บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1325: ยันต์พันโอกาส
ตอนที่ 1325: ยันต์พันโอกาส
ฉินหงอวี้ เหลียงกวาน และวิญญาณอาสัญตนอื่น ๆ ล้วนหัวใจสะท้านหลังได้อ่านม้วนหยกนั้น
“สหายเต๋ามีความแค้นกับช่างเสื้อผู้นี้หรือ?”
เหลียงกวานจากหุบเขาเซียนแปรสุริยันถามขึ้น
การสังหารโดยไม่แยกแยะชั่วดีนั้นมิเหมาะสมและทำร้ายเกียรติภูมิของตัวผู้กระทำ
เมื่อชื่อเสียนั้นแพร่ออกไป ผู้ฝึกตนทั่วโลกหล้าก็จะครหา ชื่อเสียงสำนักแปดเปื้อนพังทลาย
“สันดานชั่วช้าโหดเหี้ยมของไอ้แก่นั่นเป็นที่ล่วงรู้ของทุกคนทั่วจักรวาลพร่างดาว หากเจ้าอยากรู้ เพียงถามก็จะได้แถลงไข”
หลวงจีนคงจ้าวเอ่ยปาก “นอกจากนั้น เหตุที่เจ้าหาที่นี่พบในวันนี้ ก็เพราะไอ้แก่นั่นวางแผนเติมเชื้อกระพือเพลิงอยู่เบื้องหลัง!”
“กล่าวสั้น ๆ ก็คือ พวกเจ้ากำลังถูกไอ้แก่นั่นยืมมือฆ่าคน!”
ทันทีที่วาจาเหล่านี้ถูกกล่าวออกไป วิญญาณอาสัญทั้งหลายก็ขมวดคิ้วมองหน้ากัน สีหน้าไม่สู้ดีเล็กน้อย
“เช่นนั้น หากข้าทำเรื่องเหล่านี้ได้ ภายหน้าข้าควรไปพบสหายเต๋าที่ใด?”
ฉินหงอวี้ถาม
ซูอี้ชี้หลวงจีนคงจ้าวพลางกล่าวว่า “หาหลวงจีนเฒ่านี่ก็พอ แม้ยามนั้นข้าจะไม่ได้อยู่ในวัดสรรพสุญตา แต่ข้าจะได้รับข่าวโดยไวที่สุด”
คงจ้าวกล่าวยิ้ม ๆ “ถูกต้อง ถูกต้อง”
ยามนี้เขามีบรรพชนพำนักในวัดสรรพสุญตา หาได้กลัวปัญหาใดไม่!
ต่อมา วิญญาณอาสัญเหล่านั้นก็ถามรายละเอียดยิบย่อย โดยซูอี้แถลงไขให้ทีละข้อ
และเมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนที่มองอยู่ก็ตระหนักว่าเหล่าวิญญาณอาสัญไขว้เขว คิดอยากลงมือจัดการช่างเสื้อและยึดอำนาจในมือของอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด!
