บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1247: ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ
ตอนที่ 1247: ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ
ร่างของชายชราในอาภรณ์มังกรชะงักค้าง ใบหน้าพลันแปรเปลี่ยน
ปากของเขาเปล่งเสียงไม่ได้ศัพท์ เลือดลมพลุ่งพล่านทั่วกาย ดิ้นรนสุดกำลัง ดุจมังกรติดกับดักซึ่งแสดงความดุร้าย
เขาเป็นมังกร มีพรสวรรค์ร้ายกาจ
หากต่อสู้กับศัตรูในขอบเขตเดียวกัน คู่ต่อสู้มิตายก็บาดเจ็บเสมอ!
ทว่าอึดใจต่อมา พละกำลังของเขาก็ถูกผนึก ลำคอเจ็บแปลบรวดร้าว ใบหน้าแดงก่ำ เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปนแทบมิอาจหายใจ
อย่าว่าแต่ดิ้นรน กระทั่งจะยกนิ้วสักนิ้วยังทำมิได้
เปรี้ยง!
ภายใต้ดวงตาวูบไหวทุกคู่ ชายชราในอาภรณ์มังกรก็คุกเข่าลงบนพื้นตรงหน้าซูอี้
พื้นเคลื่อนสนั่นลั่น ร้านจำนำทั้งร้านเขย่าไหวรุนแรง
รอยยิ้มบนใบหน้าของสามสัตว์ประหลาดเฒ่า ทั้งเจ้าอบายหลิ่วเซียง ปีศาจเฒ่าสามตาและฮูหยินกุหลาบป่าชะงักค้าง อ้าปากพะงาบ ๆ
ปราบมังกรเฒ่าลงเพียงพลิกฝ่ามือ!?
ความรู้สึกหวาดหวั่นเกินบรรยายแผ่พุ่งเข้าสู่ร่างสามสัตว์ประหลาดเฒ่า
พวกเขาล้วนเปลี่ยนสีหน้า ตระหนักแล้วว่าชายหนุ่มผู้ดูไร้พิษสง ที่แท้คือผู้ฝึกตนมนุษย์ผู้น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง!
“เย้!”
ตาชั่งดุลยพินิจ ลูกคิดเคลื่อนดาราและระฆังสยบใจล้วนโห่ร้องอย่างตื่นเต้นโดยพร้อมเพรียง
เถ้าแก่เฒ่าอดประหลาดใจมิได้
ไม่กี่ปีก่อนยามพวกเขาได้พบซูอี้นอกเมืองตาข่ายม่วงที่ภูมิมืดมิด เขายังมิได้ก้าวสู่ขอบเขตจักรพรรดิด้วยซ้ำไป
ทว่ายามนี้ เพียงยกมือ เขาก็สามารถสยบมังกรเฒ่าในขอบเขตคืนสู่สามัญได้แล้ว!
เทียบยามก่อนกับปัจจุบันเหมือนเป็นคนละคน!
ชายชราในอาภรณ์มังกรบนพื้นปล่อยเส้นผมปรกลงบนหน้า ในใจเปี่ยมความอับอายและครุ่นแค้น
ก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งกล่าวให้ซูอี้มาคุกเข่าเชื่อฟังเขาอย่างเฉยเมยอยู่เลย
ทว่า ยามนี้กลับเป็นเขาที่ถูกสยบให้คุกเข่าลงที่นี่!
เขาดิ้นรนพยายามลุกขึ้นอย่างดุเดือด
ทว่าเขากลับมิอาจขยับกายได้เลย ร่างของเขาราวถูกบรรพตศักดิ์สิทธิ์กดทับ จะเงยหน้ายังทำมิได้
สิ่งนี้ทำให้เขาตกใจกลัว ขนลุกซู่ทั่วร่าง ตระหนักแล้วว่าท่าไม่ดี จึงตะโกนเรียก “สหายเต๋าทั้งหลาย รีบช่วยข้าเร็ว!”
สัตว์ประหลาดเฒ่าอีกสามตนเหลือบมองหน้ากัน ทว่าต่างคนต่างลังเล
กระทั่งมังกรเฒ่ายังสู้มิได้ แล้วพวกเขาเล่า?
