บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1283: ที่มาแห่งหายนะบนร่างของเว่ยซาน
ตอนที่ 1283: ที่มาแห่งหายนะบนร่างของเว่ยซาน
ความเงียบหวนคืนสู่วิหารเซียน
ซูอี้เดินมาหาเทียนฉี และพบว่าแม้นางจะบาดเจ็บสาหัส ทว่าก็มิถึงชีวิต เขาจึงคลายใจ
หากสตรีผู้นี้ตาย ชิงหว่านเองก็อยู่มิได้เช่นกัน
จากนั้นซูอี้ก็มายังสุดโถง
เว่ยซานนั่งขัดสมาธิมิต่างจากรูปปั้นดินเหนียว ไม่ได้ลืมตาตื่นไม่ว่าศึกเมื่อครู่จะดุเดือดเพียงไร
“ที่แท้ก็เป็นเคล็ดวิชาจองจำจิตวิญญาณ โชคดีที่แก้ไม่ยากนัก”
ซูอี้ถอนหายใจโล่งอก
เขานำกาน้ำสำริดจากเอวเทียนฉีออกมาลบผนึกทิ้ง “จิ่วเย่า ออกมาคุยกันหน่อย”
วูบ!
เกิดแสงสว่างทอประกายเจิดจรัส และร่างของจิ่วเย่าก็ปรากฏ
“ผู้น้อยคารวะใต้เท้าทัศนาจารย์!”
จิ่วเย่าคำนับอย่างนอบน้อม
เขาเหลือบมองเทียนฉีซึ่งนอนสลบไสลอยู่ไม่ไกลนักด้วยสีหน้าเจือความกังวล
“นางไม่เป็นไรหรอก เจ้ามิต้องห่วง”
ซูอี้กล่าวพลางนำเก้าอี้หวายออกมาทอดกายเอกเขนก จากนั้นก็นำขวดบรรจุโอสถเทพมารดาเบิกวิญญาณออกมากรอกเข้าปาก
จิ่วเย่าดูใจชื้นขึ้น “ผู้น้อยทราบอยู่แล้วว่าในเมื่อใต้เท้าทัศนาจารย์อยู่ที่นี่ ท่านจะสามารถฆ่าสตรีผู้นั้นลงได้ขอรับ!”
เมื่อเขาเห็นว่าร่างของซูอี้บาดเจ็บ หัวใจของเขาก็ลอบตะลึง และตระหนักว่าเมื่อครู่ต้องเกิดศึกดุเดือดขึ้นเป็นแน่!
“เจ้ารู้หรือไม่ว่านางมาจากหนใด?”
ซูอี้ถาม
เซียนเสวี่ยหลิว?
ซูอี้ครุ่นคิดสักพักก่อนจะเลิกสนใจ และถามรายละเอียดเพิ่มเติม “เจ้าบอกเท่าที่เจ้ารู้มา”
จิ่วเย่าครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะเอ่ยเล่าเรื่อง
เรื่องราวนั้นเรียบง่ายมาก เมื่อปีก่อน เทียนฉีถูกเจ้าหอเหยียนเต้าหลินเชิญไปพบ บอกว่าต้องการให้นางพบผู้อาวุโสผู้หนึ่ง
และยามนั้นเองที่เทียนฉีถูกจิตวิญญาณนาม ‘เซียนเสวี่ยหลิว’ สิงสู่
ต่อจากนั้น เทียนฉีผู้ถูกสิงสู่ก็มายังวิหารเซียน ณ ใจกลางสันเขาอีกาภายใต้การนำทางของเหยียนเต้าหลิน
“ข้ากะไว้ไม่มีผิด นี่คือแผนชั่วของเหยียนเต้าหลิน จุดประสงค์คือช่วยเสวี่ยหลิวสังหารข้า”
ซูอี้กระซิบ
“แล้วเขาเล่า ไยจึงถูกเหยียนเต้าหลินควบคุม?”
