บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1238: รายนามคิดบัญชี
ตอนที่ 1238: รายนามคิดบัญชี
………………..
ตอนที่ 1238: รายนามคิดบัญชี
เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่พบพานโดยบังเอิญ แต่กลับเต็มใจยื่นมือเข้าช่วย!
หัวใจของซางชิงพิงอุ่นวาบขึ้นเล็กน้อย ก่อนกล่าวขึ้นว่า “น้ำใจของคุณชายเสิ่น ชิงพิงรับไว้แล้ว แต่โปรดอย่าเข้ามาแปดเปื้อนพัวพันกับเรื่องนี้เลย”
“ในความคิดข้า ขอเพียงเจ้ารักษาบาดแผลของชิงพิงได้ ก็เป็นการช่วยนางได้อย่างดีที่สุดแล้วล่ะ”
เหยาเสวี่ยกล่าวเสียงเบา
การวางตนของนางแปรเปลี่ยนไปทีน้อย อ่อนโยนกับซูอี้ขึ้นมาก ไม่ระแวดระวังเช่นก่อนอีกต่อไป
ลุงหงเองก็พยักหน้า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแม้ทั้งสามจะรู้สึกตื้นตันกับการกระทำอย่างมีคุณธรรมของซูอี้มาก แต่พวกเขาก็หาคิดไม่ว่าซูอี้จะสะสางเรื่องนี้ได้
เมิ่งฉางอวิ๋นเงียบสนิท ทว่าความรู้สึกในใจของเขาแปลกพิกล
ในส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว ยังมีสิ่งใดที่ใต้เท้าทัศนาจารย์คลี่คลายมิได้หรือ?
ซูอี้แย้มยิ้ม หากล่าววาจาใดไม่
…
ภูมิเมฆาสวรรค์
โลกกว้างซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิสูงสุดในภูมิดารานภาม่วง
และที่แห่งนี้ยังอยู่ใต้การปกครองของตระกูลหลานโบราณอีกด้วย
ในหมู่เจ็ดตระกูลโบราณ ฐานะและพลังของตระกูลหลานนับว่าเป็นอันดับต้น ๆ สูงล้ำไม่อาจเทียบได้กับตระกูลโบราณอื่น ๆ
คีรีเหมันต์คือแดนภูเขาศักดิ์สิทธิ์อันเลื่องชื่ออันดับหนึ่งในภูมิเมฆาสวรรค์
และเป็นที่พำนักของตระกูลหลานโบราณด้วยเช่นกัน
นับแต่สามหมื่นปีก่อน ตระกูลหลานโบราณได้จัดงานเลี้ยงราตรีคีรีเหมันต์ขึ้นทุกพันปี
ที่ตีนเขาคีรีเหมันต์
ในจวนอันโอ่อ่า เหล่าผู้มีอำนาจของเจ็ดตระกูลโบราณได้พาชนรุ่นเยาว์ของตระกูลตนมาเป็นคณะ
นอดจากนั้นยังมีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมจากทั่วทุกสารทิศ
มีทั้งผู้อาวุโสมีชื่อเสียง และยังมีตัวตนอันลือนามอีกมากมาย
จวนครึกครื้นมีชีวิตชีวา แขกเหรื่อทั้งหลายล้วนเป็นตัวตนสูงส่งในภูมิดารานภาม่วง
เหล่ายอดฝีมือในขอบเขตราชันแห่งภูมิซึ่งบ้างกุมอำนาจตระกูลหรือสำนักต่าง ๆ รวมตัวสรวลเสเฮฮาในโถงหลัก
