บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1245: สัตว์ประหลาดเฒ่ารวมตัว
ปีศาจวิหคเขียวแบกซูอี้กับเมิ่งฉางอวิ๋นทะยานตามเสียงระฆังลับไปไกล
หลังหนึ่งชั่วดื่มชา
ไกลออกไปในจักรวาลพร่างดาว ปรากฏหมู่หมอกหนาทิ้งตัวลงมาปกคลุมเยี่ยงม่านทมิฬ
“ใต้เท้า ด้านหน้านี้เป็นถิ่นของมังกรเฒ่า ไอ้แก่นี่โหดเหี้ยมเลือดเย็น ผู้ใดที่บุกรุกเข้าไปในเขตของมันโดยมิได้รับอนุญาตจะถูกดูดเลือดสูบเนื้อ กลืนกินวิญญาณเสียสิ้นขอรับ”
ปีศาจวิหคเขียวชะงักหยุดลงมิห่างจากม่านหมอกมากนัก
มังกรเฒ่าซึ่งตั้งตนเองเป็น ‘เจ้าสวรรค์ฉางเหอ’ ผู้เป็นหนึ่งในนายเหนือสูงสุดแห่งจักรวาลโกลาหลเหนือธารดาราพร่างอนธการ
มังกรตนนี้ฝึกฝนมานาน มีการฝึกฝนอยู่ในขอบเขตคืนสู่สามัญ มันฉีกกระชากคู่ต่อสู้ในขอบเขตเดียวกันมาหลายต่อหลายหน ดุร้ายอหังการเป็นที่ยิ่ง
ถิ่นที่มันยึดครองจึงเป็นดั่งเขตหวงห้าม!
ซูอี้ซึ่งรู้รายละเอียดของมังกรเฒ่ากล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน “ก็แค่ไส้เดือนตัวหนึ่ง เจ้าไปต่อเถอะ”
ปีศาจวิหคเขียวผงะ ชายหนุ่มผู้ไม่แม้แต่จะมีสัตว์ประหลาดเฒ่าในขอบเขตคืนสู่สามัญในสายตาผู้นี้คือใครกัน?
มันไม่กล้าลังเลอีก จากนั้นจึงทำใจแข็งกระพือปีกเข้าไปสู่ม่านหมอกห่างออกไป
ตู้ม~
หมู่หมอกหนาแหวกออกเยี่ยงสายธาร
ในม่านหมอกที่ไกลออกไปหลายพันลี้พลันปรากฏหนึ่งขุนเขาใหญ่ มันมีความสูงราวหมื่นจั้งราวกับเป็นเสาค้ำจักรวาลและทอดยาวสุดลูกหูลูกตา
“นั่น… นั่นคือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ธารสวรรค์ รังของมังกรเฒ่าขอรับ!”
ปีศาจวิหคเขียวกล่าวอย่างประหม่า เห็นได้ชัดว่ากำลังหวาดผวา
ขณะเดียวกัน ซูอี้ก็เห็นว่าตรงหน้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ธารสวรรค์มีอาคารไม้ไผ่หลังหนึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางค่ำคืนหมอกหนาจากไกล ๆ
อาคารไม้ไผ่นั้นมีเพียงสองชั้น หนึ่งโคมไฟแขวนเดียวดายบนชายคาประตู เปล่งแสงสีส้มอบอุ่นย้อมลงมา
และที่ประตูอาคารไม้ไผ่มีป้ายแผ่นหนึ่ง
เขียนอักษรตัวโต ๆ ไว้ว่า ‘ร้านจำนำ’!
อักษรนี้วูบไหวผลุบโผล่ท่ามกลางแสงสีส้มของโคมไฟ ซึ่งได้เพิ่มความลึกลับให้กับมัน
“เจ้าไปได้แล้ว”
ซูอี้ก้าวลงจากหลังของปีศาจวิหคเขียว
“ขอบคุณใต้เท้าที่ไว้ชีวิตข้า!”
