บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1246: ข้าจะให้เขามาคุกเข่าเชื่อฟังข้า!
ตอนที่ 1246: ข้าจะให้เขามาคุกเข่าเชื่อฟังข้า!
“ข้าต้องการใบไม้สุคนธ์สวรรค์ซ่อมวิญญาณ!”
เจ้าอบายหลิ่วเซียงตัดสินใจโดยแทบไม่ต้องคิด
ชายชราในอาภรณ์มังกรกล่าวยิ้ม ๆ “ว่าแล้วเชียว หากข้าเข้าใจไม่ผิด สหายเต๋าขาดเพียงก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ขอบเขตคืนสู่สามัญขั้นปลายอยู่แล้วนี่”
เขาว่าพลางส่งกล่องสำริดใบหนึ่งให้
เจ้าอบายหลิ่วเซียงเก็บกล่องสำริดนี้ไปแล้วกล่าวว่า “ห่างหนึ่งก้าว แต่ไม่ต่างจากการทะยานสู่สวรรค์เลย”
กล่าวจบ เขาก็ก้าวหลบไปด้านข้าง
ปีศาจเฒ่าสามตาซึ่งดูเหมือนชายหนุ่มรูปงามเดินมาที่โต๊ะเป็นคนที่สอง และกล่าวด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น “ข้าอยากได้เมล็ดพันธุ์วิถีปฐมสวรรค์ที่ข้าเห็นเมื่อคราก่อนจัง!”
“มิได้!”
ลูกคิดเคลื่อนดาราและตาชั่งดุลยพินิจบนโต๊ะเถ้าแก่พร้อมใจกันตะโกนปฏิเสธทันที
ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนเยาว์ของปีศาจเฒ่าสามตาพลันบูดเบี้ยว
เขาเมินสิ่งของทั้งสองชิ้นนั้น จากนั้นจึงมองไปยังชายชราในอาภรณ์มังกร
ชายชราในอาภรณ์มังกรถามยิ้ม ๆ “มีผลึกจักรวาลศักดิ์สิทธิ์เพียงพอหรือไม่?”
โครม~
ปีศาจเฒ่าสามตาเทผลึกจักรวาลศักดิ์สิทธิ์กองหนึ่งลงบนโต๊ะ “ทั้งหมดสี่สิบเก้าชิ้น จากที่พี่ชายร่วมวิถีกล่าวเมื่อคราก่อน มันน่าจะพอแลกเมล็ดพันธุ์วิถีปฐมสวรรค์ชิ้นนั้นได้”
“มิได้!”
ตาชั่งดุลยพินิจตะโกน “คราก่อนข้าบอกว่าไม่ได้ ครานี้ก็ยังไม่ได้!”
ชายชราในอาภรณ์มังกรแสดงสีหน้าไม่ชอบใจ ก่อนจะเคาะนิ้วลงบนตาชั่งดุลยพินิจ
ตาชั่งดุลยพินิจสั่นสะท้าน ทั้งคันชั่ง สายชั่งและแท่นชั่งล้วนสะเทือนรุนแรงราวถูกฟ้าผ่า แล้วมันก็ส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
สีหน้าของชายชราในอาภรณ์มังกรแย่ลง จากนั้นก็ตบเข้าใส่มันอย่างแรง
เปรี้ยง!
ลูกคิดเคลื่อนดาราสะเทือนสั่น ส่งเสียงโหยหวนอย่างเจ็บปวดแทบแหลกสลาย
“จนกว่านายของพวกเจ้าจะกลับมา ในร้านจำนำนี้ ข้ามีสิทธิ์สูงสุด”
ชายชราในอาภรณ์มังกรตำหนิอย่างเย็นชา “หากกล้าขัดขืน ระวังเถอะ ข้าจะไม่ทำตามกฎของร้านจำนำนี้อีก!”
ลูกคิดเคลื่อนดาราและตาชั่งดุลยพินิจโกรธเสียจนมิอาจพูดเป็นคำ
ชายชราในอาภรณ์มังกรกล่าวกับปีศาจเฒ่าสามตาพร้อมกับแย้มยิ้ม “สหายเต๋า เจ้าก็เห็นแล้วว่าเมล็ดพันธุ์วิถีปฐมสวรรค์นั้นมีค่ามาก หากต้องการแลกมันก็ต้องเพิ่มราคานะ”
ปีศาจเฒ่าสามตาขมวดคิ้ว ก่อนจะกล่าวอย่างมิเต็มใจ “ข้าเหลือผลึกจักรวาลศักดิ์สิทธิ์กับตัวแค่เจ็ดชิ้นเองนะ…”
ชายชราในอาภรณ์มังกรตอบยิ้ม ๆ “นั่นพอแล้ว!”
