บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1240: ฆ่าฟันราชันแห่งภูมิเพียงหนึ่งดีดนิ้ว
ตอนที่ 1240: ฆ่าฟันราชันแห่งภูมิเพียงหนึ่งดีดนิ้ว
หลานฉิงเอ๋อร์แสนแค้นเคืองเต็มอก
เมื่อครู่ นางได้เห็นภาพที่เหล่าจักรพรรดิต่างล้มตาย นางกลัวจนแทบสิ้นลม
“คุณหนูอย่าตระหนกไป ตาเฒ่าผู้นี้จะระบายโทสะให้ท่านเอง”
ชายชราชุดดำกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
และเมื่อสายตาของเขามองมายังซูอี้กับเมิ่งฉางอวิ๋น มันก็แปรเปลี่ยนเป็นกดดันข่มขู่อย่างร้ายกาจ
ตู้ม!
อำนาจกฎเกณฑ์รอบกายพลุ่งพล่าน ไต่ระดับกระเพื่อมเยี่ยงสายน้ำ กดดันเสียจนพื้นที่รอบข้างแตกร้าว
ตัวตนที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตราชันแห่งภูมิล้วนสูดหายใจเฮือกและถอยหนีไปไกลโดยไม่รู้ตัว
“ตาเฒ่าผู้นี้หาสังหารผู้ไร้นามไม่ ขานชื่อมา”
ชายชราชุดดำกล่าวอย่างเรียบเฉย
เขาว่าพลางก้าวเข้ามาใกล้
ทั่วฟ้าดินสั่นคลอน จิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวทะลักไหลราวพลิกขุนเขาฝังกลับด้าน ปกคลุมทั่วร่างซูอี้และเมิ่งฉางอวิ๋น
“ผู้เฒ่าหมิงยังคงอารมณ์ร้ายเช่นเดิม”
หลานเฮ่าอวิ๋นผู้เป็นเจ้าตระกูลหลานกระซิบ
ผู้เฒ่าหมิงเป็นบ่าวเก่าแก่ผู้รับใช้พวกเขาตระกูลหลานมาแสนนาน มิอาจนับปีได้
แม้จะเป็นบ่าว ทว่ารุ่นอาวุโสสูงส่งและน่ากลัวนัก
ยิ่งกว่านั้น กระทั่งหลานเฮ่าอวิ๋นผู้เป็นเจ้าตระกูลยังต้องให้เกียรติอีกฝ่ายสามส่วน
เมื่อเขาเห็นชายชราผู้นี้ลงมือ หลานเฮ่าอวิ๋นก็มั่นใจยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน…
ทว่าเขาก็ถูกเมิ่งฉางอวิ๋นหยุดไว้ทันที พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “สหายเต๋า คุณชายของข้ากำลังอารมณ์มิดี หากเจ้าลงมือ ท่านคงรู้สึกผิดหวังแน่แท้ เราน่ะนะ… แค่ยืนรอดูธารโลหิตย้อมที่นี่เถิด”
ซางเหวินเจิ้งตะลึงอึ้ง
ในฐานะเจ้าตระกูล ไร้เหตุพลิกผันใดที่เขาไม่เคยพบพาน
ทว่า ยามได้ยินวาจาของเมิ่งฉางอวิ๋น เขาก็ยังรู้สึกตะลึงอย่างไม่อาจบรรยาย ดูไม่สมจริงอย่างมาก
นี่คือถิ่นของตระกูลหลานโบราณ!
มีราชันแห่งภูมิจากตระกูลโบราณต่าง ๆ รวมตัวกันอยู่มากกว่าสิบ!
บ่าวเฒ่าข้างกายเสิ่นมู่ไปเอาความมั่นใจมาจากหนใด จึงบังอาจกล่าวว่าคืนนี้จะมีโลหิตหลั่งเป็นธารที่นี่?
ซางชิงพิงและเหยาเสวี่ยนิ่งค้างอยู่กับที่ด้วยความตกตะลึง
“ธารโลหิต?”
