว่าชิงพิงเหลวไหลนักหรือ?”
เหยาเสวี่ยอดกล่าวมิได้ “ผิดแล้ว เหตุที่นางทำเช่นนี้ก็เพื่อช่วยตระกูลนางต่างหาก!”
“นี่หมายความเช่นไร?”
ซูอี้ถามอย่างงุนงง
“เหยาเสวี่ย อย่าพูดเลย”
ซางชิงพิงรั้งนาง
เหยาเสวี่ยกล่าวด้วยแววตาสงสาร “ชิงพิง ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็จะไปงานเลี้ยงราตรีคีรีเหมันต์กันอยู่ดี ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาก็จะรู้ ข้าจะให้พวกเขาดูถูกเจ้ามิได้หรอก และยังไม่อาจให้พวกเขาคิดว่าเจ้าทำเช่นนี้เพื่อเกาะแข้งขาคนระดับสูงในตระกูลหลานโบราณด้วย”
กล่าวจบ นางก็หันไปเล่าความจริงกับซูอี้
สัจธรรมนั้นหาซับซ้อนไม่
พันปีมานี้ สถานการณ์ของตระกุลซางย่ำแย่ลงทุกขณะ อำนาจและเขตปกครองของพวกเขาถูกตระกูลโบราณอื่น ๆ ลิดรอนลงและถูกแบ่งแยกในที่สุด
เรื่องที่ร้ายแรงก็คือ เมื่อสามร้อยปีก่อน ราชันแห่งภูมิในขอบเขตคืนสู่สามัญซึ่งเหลือเพียงผู้เดียวในตระกูลซางแทบกลายเป็นบ้ายามเก็บตัวฝึกฝนเลื่อนขอบเขต
แม้ว่าท้ายที่สุดเขาจะรอดตาย แต่ก็ยังบาดเจ็บมิอาจเยียวยา!
เหตุนี้จึงทำให้เกิดความปั่นป่วนในภูมิดารานภาม่วง และยังกระทบต่อเกียรติภูมิและอำนาจของตระกูลซางอย่างร้ายแรงอีกด้วย
ตลอดสามร้อยปีมานี้ สถานการณ์ตระกูลซางย่ำแย่ลงทุกที
จวบจนยามนี้ อย่าว่าแต่ตระกูลโบราณอีกหกแห่งเลย กระทั่งขุมกำลังชั้นสองบางแห่งในภูมิดารานภาม่วงยังกล้าไม่เห็นตระกูลซางอยู่ในสายตา!
เมื่อไม่กี่ปีก่อน ผู้อาวุโสตระกูลซางเคยเสนอว่าต้องการแต่งซางชิงพิงเป็นคู่วิถีให้กับคุณหนูตระกูลหลานโบราณ
หากทำเช่นนี้ ทั้งสองตระกูลจะเกี่ยวดองเป็นพันธมิตร และตระกูลซางก็พอจะฟื้นความเสียหายขึ้นได้บ้าง
อันที่จริง ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลซางกับตระกูลหลานนั้นดีต่อกันมาโดยตลอด และอดีตผ่านมา สองตระกูลก็ติดต่อกันอย่างใกล้ชิด บุตรหลานสองตระกูลนี้บางคนยังได้เป็นคู่วิถีต่อกัน
ทว่าเรื่องนี้ถูกปฏิเสธอย่างหนักแน่นโดยเจ้าตระกูลซาง
ยิ่งกว่านั้น บรรพชนตระกูลซางในขอบเขตคืนสู่สามัญยังกล่าวด้วยว่าเพราะซางชิงพิงมีเส้นชีพทมิฬเก้าหยิน นางจึงมิอาจแต่งเข้าตระกูลหลานโบราณได้!
ดังนั้น เรื่องนี้จึงตกไป และไม่มีผู้ใดพูดถึงมันอีก
ทว่า เมื่อปีก่อน หายนะประดังถาโถมใส่ตระกูลซางเรื่องแล้วเรื่องเล่า ไม่เพียงเขตปกครองของพวกเขาถูกขุมกำลังที่เป็นปรปักษ์บางแห่งกลืนกินอย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยอดฝีมือในตระกูลหลายคนยังบาดเจ็บล้มตาย
สถานการณ์ยามนั้นกล่าวได้ว่าเผชิญศึกทั้งภายนอกและภายใน รับอุปสรรคทั่วทุกทิศทาง
ด้วยเหตุเช่นนี้ ซางชิงพิงจึงชิงอาสาช่วยแบ่งเบาทุกข์ให้ตระกูล ออกปากจะแต่งเข้าตระกูลหลานโบราณ!