เขาหันไปกล่าวกับเถ้าแก่เฒ่าในมุมมืดว่า “ไปหยิบเมล็ดพันธุ์วิถีปฐมสวรรค์บนชั้นมาสิ”
“ไม่มีทาง!”
ลูกคิดเคลื่อนดาราตะโกน
“เถ้าแก่เฒ่า นั่นเป็นสมบัติที่ใต้เท้าซูฝากไว้ในร้านจำนำของเรา ด้วยมิตรภาพระหว่างใต้เท้าซูกับเจ้าของร้าน เจ้าของร้านฆ่าเราแน่ ๆ นะ!”
ตาชั่งดุลยพินิจเองก็ร้อนรน
ชายชราในอาภรณ์มังกรยื่นมือออกมากดลงบนลูกคิดเคลื่อนดาราและตาชั่งดุลยพินิจตามลำดับ
ทันใดนั้น ทั้งคู่ก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวด
และชายชราในอาภรณ์มังกรก็หันไปกล่าวกับเถ้าแก่เฒ่าด้วยรอยยิ้ม “เร็วเข้าสิ ตาเจ้าแล้ว”
เถ้าแก่เฒ่าค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้น กล่าวชัดถ้อยทีละคำ “ไส้เดือนเฒ่า ข้าทนพฤติกรรมเจ้ามานานแล้ว! มาสิ หากกล้าก็ฆ่าข้าเลย!”
สีหน้าของเขาดุร้าย เปิดเผยชัดเจน
ชายชราในอาภรณ์มังกรชะงักไป
ใบหน้าของปีศาจเฒ่าสามตาบึ้งตึง ยกนิ้วขึ้นชี้เถ้าแก่เฒ่า “ไอ้แก่ หากเจ้ามิร่วมมือ ข้าจะทำให้เจ้าอยู่อย่างแย่กว่าตาย!”
ไม่ห่างไปนัก ทั้งเจ้าอบายหลิ่วเซียงและฮูหยินกุหลาบป่าล้วนมองเรื่องตื่นเต้นนี้อย่างสนุกสนาน
“ทำได้ดีมากเถ้าแก่เฒ่า! ไอ้แก่นี่เหิมเกริมมานานพอแล้ว ข้าเหลือทนต้องมาฟังเรื่องไร้สาระของไอ้ชั่วนี่เต็มที!”
ลูกคิดเคลื่อนดาราสบถอย่างหาได้ยาก
“โคตร ๆ!”
ตาชั่งดุลยพินิจเองก็แผดเสียง
ทั้งหมดนี้ทำให้สีหน้าของชายชราในอาภรณ์มังกรบึ้งตึง
เขาออกแรงกดฝ่ามือ
ลูกคิดเคลื่อนดาราและตาชั่งดุลยพินิจพลันกรีดร้อง
เถ้าแก่เฒ่าหาเคลื่อนไหวไม่ ดวงตามองชายชราในอาภรณ์มังกรอย่างเย็นชา
“โอ้ ก็แค่เมล็ดพันธุ์วิถีปฐมสวรรค์ชิ้นเดียวเอง แต่กลับกล้าขัดคำสั่งข้าผู้ยิ่งใหญ่นี้อย่างมิลังเลเชียวหรือ!”
ชายชราในอาภรณ์มังกรกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หันไปมองอีกด้านหนึ่ง “ไอ้หนู เจ้าล่ะเห็นด้วยกับการแลกเปลี่ยนนี้หรือไม่?”
ที่ปลายสายตามีระฆังวิถีอันเรียบง่ายอยู่ใบหนึ่ง และยามนี้มันก็ตอบเสียงเย็นชาชัดเจน “ไม่เห็นด้วย!”
