บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1289: แสนสาแก่ใจที่สุด ณ ยามนี้
ตอนที่ 1289: แสนสาแก่ใจที่สุด ณ ยามนี้
………………..
ตอนที่ 1289: แสนสาแก่ใจที่สุด ณ ยามนี้
แสงเซียนวูบวาบปรากฏขึ้นล้อมกายเหยียนเต้าหลิน ทำให้บรรยากาศของเขาเปลี่ยนเป็นเงียบเชียบ
ดุจแปลงร่างสู่เซียน สถิตเหนือเก้าชั้นฟ้า!
กระทั่งบาดแผลบนร่างยังฟื้นตัวอย่างน่าทึ่ง
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้เว่ยซาน เมิ่งฉางอวิ๋นและคนอื่น ๆ ล้วนหน้าเปลี่ยนสี
นี่คือพลังของผู้ก้าวสู่วิถีจุติสรวงครึ่งก้าวหรือ?
ม่านตาของซูอี้หดตัวเล็กน้อย
นี่คือปราณของผู้ก้าวสู่วิถีจุติสรวงครึ่งก้าวจริงแท้
วิถีเต๋าของเขาแสดงสัญญาณการเปลี่ยนแปลงแล้ว และอำนาจใต้บัญชาก็ยังเริ่มแสดงเทวลักษณ์ในระดับจุติสรวง
ทัศนาจารย์ ณ กาลก่อนติดสภาวะคอขวดอยู่ในขั้นนี้
“ข้าได้รับมรดกสมบูรณ์จากบรรพชนเขาเทพอีกาแล้ว ซึ่งมันมิเพียงมีหลักฝึกฝนในวิถีจุติสรวง แต่ยังมีเคล็ดวิชาในวิถีจุติสรวงมากมาย”
เหยียนเต้าหลินกล่าวอย่างเฉยชา “ในเมื่อทัศนาจารย์คิดลองดู ข้าก็จะไม่ขี้เหนียว”
ว่าพลาง มือของเขากำหมัด ทะยานดุจคีรีลอยก่อนจะออกหมัดโจมตี
รวดเร็วและร้ายแรง
อำนาจทั่วร่างของเขาเหนือชั้นเกินเทียบกับกาลก่อน!
เมื่อผู้ฝึกตนทั่วไปได้เห็น เกรงว่าคงเข้าใจผิดคิดว่านี่คือเซียนในตำนานเป็นแน่
เพราะอำนาจเช่นนี้ดูจะสูงส่งแตกต่างจากขอบเขตราชันแห่งภูมิ!
เปรี้ยง!
โลกหล้าพลิกกลับด้าน ทุกสิ่งพังทลาย
เพียงหนึ่งหมัด เหยียนเต้าหลินก็สยบทั่วโลกหล้า ทลายทั่วฟ้าดินได้ตามใจ
มือขวาของเขาเกร็งเยี่ยงดาบ ก่อนจะฟาดลงไปสุดแรง
เพียงพริบตา ร่างของซูอี้ก็กระดอนกลับหัวพร้อมด้วยเสียงระเบิดกัมปนาท ร่างของเขาปริร้าว รอยแผลชุ่มเลือดลากผ่านทั่วกาย
เว่ยซานและเมิ่งฉางอวิ๋นต่างกระวนกระวายยิ่งกว่าหนใด มือเท้าเย็นเฉียบไปหมด
จะสู้ได้เช่นไรอีก?
“ขอบังอาจถามทัศนาจารย์ หมัดนี้เป็นเช่นไร?”
เหยียนเต้าหลินส่งเสียงออกมาอย่างสบาย ๆ
ร่างของเขาเปล่งแสงเซียนวูบวาบราวเทพเซียนสัญจร ไร้มลทินใด ๆ ทุกย่างก้าวล้วนสยบกฎสวรรค์แทบเท้า
“ไม่ดีเท่ายามข้าสมบูรณ์พร้อม”
ซูอี้ปาดโลหิตจากมุมปาก
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ทว่าสีหน้ากลับเยือกเย็นเช่นกาลก่อน
“งั้นทัศนาจารย์คิดว่าในศึกภายหน้า ยังมีโอกาสชนะอยู่หรือ?”