ชายชราชุดดำหัวเราะอย่างเหยียดหยัน คร้านเกินกว่าจะพูดพล่าม และลงมือทันที
ตู้ม!
เขาใช้นิ้วดุจมีดฟาดฟันไปบนอากาศ
สายปราณมีดปกคลุมด้วยสายฟ้าเสียดแทงสลายอากาศ ฟาดฟันลงมาอย่างเดือดดาล
รัตติกาลคล้ายกับถูกฉีกกระชาก ทั่วบริเวณเจิดจรัสเยี่ยงกลางวัน
คนมากมายต้องหยีตาไม่อาจลืมขึ้น
และอำนาจทรงพลังนี้ยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก
ราชันแห่งภูมิระเบิดโทสะ หมู่ดาราเคลื่อนตำแหน่ง
เพลงมีดเช่นนี้ทำให้ราชันแห่งภูมิมากมายที่นี่รู้สึกเหลือเชื่อ
และเมื่ออยู่ต่อหน้ามีดเช่นนี้ ซูอี้หาชายตาแลไม่ เขาก้าวมาเบื้องหน้า
ฉัวะ!
ไม่อาจขยับได้แม้เพียงชุ่น
และด้วยย่างก้าวของซูอี้
เปรี้ยง!!
ปราณมีดสิบกว่าจั้งแหลกระเบิดทันที
ม่านตาของชายชราหดตัวเฉียบพลัน สีหน้าแปรเปลี่ยนทันใด
ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว ร่างของซูอี้ก็ปรากฎตรงหน้าราวกับเคลื่อนไหวพริบตา
“นามข้า เจ้าไร้คุณสมบัติรับรู้”
เสียงเฉยชาเสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่ซูอี้ยกมือหักคอชายชรา
กร๊อบ!
นิ้วและฝ่ามือออกแรง และคอของชายชราก็หักพับลง
อำนาจอันน่าหวาดหวั่นป่นราชันแห่งภูมิขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงขั้นต้นผู้นี้ทั้งร่างกายและวิญญาณ
ในสายตาผู้อื่น พวกเขาเห็นร่างของชายชราแปรเปลี่ยนเป็นกองเถ้า ปลิวหายไปตามลมคามือซูอี้
เหล่าผู้ชมต่างเงียบกริบ
แม้เข็มตกก็ได้ยิน
ทุกคนตกใจจนแทบตาค้าง
หนึ่งราชันแห่งภูมิในขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงถูกหักคอสังหารไม่เหลือซากราวกับไก่ตัวหนึ่ง!
จอกสุราในมือหลานเฮ่าอวิ๋นแหลกดังเพล้ง ทำให้หยาดเมรัยกระฉอกเปื้อนอาภรณ์
ทว่าตัวเขาหารู้ตัวไม่ สายตาจ้องมองซูอี้ ใบหน้าอันทรงภูมิเปี่ยมความประหลาดใจ
หนึ่งการโจมตีก็สังหารราชันแห่งภูมิได้?
คนผู้นี้คือใคร?
“ปรากฏว่าคุณชายเสิ่นก็เป็นยอดฝีมือผู้เร้นกายลึกล้ำ…”
ซางชิงพิงพึมพำ ตะลึงเสียจนหัวใจสั่น
ซูอี้เยาว์วัยเกินไป ซ้ำยังไร้ปราณการฝึกฝนในร่าง ทุกคนที่พบเขาจึงไม่อาจปฏิบัติต่อเขาเป็นผู้อาวุโสได้
ก่อนหน้านี้ ซางชิงพิงเผลอมองซูอี้เป็นผู้เท่าเทียม
ทว่ายามนี้ นางตระหนักแล้วว่าตนพลาดมาแต่เริ่ม
“ข- ข- เขา…”
เหยาเสวี่ยพูดติดอ่างไม่เป็นศัพท์
ไม่เพียงเหล่าผู้น้อย ซางเหวินเจิ้งและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ในตระกูลก็ตะลึงจนตัวชา
มีเพียงผู้ทรงอำนาจเช่นพวกเขารู้ดีที่สุดว่าราชันแห่งภูมิเป็นตัวตนร้ายกาจเพียงใด
ภูมิดารานภาม่วงอันยิ่งใหญ่มีโลกภูมิน้อยใหญ่นับพัน ผู้ฝึกตนนับร้อย ๆ ล้านกระจัดกระจาย ทว่ากลับมีตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิเพียงไม่กี่สิบ!