ปีศาจวิหคเขียวถอนหายใจโล่งอก มันแปรเปลี่ยนเป็นชายหัวล้านโค้งให้ซูอี้ ก่อนจะรีบร้อนจากไปทันที
ซูอี้และเมิ่งฉางอวิ๋นเดินไปสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ธารสวรรค์
“คุณชาย เจ้านั่นมิได้จากไปไหนจริง ๆ หรอกขอรับ ดูเหมือนเขาจะกำลังรอดูท่าทีเราอยู่นะขอรับ”
เมิ่งฉางอวิ๋นโพล่งขึ้น
“อย่าใส่ใจเลย”
ซูอี้ตอบกลับอย่างไร้ยี่หระ
อันที่จริง ชายหัวล้านหาจากไปไหนไม่ เขาซ่อนตัวไกลออกไปในหมู่หมอก มองซูอี้กับเมิ่งฉางอวิ๋นเดินจากไป
“นานมาแล้ว สิ่งที่เจ้ามังกรเฒ่าโปรดปรานคือการไล่ล่าสังหารผู้ฝึกตน นี่ต่างอันใดกับการส่งพวกเจ้าเข้ามาติดกับด้วยตนเอง?”
ดวงตาของชายหัวล้านวูบไหว “ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าพวกเจ้าจะรอดชีวิตออกจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ธารสวรรค์ได้หรือไม่!”
ทันใดนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงอันตรายในใจและหันไปมอง
แล้วก็พบเข้ากับร่างผอมบางในม่านหมอกที่อยู่ไกลออกไป
เขาสวมชุดผ้าลินินสีขาว ประดับมงกุฎสูงบนศีรษะ ถือโคมไฟสีฟ้าครามในมือ ขณะพลิ้วร่างไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ธารสวรรค์ราวภูตผี
ชายหัวล้านอ้าปากค้าง มือเท้าของเขาเย็นเฉียบ
เจ้าอบายหลิ่วเซียง!
นายเหนือสูงสุดผู้หนึ่งซึ่งตั้งถิ่นฐานในธารดาราพร่างอนธการเนิ่นนาน ลือกันว่าเขาจะกลืนกินจิตวิญญาณนับพัน ๆ ดวงในแต่ละวัน เป็นตัวตนบรรพกาลระดับลายครามในหมู่ผู้ฝึกตนผี!
ก่อนที่ชายหัวล้านจะทันมีปฏิกิริยา เสียงตีฆ้องรัวกลองก็ดังขึ้น
ในม่านหมอกพลันปรากฏขบวนแห่ขึ้นขบวนหนึ่ง ผู้ฝึกตนปีศาจสองคนเดินนำขบวน หนึ่งเป่าแตรหอยสังข์ หนึ่งตีกลองงานบุญ ประสานทำนองรบดุดันราวอาชาเหล็กสีทอง
เบื้องหลังมีเกี้ยวสีเลือดซึ่งแบกร่วมกันโดยแปดสาวใช้ผู้งดงามจิ้มลิ้ม
การปรากฏตัวของกลุ่มคนเช่นนี้ในม่านหมอกดูประหลาดและกดดันเป็นพิเศษ
“สมุนปีศาจเฒ่าสามตา!”
หนังศีรษะของชายหัวล้านชาวาบ รู้ทันทีว่าผู้ซึ่งนั่งอยู่ในเกี้ยวสีเลือดต้องเป็นมารเฒ่าสามตาแน่แท้ เขาเป็นคางคกเฒ่าตนหนึ่งซึ่งร่างจริงแปลงมาจากสัตว์ร้ายบรรพกาล ‘คางคกเมินบรรพต’
ผู้ถูกขนานนามว่า ‘ปีศาจเฒ่าสามตา’ ในธารดาราพร่างอนธการคือตัวตนร้ายกาจซึ่งมีตัวตนและฐานะไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าอบายหลิ่วเซียงและมังกรเฒ่าเลย
“คืนนี้มันเกิดอันใดขึ้น สัตว์ประหลาดเฒ่าสองตนโผล่หัวมาแล้ว…”
ชายหัวล้านตัวสั่นระรัว
เขาพลันจำสองผู้ฝึกตนมนุษย์ที่พบมาก่อนได้และพลันเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็พบว่าอีกฝ่ายหายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว
“พวกเขาต้องสัมผัสถึงบางอย่างผิดปกติและซ่อนตัวเป็นแน่!”