เหยียนเต้าหลินกล่าวขึ้นอีก ก่อนที่แขนขวาของเขาจะหวดใส่อากาศดุจแส้ยาว
หมัดอันปกคลุมด้วยแสงเซียนพุ่งแหวกนภา โจมตีเข้าใส่ซูอี้โดยตรง
รวดเร็วยิ่งนัก
ง่ายดายดุจขยี้หญ้าแห้งกิ่งไม้ผุ ไม่อาจต้านทานได้!
ซูอี้ก็ยังไม่ถอยหรือหลบ แขนเสื้อสะบัดโบก ส่งม่านปราณดาบหนาหนักสู่นภา
ม่านปราณดาบหนักแต่ละสายต่างบรรจุเคล็ดพลังเวียนวัฏสงสาร เร้นลับต้องห้าม แสงพริบตา เวิ้งลึกล้ำและอื่น ๆ ทับซ้อนกัน กั้นขวางร่างของซูอี้ราวม่านกำบังชั้นหนาจากสวรรค์
ทว่าอึดใจต่อมา…
เปรี้ยง!!!
เสียงเสียดแก้วหูพลันระเบิดออก
ม่านปราณดาบพลันถูกหมัดอันไร้ที่เปรียบทะลวงจนฉีกขาด
และพริบตาต่อมา ม่านปราณดาบสายต่อมาก็แหลกสลาย
มองปราดแรกก็เห็นพิรุณแสงโปรยปราย บริเวณใกล้เคียงถูกทะลวงเป็นรอยแยกชวนใจหาย และสุดรอยแยกนั้น ร่างของซูอี้ก็ถูกชกกระเด็นไปอย่างรุนแรง
หนึ่งหมัดนี้ช่างเกินรับไหว!
“นายน้อย!”
ใบหน้าของเว่ยซานเต็มไปด้วยความกังวล
“เป็นเช่นนี้ได้เช่นไร…”
เมิ่งฉางอวิ๋นพึมพำ ทั่วร่างชุ่มเหงื่อกาฬ
หัวใจของยมบาลเองก็รัดแน่น คนผู้นั้นไม่เปลี่ยนสีหน้ากระทั่งยามนภาถล่มแดนดินสลาย เขาจะพ่ายแพ้ในวันนี้จริง ๆ หรือ?
“เจ้าหอวางแผนแสนนาน และในที่สุดก็มาถึงวันนี้ หากโลกหล้ารู้ว่าร่างเวียนวัฏแห่งทัศนาจารย์ตกตายด้วยมือเจ้าหอวันนี้ ทั่วจักรวาลพร่างดาว… จะเกิดคลื่นใหญ่โตเพียงไรหนอ?”
หลูอวิ๋นตื่นเต้น ทั่วร่างเปี่ยมชีวิตชีวา
“ในการประลองวิถีนี้ อย่างไรเสียร่างเวียนวัฏของเจ้าก็ยังไม่อาจสู้ร่างอวตารของข้าได้”
เหยียนเต้าหลินกล่าวเบา ๆ ด้วยสีหน้าสุขุมเยือกเย็น
ไกลออกไป ร่างของซูอี้มีโลหิตไหลเป็นสาย ใบหน้าหล่อเหลาซีดแทบมิเหลือสี
บาดแผลร้ายแรงจนเหมือนใกล้ตกตายทุกขณะ
ทว่ายามได้ยินวาจาของเหยียนเต้าหลิน ซูอี้ก็อดหัวเราะมิได้ “แพ้ชนะมิทันตัดสิน ชิงยกหางตัวเองเสียก่อนแล้วหรือ?”