แม้แต่ในหมู่ขุมกำลังสูงสุดแห่งโลกหล้าเช่นตระกูลหลานโบราณ ยังมีราชันแห่งภูมิอยู่เพียง 6-7 คน
ทว่ายามนี้ หนึ่งราชันแห่งภูมิของตระกูลหลานโบราณถูกสังหารทิ้งราวเกี่ยวพืช!
ใครเล่าจะไม่ประหลาดใจ?
เหล่าลูกหลานรุ่นเยาว์ผู้เคยล้อเลียนเหยียดหยามซางชิงพิงมาก่อนล้วนตระหนกตกใจ วิญญาณสั่นระรัว
ใบหน้าของเหล่าผู้ใหญ่ที่มาร่วมงานเลี้ยงล้วนเปลี่ยนสี และเต็มไปด้วยความสงสัย
ยอดคีรีเหมันต์ภายใต้รัตติกาลนี้เหมือนมีพายุอันเงียบงันพัดคลั่งในหัวใจคนทุกผู้
ในขณะเดียวกัน ซูอี้พลันกลายเป็นจุดรวมความสนใจทั้งมวล
ตุบ!
ตรงหน้าซูอี้ หลานฉิงเอ๋อร์ดูมิอาจทนความหวาดผวาได้ ร่างของนางทรุดฮวบลงกับพื้น
ซูอี้หาได้สนใจนางไม่ เขาเงยหน้าขึ้นไปกล่าวกับเหล่าผู้มีอำนาจว่า “เข้ามาให้หมดนั่นแหละ หาไม่ ฆ่าทีละคนสองคนก็มิต่างจากเชือดลูกแกะ น่าเบื่อสิ้นดี”
วาจาเลื่อนลอยนี้เด่นชัดจนน่าตะลึงเป็นพิเศษในบรรยากาศเงียบงันเยี่ยงเมืองผี!
หลานเฮ่าอวิ๋นสูดหายใจลึก ๆ ใบหน้ากรุ่นแค้น ยกนิ้วชี้ซางเหวินเจิ้งพลางกล่าวเสียงแข็ง “ได้ ซางเหวินเจิ้ง ที่แท้เจ้าก็แฝงเจตนาร้าย อยากก่อเรื่องในวันนี้! ช่างชั่วช้านัก!”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเชื่อ ว่าการลงมือของซูอี้เป็นแผนสมคบคิดจากตระกูลซาง
“ข้า…”
ซางเหวินเจิ้งกำลังจะกล่าวบางอย่าง
เมิ่งฉางอวิ๋นส่ายหน้าบอก “สหายเต๋า อย่าใส่ใจปัจฉิมวาจาคนตายเลย”
ทุกคน “?”
“สามหาว!”
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งจากตระกูลหลานโบราณเกรี้ยวกราด “ในถิ่นตระกูลหลานของข้า ตาเฒ่าผู้นี้ไม่เชื่อว่าพวกเราตั้งมากมายจะสยบคนบ้าคนเดียวมิได้!”
ยามเขาเอ่ยปาก ผู้มีอำนาจคนอื่นก็ประสานเสียงขานรับ
“หนวกหู”
ซูอี้โบกมือเล็กน้อย
ตู้ม!
ลำนำดาบพลิ้วไหวดุจคลื่นวารีสะท้อนทั่วเก้าชั้นฟ้า
หนึ่งปราณดาบปรากฏโบยบิน ฟาดฟันเข้าใส่ชายวัยกลางคน
รวดเร็วยิ่งนัก!