ชายหัวล้านกล่าวเสียงขรึม
ทันทีที่เขาคิดเช่นนี้ ไหล่ของเขาพลันถูกสะกิด
ร่างของเขากระตุกชะงักนิ่ง
ที่หางตาของเขาเห็นหัตถ์หยกเรียวขาวกระจ่างข้างหนึ่ง
“โล้นน้อย ไยเจ้าจึงมาที่นี่ได้ ไม่กลัวถูกมังกรเฒ่ากินเข้าหรือไร?”
เสียงสตรีดังขึ้นอย่างนุ่มนวลอ่อนหวาน
ชายหัวล้านขนลุกซู่ หลังของเขาเย็นวาบ มิกล้าขยับตัวแม้แต่น้อย ทำได้เพียงกล่าวติดขัด “ข… ข้า…”
“ไม่เป็นไรหรอก มิต้องอธิบายให้ข้าฟังหรอกนะ”
เสียงนุ่มนวลนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่นางจะกระซิบบอกเขา “เจ้าต้องระวังตนให้ดี มังกรเฒ่าอารมณ์ร้าย ไม่เหมือนข้าที่มิเคยกินปีศาจหรอกนะ”
เสียงยังมิทันสร่าง หัตถ์หยกบนไหล่ชายหัวล้านก็หายไป
เงาร่างอันงามสง่าพลันปรากฏจากอากาศธาตุตรงหน้าชายหัวล้าน นางสวมชุดกระโปรงสีดำ เรือนผมดำสยายยาวเยี่ยงน้ำตกลงถึงเอว
นางถือร่มสีเลือดในมือ ค่อย ๆ เดินจากไป
ชายหัวล้านผงะอึ้ง ก่อนจะปาดเหงื่อกาฬของเขาด้วยใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือดอย่างช่วยมิได้
เขาตกใจกลัวอย่างแท้จริง
สตรีถือร่มสีเลือดในชุดกระโปรงสีดำคือหนึ่งในตัวตนร้ายกาจที่สุดในธารดาราพร่างอนธการ นางมีสมญาว่า ‘ฮูหยินกุหลาบป่า’
ที่มาของนางมิเป็นที่รู้จัก
ทว่านานมาแล้ว ความแข็งแกร่ง โหดเหี้ยมเลือดเย็นของนางมากพอจะทำให้เหล่าปีศาจมารร้ายในธารดาราพร่างอนธการพูดถึงนางแล้วต้องเปลี่ยนสีหน้าอย่างหวาดกลัว!
จากคำร่ำลือ นางชอบสะสมโลหิตของผู้ฝึกตนมนุษย์ต่าง ๆ เพื่อบ่มสุรา
ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่พำนักของนางมีโรงบ่มสุราที่มีพื้นที่นับหมื่นจั้ง บรรจุเหล้าโลหิตสารพัดชนิดไว้แน่นไปหมด
มีกระทั่งสุราจากโลหิตของตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิ!
“สามสัตว์ประหลาดเฒ่ารวมตัวที่นี่ คืนนี้… คงไม่แคล้วเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่!”
ชายหัวล้านพึมพำในใจ
ขณะเดียวกัน…
ในม่านหมอกซึ่งมิห่างจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ธารสวรรค์มากนัก
ซูอี้กับเมิ่งฉางอวิ๋นยังคงยืนนิ่งเงียบ
แสงวิถีลึกลับยากเข้าใจสายหนึ่งปกคลุมร่างของทั้งสองดุจม่านที่ไม่อาจมองเห็น
นี่คือเคล็ดวิชากลั้นลมหายใจ
จากการใช้เคล็ดวิชากฎเกณฑ์กำบังกายของซูอี้ จึงไร้ความเสี่ยงจะถูกตัวตนขอบเขตคืนสู่สามัญใด ๆ ตรวจจับได้
ทั้งสองเองก็ได้เห็นเจ้าอบายหลิ่วเซียงผู้สัญจรลำพังพร้อมโคมไฟ ปีศาจเฒ่าสามตาผู้ปรากฏพร้อมขบวนแห่และสตรีถือร่มสีเลือดผ่านไปเช่นกัน
โดยเฉพาะยามที่เมิ่งฉางอวิ๋นได้เห็นรูปลักษณ์ของฮูหยินกุหลาบป่า เขาก็อดหนาวเยือกในใจมิได้
ใบหน้าของนางงดงามราวหญิงสาว ทว่าดวงตากลับกลวงโบ๋ สายน้ำตาโลหิตหลั่งรินย้อมลงมาบนอาภรณ์ของนาง
ทว่านางกลับดูจะชาชินกับมันแล้ว สีหน้าของนางจึงนิ่งสงบยิ่ง
แค่มองก็ชวนให้ผู้พบเห็นตัวสั่นแล้ว
“หนึ่งผู้ฝึกตนผี หนึ่งผู้ฝึกตนปีศาจ…”
เมื่อซูอี้เห็นฮูหยินกุหลาบป่า เขาเองก็ผงะไปเช่นกัน ครุ่นคิดอย่างตั้งใจก่อนจะตัดสินออกมา “และจิตซากศพอีกหนึ่ง”
จิตซากศพ!