“น่าเสียดายที่เจ้าและข้าออกจากวัดสรรพสุญตาไม่ได้ หาไม่ ข้าจะไปเด็ดหัวเจ้าช่างเสื้อนั่นมาตอบแทนบุญคุณของสหายเต๋าซูอย่างแน่นอน”
เซียนดาบชิงซื่อรำพึงเบา ๆ
วิถีเต๋าของเขาและดาบพุทธะสรรพสุญตาสูงส่งเกินไป ตกเป็นเป้าหมายของกฎสวรรค์ จึงไม่อาจออกจากวัดสรรพสุญตาได้ หาไม่จะถูกกำจัดทิ้ง
“มิต้องรีบร้อน อย่างน้อยก็ปี อย่างมากก็สองปี วิถีจุติสรวงจะปรากฏในกฏสวรรค์แน่แท้ และเราจะสามารถหวนคืนสู่โลกหล้าโดยไร้ข้อจำกัดใด ๆ ได้”
ดาบพุทธะสรรพสุญตาว่า “ยิ่งกว่านั้น สหายเต๋าซูช่วยเราทำลายอำนาจคำสาปบนร่างแล้ว สิ่งเดียวที่เราต้องทำต่อก็คือฟื้นวิถีโดยเร็วที่สุด”
เซียนดาบชิงซื่อพยักหน้า
แม้ว่าอำนาจคำสาปจะถูกทำลาย แต่ร่องรอยคำสาปก็ยังคงปรากฏบนร่างของพวกเขา ในช่วงเวลาอันสั้นนี้ พวกเขาไม่อาจปรากฏตัวในโลกหล้าได้แม้แต่น้อย
มิเพียงพวกเขา แต่รวมถึงวิญญาณอาสัญในระดับกันเดียวกับพวกเขาด้วย
ยามนี้ มีเพียงวิญญาณอาสัญผู้มีความแข็งแกร่งเทียบขอบเขตจิตทารกเท่านั้นที่จะปรากฏตัวสู่โลกหล้าได้
ทว่าเซียนดาบชิงซื่อและดาบพุทธะสรรพสุญตาต่างรู้ว่าด้วยการเปลี่ยนผันแห่งกาล ภายในสองปี ผู้เฒ่าเหล่านี้จะสามารถฟื้นอิสรภาพ ไม่ต้องถูกกักขังในพื้นที่เล็ก ๆ เปรียบดั่งกรงขังอีกต่อไป!
ภายนอก
เหล่าวิญญาณอาสัญและผู้รับชมต่างแยกย้ายฝ่ายแล้วฝ่ายเล่า
พวกเขาคาดการณ์ได้ว่าเมื่อเหตุการณ์หน้าวัดสรรพสุญตานี้แพร่ออกไป ทั่วจักรวาลพร่างดาวจะบังเกิดคลื่นคลั่งถาโถมทั่ว!
ส่วนซูอี้กับหลวงจีนคงจ้าวก็กลับสู่วัดสรรพสุญตา
“รวยเละ!”
หลวงจีนคงจ้าวมิอาจหุบยิ้มลงได้ชั่วขณะ
กองสมบัติพะเนินสูง ฉายประกายรัศมีจรัสแสงส่องสว่างทั่วบริเวณ
สารพัดโอสถ ยอดวัตถุดิบ อาวุธวิเศษ เคล็ดมรดกกองก่าย แต่ละสิ่งล้วนเป็นสมบัติขอบเขตจุติสรวง!
“น่าเสียดายที่ประลองไปเพียงสี่หน หาไม่ เจ้าจะได้สมบัติมามากกว่านี้แน่”
หลวงจีนคงจ้าวเดาะลิ้นด้วยความเสียดาย
“นี่คือสมณเพศผู้ปราศจากกิเลสจริง ๆ หรือ?”
เว่ยซานพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
หลวงจีนผู้นี้สูงใหญ่ทรงพลัง เปิดอกเปลือย วาจาไร้สำรวม ไร้ความรู้สึกสงบเคร่งขรึมใด ๆ
ขณะเดียวกัน ซูอี้นั่งลงขัดสมาธิ
เขาเพิ่งเลื่อนขั้นและต้องเสริมความแข็งแกร่งให้กับวิถีตน
เซียนดาบชิงซื่อและดาบพุทธะสรรพสุญตาถือปัญหาเป็นของตน จากนั้นก็ยื่นมือเข้ามาช่วยจำแนกสินสงครามเหล่านั้น
“จิตใจช่างคับแคบ สินสงครามมีแต่ของธรรมดาทั่วไปทั้งสิ้น”
ไม่นานนัก เซียนดาบชิงซื่อก็ส่ายหน้า
“ไร้สิ่งใดควรค่าอยู่ในสายตาเลยจริง ๆ”
ดาบพุทธะสรรพสุญตากล่าว
หลวงจีนคงจ้าวราวกับถูกน้ำเย็นสาด รอยยิ้มหดหาย ก่อนจะเอ่ยถามว่า “บรรพชน เราถูกหลอกหรือขอรับ?”