ไวเสียยิ่งกว่าเคลื่อนกายพริบตา
แม้ชายวัยกลางคนจะเตรียมตัวมาเพียงพอ แต่เขาก็ยังไม่มีจังหวะให้ครุ่นคิดสำหรับรับมือกับดาบนี้ จึงแทบต้องใช้สัญชาตญาณในการฝืนต้านสุดกำลังเพียงอย่างเดียว
ทว่าสมบัติคุ้มกายทั้งหลายของเขาก็ระเบิดสิ้นในพริบตา
ร่างของเขาก็ระเบิดแหลก
เลือดเนื้อยังคงโปรยค้างกลางอากาศ ทว่าก็แปรเปลี่ยนเป็นธุลีปลิวหายไป
สิ่งที่ยิ่งน่าหวาดหวั่นคือ วิญญาณของชายวัยกลางคนไร้กระทั่งจังหวะให้หลบหนี กระทั่งจะกรีดร้องยังไม่ทันได้อ้าปาก เขาก็ตายลงอย่างอนาถเสียแล้ว
หนึ่งดาบสังหารราชันแห่งภูมิขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงขั้นปลาย!
ภาพอันน่าสยดสยองนี้ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกตกใจ ลนลานอลหม่านไปหมด
กระทั่งเหล่าผู้มีอำนาจยังตกใจจนไร้สีเลือด สันหลังเย็นวูบวาบ
แข็งแกร่งเกินไป!
เมื่อถามตนดูก็พบว่า หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาไปรับดาบนี้แทน พวกเขาก็ย่อมไม่อาจรับไหว!
จากนั้นเหล่าราชันแห่งภูมิผู้ทรงอำนาจทั้งหลายล้วนโคจรการฝึกฝนพร้อมเพรียงโดยไร้ความลังเลใด ๆ ก่อนจะใช้สมบัติลับของตนรอคอยอย่างเคร่งเครียด
หนึ่งในราชันแห่งภูมิเฉียบขาดยิ่งกว่า เขาทะยานหนีไปบนอากาศทันที
ทว่า สิ่งที่รอทักทายเขาอยู่คือปราณดาบอันเจิดจรัสประหนึ่งแสงตะวัน เข้มข้นเยี่ยงรุ้งทิพย์เคลื่อนผ่านนภามาตัดร่างของเขากลางเวหา
ฉูด!
โลหิตพรั่งพรูท่ามกลางนภาราตรี วิญญาณละล่องลอย
ไร้ทางสู้!
ทุกคนจำได้ว่าเขาคือผู้เฒ่าในขอบเขตราชันแห่งภูมิผู้หนึ่งจากตระกูลหูโบราณ
ทว่าเขาก็ถูกสังหารกลางอากาศในชั่วพริบตา โดยไร้โอกาสให้หลบหนี!
และนี่คือราชันแห่งภูมิผู้ปลิดปลิวในคืนนี้เป็นคนที่สาม!
บรรยากาศอันพรั่นพรึงแผ่ขยายเยี่ยงน้ำเอ่อท่วมทุ่ง ไม่อาจทราบได้ว่าคนมากมายเพียงใดที่กลัวจนซีดขาว
เดิมทีนี่คืองานเลี้ยงราตรีคีรีเหมันต์ซึ่งจัดขึ้นทุกพันปี เป็นศูนย์กลางความสนใจของโลกหล้า มีผู้เข้าร่วมมากมาย
แต่ใครเล่าจะคิดว่าก่อนงานเลี้ยงจะทันได้เริ่ม หายนะนองเลือดอันน่าสะพรึงกลัวจะเปิดฉากด้วยน้ำมือของชายหนุ่มผู้มีที่มาเป็นปริศนาผู้หนึ่ง!
สามราชันแห่งภูมิล้มตายตามติด ใครเล่าจะไม่อกสั่นขวัญแขวน?