เสียงนั้นกังวานก้อง
ชายชราในอาภรณ์มังกรพลันรู้สึกอื้ออึงในหัว ใบหน้าดูโกรธเกรี้ยวขึ้นมาก
“พี่ชายร่วมวิถี ข้าไม่เข้าใจมาตลอดเลยว่าเหตุใดเจ้าต้องทำตามกฏร้านจำนำนี่ด้วย ฆ่าเจ้าพวกมิเชื่อฟังเหล่านี้เสียไม่ดีกว่าหรือ?”
เจ้าอบายหลิ่วเซียงกล่าวช้า ๆ
ชายชราในอาภรณ์มังกรมิได้ทำตาม
เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า “กฏคือกฏ ในเมื่อข้ารับปากจะมิบิดพลิ้ว ข้าย่อมตระบัดสัตย์มิได้”
ทันทีที่วาจาถูกกล่าว สัตว์ประหลาดเฒ่าอีกสามตนล้วนตะลึงนิ่ง
ทว่าชายชราในอาภรณ์มังกรก็แย้มยิ้ม “ทว่าการแลกเปลี่ยนก็ยังดำเนินต่ออยู่ดี”
กล่าวจบ เขาก็เดินไปคว้าคอเถ้าแก่เฒ่า กล่าวด้วยแววตาเฉยเมย “ข้ามิให้เจ้าตายหรอก อย่าว่าแต่ให้โอกาสเจ้าฆ่าตัวตายเลย”
ว่แล้ว เขาก็คว้ามือขวาของเถ้าแก่เฒ่าเดินไปที่ชั้นวางของ “ในเมื่อเจ้าไม่อยากหยิบของ ข้าก็ทำได้แค่ใช้มือเจ้าหยิบของเอง”
เถ้าแก่เฒ่าดิ้นรนสุดชีวิต ทว่าก็ไร้ผล
ใบหน้าของเขาเดือดดาล ดวงตาถลนเหลือก “ไส้เดือนเฒ่า เจ้าของร้านกลับมายามใด เจ้าจะถูกบดขยี้หักกระดูกแน่แท้!”
ชายชราในอาภรณ์มังกรหัวเราะอย่างมิใส่ใจ “เจ้าของร้านของเจ้าหายตัวไปนานกว่าสามร้อยปีแล้ว แม้นางจะยังมีชีวิต แต่ในสายตาข้า นางคงมิอาจหนีปัญหาออกมาได้ชั่วชีวิตแล้ว!”
กล่าวเช่นนั้น เขาก็ใช้มือของเถ้าแก่เฒ่านำกล่องสำริดใบหนึ่งออกมาจากชั้นวาง
จากนั้น เขาก็โยนร่างของเถ้าแก่เฒ่าออกไป แล้วใช้มือตนหยิบกล่องสำริดนั้นกลับมายังโต๊ะเถ้าแก่
เขากล่าวกับปีศาจเฒ่าสามตายิ้ม ๆ “สหายเต๋า นำผลึกจักรวาลศักดิ์สิทธิ์อีกเจ็ดชิ้นออกมา แล้วเมล็ดพันธุ์วิถีปฐมสวรรค์นี้จะเป็นของเจ้า”
ปีศาจเฒ่าสามตากล่าวอย่างยินดี “ได้!”
ลูกคิดเคลื่อนดารา ตาชั่งดุลยพินิจ และระฆังสยบใจล้วนตะโกนลั่นพร้อมเพรียง พุ่งเข้ามาหยุดยั้ง
ใบหน้าของเถ้าแก่เฒ่าบิดเบี้ยว พุ่งเข้ามาเยี่ยงคนคลั่ง “ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!”
เปรี้ยง!
ชายชราในอาภรณ์มังกรถีบร่างเถ้าแก่เฒ่าไปชนผนัง กระอักเลือดออกมาคำโต
เห็นเช่นนี้ ทั้งเจ้าอบายหลิ่วเซียงและฮูหยินกุหลาบป่าล้วนแย้มยิ้ม มองเป็นเรื่องขบขัน
ปีศาจเฒ่าสามตานำผลึกจักรวาลศักดิ์สิทธิ์อีกเจ็ดชิ้นที่เหลือมาส่งให้ “พี่ชายร่วมวิถี รับมันไปเถิด”
“ขอบคุณมาก”
ชายชราในอาภรณ์มังกรแย้มยิ้มและพยักหน้า
ปีศาจเฒ่าสามตายกมือรับกล่องสำริดไป
“หากเจ้าของร้านรู้ว่าเรามิอาจรักษาสมบัติของใต้เท้าซูไว้ได้ ไม่รู้เลยว่าท่านจะโกรธและเสียใจเพียงใด…”
ลูกคิดเคลื่อนดารารำพึงอย่างขมขื่น
“ใครคือใต้เท้าซูที่พวกเจ้าพูดถึง?”
