บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1321: กินหมู
ตอนที่ 1321: กินหมู
ใต้ท้องนภา
ซูอี้ปาดโลหิตออกจากมุมปาก นัยน์ตาลึกล้ำ
เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าหลังศึกนี้ แม้เขาจะบาดเจ็บสาหัส แต่ศักยภาพของเขาก็ถูกขยับเคลื่อน!
การฝึกดาบนั้น มีเพียงต้องรบราทำศึกจึงขัดเกลาดาบอันคมที่สุดได้!
ในฐานะที่ซูอี้เป็นนักดาบ มีหรือเขาจะไม่รู้?
วิ้ง!
ดาบแห่งโลกาในมือเขาคำรามลั่น พร้อมขยับลงมือ
เมื่อเห็นซูอี้จะลงมืออีกหน ฉินหงอวี้ก็ดูจะตัดสินใจได้ และกล่าวว่า “การดวลนี้จบที่นี่แหละ”
นางสูดหายใจลึก ๆ สะกดความไม่ยอมใจอย่างรุนแรงและโบกแขนเสื้อ
กล่องสำริดทะยานออกมาวางตรงหน้าประตูวัดสรรพสุญตา
“นี่คือสินสงครามที่สหายเต๋าคู่ควร”
ฉินหงอวี้ว่า นางถอยออกไปไกลและรีบนำโอสถออกมาเริ่มเยียวยาบาดแผล
รอบข้างเงียบสงัด แม้เข็มตกก็สนั่นลั่น
ทุกผู้ต่างตะลึงกับการตัดสินใจยอมแพ้ของฉินหงอวี้
“ฉลาด หากนางยังสู้ต่อ ก็ยากจะกล่าวได้ว่านางจะแพ้หรือชนะ แต่นางจะต้องสูญเสียหนักหนาเป็นแน่แท้”
เซียนดาบชิงซื่อให้ความเห็น “และรอบ ๆ นี้ ฝูงหมาป่าก็จับตามองอยู่ หากนางไม่ถอยเสียยามนี้ ผู้อื่นจะมองนางเป็นเหยื่อได้”
วิญญาณอาสัญเหล่านั้นหาเป็นปึกแผ่นไม่ พวกเขามาจากขุมกำลังเซียนต่างกัน ซึ่งทำให้ฉินหงอวี้ย่อมมิพ้นถูกวิญญาณอาสัญอื่น ๆ หมายหัวยามบาดเจ็บสาหัส
ดาบพุทธะสรรพสุญตากล่าวว่า “ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงวิญญาณอาสัญตนหนึ่ง หาได้สร้างร่างวิถีฟื้นชีพใหม่ไม่ ดังนั้นบาดแผลจากการต่อสู้ของนางจึงร้ายกาจยิ่งกว่า หากยังสู้ต่อ นางจะไม่ใช่คู่ต่อกรของสหายเต๋าซู”
เขากล่าวพลางนำฝักบัวสีเทาฝักหนึ่งส่งให้เว่ยซาน “สหายเต๋า รบกวนส่งสิ่งนี้ให้สหายเต๋าซูด้วย”
เว่ยซานรีบรับปาก
“ข้าจะสู้กับเจ้าเอง!”
ด้านนอก มีผู้หนึ่งพุ่งเข้ามาประกาศสงครามอย่างดุดัน
เขาเป็นชายชุดสีทองถือหอกศึกสีเงิน ร่างสูงใหญ่ แสงเซียนสีม่วงอาบไล้รอบร่าง อำนาจแข็งแกร่งร้ายกาจ
หลายคนลอบสบถด่า ต้องไร้ยางอายเพียงไรจึงมาเลือกกินหมู ณ ยามนี้
ภาพนี้ทำให้วิญญาณอาสัญบางผู้มิอาจทนมองได้
ชายชราชุดดำผู้ยืนเหนือคชสารหยกขาวแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ชิวเส้าฉือ เจ้าเองก็เป็นยอดคนจุติสรวงในขอบเขตรวมวิถีก่อนตาย และผู้อาวุโสสูงสุดแห่งพรรคใหญ่ ทว่ายามนี้เจ้ากลับทำเรื่องน่าละอายเช่นนี้ มิต้องการหน้าตาแล้วหรือไร?”