“ข้าบอกแล้วว่าคืนนี้จะมีการคิดบัญชีเกิดขึ้น และจะไม่มีผู้ใดออกไปได้จนกว่าจะจบ ไม่ก็ตาย”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยชา
อาภรณ์ของเขาเขียวดุจหยก ร่างใหญ่โต ไร้ปราณฝึกฝนใด ๆ รอบกายเขา ทว่าภายใต้แสงสว่างจากงานเลี้ยง มันกลับเพิ่มบรรยากาศลึกลับชวนใจหายให้กับเขา
และวาจาของเขาก็เป็นดั่งศิลาใหญ่ ทับร่างคนทั้งหลายจนยากหายใจคล่อง
คิดบัญชี!
ชายหนุ่มไม่ทราบที่มาผู้นี้คิดย้อมที่นี่ด้วยเลือดจริง ๆ!!
“สหายเต๋า หนี้มีเจ้าของเสมอ เราไม่ใช่คนจากตระกูลหลานโบราณ ให้โอกาสเราออกไปได้หรือไม่?”
ชายชุดขาวผู้หนึ่งกล่าวเสียงลุ่มลึก
คนมากมายพยักหน้าเห็นด้วยกับเขา กระตือรือร้นอยากเผ่นจากแดนพิพากษานี้เสียทันที
ซูอี้ถาม
“ผู้น้อยเยว่ยงจากตระกูลเยว่”
ดวงตาของชายชุดขาวทอประกายปรีดา รีบตอบทันที
“ขออภัย แต่เจ้าต้องตาย”
เสียงของซูอี้ยังไม่ทันสร่าง หนึ่งปราณดาบก็ทะยานฟาดบนเวหา
ชายชุดขาวตะลึงอึ้ง ก่อนจะเอี้ยวหลบทันที
ทว่าท้ายที่สุดเขาก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง และถูกปราณดาบฟาดฟันจนร่างแหลกวิญญาณละล่องทันใด
ราชันแห่งภูมิคนที่สี่ปลิดปลิว!
วิธีการอันชัดเจนตรงไปตรงมานี้ดูง่ายดายเสียยิ่งกว่าเชือดไก่ฆ่าสุนัขเสียอีก
แต่ต้องทราบว่าผู้ตายเป็นราชันแห่งภูมิตัวจริง!
ในเวลาทั่วไป เขานั้นยิ่งใหญ่ราวเจ้าสวรรค์ เป็นที่เคารพบูชาจากเหล่าผู้ฝึกตนในโลกหล้า
ทว่ายามนี้ ราชันแห่งภูมิทั้งสี่คนล้วนตกตายคาที่อย่างไร้ทางสู้ในดาบเดียว จึงคาดเดาความตื่นตระหนกได้
เหมือนเช่นเทพเจ้าร่วงหล่นจากสรวงสู่อบาย ทำให้ผู้คนตระหนกอกสั่นจากก้นบึ้งของหัวใจ
และทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้อำนาจของซูอี้น่าหวาดหวั่นยิ่งขึ้นอีก
“ข้าผิดเองที่ไม่กล่าวให้ชัดเจน”
น้ำเสียงของซูอี้ดูขอโทษขอโพยเล็กน้อย “ทว่าก็ยังไม่สายไปหากจะกล่าวให้กระจ่าง”
สายตาของเขากวาดมองคนทุกผู้ ก่อนกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้ามิชอบเรื่องยุ่งยาก จึงใช้โอกาสนี้สะสางบัญชีเกี่ยวกับตระกูลซางในกาลก่อนตลอดมา”
หลังจากเว้นช่วงเล็กน้อย ซูอี้ก็กล่าวว่า “ยามนี้ ทุกคนเข้าใจแล้วหรือไม่?”
บรรยากาศเงียบกริบดุจป่าช้า มีเพียงเสียงซูอี้สะท้อนก้อง
เหล่าผู้ทรงอำนาจจากตระกูลโบราณอื่น ๆ ล้วนมือเท้าเย็นเฉียบ หัวใจร่วงลงถึงตาตุ่ม