ชายชราในอาภรณ์มังกรกล่าวอย่างสนอกสนใจ
ลูกคิดเคลื่อนดารากล่าวชัดถ้อย “เป็นผู้ที่ชั่วชีวิตเจ้าก็มิอาจเทียบได้!”
ชายชราในอาภรณ์มังกรอดหัวเราะลั่นมิได้ “ข้ามิกลัวหรอก ไม่ว่าใต้เท้าซูนั่นจะเป็นใคร หากเขากล้ามาที่นี่ ข้าจะให้เขามาคุกเข่าเชื่อฟังข้า!”
เจ้าอบายหลิ่วเซียง ปีศาจเฒ่าสามตาและฮูหยินกุหลาบป่าเองก็เสสรวลเฮฮา
ธารดาราพร่างอนธการนี้คือถิ่นของพวกเขา!
ทั่วห้วงลึกจักรวาลพร่างดาว กระทั่งผู้ฝึกตนระดับสูงสุดยังมิกล้ามากันง่าย ๆ!
เมื่อเห็นเช่นนี้ เถ้าแก่เฒ่าและสมบัติวิญญาณปฐมสวรรค์เหล่านี้ล้วนเดือดดาล
และทันใดนั้น หนึ่งเสียงก็กล่าวขึ้นอย่างเฉยเมย
“ไส้เดือนน้อยกล้ายึดรังกาเหว่า โอหังได้เพียงนี้ ไม่คาดคิดจริงแท้”
ทุกคนล้วนหันมองประตูร้านจำนำ
และพบชายหนุ่มชุดเขียวท่าทางเฉยเมยผู้หนึ่งเดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน
เบื้องหลังเขามีบ่าวเฒ่าผู้หนึ่งเดินตามอย่างสำรวม
นั่นคือซูอี้และเมิ่งฉางอวิ๋น
ผู้ฝึกตนมนุษย์สองคน?
พวกเจ้าอบายหลิ่วเซียง ปีศาจเฒ่าสามตาและฮูหยินกุหลาบป่าล้วนประหลาดใจ
นี่คือถิ่นของมังกรเฒ่า!
ที่นี่เป็นดั่งเขตหวงห้ามในธารดาราพร่างอนธการ และหากไร้คำอนุญาต กระทั่งสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้ยังมิกล้าเหยียบย่างเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว!
ทว่ายามนี้กลับมาผู้ฝึกตนมนุษย์สองคนมาหาถึงที่
มีหรือจะมีผู้ไม่รู้สึกแปลกใจ?
ยิ่งกว่านั้น จากน้ำเสียงที่ได้ยิน เขามาเรียกมังกรเฒ่าเป็นไส้เดือน บ้าไปแล้วแน่ ๆ!
ชายชราในอาภรณ์มังกรขมวดคิ้ว ดวงตาสีน้ำตาลแดงพลุ่งพล่านจ้องพินิจซูอี้และเมิ่งฉางอวิ๋นหัวจรดเท้า
ก่อนที่เขาจะทันมีปฏิกิริยา ลูกคิดเคลื่อนดาราก็กรีดร้องอย่างตื่นเต้น
“ใต้เท้าซูมาแล้ว! ร้านจำนำเรารอดแล้ว!”
ตาชั่งดุลยพินิจเองก็ตะโกนอย่างปรีดายิ่ง “ใต้เท้าซูมาแล้ว! อนาคตสว่างไสวแล้ว!”
ระฆังสยบใจขับขานเหง่งหง่างแสนสุขใจราวร่ายรำ
เถ้าแก่เฒ่าในมุมมืดซึ่งดูแก่ชราได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้น ใบหน้าของเขาดูประหลาดใจเช่นกัน
คิดให้หัวแตกตาย เขาก็ไม่คาดว่าซูอี้จะมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ช่างเหลือเชื่อจริงแท้
ต้องทราบว่าที่นี่หาใช่มหาแดนดินหรือภูมิมืดมิดไม่ แต่เป็นสถานที่อันร้ายกาจ ณ ส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว
“หรือจะบอกว่า… ใต้เท้าซูเวียนวัฏกลับมาและเข้าสู่ขอบเขตราชันแห่งภูมิได้แล้วหรือ? ต้องเป็นเช่นนั้นแน่! หาไม่ มีหรือเขาจะข้ามมายังถิ่นมังกรเฒ่าในธารดาราพร่างอนธการได้?”