เมื่อผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งสิ้นวิญญาณ ร่างกายยังคงกระพัน และหลังแปรเปลี่ยนชั่วกาลนาน มันจะแปรเปลี่ยนเป็นจิตซากศพ
ทว่า เห็นได้ชัดว่าสตรีผู้นี้หาใช่จิตซากศพธรรมดาไม่ นางไร้ดวงตา และร่างกายของนางก็แทบจะสมบูรณ์
ยิ่งกว่านั้น การฝึกฝนของนางยังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง มันเทียบได้กับขอบเขตคืนสู่สามัญขั้นกลาง!
“ที่แห่งนี้อุดมไปด้วยความชั่วร้าย เป็นที่โปรดปรานของหมู่มารจริงแท้”
ซูอี้กระซิบ
ภายใต้สายตาของเขา หลังจากสามสัตว์ประหลาดเฒ่ามาถึงตีนเขาศักดิ์สิทธิ์ธารสวรรค์ พวกเขาล้วนเข้าไปในร้านจำนำตาม ๆ กัน
สิ่งที่สะดุดตาเป็นพิเศษคือภาพลักษณ์ของมารเฒ่าสามตาในขบวนแห่นั้นเตะตาเอาการ เขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม ถือพัดหยก บรรยากาศมีเสน่ห์รัญจวน
กลางหน้าผากของเขามีดวงตาแนวตั้งสีหยกข้างหนึ่ง
“ไป เราตามไปดูกันเถอะ”
ซูอี้หาได้คิดซ่อนร่องรอยอีกต่อไปไม่
เขาอยากรู้จริง ๆ ว่าเกิดอันใดขึ้นในร้านจำนำ
ทันใดนั้น เขาและเมิ่งฉางอวิ๋นก็เดินไปทางร้านจำนำ
“โอ๊ย ตลกฉิบ#*[1] สองคนนั่นกล้าเข้าร้านจำนำนั่นหรือ? ไม่กลัวตายกันหรือไร?”
ไกลออกไปในหมู่หมอก ชายหัวล้านตะลึงมิอยากเชื่อ
…
ในร้านจำนำ
มีลูกคิด ตะเกียงสำริด และตาชั่งวางอยู่บนโต๊ะอย่างละชิ้น
เบื้องหลังโต๊ะเถ้าแก่มีชั้นวางของเรียงรายแน่นขนัด
ตะเกียงสำริดส่องแสงสลัวด้วยแสงไฟเล็กดุจเมล็ดถั่ว ทำให้ร้านจำนำส่วนที่เหลือปกคลุมด้วยเงามืดขะมุกขมัว
ชายชราผู้หนึ่งในอาภรณ์มังกร รูปลักษณ์ยิ่งใหญ่ยืนอยู่หลังโต๊ะเถ้าแก่
เมื่อเจ้าอบายหลิ่วเซียง ปีศาจเฒ่าสามตาและฮูหยินกุหลาบป่าเดินเรียงกันเข้ามา ชายชราอาภรณ์มังกรก็กล่าวด้วยรอยยิ้มบาง “ครานี้ พวกเจ้ารวบรวม ‘ผลึกจักรวาลศักดิ์สิทธิ์’ มาได้กี่ชิ้นเล่า?”