เหยียนเต้าหลินแย้มยิ้ม ก่อนจะกล่าวอย่างสุขุม “ข้ารอวันนี้มานานเหลือเกิน และในที่สุดก็ได้โอกาส เมื่อปราบศัตรูเก่าเช่นเจ้าได้หนนี้ ข้าก็มิอาจซ่อนความสาแก่ใจได้จริง ๆ จึงช่วยไม่ได้ ข้าพูดได้เลยว่านับแต่กาลก่อน ข้าแสนสาแก่ใจที่สุด ณ ยามนี้”
เขากล่าวขณะพุ่งเข้ามาสังหารโดยหาได้ยั้งมือไม่
เขาไม่คิดมอบโอกาสให้ซูอี้ฟื้นตัวแต่อย่างใด
ทว่าเขาไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้น ด้วยตระหนักว่าซูอี้อาจโจมตีสวนโดยไม่คำนึงถึงชีวิต
ทว่ายามนี้ ซูอี้ก็เงยหน้าขึ้นมองท้องนภาพลางกระซิบ “มิใช่ว่าข้าก็ไม่ได้รอให้ถึงยามนี้เหมือนกันหรือ?”
เหยียนเต้าหลินดูจะสัมผัสบางอย่างได้ และพลันเงยหน้าขึ้นมอง
ก่อนจะพบว่าเหนือท้องนภามีเมฆาทัณฑ์เคลื่อนมาใกล้โดยไร้สุ้มเสียง
เมฆก้อนนั้นลึกล้ำไร้วจี ดำสนิทดุจมีกรวยยักษ์วางกลับด้านอยู่ในท้องนภา เพียงจ้องมองก็ชวนให้ผู้คนหนาวเยือกในใจได้
“ภัยสวรรค์?”
เหยียนเต้าหลินขมวดคิ้ว “ทำเช่นนี้ในยามนี้ต่างอันใดกับรนหาที่? หรือเจ้าถูกบังคับให้ต้องจบชีวิต ทำได้เพียงดิ้นรนตายดาบหน้าเช่นนี้?”
เขาตะลึงจนไม่อยากจะเชื่อ
ขณะเดียวกัน เว่ยซานกับเมิ่งฉางอวิ๋นเองก็ตะลึง หัวใจหนักอึ้ง นี่คือ… การฟื้นจากเถ้าถ่านหรือไม่?
ทว่าหากผิดพลาดแม้แต่น้อย เขาก็จะตกตาย!
“ท่านพ่อ ใต้เท้าทัศนาจารย์จะชนะแน่เจ้าค่ะ!”
มีเพียงดวงตาของยมบาลที่เจิดจรัส วาจามั่นคง
นางเคยบุกเข้าไปในพิภพยมราชฝังวิถีกับซูอี้ และเคยได้เห็นซูอี้เกิดใหม่จากเถ้าถ่านบนแท่นเกิดใหม่มาก่อน!
เว่ยซานและเมิ่งฉางอวิ๋นล้วนผงะ
ก่อนที่พวกเขาจะทันตั้งตัว เหยียนเต้าหลินก็พลันลงมือโจมตีสังหารจากใต้ผืนนภา
ตู้ม!
แสงเซียนอันร้ายกาจถูกขับเคลื่อน หนึ่งหมัดกวาดผ่านนภาเข้าสังหารซูอี้
น่าเสียดายที่ท้ายที่สุด เขาก็ช้าไปก้าวหนึ่ง
ร่างของซูอี้ทะยานสู่เวหา พุ่งสู่เมฆาทัณฑ์ในท้องนภาแล้ว
หมัดอันทะลวงผ่านสวรรค์นี้ เมื่อสัมผัสเมฆทัณฑ์เหนือนภา มันก็พลันแหลกสลายด้วยหนึ่งทัณฑ์อสนีบาตที่เปี่ยมด้วยอำนาจร้ายกาจ
สิ่งที่น่าหวาดหวั่นคือ ทัณฑ์เมฆนี้ไหลตามหมัดกระแทกเข้าใส่เหยียนเต้าหลินด้วย
ตู้ม!