“นั่นสิ อย่าทำเรื่องขายหน้าเช่นนี้!”
“ถุย! ปล้นบ้านยามไฟไหม้แท้ ๆ”
“บอกให้นะว่ามีข้าอยู่ เจ้าจะไม่ได้ฉวยโอกาสนี้หรอก!”
วิญญาณอาสัญทั้งหลายต่างออกปากกล่าวขึ้นตนแล้วตนเล่า จิตมาดร้ายล้วนชี้ไปหาชายชุดทองนามชิวเส้าฉือ
พวกเขาหามีจิตสำนึกรักคุณธรรมไม่ แต่ก็มิต้องการให้ชิวเส้าฉือกินหมูง่าย ๆ เช่นนี้!
ชิวเส้าฉือหาสะทกสะท้านไม่
นัยน์ตาของเขาเจิดจรัส จับจ้องซูอี้จากไกล ๆ อย่างเย็นชาเยี่ยงคมมีด “นี่คือกฎที่เจ้าตั้ง ในเมื่อข้าออกมาก่อน ข้าย่อมได้ประมือกับเจ้าเป็นคนที่สองหรือไม่?”
“นำสินสงครามออกมา และข้าจะไม่ปฏิเสธดวลกับเจ้า”
ซูอี้ ณ ขณะนี้ได้รับฝักบัวสีเทาจากเว่ยซานและรู้ที่มาของวัตถุนี้แล้ว อารมณ์เขาจึงดีขึ้นอย่างช่วยมิได้
ชิวเส้าฉือพลันเสสรวล ดวงตากวาดมองรอบ ๆ พลางกล่าวว่า “ทุกท่าน สหายเต๋าซูรับปากสู้กับข้าแล้ว ยังมีสิ่งใดอื่นต้องพูดกันอีกหรือไม่?”
เหล่าวิญญาณอาสัญล้วนแค่นเสียงอย่างเย็นชา สีหน้ามืดหมอง
ชิวเส้าฉือพึงพอใจ หงายมือขึ้น ปรากฏแหวนสัมพาระขึ้นวงหนึ่ง “ในนี้มีโอสถทิพย์จุติสรวงสิบเก้าชิ้นและวัตถุดิบจุติสรวงอีกสิบสามชิ้น ขอเพียงเจ้าชนะ สมบัติในแหวนนี้จะเป็นของเจ้า”
กล่าวจบ เขาก็ยกมือขึ้นโยน แหวนสัมพาระร่วงลงหน้าประตูวัดสรรพสุญตา “พวกเจ้าจะตรวจสอบก่อนก็ย่อมได้”
“ไม่ต้องหรอก หากเจ้ากล้าโกหกข้า เจ้าจะตายวันนี้”
ซูอี้ว่า บิมุมฝักบัวสีเทาแล้วนำเมล็ดบัวเมล็ดหนึ่งออกมา
เมล็ดบัวชิ้นนี้เป็นเหมือนหยกสีทอง ใสกระจ่างพร่างแสง และทันทีที่มันปรากฏขึ้น รัศมีทิพย์หลากสีก็เจิดจรัสพุ่งทะยาน แปรเปลี่ยนเป็นแสงเซียนเก้าสี
โอสถสุคนธรสอันเกินบรรยายฟุ้งกระจายออกทั่วฟ้าดิน
วิญญาณอาสัญตนหนึ่งอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ “บงกชเทวะเก้าสี!”
ตู้ม!
เหล่าผู้ชมต่างตะลึงงัน ปั่นป่วนเซ็งแซ่
“ไม่คาดเลยว่าทัศนาจารย์ยังมีโอสถทิพย์จุติสรวงอันเป็นดั่งเทพวัตถุแห่งโบราณกาลเช่นนี้ในมือด้วย!”
บางผู้กระซิบ เผยที่มาของบงกชเทวะเก้าสี
มันเป็นโอสถปาฏิหาริย์ซึ่งเพียงพอให้ยอดราชันย์จุติสรวงในขอบเขตจุติมงคลตาร้อนปรารถนา!