เจ้าอบายหลิ่วเซียงสูดหายใจลึก ๆ และกล่าวด้วยสีหน้าละอาย “ก่อนหน้านี้ข้ามีตาหามีแววไม่ เผลอล่วงเกินผู้อาวุโสไป ขอได้โปรดเห็นใจข้าด้วย”
กล่าวเช่นนั้น แล้วเขาก็กุมกำปั้นคำนับ
“ผีเฒ่าหลิ่วเซียง เจ้า…”
มังกรเฒ่าโกรธจนแทบคลั่ง
ทว่าจากนั้น เขาก็พบว่าฮูหยินกุหลาบป่าเองก็ขมวดคิ้วและก้มหัวลง “เราเป็นเพียงแขกที่มาแลกเปลี่ยนสินค้า ไม่เคยเข้ายุ่งกับเรื่องของร้านจำนำ ขอผู้อาวุโสโปรดยกโทษให้ด้วย”
“ข้าเองก็ด้วย!”
ปีศาจเฒ่าสามตากล่าวขึ้นอย่างรีบร้อน
ภาพนี้ทำให้หัวใจของเถ้าแก่เฒ่ากระเพื่อมขึ้นลง
สัตว์ประหลาดเฒ่าผู้ปกครองธารดาราพร่างอนธการเหล่านี้ล้วนเย่อหยิ่งโอหัง เป็นตัวตนผู้ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา
ทว่ายามนี้ พวกมันแต่ละตนล้วนก้มหัวลง!
ชายชราในอาภรณ์มังกรชะงักนิ่ง ใบหน้าเผยความโกรธเคืองเดือดดาลออกมา
ไอ้แก่พวกนี้พึ่งพามิได้ที่สุดราวกับสุนัข เอาตัวรอดกันเก่งเสียนี่กระไร!
ซูอี้หาสนใจสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้ไม่
เถ้าแก่เฒ่าตอบโดยไม่มีความลังเล “เยอะเลยขอรับ หากใต้เท้าซูต้องการ ตาแก่น่าผิดหวังผู้นี้เขียนบัญชีให้ท่านได้นะขอรับ!”
ซูอี้โบกมือ “มิต้องหรอก”
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าล้วนร้องลั่นในใจ นี่มันเจตนากดขี่พวกเขาชัด ๆ
คิดบัญชี?
เจ้าอบายหลิ่วเซียงกล่าวเสียงลุ่มลึก “ผู้อาวุโส ตลอดมานี้เราแลกสมบัติจากร้านจำนำมามากมาย ทว่ามังกรเฒ่าเองก็ได้รับผลึกจักรวาลศักดิ์สิทธิ์ไปตามราคานะขอรับ เรา…”
ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ ซูอี้ก็กล่าวขัดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ยามฝีมือไม่ถึงขั้น ก็นำเหตุผลและความยุติธรรมมาอ้าง และเมื่อแข็งแกร่งล้ำหน้าก็กระทำการชั่วช้า กฎเกณฑ์มิสนใจ ไม่ชั่วให้ถึงที่สุดหน่อยหรือไร? ไร้ค่าแท้ ๆ”
เจ้าอบายหลิ่วเซียง “…”
ใบหน้าของเขาบูดเบี้ยว ขณะที่แววตาฉายประกายดุร้ายจาง ๆ
ซูอี้กล่าวกับตนเอง “ว่ากันตรง ๆ ก็คือ ต่อให้ฆ่าล้างธารดาราพร่างอนธการนี่เสียให้หมด ก็จะไม่มีคนดีใดต้องสูญเสีย”
ฮูหยินกุหลาบป่าก้มหัวลงก่อนจะกล่าว “ผู้อาวุโส เราทั้งหลายล้วนนอบน้อมแสดงความปรารถนาดีต่อท่าน โปรดรามือละเว้นพวกเราด้วยได้หรือไม่?”
ซูอี้หัวเราะ
มือขวาของเขาพลันกดลงบนอากาศตรงหน้า
ฉัวะ!
แสงศักดิ์สิทธิ์ดำทมิฬพลันฉายขึ้นบนอากาศตรงหน้าเขาสามจั้ง
เมื่อมองใกล้ ๆ จะพบว่ามีเข็มยาวเจ็ดชุ่นเล่มหนึ่ง บางเฉียบดุจขนวัว อาบปราณชั่วร้ายพลุ่งพล่าน
สมบัติชิ้นนี้ซุกซ่อนอยู่ในอากาศอย่างเงียบงันตลอดมา มันจ่ออยู่ที่หว่างคิ้วซูอี้ห่างออกไปสามจั้ง!
เปรี้ยง!
เปรี๊ยะ!