อากาศในบริเวณนั้นแหลกสลาย
แม้ว่าเหยียนเต้าหลินจะหลบพ้น แต่เขาก็ตกใจเสียจนสันหลังเย็นวาบ
ภัยพิบัติเช่นนี้ร้ายกาจเหนือหายนะไร้ขีดจำกัดไกลโข เพราะมันเปี่ยมไปด้วยอำนาจร้ายกาจราวสั่งตาย น่าหวาดหวั่นจนเกินจินตนาการ
เหยียนเต้าหลินเชิดหน้าขึ้นมอง เห็นร่างของซูอี้ทะยานสู่เมฆาแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้ “แมลงเม่าบินเข้ากองไฟแท้ ๆ คนผู้นี้… ยอมตายใต้ทัณฑ์สวรรค์ดีกว่าถูกข้าสังหารหรือ?”
ยามนั้น ทุกสายตาต่างมองไปยังท้องนภา
ณ ที่นั่น เมฆทัณฑ์เคลื่อนวน ทัณฑ์อสนีบาตคลุ้มคลั่ง ปราณหายนะทำลายล้างแผ่กระจายเกินพรรณนา
โลกกว้างปกคลุมไปด้วยบรรยากาศราววันพิพากษา
แม้จะเป็นตัวตนทรงพลังเพียงใดก็ยังอดขนลุกขนพองมิได้ ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่านี่จะเป็นหายนะในขอบเขตคืนสู่สามัญ
ส่วนคนอื่น ๆ ณ ที่แห่งนี้ล้วนสะท้านสะพรึงทั้งกายใจ หนาวสั่นทั่วร่าง
นั่นคืออำนาจสวรรค์โดยแท้จริง เมื่อคิดสั่งตาย ไม่ว่าผู้ใดใต้อำนาจสวรรค์นี้ย่อมรู้สึกเล็กจ้อยเยี่ยงมด
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าซูอี้กำลังจะตกตายนั้นเอง
ตู้ม!!!
ทันใดนั้น เมฆาอันเปี่ยมอำนาจลี้ลับพลันระเบิดแหลกเป็นเสี่ยง
ทัณฑ์อสนีบาตเองก็ป่นทลายกลายเป็นพิรุณแสงหลากสีพร่างพรมปกคลุมร่างของซูอี้
ผู้เฝ้ามองทั้งหลายล้วนตะลึงงัน
คิดให้หัวแตกตาย พวกเขาก็คิดไม่ได้หรอกว่าวิถีข้ามหายนะของซูอี้จะร้ายกาจเพียงนี้ เขาทะยานตรงสู่นภา ขยี้เมฆทัณฑ์และข้ามหมื่นทัณฑ์อสนีบาตในคราเดียว!
“บททดสอบแห่งสวรรค์นั่นทำจากกระดาษหรือไร?!”
หลูอวิ๋นสับสน กรามแทบร่วงด้วยตกใจ
“หลังจากฝึกฝนมานาน นี่คือหนแรกที่ข้าได้เห็นภัยพิบัติอันร้ายกาจดุจสั่งตายเช่นนี้ และยังเป็นคราแรกที่เห็นภัยพิบัติถูกระเบิดทิ้งในหนเดียวก่อนทันปรากฏเช่นกัน…”
เมิ่งฉางอวิ๋นตาเบิกค้าง ขณะกล่าวเสียงหลง
“นายน้อยเมื่อกาลก่อนไม่โหดเพียงนี้เลย”
เว่ยซานเดาะลิ้น
“ท่านพ่อ ในสายตาใต้เท้าทัศนาจารย์ การผ่านหายนะนั้นเรียบง่ายเยี่ยงกินดื่ม และเมื่อท่านเห็นมากไปกว่านี้ จะมิแปลกใจแล้วเจ้าค่ะ…”
ยมบาลสาวดูประหนึ่งชินชากับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
นางเองก็เคยได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้มาก่อนแล้ว ยามอยู่บนแท่นเกิดใหม่ ทัศนาจารย์ถูกโจมตีจนร่างแหลกสลายทั้งเป็น
ทว่าท้ายที่สุด เขาก็ก่อร่างวิถีคืนร่างแท้ได้ราวปาฏิหาริย์!