ซูอี้ชี้ไปยังเว่ยซานซึ่งอยู่มิห่างไปนัก
จิ่วเย่ากล่าวแฝงความละอายเล็กน้อย “ใต้เท้า เรื่องของสหายเต๋าท่านนี้ ผู้น้อยไม่ทราบเลยขอรับ”
ซูอี้ “…”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากต้องการปลดความสงสัยในใจ เขาก็ทำได้เพียงต้องไปพบเหยียนเต้าหลินเท่านั้น!
ซูอี้กล่าว “ต่อจากนี้ ข้าจะพาเทียนฉีไปหอเก้าสวรรค์สักหน่อย เจ้าวางใจได้ ข้าจะมิทำร้ายชีวิตนางหรอก”
จิ่วเย่าพยักหน้า
ซูอี้ไม่กล่าวสิ่งใดอีก และเริ่มทำสมาธิเยียวยาบาดแผล
ครึ่งชั่วยามต่อมา
บาดแผลสมานเรียบร้อย และการฝึกฝนของเขาก็คืนสู่จุดสูงสุด
ยามนี้เอง ซูอี้ก็กระซิบอย่างมั่นใจในตน “หากต้องการ ข้าจะเข้าสู่ขอบเขตคืนสู่สามัญยามใดก็ย่อมได้!”
ทว่าซูอี้ยังไม่คิดเลื่อนขอบเขตที่นี่
ครู่ต่อมา เว่ยซานก็ค่อย ๆ ฟื้นสติ
“เจ้าเว่ยน้อย มิได้พบกันเสียนาน”
ซูอี้เสสรวล
เมื่อได้ยินคำเรียกเจ้าเว่ยน้อย ร่างของเว่ยซานก็สะดุ้ง เขามองซูอี้อยู่เนิ่นนาน ก่อนจะถามอย่างไม่แน่ใจ “เจ้าคือ… นายน้อย?”
ซูอี้นำไหสุราออกมาส่งให้ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นอกจากข้า ยังมีใครบ้างที่โง่พอจะรี่เข้ามาช่วยเจ้าทั้ง ๆ ที่รู้ว่านี่คือกับดักกัน?”
เว่ยซานชะงักไปครู่ ก่อนจะกล่าวอย่างตื่นเต้น “นายน้อย เป็นท่านจริง ๆ หรือ?”
หัวใจของซูอี้เองก็กระเพื่อมไหวด้วยอารมณ์เบาบาง
เว่ยซานคือบุตรบุญธรรมของเฒ่าขาเดี้ยงเว่ย และเป็นเพื่อนวัยเด็กซึ่งสนิทสนมกับทัศนาจารย์ที่สุด ทั้งคู่ในยามนั้นตัวติดกันแทบมิอาจแยกจาก เลือดร้อนเปี่ยมจิตวิญญาณ และกระทำเรื่องน่าขันมากมายมาด้วยกัน
ครั้งหนึ่งเคยดื่มจนเมามาย โซเซเอนพิงหอโคมเขียวสูงอันระย้าพลิ้วด้วยผ้าแดง
และยังเคยพกหนึ่งดาบท่องทั่วโลกหล้า เกลือกกลั้วคลุกคลานในแดนมลทิน…
ในยามเยาว์อันดูน่าขันเหล่านี้ เว่ยซานอยู่ข้างกายทัศนาจารย์มาโดยตลอด
ทุกหนยามเขาพลาดพลั้ง เฒ่าขาเดี้ยงเว่ยหาได้กล้าตำหนิทัศนาจารย์ไม่ เขาจึงมาระบายโทสะเอากับเว่ยซาน ทำให้เด็กผู้นี้ต้องกุมหัวกรีดร้องอย่างน่าเวทนา
ทว่าเว่ยซานกะโหลกหนา เจ็บแล้วจำไม่นาน ครู่ต่อมาเขาก็จะตามทัศนาจารย์ไปก่อวีรกรรมต่อไป
เมื่อย้อนคิดในยามนี้ ซูอี้ก็อดยิ้มมิได้
เขาเล่าเรื่องการเวียนวัฏของตนให้อีกฝ่ายฟังโดยสังเขปทันที
“ข้าว่าแล้วเชียว ชีวิตของนายน้อยนั้นเลิศล้ำกล้าแข็ง กระทั่งสวรรค์ยังไม่อาจชิงไป!”