ส่วนเหล่าคนหนุ่มสาวล้วนจับกลุ่มสังสรรค์ในจวน
ที่แห่งนี้ เพียงสุ่มเลือกสักคนก็ล้วนมีที่มาเกินธรรมดาทั้งสิ้น
ซูอี้นั่งอยู่บนเก้าอี้หวายอย่างโดดเดี่ยวใต้ต้นไม้ที่ออกดอกบานสะพรั่ง ยกไหสุราขึ้นดื่มเงียบ ๆ วายุสดชื่นพัดโชยเป็นครั้งคราว ส่งบุปผาปลิดปลิวแต่งแต้มสีสัน กลีบบุหงากระจ่างพร่างพรมลงบนอาภรณ์ของซูอี้
หลายคนรู้ว่าเขามากับซางชิงพิง คุณหนูตระกูลซาง ทว่ากลับไร้ผู้ใดจากตระกูลซางเป็นฝ่ายก้าวออกมาพูดคุยกับเขาก่อน
ซูอี้หาได้ใส่ใจไม่
งานเลี้ยงเช่นนี้น่าเบื่ออย่างยิ่งในสายตาเขา
โชคดีที่ทิวทัศน์ที่นี่ไม่เลวเลย เพียงพอให้ชื่นชมได้บ้าง
“ได้ยินหรือไม่ หากครานี้ซางชิงพิงติดอันดับหนึ่งในสาม นางจะได้แต่งงานเป็นคู่วิถีกับนายน้อยตระกูลหลาน”
“นางก็แค่อยากพึ่งใบบุญตระกูลหลานเท่านั้นแหละ ในภูมิดารานภาม่วงทุกวันนี้ ใครเล่าจะไม่รู้ว่าตระกูลซางตกที่นั่งลำบากเพียงใด?”
“อนิจจา ในอดีตข้าชื่นชมซางชิงพิงยิ่งนัก ปฏิบัติกับนางเยี่ยงนางสวรรค์ ใครเล่าจะคิดว่านางจะทำเช่นนี้ ช่างน่าผิดหวังจริง ๆ”
“ในงานเลี้ยงราตรีคีรีเหมันต์คืนนี้ ซางชิงพิงอาจขึ้นเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกก็เป็นได้นะ! การตะกายขึ้นชิงอำนาจในตระกูลหลานนี่มีแต่ฝันเฟื่องไปเองแท้ ๆ!”
…ไกลออกไปมีเสียงสนทนา
พวกเขาล้วนแต่เป็นลูกหลานรุ่นเยาว์ของตระกูลโบราณอื่น ๆ และพวกเขาก็ออกปากวิจารณ์ซางชิงพิงโดยหาปิดบังใด ๆ ไม่
ระหว่างสนทนานั้นเปี่ยมด้วยความดูถูกดูแคลน
และบทสนทนาเช่นนี้ก็ได้ยินได้จากทั่วซอกมุมทั่วจวน
แม้อำนาจลดต่ำ สถานการณ์เกินรับไหว แต่ตระกูลซางก็ยังเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลโบราณ
และซางชิงพิงก็เป็นบุตรสาวเจ้าตระกูล หนึ่งในชนรุ่นเยาว์ตระกูลซาง และยังมีเส้นชีพทมิฬเก้าหยิน โด่งดังลือชื่อมาเนิ่นนาน
ยากที่จะมิดึงความสนใจ
ทว่าบทสนทนาส่วนใหญ่ล้วนแฝงด้วยความดูถูกติฉิน
เหตุก็เป็นเพราะการแต่งงานนั้น
เมื่อซูอี้ได้ยินบทสนทนาเหล่านี้ เขาก็เศร้าใจเล็กน้อย
เขารู้แล้วว่าจากลำดับอาวุโส ซางชิงพิงเป็นเหลนสาวของซางเจี้ยนโหลว!
นางคือทายาทสายตรงของซางเจี้ยนโหลวเพียงผู้เดียวซึ่งมีเส้นชีพทมิฬเก้าหยิน!