“ชิวเส้าฉือ อย่าขโมยไก่พลาดแล้วเสียข้าวไปหนึ่งกำ เชียวเล่า”
วิญญาณอาสัญมากมายเย้ยเยาะ
สีหน้าของชิวเส้าฉือมืดหมอง
เขาสะบัดหอกศึกสีเงินในมือเข้าโจมตีทันที
ตู้ม!
หอกศึกกวาดผ่านนภา นำมาซึ่งพิรุณแสงพร่างพรายเยี่ยงดวงดาว แผลงฤทธาร้ายกาจน่าสะพรึง
ทันทีที่เขาลงมือ เขาก็ใช้ท่าสังหารอันร้ายกาจสุดขั้ว!
เห็นได้ชัดว่าต้องการโจมตีซูอี้มิให้ตั้งตัวขณะยังมิทันได้กลืนเมล็ดบัวนั้น
ซูอี้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไร้โอกาสได้หลบเลี่ยง เขาจึงทำได้เพียงตั้งรับตรง ๆ
เคร้ง!!!
เสียงปะทะสนั่นลั่นดังก้องทั่วฟ้าดิน
ร่างของซูอี้ปลิวกระเด็นออกไป ผิวกายแหลกร้าวเป็นแผลจาง ๆ โลหิตไหลซึมออกมา
ก่อนที่เขาจะทันตั้งหลักได้ ชิวเส้าฉือก็โบกหอกศึกโจมตีเข้ามาอย่างรุนแรง
นัยน์ตาเย็นชาของเขาเฉียบคมเยี่ยงอสนี ใบหน้าเปี่ยมจิตสังหาร เขาต้องการฉวยโอกาสโจมตีปราบซูอี้ให้ได้โดยไวที่สุด
ดังนั้นยามโจมตี เขาจึงใช้เพียงวิชาสังหาร ทุ่มกำลังสุดตัวหาปิดบังใดไม่
สิ่งนี้ทำให้ผู้คนคิ้วกระตุก
กระทั่งวิญญาณอาสัญทั้งหลายยังกังวล หากพวกเขาปล่อยชิวเส้าฉือกินหมูลอยนวลเช่นนี้ มันคงไร้ความยุติธรรมมากไป
ตู้ม!
หอกศึกและดาบวิถีเผชิญหน้า สุญญะทั่วทศทิศแหลกระเบิด
แม้จะรับการโจมตีนี้ไว้ได้ ทว่าร่างของซูอี้ก็กระเด็นไปอีกครั้ง บาดแผลบนร่างร้ายแรงขึ้นทุกขณะ
และชิวเส้าฉือโจมตีเข้ามาอีกครั้ง หาปรานีไม่!
“เจ้านี่ช่างไร้ยางอายจริงแท้”
เซียนดาบชิงซื่อแค่นเสียงอย่างเย็นชา ขมวดคิ้วยามได้เห็น
ทว่า หลังรับการโจมตีสองหน ซูอี้ก็กลืนเมล็ดบัวลงไปแล้ว
อันที่จริง เดิมทีเขาเตรียมโอสถทิพย์เอาไว้ แต่มิคาดเลยว่าในศึกเผชิญหน้านี้ คู่ต่อสู้จะมิคิดให้โอกาสเขากินโอสถทิพย์เยียวยาตนเลย
ตู้ม!
เมื่อเมล็ดบัวถูกกลืนกิน อำนาจบริสุทธิ์สายหนึ่งก็เอ่อท่วมเยี่ยงทะเลคลั่ง แผ่ไปทั่วแขนขา ซึมซาบสู่กระดูก
ขณะนี้ ชิวเส้าฉือโจมตีเข้ามาอีกหน
ซูอี้ไม่รอช้า โจมตีสวนกลับ
ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่ตั้งรับ ถูกเหวี่ยงกระเด็นหมดสภาพยิ่งครั้งแล้วครั้งเล่า และดูเหมือนจะถูกปราบสิ้นท่าได้ทุกเมื่อ
ทว่า เมื่อกาลผันผ่าน บาดแผลบนร่างของเขาก็ฟื้นตัวซ่อมแซมด้วยความเร็วอันน่าตกใจ!