ท้ายที่สุด กระทั่งเจ้าตระกูลซึ่งเป็นบิดาของนางก็มิอาจคัดค้าน ทำได้เพียงคล้อยตามนาง
ดังนั้นตระกูลซางจึงส่งทูตไปเจรจาเรื่องนี้กับตระกูลหลานโบราณ
ตระกูลหลานโบราณหาปฏิเสธไม่ แต่เสนอว่าหากซางชิงพิงต้องการเป็นคู่วิถีกับนายน้อยตระกูลหลานของพวกเขา นางต้องพิสูจน์ฝีมือและความแข็งแกร่งที่คู่ควรกับนายน้อยตระกูลหลานในการประลองวิถีงานเลี้ยงราตรีคีรีเหมันต์ และอย่างน้อยต้องติดอันดับหนึ่งในสาม!
หากเป็นเช่นนั้น ตระกูลหลานโบราณจะคุยกับตระกูลซางเรื่องการแต่งงาน
เมื่อรู้เช่นนี้ ซูอี้ก็อดถอนใจเบา ๆ มิได้
ตระกูลซางตกต่ำถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
หาไม่ มีหรือจะคิดเปลี่ยนสถานการณ์ด้วยการแต่งงาน?
นี่คือสิ่งที่ซูอี้คาดหวังไว้ไม่
“ไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหลานโบราณกับตระกูลซางดีมากอยู่แล้วหรือ? ไยจึงยังต้องกล่าวขอเช่นนี้ในยามจะเกี่ยวดองโดยการแต่งงานด้วย จงใจทำให้เรื่องยุ่งยากหรือเปล่า?”
เมิ่งฉางอวิ๋นอดกล่าวมิได้
เหยาเสวี่ยกล่าว “เปล่าหรอก นับแต่สถานการณ์ของตระกูลซางดิ่งเหว ตระกูลหลานโบราณก็ค่อย ๆ ตีตัวออกห่างจากตระกูลซางน่ะ”
เมิ่งฉางอวิ๋นพลันตระหนัก
ความเชื่อมโยงระหว่างสองตระกูลนั้นเกี่ยวพันด้วยผลประโยชน์
เมื่อฐานะและพลังของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันเกินไป ความสัมพันธ์ระหว่างกันย่อมแตกระแหงไม่เหมือนก่อน!
นี่คือสัจธรรม
แล้วซูอี้ก็เมินเรื่องเหล่านี้ไป
จากนั้นเขาก็กล่าวกับซางชิงพิงว่า “เจ้าอยากช่วยตระกูลแบ่งเบาภาระ เปลี่ยนสถานการณ์ เจตนานี้หาได้ยากยิ่ง ทว่า… มิใช่การฉลาดหากเลือกใช้วิธีเกี่ยวดองโดยการแต่งงานหรอกนะ”
แพขนตาของซางชิงพิงสั่นสะท้านเล็กน้อย ก้มหัวลงโดยมิกล่าววาจาใด
เหยาเสวี่ยกล่าวอย่างขุ่นเคือง “คนไม่เกี่ยวข้องย่อมพูดได้สิ ในภูมิดารานภาม่วงทุกวันนี้ สถานการณ์ตระกูลซางเหลือแค่ ‘ไร้ผู้เหลียวแล’ สี่คำนี้แล้ว หากมีวิธีอื่นที่ช่วยตระกูลได้ มีหรือชิงพิงจะเลือกสละตนเองเช่นนี้?”
ซูอี้กล่าวอย่างเรียบเฉย “ข้าจะแก้เรื่องนี้เอง”
“เจ้าหรือ?”
เหยาเสวี่ยผงะ
ซางชิงพิงซึ่งเงียบอยู่ตลอดเองก็อึ้งไป เห็นได้ชัดว่าประหลาดใจ
ลุงหงถอนใจส่ายหน้า
………………..