“ไม่เชิง”
ดาบพุทธะสรรพสุญตาอธิบาย “สิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติขอบเขตจุติสรวงจริง ๆ ทว่าบนวิถีจุติสรวงนั้น พวกมันก็เป็นเพียงสมบัติธรรมดาทั่วไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอดคนจุติสรวงขอบเขตจิตทารกใช้กัน”
หลังจากเว้นช่วงเล็กน้อย เขาก็กล่าวเสริมขึ้นมาว่า “สิ่งเดียวอันควรค่าชื่นชมในหมู่พวกมันคือ ‘ทองโลหิตหงส์ชาด’ ที่มู่อวิ๋นอันจากสำนักเต๋านครชาดทิ้งไว้ อย่าดูถูกขนาดเพียงนิ้วหัวแม่มือของมัน มูลค่าของมันเกินวัดได้ นี่คือวัตถุดิบศักดิ์สิทธิ์ชั้นหนึ่งในการหล่อหลอมดาบวิถี”
หลวงจีนคงจ้าวโพล่งขึ้นอย่างเดียดฉันท์ทันที “นอกจากมู่อวิ๋นอัน วิญญาณอาสัญตนอื่นช่างตระหนี่มิต่างกันเลย”
เซียนดาบชิงซื่ออดกล่าวขึ้นมาไม่ได้ว่า “จะโทษพวกเขาก็มิถูก สิ่งเหล่านี้คือสินสงคราม ใครเล่าจะนำสมบัติสูงสุดของตนออกมาเดิมพัน?”
ดาบพุทธะสรรพสุญตาถอนใจเบา ๆ “อันที่จริง นับว่าหายากแล้วที่พวกเขาจะนำสมบัติขอบเขตจุติสรวงเหล่านี้ออกมา เพราะถึงอย่างไร โลกหล้าทุกวันนี้ก็แตกต่างจากในยุคสิ้นกฎเกณฑ์…”
เนิ่นนานมาแล้ว มีสำนักเซียนตั้งอยู่มากมาย ผู้ฝึกตนในวิถีจุติสรวงเกลื่อนทั่วโลกหล้า มิขาดเซียนแท้จากแดนสรวงสัญจรทั่วไปหมด
ขณะนั้นมีสมบัติขอบเขตจุติสรวงอยู่นับมิถ้วน กระทั่งโอสถเซียนแท้จริงยังมิขาด!
ทว่าหนึ่งหายนะทำลายทุกสิ่งนี้สิ้น
ทุกวันนี้ การเทียบกับอดีตกาลมิมีทางทำได้
สองชั่วยามต่อมา
ซูอี้ลืมตาตื่นขึ้นจากภวังค์สมาธิ
การฝึกฝนในขอบเขตคืนสู่สามัญขั้นปลายของเขาได้รับการเสริมความแข็งแกร่งโดยสมบูรณ์
นอกจากนั้น ต่างจากการตรากตรำฝึกฝนก่อนหน้านี้ ซูอี้สัมผัสชัดเจนว่าแม้การฝึกฝนของเขา ณ ขณะนี้จะเลื่อนขึ้นเพียงหนึ่งขั้น ทว่ากลับแตกต่างราวกำเนิดใหม่!
“นอกจากศักยภาพซึ่งถูกกระตุ้นระหว่างศึกหลายส่วน มันน่าจะมีดาบเก้าคุมขังรวมอยู่ด้วย”
ซูอี้ครุ่นคิดอย่างเคร่งขรึม
เขาจำได้ชัดเจนว่าขณะต่อกรกับมู่อวิ๋นอัน สภาพจิตใจของเขาก็ว่างเปล่า
ยามนั้นเองที่พลังปราณของเขาสั่นพ้องประสานกับดาบเก้าคุมขัง และปราณของดาบเก้าคุมขังก็หลอมรวมเข้ากับร่างวิถี การฝึกฝน จิตวิญญาณของเขา!