ร่างผอมแห้งในอาภรณ์ผ้าลินินสีขาวผู้สวมมงกุฎสูงเป็นคนแรกที่เดินไปยังโต๊ะเถ้าแก่ นำสมบัติเก็บสัมภาระออกมาเทเบา ๆ
ผลึกจักรวาลศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดราว ๆ ลูกเกาลัดกองหนึ่งไถลออกมา
ของสิ่งนี้วับวาวกระจ่างแสงราวโปร่งใส มีอำนาจมิติปริศนาแผ่พุ่งอยู่ภายใน
“ทั้งหมดสามสิบแปดชิ้น พี่ฉางเหอโปรดตรวจดู”
เจ้าอบายหลิ่วเซียงผายมือเล็กน้อย
ชายชราในอาภรณ์มังกรผู้นั้นมิใช่ใครอื่นนอกจากเจ้าสวรรค์ฉางเหอ มังกรเฒ่าผู้ใช้ชีวิตเนิ่นนานเกินนับปี!
“ไอ้หนู ตาเจ้าแล้ว”
ชายชราในอาภรณ์มังกรยกมือขึ้นเคาะไปบนตาชั่งดุลยพินิจ
ตาชั่งดุลยพินิจสั่นสะเทือนน้อย ๆ แล้วผลึกจักรวาลศักดิ์สิทธิ์กองนั้นก็พลันลอยเข้าไปในจานชั่ง
จากนั้น ลูกคิดเคลื่อนดาราที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งก็ดีดเคลื่อน
ไม่นานนัก มูลค่าของผลึกจักรวาลศักดิ์สิทธิ์กองนี้ก็ปรากฏขึ้นบนลูกคิดเคลื่อนดารา
“เถ้าแก่เฒ่า ตาเจ้าแล้ว”
ชายชราในอาภรณ์มังกรหันไปมองที่มุมมืดหนึ่งของร้านจำนำ
ที่นั่นมีชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ ใบหน้าของเขาโทรมซีด ดวงตาลึกโหล
เขาคือเถ้าแก่เฒ่า
ได้ยินเช่นนี้ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองชายชราในอาภรณ์มังกร หาได้ซ่อนความขยะแขยงชิงชังในสายตาไม่
ทว่าสุดท้ายเขาก็สงวนกิริยา
เขาลุกขึ้นหยิบกล่องสำริดสามใบบนชั้น วางมันลงที่โต๊ะอย่างเงียบ ๆ
จากนั้นก็กลับสู่มุมมืดโดยไม่พูดจา
ชายชราในอาภรณ์มังกรยิ้มอย่างมิใคร่ชอบใจนัก
เขาหันไปกล่าวกับเจ้าอบายหลิ่วเซียงอีกครั้ง “สหายเต๋า ในกล่องสำริดทั้งสาม แต่ละใบบรรจุสมบัติไขกระดูกหงส์หลอมอัคคี ใบไม้สุคนธ์สวรรค์ซ่อมวิญญาณและโลหะเทพพร่างดาราไว้หนึ่งชิ้น เลือกไปหนึ่งกล่องเถิด”
ได้ยินเช่นนี้ ทั้งปีศาจเฒ่าสามตาและฮูหยินกุหลาบป่าที่ดูอยู่มิไกลก็อดมีปฏิกิริยามิได้ แววตาของทั้งสองรุ่มร้อนขึ้นเล็กน้อย
นี่มิใช่หนแรกที่พวกเขามาเยือน
ทว่าจวบจนยามนี้ ก็ยังไม่อาจคาดคิดได้ว่าร้านจำนำนี้ยังซุกซ่อนสมบัติหายากไว้มากเพียงไร!
[1] ต้นฉบับใช้ 我#(一种植物)ซึ่ง 我# เป็นเซนเซอร์คำอุทานประมาณ ไอ้*** และ(一种植物)(ผักชนิดหนึ่ง) เป็นสแลงที่รับมาจากสแลง 草 (ต้นหญ้า) ของญี่ปุ่น เนื่องจาก w (Warau = หัวเราะ) ก็อารมณ์เดียวกับคนไทยพิมพ์ 5 แทนการหัวเราะ พิมพ์เยอะ ๆ wwww ดูเหมือนกอหญ้านั่นเอง แปลรวม ๆ ภาษาบ้าน ๆ ก็ประมาณ ‘ไอ้***ตูเขียม’