เถ้าแก่เฒ่าคิดในใจอย่างตื่นเต้น ร่างของเขาสั่นเทิ้มเล็กน้อย
ใต้เท้าซู?
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าล้วนประหลาดใจ
ทว่าทันใดนั้น แววตาของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นเย้าหยอก
“ใต้เท้าซูรึ? ไอ้หนูน้อยอายุยี่สิบเศษนี่หรือที่เจ้าเรียกใต้เท้า และยังดีใจถึงขนาดนี้อีก? ฮ่า ๆๆๆๆ…”
ปีศาจเฒ่าสามตาอดกุมท้องหัวเราะลั่นมิได้
“อย่าขำให้มากนัก ข้าไม่เคยเห็นผู้ฝึกตนมนุษย์เข้ามาในถิ่นของพี่ชายร่วมวิถีฉางเหอมานานแล้ว”
เจ้าอบายหลิ่วเซียงกระซิบ “ทว่า ใต้เท้าซูผู้นี้… เด็กเกินไปราวลูกแกะน้อยเอาตัวมาให้เชือดถึงที่จริง ๆ”
ดวงตากลวงโบ๋ของฮูหยินกุหลาบป่ามองไปยังซูอี้อย่างเย็นชา ขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวาน “พวกเจ้าสำรวมสักหน่อยเถิด อย่าให้สหายน้อยผู้นี้ตกใจกลัวสิ”
ชายชราในอาภรณ์มังกรเคาะนิ้วกับโต๊ะ พลางกล่าวพร้อมกับยิ้ม “กุหลาบป่ากล่าวได้ถูกต้อง เขาเป็นแขกร้านจำนำยามก้าวเข้ามา และเราก็ต้องเป็นเจ้าภาพที่ดี”
หลังจากเว้นช่วงเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลแดงของเขาก็มองไปทางซูอี้ ก่อนกล่าวช้า ๆ “แน่นอนว่าข้ากล่าวไว้แล้ว หาก ‘ใต้เท้าซู’ ที่พวกมันว่ากล้ามา ข้าจะให้เขามาคุกเข่าเชื่อฟังข้า”
กล่าวจบ เขาก็ยกมือขึ้นชี้ที่เท้าซูอี้ “เจ้าก็คุกเข่าที่นั่นก่อนเลย”
สัตว์ประหลาดเฒ่าอื่น ๆ ล้วนมองอย่างขบขัน
เถ้าแก่เฒ่าเดือดดาล นี่ไม่ต่างจากการหยามเกียรติใต้เท้าซูเลย!
ดวงตาของเมิ่งฉางอวิ๋นเย็นชา ไส้เดือนน้อยนี่รนหาที่จริง ๆ
สีหน้าของซูอี้ยังคงเยือกเย็น ดวงตากวาดมองปีศาจเฒ่าทั้งหลายทีละตน ก่อนจะหยุดลงที่ชายชราในอาภรณ์มังกร
เมื่อถูกซูอี้จับจ้อง ชายชราในอาภรณ์มังกรก็ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบายใจอย่างไม่อาจพรรณนาก่อตัวขึ้นในใจ
เขาแค่นเสียงอย่างเย็นชา และกำลังจะทำบางสิ่ง
ทว่าซูอี้พลันหัวเราะ ก่อนกล่าวออกมาว่า “เถ้าแก่เฒ่า ขอข้าทำผิดต่อเจ้าสักเดี๋ยวนะ รอข้าสืบสถานการณ์ก่อน แล้วข้าจะช่วยเจ้าบดขยี้ป่นกระดูกเจ้าไส้เดือนน้อยนี่ทีหลัง”
กล่าวจบ เขาก็ยกมือขวาขึ้นคว้าไปในอากาศ
ชายชราในอาภรณ์มังกรหลังโต๊ะเถ้าแก่พลันถูกคว้าคอแน่นิ่ง ยกขึ้นเยี่ยงไก่
………………..