“ดูเหมือนว่าการดิ้นรนเสี่ยงเป็นตายอย่างบริสุทธิ์แท้จริงเท่านั้นที่จะสามารถปลุกพลังดาบเก้าคุมขังได้”
ซูอี้ใคร่ครวญ
“เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง?”
เซียนดาบชิงซื่อถามยิ้ม ๆ
ซูอี้คิดสักพักและตอบอย่างสัตย์ซื่อ “หากข้าพบกับมู่อวิ๋นอันอีกครั้ง เขาจะไม่อาจทำร้ายข้าได้อีก”
เซียนดาบชิงซื่อและดาบพุทธะสรรพสุญตามองหน้ากัน หัวใจปั่นป่วนบิดม้วน
นี่… ควรจะเป็นนักดาบที่ท้าทายสวรรค์แบบใดกัน?
“มู่อวิ๋นอันเป็นวิญญาณอาสัญ ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาเทียบคร่าว ๆ ได้กับยอดฝีมือสูงสุดในขอบเขตจิตทารกขั้นต้น แทบไม่มีผู้ใดที่อยู่ในขอบเขตเดียวกันเป็นคู่มือเขาได้ กระทั่งตัวตนในขอบเขตจิตทารกขั้นกลางทั่วไปยังมิอาจเทียบกันได้”
เซียนดาบชิงซื่อกล่าว “ทว่าสหายเต๋ากลับเอาชนะเขาได้ขณะอยู่ในขอบเขตคืนสู่สามัญ หากข้าเดาถูก เว้นแต่จะได้พบกับตัวตนบางผู้ซึ่งมีอำนาจท้าทายสวรรค์ในขอบเขตจิตทารก ตัวตนทั่วไปในขอบเขตจิตทารกจะมิใช่คู่มือสหายเต๋าอีกต่อไป”
ดาบพุทธะสรรพสุญตาพยักหน้าพลางรำพึง “แสนนานกาลก่อน ข้าเกรงว่าจะมีเพียงทายาทแห่งเซียนแท้จริงเท่านั้นที่สามารถประชันกับสหายเต๋าได้ ส่วนผู้อื่นล้วนถูกกลบรัศมีสิ้น”
นั่นคือตำนาน!
เพียงพอจะทำให้ทั่วยุคสมัยสั่นคลอน เป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวตราบอดีตจวบจนปัจจุบัน!
“อย่างนี้เอง”
ในที่สุดซูอี้ก็ได้เข้าใจว่าอำนาจต่อสู้ของตนไปได้ไกลเพียงไร
“หลวงจีน สิ่งที่ข้าต้องการเล่า?”
ซูอี้หันไปกล่าวกับหลวงจีนคงจ้าว
“โอ้ ข้าเตรียมมันไว้ให้เจ้าแล้ว”
หลวงจีนคงจ้าวนำยันต์ลับสีดำชิ้นหนึ่งออกมาส่งให้
ยันต์ลับชิ้นนี้ประหลาดสุดขั้ว มีลวดลายลับประหลาดดุจสายโซ่วาดอยู่ละเอียดยิบราวแมลงนับพัน
มองปราดแรกก็ให้ความรู้สึกหนาวเยือก
“นี่คือ ‘ยันต์พันโอกาส’ ที่ช่างเสื้อเฒ่าภาคภูมิที่สุด เจ้าใช้มันได้เพียงหนเดียว ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ ระวังถูกอำนาจยันต์นี้แว้งกัดเอาล่ะ”
หลวงจีนคงจ้าวเอ่ยแนะ
ซูอี้พยักหน้า
ในโลกหล้านี้ หากจะมีผู้ใดรู้จักช่างเสื้อดีที่สุด ก็คงไม่พ้นหลวงจีนคงจ้าว
เมื่อนานมาแล้ว ทั้งสองพบพานเช่นไรหาทราบได้ไม่ ทว่าท้ายที่สุด ทั้งคู่ก็แยกทางกันทีละน้อย