“หากโหลวน้อยในปรภพรู้เข้า ไม่รู้ว่าจะเสียใจเพียงใด…”
ซูอี้อย่างเสียงขรึม
ยามเย็น เหยาเสวี่ยและชายวัยกลางคนผู้หนึ่งมาหาเขา
“ผู้น้อยซางเหวินเจิ้ง ขอบคุณสหายเต๋ามากที่มอบวิธีช่วยบุตรสาวของข้าเยียวยาบาดแผล”
ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างซาบซึ้ง
ซูอี้รู้ว่าชายวัยกลางคนร่างผอมตรงหน้าคือเจ้าตระกูลซางโบราณ ณ ขณะนี้
นับแล้ว เขาก็คือหลานของซางเจี้ยนโหลว
“แค่เรื่องเล็กน้อย ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงหรอก”
ซูอี้พยักหน้าน้อย ๆ
หลังจากมาถึงภูมิเมฆาสวรรค์ได้ไม่นาน ซางชิงพิงก็ได้ข่าวว่าบิดาของนางนำมธุรสเซียนเคียงตะวันมาให้ ดังนั้นซูอี้จึงมอบเคล็ดวิชาหล่อหลอมโอสถทิพย์เร้นปริศนาแก่ซางชิงพิง
ยามนี้ ดูเหมือนซางชิงพิงจะหวนคืนสู่สภาวะสมบูรณ์พร้อมแล้ว
ซางเหวินเจิ้งกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เมื่องานเลี้ยงราตรีคีรีเหมันต์จบลง ผู้น้อยจะจัดงานเลี้ยงขอบคุณจากใจให้ท่านด้วยตนเอง หวังว่าสหายเต๋าจะรับไว้ มิต้องเกรงใจ”
งานเลี้ยงราตรีคีรีเหมันต์จะเริ่มในไม่ช้า และในฐานะเจ้าตระกูลซาง เขาก็ยังมีเรื่องมากมายที่ต้องทำ
เหยาเสวี่ยมิได้ไปไหน อยู่เป็นเพื่อนข้างกายซูอี้
“เสิ่นมู่ ชิงพิงฝากข้ามาขอบคุณเจ้าด้วยนะ”
เหยาเสวี่ยกล่าวเบา ๆ “นางยังบอกว่านางจะจดจำน้ำใจนี้ไว้ขึ้นใจ ไม่มีวันลืมชั่วชีวิตเลย”
ซูอี้จิบสุรากล่าว “นี่ก็แค่เรื่องที่ข้าสมควรทำ”
เหยาเสวี่ยคิดสักครู่แล้วถอนใจเบา ๆ “น่าเสียดายที่ชิงพิงตัดสินใจแล้ว หาไม่ ข้าว่าเจ้ามีโอกาสจีบนางติดนะนี่”
ซูอี้ “…”
เหยาเสวี่ยเบนสายตามองเหล่าตัวตนสูงส่งห่างออกไปและรำพึงเบา ๆ “ในอดีต เหล่ายอดคนยอดฝีมือที่นี่ล้วนแต่เป็นผู้หมายปองชิงพิง ทว่าเมื่อตระกูลซางตกต่ำ ทัศนคติที่มีต่อชิงพิงของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ยังกระทั่งกล้าล้อเลียนถากถางชิงพิงอีก”
กล่าวถึงจุดนี้ นางก็แสดงสีหน้าชื่นชม “แต่เจ้ากลับส่งถ่านยามหิมะตก ยอดเยี่ยมไปเลย”
ซูอี้นวดหว่างคิ้ว “การกระทำของข้าหาใช่เพื่อหมายปองแม่นางซางชิงพิงไม่”
ในด้านลำดับอาวุโส ซางเจี้ยนโหลวยังต้องเรียกเขาเป็น ‘ผู้อาวุโส’
ด้วยเหตุนี้ มีหรือซูอี้จะคิดเกินเลยกับเหลนสาวของซางเจี้ยนโหลว?
อันที่จริง นับแต่แรกพบซางชิงพิง ซูอี้ก็ถือนางเป็นญาติผู้น้อยมาแต่นั้น
เมื่อเหยาเสวี่ยได้ยิน เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ “เจ้า… ที่เลือกเก็บงำความรู้สึกไว้นี่เพราะกลัวตระกูลหลานโบราณตอบโต้เอาใช่หรือไม่?”