เว่ยซานหัวเราะร่า สีหน้าเปี่ยมความตื่นเต้น
ซูอี้ส่ายหน้าชั่วขณะ และกล่าวว่า “ข้ามิใช่ทัศนาจารย์ที่เจ้าคุ้นเคยด้วยอีกต่อไปนะ”
เว่ยซานหาได้ใส่ใจไม่ “เวียนวัฏฝึกฝนใหม่ ข้าเข้าใจ แต่ในใจข้าเฒ่าเว่ย เจ้าก็คือนายน้อย หาผิดเพี้ยนไม่!”
ซูอี้อดหัวเราะไม่ได้
นี่แหละเว่ยซาน วาจาตรงไปตรงมา อิสระไร้กังวล
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร?”
ซูอี้ถาม
เว่ยซานชะงัก รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเลือนหาย พลันยกไหสุราขึ้นดื่มอึกใหญ่ แล้วจึงกล่าวเหตุผล
“หลังจากนายน้อยเวียนวัฏสงสารฝึกฝนใหม่ไม่นาน ข้ากับพ่อบุญธรรมก็กลับไปใช้ชีวิตสันโดษที่บ้านเกิด สงบสุขอยู่หลายพันปี”
“และยามนั้นเองที่ข้ากับอวิ๋นหลานแต่งงานกัน ไม่นานอวิ๋นหลานก็มอบบุตรสาวผู้ว่านอนสอนง่ายแก่ข้าผู้หนึ่ง ข้าขอให้พ่อบุญธรรมเป็นผู้ตั้งชื่อให้นาง และได้นาม ‘ซีฉือ’ มา ส่วนชื่อเล่นก็คืออาจิ่ว…”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ สีหน้าของเว่ยซานก็ปรากฏความอ่อนโยนขึ้น
และซูอี้ก็เข้าใจแล้วว่าเว่ยซีฉือคือจ้าวเรือนจำลำดับที่เจ็ดของหอเก้าสวรรค์!
“น่าสังเวชที่โลกนี้ไร้จีรัง ยามอาจิ่วอายุสามปี หายนะหนึ่งพลันบังเกิด”
สีหน้าของเว่ยซานหม่นหมอง คิ้วขมวดดุดันด้วยความแค้นเคืองรุนแรง ดวงตาแดงขึ้นมาเล็กน้อย
“กลุ่มยอดฝีมืออันมีที่มาลึกลับปรากฏกายขึ้นและเข่นฆ่าในโลกเร้นลับของเรา พวกเขาล้วนมีวิถีเต๋าร้ายกาจ แข็งแกร่งจนไม่น่าเชื่อ และเริ่มละเลงเลือดโดยหาพูดจาหรือถามเหตุผลสักคำไม่…”
น้ำเสียงของเว่ยซานทุ้มต่ำ สีหน้าเศร้าหมอง ดูจะนึกถึงภาพอันเกินรับไหวขึ้นได้
ครู่ต่อมา เขาก็สูดหายใจลึก ๆ และกล่าวด้วยเสียงแหบ “ศึกนี้… เมียข้าอวิ๋นหลาน นาง… ถูกศัตรูเผาทั้งเป็น!!”