สิ่งนี้ทำให้ชิวเส้าฉือลอบกังวล แทบสิ้นหวังบ้าคลั่ง โคจรพลังทุ่มสุดตัว
ทว่าท้ายที่สุดก็ไร้ประโยชน์
ซูอี้ไม่ได้ถูกปราบอย่างสิ้นท่า ทว่าเริ่มฟื้นสถานการณ์ได้ทีละน้อย!
ต้องกล่าวว่าบงกชเทวะเก้าสีนี้ควรค่าเป็นโอสถปาฏิหาริย์ในวิถีจุติสรวงจริงแท้ เพียงหนึ่งเมล็ดบัวก็สามารถเยียวยาบาดแผลทั่วร่างซูอี้หายสิ้นได้ภายในไม่กี่อึดใจ
ยิ่งกว่านั้น เมื่ออำนาจโอสถยิ่งใหญ่แผ่ซ่าน การฝึกฝนและจิตวิญญาณของซูอี้ก็ได้รับการบำรุงอย่างมหาศาล ทั้งกายและการฝึกฝนต่างเดือดพล่าน
และซูอี้ผู้อยู่ในศึกก็พลิกสถานการณ์กลับมาตอบโต้!
เปรี้ยง!!!
ไม่นานนัก ซูอี้ก็กวาดดาบไปบนอากาศ ใช้เคล็ดพลังเร้นลับต้องห้ามเข้าฟาดฟันชิวเส้าฉือกระเด็นไป
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนอย่างมหันต์ ตระหนักแล้วถึงความมิชอบมาพากล
ในด้านความแข็งแกร่ง เขาอ่อนด้อยกว่าฉินหงอวี้เล็กน้อย และเดิมเขาก็วางแผนชิงโจมตีเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ ทว่าสถานการณ์ ณ ยามนี้กลับตาลปัตร
ความได้เปรียบของเขาหายไปแล้ว!
นี่ทำให้เขากัดฟันกรอด แต่ก็ไร้หนทางนอกจากต้องยอมแพ้
“ช้าก่อน ข้า…”
ขณะที่ชิวเส้าฉือกำลังจะยอมแพ้นั้นเอง
ฉัวะ!
ปราณดาบสายหนึ่งทะยานเข้ามาหา กลบเสียงของเขาไป
ขณะนี้ ซูอี้ฟาดฟันดาบแห่งโลกาอย่างดุดัน ไม่มอบโอกาสให้ชิวเส้าฉือยอมแพ้
เคร้ง!!
ท่ามกลางเสียงปะทะสะเทือนหล้า หอกศึกสีเงินของชิวเส้าฉือกระเด็นหลุดมือ ร่างของเขาร่วงลงเยี่ยงว่าวสายป่านขาดพร้อมเสียงร้องโหยหวน
ทว่า ซูอี้กลับโจมตีอีกหนโดยมิให้โอกาสเขาตั้งหลัก
เปรี้ยง!
สุญญะแดนนั้นเดือดพล่านโกลาหล
กาลต่อมา ผู้คนก็ได้เห็นซูอี้วิ่งไล่ล่าโจมตีชิวเส้าฉืออย่างดุเดือด ปราณดาบทรงพลังเสียจนแทบขยี้ร่างเขาแหลก
หลายผู้เคลิบเคลิ้ม อดกล่าวกระตุ้นให้กำลังใจซูอี้มิได้
การกระทำเมื่อครู่ของชิวเส้าฉือนั้นน่ารังเกียจไร้ยางอายมากเกินไป
เพราะถึงอย่างไร ในการต่อสู้ตัวต่อตัวนี้ จนแล้วจนรอด ซูอี้ก็หาใช้พลังแห่งวัฏสงสารออกมาไม่
ทว่าชิวเส้าฉือผู้นี้กลับเล่นสกปรก ไม่มอบโอกาสให้ซูอี้ใช้โอสถเยียวยา ฉวยโอกาสชิงโจมตีหวังฉกฉวยประโยชน์!