แทบจะในยามเดียวกัน บนฟ้าเหนือหัวของซูอี้ สมบัติลับคล้ายดวงตาสีชาดพลันระเบิดออกเป็นละอองแสงพร่างพราย
เบื้องหลังซูอี้ กรงเล็บกระดูกขาวโพลนชิ้นหนึ่งก็ระเบิดออก
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นพร้อมเพรียงกัน
ด้วยอำนาจของซูอี้ ทั้งเข็มเล่มเรียว สมบัติลับที่ดูเหมือนดวงเนตรสีชาดและกรงเล็บกระดูกสีหิมะล้วนระเบิดแหลก
ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นเมิ่งฉางอวิ๋นหรือเถ้าแก่เฒ่าล้วนไม่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกมัน
จนเมื่อเห็นเช่นนี้ พวกเขาล้วนสันหลังหนาวเยือก ตระหนักแล้วว่าในบทสนทนาก่อนหน้านี้ได้มีสารพัดอาวุธสังหารพุ่งเข้าใส่ซูอี้
สัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งสามตนนี้คือผู้ลงมืออย่างไม่ต้องสงสัย!
จริงดังว่า สีหน้าของสัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งสามตนล้วนแปรเปลี่ยนอย่างพร้อมเพรียง
“นี่หรือความปรารถนาดีของพวกเจ้า?”
ซูอี้กล่าวประชดประชัน
ตู้ม!
เจ้าอบายหลิ่วเซียงสะบัดโคมไฟที่เขาถืออยู่ สาดเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีครามพุ่งเข้าปกคลุมซูอี้เยี่ยงธารสีคราม
ร่างของเขาแปรเปลี่ยนเป็นควันสีครามก่อนจะหายวับไป
ปีศาจเฒ่าสามตากู่คำราม อ้าปากพ่นตราประทับวิถีออกมาชิ้นหนึ่งที่ดูเหมือนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ย่อส่วนลงจนไม่อาจทราบได้ว่ากี่เท่า จากนั้นเขาก็ฟาดมันทับลงบนตัวซูอี้อย่างรุนแรง
ฮูหยินกุหลาบป่าเปิดร่มสีเลือดกวาดผ่านนภา
ตู้ม!
แสงสีแดงเลือดแห่งกฎเกณฑ์ปรากฏขึ้น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นนรกนทีเลือด
และการโจมตีนี้ก็พุ่งตรงเข้าหาเถ้าแก่เฒ่าและลูกคิดเคลื่อนดารา!
สัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งสามไม่เพียงมีประสบการณ์การต่อสู้อย่างโชกโชน แต่ยังร่วมมือกันอย่างรู้ใจ ภายใต้การโจมตีประสานของทั้งสาม ร้านจำนำก็สะท้านเคลื่อนโอนเอนรุนแรง
ดวงตาของมังกรเฒ่าซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นฉายประกายตื่นเต้น
สุนัขเฒ่าพวกนี้ยังพอมีน้ำยาอยู่บ้าง!
มังกรเฒ่าพลันชะงักค้าง ในสายตาของเขา ทุกสิ่งในร้านจำนำพลันหยุดนิ่งอย่างน่าประหลาด
เหมือนเป็นภาพนิ่งในกรอบ
ในภาพนั้นมีกระทั่งร่างของเจ้าอบายหลิ่วเซียงซึ่งหายตัวไป เขาถือมีดสั้นกระดูกขาวในมือ และปรากฏตัวอยู่ข้างกายซูอี้เพื่อหมายจะแทงไปยังอีกฝ่าย
ทว่าเขาก็หยุดนิ่งกับที่ในอิริยาบถนั้นราวถูกตรึงกับที่
มังกรเฒ่าตะลึงอึ้ง นี่มันเคล็ดวิชาใดกัน?
“นี่…”
เถ้าแก่เฒ่าเองก็ผงะตะลึง
ภาพนี้ทำให้เขาหลงรู้สึกประหนึ่งฟ้าดินนิ่งงัน
“ใต้เท้าซู นี่เป็นวิชาตรึงร่างหรือเปล่าขอรับ?”
ลูกคิดเคลื่อนดาราอดถามไม่ได้
ซูอี้ส่ายหน้ายิ้ม ๆ “นี่คือกฎมหาวิถีต่างหาก”
เขากล่าวพลางฉวยมีดสั้นกระดูกขาวจากมือของเจ้าอบายหลิ่วเซียง แล้วเสียบเข้าไปในคอของเจ้าอบายหลิ่วเซียงอย่างเฉยชา
ฉัวะ!