“และเพื่อช่วยข้ากับอาจิ่ว พ่อบุญธรรมของข้าก็เข้าต่อสู้กับศัตรูเหล่านั้น…”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ ดวงตาของเว่ยซานก็แดงฉาน ริมฝีปากสั่นระริก ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยเพลิงแค้น
สีหน้าของซูอี้หม่นหมองลง หัวใจปั่นป่วนยิ่ง
คนเราหาใช่ผักหญ้า จึงฟันเกี่ยวอย่างไร้ปรานีได้
เขามีประสบการณ์และความทรงจำของทัศนาจารย์ และเป็นคนผู้เดียวกัน
ยามรับรู้ว่าสหายรักยามเยาว์และบ่าวเฒ่าเว่ยซึ่งติดตามรับใช้เขามานับไม่ถ้วนปีต้องเจ็บปวดล้มตาย มีหรือหัวใจจะมิบังเกิดโทสะ?
เขายังจำได้ว่ายามพลังกรรมวิถีของทัศนาจารย์สลาย เขาเตือนไว้เป็นพิเศษด้วยหวังว่าภายหน้ายามซูอี้เข้าสู่ส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว ให้เขาดูแลเฒ่าเว่ยขาเดี้ยงแทนตนมากกว่านี้
ทว่ายามนี้ ซูอี้พบว่าเฒ่าเว่ยขาเดี้ยงประสบอุบัติเหตุไปก่อนแล้ว!
เว่ยซานพลันกรอกสุราใส่ปาก จากนั้นก็ถอนใจกล่าว “ยามนั้นข้าเองก็สะเทือนใจจนแทบคงสติไม่ได้ และระหว่างหนี ข้าก็พบกับเจ้าหอเก้าสวรรค์เหยียนเต้าหลิน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ม่านตาของซูอี้ก็หดตัวเล็กน้อย
บังเอิญอะไรขนาดนี้?
เขารั้งปากไม่ได้ถาม
เว่ยซานกล่าวต่อ “เขาบอกข้าว่าหากข้าและบุตรีต้องการมีชีวิตอยู่ ให้รับปากเขาหนึ่งข้อ แล้วเขาจะให้ที่พักพิงแก่ข้า”
“ข้าหากลัวตายไม่ แต่อาจิ่ว ณ ยามนั้นอายุเพียงสามขวบ ข้าหรือจะห่วงเรื่องอื่นใดได้? ข้าจึงตอบรับ”
กล่าวเช่นนี้ เว่ยซานก็หัวเราะเยาะตนเองพลางกล่าว “ยามนี้ ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดเหยียนเต้าหลินถึงอยากช่วยข้ากับอาจิ่วนัก ที่แท้ก็จะใช้เราพ่อลูกจัดการกับท่าน นายน้อย”
เว่ยซานสูดหายใจลึก ๆ สงบหัวใจที่ปั่นป่วนของเขา และกล่าวว่า “กาลก่อน หลังจากข้าส่งอาจิ่วไปยังหอเก้าสวรรค์ ข้าก็ออกเดินทางลำพังเพื่อค้นหาที่มาของศัตรูเหล่านั้น”
“แล้วหาพบหรือไม่?” ซูอี้อดถามมิได้
เว่ยซานส่ายหน้าอย่างขมขื่น “ข้าสืบหาทั่วจักรวาลพร่างดาว แต่ก็มิอาจหาเบาะแสใด ๆ จนยามนี้ ศัตรูเหล่านั้นไม่เพียงร้ายกาจ แต่ยังกระทำการอย่างลึกลับ ไร้เบาะแสใด ๆ หลงเหลือ”
ซูอี้ขมวดคิ้ว “เจ้าเคยขอความช่วยเหลือจากคนขายของเก่าหรือไม่?”