ซูอี้ผงะอึ้ง ไยสตรีผู้นี้จึงยิ่งพูดเฉไฉไปกันใหญ่ได้ล่ะนี่?
“นั่นมันเรื่องความต่างของการใช้ชีวิต ข้าเข้าใจดี”
เหยาเสวี่ยรำพัน “ไม่ว่าจะเป็นใคร พอรู้ว่าชิงพิงจะแต่งงานกับคุณหนูตระกูลหลานโบราณเข้า ก็ย่อมต้องหันเผชิญกับความจริงกันทั้งนั้น”
ซูอี้ส่ายหัวยิ้ม ๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหยาเสวี่ยผู้นี้คิดมากเกินไปแล้ว
หลังรัตติกาลพร่างโปรย แขกในจวนก็ถูกเชิญขึ้นไปยังยอดคีรีเหมันต์
ตัวตนสูงสุดในหมู่ชนรุ่นหลังของเจ็ดตระกูลโบราณจะเริ่มการประลองที่ยอดคีรีเหมันต์
และยังเป็นจุดเด่นของงานเลี้ยงราตรีคีรีเหมันต์นี้ด้วย!
ยอดคีรีเหมันต์
มีสนามเต๋าขนาดยักษ์แห่งหนึ่งถูกสร้างขึ้นที่นี่ ปกคลุมด้วยค่ายกลซึ่งเพียงพอรับการโจมตีของราชันแห่งภูมิในขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงได้
การประลองวิถีจะถูกจัดขึ้นที่สนามเต๋านี้
ขณะนี้มีผู้คนรายล้อมสนามเต๋าอยู่มากมาย ผู้มีอำนาจของเจ็ดตระกูลโบราณและแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายจากทั่วสารทิศล้วนมาประชุมกัน
“เจ้าดูนั่น นั่นแหละนายน้อยตระกูลหลานโบราณ หลานเทียนฉี่ หนึ่งในผู้เก่งกาจรุ่นเยาว์ของภูมิดารานภาม่วง มีฝีมือร้ายกาจไม่ธรรมดา”
เหยาเสวี่ยว่า
“โอ้”
ซูอี้ตอบรับอย่างมิสนใจ
ในสายตาของเขา หลานเทียนฉี่มีฝีมือจริง ๆ เขาสวมอาภรณ์หยก รูปลักษณ์หล่อเหลา เพียงยืนเฉย ๆ ก็กลบรัศมีผู้คนรอบข้างได้
สายตามากมาย ณ ขณะนี้จับจ้องที่เขา ทำให้ตัวตนของเขาดูเหนือธรรมดา
ทว่าในสายตาของซูอี้ เขาก็เป็นเพียงจักรพรรดิผู้หนึ่ง
ดูเหมือนว่า ‘ผู้เก่งกาจ’ ที่ว่านี้อาจหาได้ยากยิ่งในภูมิดารานภาม่วง ทว่าในขุมกำลังใหญ่ในจักรวาลพร่างดาวบางแห่งมีคนเช่นนี้อยู่มากมายมิขาด
ตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิทั้งหลายที่นี่ต่างหากที่ดึงความสนใจของซูอี้ได้บ้าง
ต้องกล่าวว่าอำนาจของตระกูลหลานโบราณนี้ไม่เบาจริงแท้ ในงานเลี้ยงเช่นนี้ยังมีราชันแห่งภูมิมารวมตัวกันได้มากกว่าสิบ
และยังมีสองสามคนเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตคืนสู่สามัญอีกด้วย!