เทียบดูแล้ว แม้วิธีการข้ามหายนะหนนี้ของทัศนาจารย์จะแสนน่าเหลือเชื่อ แต่ก็ไม่ได้ร้ายกาจเกินไปนัก
เมฆทัณฑ์สลายไป พิรุณแสงซึ่งแปรเปลี่ยนจากทัณฑ์อสนีบาตอาบร่างซูอี้ราวน้ำตก และยามนี้เขาดูเหมือนกับพฤกษาต้องอัสนี มันฟื้นชีพด้วยพลังชีวิตอันดั้งเดิมเป็นที่สุด
ร่างวิถี จิตวิญญาณ การฝึกฝน… ทั้งหมดล้วนแปรเปลี่ยนรูปร่างไป ทั้งร่างและวิญญาณดุจทะลวงผ่านขอบเขตคืนสู่สามัญในหนเดียว!
“คำนวณพลาดแล้ว”
เหยียนเต้าหลินกระซิบ สีหน้าของเขามืดมนลง
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทัศนาจารย์ในวันนี้แข็งแกร่งเพียงใด เป็นที่ชัดเจนว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะมาข้ามภัยพิบัติเพื่อเคลื่อนวิถีสู่ขอบเขตคืนสู่สามัญที่นี่อยู่แล้ว!
ยามก่อนที่เขายังไม่แปรวิถี ทัศนาจารย์ก็แข็งแกร่งระดับหนึ่งอยู่แล้ว หากให้เขาข้ามขอบเขตสู่ขอบเขตคืนสู่สามัญได้ พลังต่อสู้ของเขาจะร้ายกาจเพียงไร?
เมื่อคิดเช่นนี้ เหยียนเต้าหลินก็ไม่อาจยั้งมือได้อีก จากนั้นเขาก็ทะยานเข้าโจมตีใส่ซูอี้
ตู้ม!
อาภรณ์ของเขาสะบัดโบก รัวหมัดประหนึ่งพิรุณโหม เพียงพริบตาก็ออกหมัดได้นับร้อยนับพันหมัด และแสงเซียนเจิดจรัสก็เปล่งประกายพร้อมกับอำนาจหมัด ส่องสว่างไปทั่วโลกหล้า
หัวใจของทุกคนบีบรัดแน่น
ไม่ว่าใครก็เห็นได้ว่าซูอี้ ณ ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงสำคัญแห่งการเปลี่ยนขอบเขต ไร้ความเสถียรของการฝึกฝน หากถูกหยุดไว้ได้ เกรงว่าความสำเร็จเมื่อกาลก่อนจะหายไป!
ทว่าภาพอันมิคาดฝันพลันปรากฏ ซูอี้ยืนนิ่งกับที่ ทว่าพิรุณแสงรอบกายเขากลับสลายอำนาจหมัดจากนภาไปหมัดแล้วหมัดเล่า
หัวใจของเหยียนเต้าหลินตะลึงอึ้ง สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นกว่าเก่า
“เหยียนเต้าหลิน เจ้ายังสาแก่ใจอยู่หรือไม่?”
เสียงเฉยชาของซูอี้ดังมาจากใต้นภา
ทว่าเหยียนเต้าหลินกลับเงียบไป
ก่อนที่ทันใดนั้น เขาจะเสสรวลกล่าว “หากข้าเลือกเผาหยกไปกับศิลาเสียยามนี้ ข้าก็จะทำลายเพียงร่างอวตาร แต่ทัศนาจารย์ เจ้า… จะต้องแหลกเละ!!”
ดวงตาของเหยียนเต้าหลินแผดเผาเยี่ยงเพลิง “หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ยังชนะไม่ใช่หรือ?”
ว่าพลาง แขนเสื้อของเขาก็สะบัด ร่างสะท้านไหว แสงเซียนวูบไหวแผดเผาเยี่ยงอัคคี
จากนั้น เขาก็พุ่งตรงเข้าหาซูอี้ซึ่งอยู่ใต้ท้องนภา!