คนขายของเก่า
เจ้าเฒ่าผู้มั่งคั่งล้นฟ้าในห้วงลึกจักรวาลพร่างดาว จึงถูกเรียกว่าเป็นเทพแห่งความมั่งมี
และยังเป็นหนึ่งในสหายรักของทัศนาจารย์อีกด้วย
ยามทัศนาจารย์ยังอยู่ เขาเคยพาเว่ยซานไปกินดื่มกับคนขายของเก่าอยู่หลายต่อหลายหน
“ข้าเคยไปหาเขาแล้ว และเขาก็ตกลงออกปากอยากช่วยข้าล้างแค้นโดยไม่ลังเลขอรับ”
เว่ยซานพูดถึงตรงนี้ก็สีหน้าเปลี่ยน “เมื่อข้าไปพบคนขายของเก่าเป็นหนที่สอง เขาทิ้งไว้เพียงยันต์ลับชิ้นหนึ่ง บอกว่าเขาตรวจพบบางอย่าง และคงไม่นานก่อนที่เขาจะรู้ตัวศัตรูเหล่านั้น ทว่าจากนั้นมา ข้าก็มิได้พบคนขายของเก่าอีกเลย…”
ม่านมาของซูอี้หดตัวเล็กน้อย “เจ้าเฒ่านั่นเกิดอุบัติเหตุหรือ?”
เว่ยซานกล่าวด้วยสีหน้าละอาย “ข้าก็คิดเช่นนั้น และเสียใจยิ่งที่ไปขอความช่วยเหลือของเขา ดึงเขามาพัวพันด้วยแต่แรก”
ซูอี้ส่ายหน้า “ข้าจะโทษเจ้าเรื่องนี้ได้เช่นไร? แต่ข้าสังหรณ์ว่าเจ้าเฒ่าคนขายของเก่ามิได้เกิดอุบัติเหตุแน่ ดังนั้นเจ้าไม่ต้องไปรู้สึกผิดหรอก”
เว่ยซานโพล่งขึ้น “ไยท่านจึงเห็นเช่นนั้น?”
ซูอี้กล่าวด้วยแววตาประหลาด “เพราะมีคนผู้หนึ่งที่อยากให้คนขายของเก่าตายเสียยิ่งกว่าใครในโลกหล้า และครั้งหนึ่งเคยสาบานอย่างชั่วช้าไว้ บอกว่าในวันตายของคนขายของเก่า เขาจะจัดงานศพให้คนขายของเก่า เชิญตัวตนชั้นหนึ่งทั่วโลกหล้าเข้าร่วมงานเลี้ยงพร้อมสรรพ ใช้งานเลี้ยงสังสรรค์แทนการไว้ทุกข์ ส่งเจ้าเฒ่านี่สู่สุคติอย่างงดงามตระการ”
เว่ยซานตะลึง “ใครมันชั่วร้ายได้เพียงนั้นหรือ?”
“ช่างเสื้อเฒ่า”
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ “คนขายของเก่าเคยสร้างเรื่องใหญ่ หลอกชิงสมบัติช่างเสื้อรักเยี่ยงชีวิตไป ยามนั้น ช่างเสื้อเฒ่าแทบกระอักเลือด และเรื่องนี้ก็กลายเป็นหนามแทงใจช่างเสื้อเฒ่าตั้งแต่นั้นมา”
หลังจากเว้นช่วงเล็กน้อย ซูอี้ก็กล่าวว่า “ช่างเสื้อเฒ่ากระทำการลับ ๆ ล่อ ๆ และรอบรู้ทั่วทิศที่สุด หากคนขายของเก่าเป็นอันใดไป เขาได้ประโคมมันโดยทันทีแน่ ทว่าเรื่องที่ว่าหาเกิดขึ้นไม่ จึงพอจะยืนยันได้ว่าคนขายของเก่ามิได้ตายไปจริง ๆ หรอก”
เว่ยซานตะลึงอึ้ง
ซูอี้พลันถาม “เจ้าเคยสงสัยบ้างหรือไม่ ว่าหายนะใกาลก่อนจะเกี่ยวข้องกับเหยียนเต้าหลิน?”
………………..