เจ้าตระกูลหลาน หลานเฮ่าอวิ๋นก็เป็นหนึ่งในนั้น
คนผู้นี้ผมดำดุจหมึก ท่าทางมีสง่าราศี ทุกการเคลื่อนไหวดึงความสนใจทุกคนในขณะนี้
“คุณชาย ตาเฒ่าผู้น้อยสืบมาแล้วขอรับ”
เมิ่งฉางอวิ๋นปรากฏข้างกายซูอี้อย่างเงียบงัน
ซูอี้กล่าว “ว่ามา”
เมิ่งฉางอวิ๋นว่า “เร็ว ๆ นี้ มีขุมกำลังมากมายที่เข้าช่วงชิงบุกรุกพื้นที่ของตระกูลซาง ในหมู่พวกเขามีหกตระกูลโบราณอื่น ๆ อยู่ด้วย และพวกเขานี่แหละที่ยึดพื้นที่ตระกูลซางไปมากที่สุดขอรับ”
“กล่าวกันว่า เหตุผลที่ตระกูลซางตกต่ำรวดเร็วนักก็มิอาจแยกจากหกตระกูลโบราณเหล่านี้ได้”
“เพราะถึงอย่างไร ขุมกำลังทั่วไปก็มิหาญกล้าลงมือปองร้ายตระกูลซางง่าย ๆ หรอกขอรับ”
ได้ยินเช่นนี้ ซูอี้ก็กล่าวขัด “ตระกูลหลานโบราณก็เข้าร่วมเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”
เมิ่งฉางอวิ๋นกล่าว “ตระกูลหลานโบราณหาเกี่ยวข้องโดยตรงไม่ แต่ตระกูลโบราณอื่น ๆ จะมอบส่วนแบ่งให้ตระกูลหลานโบราณหลังยึดพื้นที่ของตระกูลซางมาได้ขอรับ”
ซูอี้ลูบคางกล่าว “อยู่เฉย ๆ รับผลประโยชน์หรือ? ตระกูลหลานโบราณช่างใจคดนัก”
เมิ่งฉางอวิ๋นพยักหน้ากล่าว “ตาเฒ่าผู้น้อยสงสัยกระทั่งว่าเมื่อไม่กี่ปีมานี้ เรื่องการยึดพื้นที่ของตระกูลซาง ตระกูลหลานโบราณก็น่าจะช่วยเหลืออยู่อย่างลับ ๆ ด้วยขอรับ”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ เขาก็นำม้วนหยกส่งให้ซูอี้ม้วนหนึ่ง “คุณชาย นี่คือรายชื่อที่ตาเฒ่าผู้น้อยรวบรวมมา เป็นขุมกำลังทั้งหลายที่เข้ายึดอำนาจและอาณาเขตตระกูลซางตลอดมาขอรับ ทุกเรื่อง ตาเฒ่าผู้น้อยถามมาถี่ถ้วน ไม่ตกหล่นแม้แต่เรื่องเดียว โปรดอ่านเถอะขอรับ”
ซูอี้รับม้วนหยกมาอ่านชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”
ข้อมูลในม้วนหยกนั้นละเอียดยิบมาก ไม่ว่าจะเดือนปีใด เกิดขึ้นหนใด ขุมกำลังใดบุกรุกพื้นที่ตระกูลซางล้วนถูกบันทึกไว้ชัดเจน
เมิ่งฉางอวิ๋นรีบยิ้มอย่างถ่อมตน “นี่คือหน้าที่ของตาเฒ่าผู้น้อยขอรับ”
ซูอี้เล่นกับม้วนหยกในมือ กวาดตามองคนทุกผู้ที่นี่พลางกระซิบ “เฒ่าเมิ่ง เจ้าคิดหรือไม่ว่าคืนนี้เหมาะสมแก่การช่วยตระกูลซางสะสางหนี้แค้น?”
วาจาเลื่อนลอยนี้ทำให้หัวใจของเมิ่งฉางอวิ๋นตะลึงนิ่ง
เขาสัมผัสได้ว่าในวาจาเรียบง่ายเหล่านี้แฝงจิตสังหารร้ายกาจ!
มิต้องสงสัยเลยว่าใต้เท้าทัศนาจารย์รอเขาเรียบเรียงรายนามนี้อยู่
เพื่อคิดบัญชีในคืนนี้!
………………..