และเหล่าวิญญาณอาสัญล้วนตะลึงอึ้ง
พวกเขาล้วนตระหนักชัดเจนว่า เมื่อเทียบกับศึกของฉินหงอวี้เมื่อครู่ ซูอี้ในศึกนี้พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด!
“ศักยภาพของคนผู้นี้ร้ายกาจเกินไปอย่างเห็นได้ชัด กระตุ้นขีดจำกัดตนทุกหนระหว่างศึก กอปรกับพลังของบงกชเทวะเก้าสี ปรากฏว่าความแข็งแกร่งของเขาก็เลื่อนขั้น!”
วิญญาณอาสัญบางตนอ้าปากค้าง
พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้ทรงอำนาจในวิถีจุติสรวงก่อนสิ้นใจ สายตาแสนเฉียบคมเห็นความเปลี่ยนแปลงในร่างซูอี้ได้ทันที และยังสามารถคาดเดาเหตุผลได้ด้วย
“นี่คือจุดจบของความไร้ยางอาย อีกฝ่ายมอบโอกาสให้ต่อสู้อย่างยุติธรรม แต่กลับคิดเล่นสกปรกน่ารังเกียจ กรรมแท้ ๆ สมควรถูกต่อยตี!”
หลวงจีนคงจ้าวแค่นเสียงเย้ย
ในสนามรบ สภาพของชิวเส้าฉือแสนน่าเวทนา ร่างของเขาแทบแหลก เกือบได้ร้องหามารดารอมร่อ
ท้ายที่สุด เขาก็ร้องลั่นอย่างสุดทน “ข้า…ยอม…แพ้!!”
เพียะ!
ซูอี้ฟาดดาบแห่งโลกาเข้าใส่ใบหน้าของชิวเส้าฉือ ส่งร่างอีกฝ่ายกระแทกลงกับพื้นเยี่ยงอุกกาบาต หน้าซีดร่อแร่ใกล้ดับสิ้น
ศึกดวลที่สอง ซูอี้ก็ยังชนะ!
เหล่าผู้ชมล้วนอื้ออึง มิอาจทราบได้ว่ามีผู้พรั่นพรึงอยู่มากมายเพียงไร
มีการฝึกฝนเพียงราชันแห่งภูมิขอบเขตคืนสู่สามัญ ทว่ากลับเอาชนะวิญญาณอาสัญวิถีจุติสรวงสองตนได้ติด ๆ กัน ประวัติการณ์เช่นนี้เพียงพอให้เฉิดฉายข้ามยุคสมัย เจิดจรัสโด่งดังชั่วกาลได้!
มิเคยมีมาก่อน!
วิญญาณอาสัญบางตนกระทั่งลอบรำพึง อยากฉวยโอกาสกินหมู?
ไม่มีทางอย่างเห็นชัด ๆ!
ขณะเดียวกัน ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักลึกซึ้งว่าศัตรูหนนี้รับมือยากเพียงไร แข็งแกร่งท้าทายสวรรค์แม้มิใช้พลังแห่งวัฏสงสาร หากใช้มันขึ้นมา ฉินหงอวี้และชิวเส้าฉือคงสิ้นวิญญาณไปแล้ว!
ทว่า ไม่มีผู้ใดเลือกยอมแพ้
แม้จะมีความหวังเพียงริบหรี่ พวกเขาก็จะทุ่มสุดตัว!
แพ้ไปก็แค่ต้องจ่ายด้วยสมบัติ
แต่ขอเพียงชนะได้ อำนาจคำสาปบนร่างก็จะถูกปลดออก แปรเปลี่ยนชะตาดุจเกิดใหม่ หวนคืนสู่วิถีในภายหน้า!
ขณะนี้ ร่างของซูอี้พลุ่งพล่านเยี่ยงน้ำเดือด อำนาจของเมล็ดบงกชเทวะเก้าสีแผ่ซ่านอิสระ หล่อหลอมส่งเสริมพลังชีวิตและความแข็งแกร่งของเขาทั้งในและนอกกาย
สิ่งนี้ทำให้เขาแสนร้อนรน อยากต่อสู้ต่อ!
ดาบของซูอี้พลิกพลิ้วในมือ สามคำถูกกล่าวออกมา
“ผู้ใดต่อ”