ดวงตาของเจ้าอบายหลิ่วเซียงเบิกกว้าง
ร่างของเขามอดไหม้ลงกับพื้น และกลายเป็นเถ้าถ่านไปในพริบตา
ภาพนี้ชวนตะลึงเสียจนมังกรเฒ่าตาถลน
ขณะเดียวกันนั้น ปีศาจเฒ่าสามตาและฮูหยินกุหลาบป่าต่างหวาดผวาไปตาม ๆ กัน
พวกเขาล้วนเหมือนแมลงติดหยากไย่ พลังในกายถูกผนึกจนไม่อาจขยับตัวได้แม้แต่น้อย และทำได้แค่นิ่งมองกับที่
เป็นความระทึกขวัญเสียจนแทบสิ้นสติ
จากนั้นซูอี้ก็เดินมายังปีศาจเฒ่าสามตา นำกล่องสำริดซึ่งบรรจุเมล็ดพันธุ์วิถีปฐมสวรรค์ออกมาจากร่างของเขา แล้วกระซิบว่า “เป็นแค่คางคกตัวหนึ่ง แต่กล้าพยายามชิงสมบัติที่ข้าฝากไว้ที่นี่ วาดฝันสวยนะ”
เขายกมือขึ้นตบ
เปรี้ยง!
ร่างของปีศาจเฒ่าสามตาซึ่งดูเหมือนชายหนุ่มรูปงามแหลกสลาย วิญญาณพลิ้วลอย
จากนั้นซูอี้ก็หันมามองฮูหยินกุหลาบป่า
ยามนี้ ใบหน้าของฮูหยินกุหลาบป่าเปี่ยมความจนใจสิ้นหวัง พยายามอ้าปากวอนขอความเมตตา ทว่ากลับมิอาจเปล่งวาจาใดได้
“ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร ไม่ต้องพูดให้มากความ”
ซูอี้แย้มยิ้ม ก่อนจะยกมือขึ้นตบอีกครา
ร่างอันบอบบางสะโอดสะองของฮูหยินกุหลาบป่าแหลกเป็นธุลีสลายหาย
ยามนี้ สามสัตว์ประหลาดเฒ่าในขอบเขตคืนสู่สามัญซึ่งปกครองธารดาราพร่างอนธการมานับปีล้วนตกตายตามกัน!
ภาพการเข่นฆ่าฝ่ายเดียวนี้ทำให้เถ้าแก่เฒ่าทั้งตะลึงและเลื่อมใส
เมิ่งฉางอวิ๋นหาแปลกใจไม่
ไม่นานนี้ ยามเมื่อเขาอยู่ในภูมิดารานภาม่วง เขาเคยเห็นซูอี้สังหารราชันแห่งภูมิในขอบเขตคืนสู่สามัญด้วยการดีดนิ้วครั้งเดียวมาแล้ว
ดังนั้นเขาจึงย่อมไม่แปลกใจกับเหตุการณ์นี้
“ไส้เดือนเฒ่า ยังมีสิ่งอื่นจะพูดหรือไม่?”
ซูอี้ก้มมองไปยังมังกรเฒ่าซึ่งคุกเข่าอยู่
ยามนี้ มังกรเฒ่าผู้อ้างตนเป็น ‘เจ้าสวรรค์ฉางเหอ’ กล่าวขึ้นด้วยท่าทีเยือกเย็นยิ่ง “ข้าต้องยอมรับว่าตัวข้าผู้นี้โอหังจนถูกสยบลงกับพื้น ซึ่งสมควรแล้ว”
เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นกล่าวกับซูอี้อย่างเฉยเมย “ทว่าข้าขอแนะนำผู้อาวุโสให้พอแค่นี้ หาไม่ มันจะนำสู่หายนะได้”
คิ้วของซูอี้เลิกขึ้นน้อย ๆ
เมิ่งฉางอวิ๋นแค่นเสียงอย่างเย็นชา จากนั้นก็ก้าวเข้ามาตบหน้ามังกรเฒ่า “จะตายอยู่แล้วยังกล้าทำปากดีอีก!”
เสียงตบนั้นดังกังวาน ใบหน้าของมังกรเฒ่าพลันบวมแดงเลือดซิบ
เขากล่าวยิ้ม ๆ อย่างไม่แยแส “นี่ก็แค่หมิ่นเกียรติกันเล็กน้อย ข้าหาใส่ใจไม่”
ยามนั้นเอง เถ้าแก่เฒ่าจึงพูดขึ้นอย่างรีบร้อน “ใต้เท้าซู จะฆ่ามังกรเฒ่านี้ไม่ได้นะขอรับ”
“หมายความว่าอย่างไร?”
ซูอี้ประหลาดใจ
สีหน้าของเถ้าแก่เฒ่าดูซับซ้อน ก่อนจะรำพึงออกมาว่า “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของนายข้า!”
ม่านตาของซูอี้หดตัวเล็กน้อย
เขาเงียบไปชั่วขณะ แล้วจึงนำเก้าอี้หวายออกมานั่ง “ไหนว่ามา”