ไม่มีผู้ใดรู้เหตุผล
หลวงจีนคงจ้าวมิเคยอธิบาย และซูอี้ก็ไม่เคยถาม
ทุกคนล้วนมีความลับของตน
ไม่จำเป็นต้องขุดเหตุคุ้ยรากไปเสียทุกเรื่อง
“เจ้าเว่ยน้อย ต่อจากนี้ เจ้าอยู่ในวัดสรรพสุญตานี่แหละ อย่าออกไปไหนอีกเลย”
ซูอี้หันไปสั่งการกับเว่ยซาน
เว่ยซานพยักหน้าพลางกล่าว “น้อมรับคำชี้แนะของนายน้อย”
เซียนดาบชิงซื่อกล่าวยิ้ม ๆ “มีข้ากับหลวงจีนสรรพสุญตาเฒ่าอยู่ สหายเต๋าซูวางใจได้เลย”
ดาบพุทธะสรรพสุญตากล่าวเบา ๆ “ข้าเห็นแล้วว่าการฝึกฝนของสหายเต๋าเว่ยซานถึงขอบเขตไร้ขีดจำกัดขั้นปลายแล้ว และต่อจากนี้ ข้าและพี่ชายร่วมวิถีชิงซื่อจะพยายามเต็มที่เพื่อช่วยให้สหายเต๋าเว่ยซานฝึกฝนวิถี หากไร้อุบัติเหตุใด ๆ สหายเต๋าเว่ยซานน่าจะสามารถบรรลุสู่วิถีจุติสรวงได้ในครึ่งปี!”
เซียนดาบชิงซื่อพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับยิ้ม
เว่ยซานรีบร้อนคำนับอย่างปรีดา “ขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสอง!”
“บรรพชน แล้วข้าเล่า?”
หลวงจีนคงจ้าวกระวนกระวาย
ดาบพุทธะสรรพสุญตากล่าวยิ้ม ๆ “เจ้าก็เช่นกัน”
หัวใจเขาช่างแสนคลุมเครือ ไม่คิดเลยว่าศิษย์ผู้เหลือรอดสุดท้ายแห่งวัดสรรพสุญตา ดูเช่นไรก็ไม่เหมือนหลวงจีน…
บั่นกิเลสสิ้นตัณหา บริสุทธิ์สำรวมอันใด ทุกสิ่งที่ว่ามามิเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้สักนิด ประหลาดจริงแท้
“เฮะ ๆ นั่นก็ดีแล้ว ข้าหลวงจีนผู้นี้พิทักษ์วัดสรรพสุญตามานับหมื่น ๆ ปี คิดอยากจุดไฟเผาวัดนี้มาก็หลายหน หยาบคายไร้สำรวม แสนโชคดีที่สุดท้ายกุศลก็ส่ง ภายหน้ามีบรรพชนอยู่ ข้าจะไม่สามารถเตร่ทั่วฟ้าดินได้แล้วหรอกหรือ?”
หลวงจีนคงจ้าวลูบท้องพลางเสสรวลลั่น
ยามนี้เขาอยากทุบเจ้าคนนอกคอกนี่นัก ฟังเขาพูดสิ นี่ใช่สิ่งที่พุทธสาวกทั้งหลายควรกล่าวหรือ?
เซียนดาบชิงซื่ออดขำมิได้
ซูอี้กับเว่ยซานเองก็หัวเราะตามอย่างช่วยมิได้
วันนั้นเอง ซูอี้ก็จากไปตามลำพัง
ในฐานะอริเก่า เขารู้สันดานของช่างเสื้อดียิ่ง ชายหนุ่มจึงไม่คิดว่าจะสามารถทำลายช่างเสื้อได้เพียงพึ่งพาวิญญาณอาสัญเหล่านั้นได้แน่
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจลงมือเอง!
ก่อนจากไป เซียนดาบชิงซื่อและดาบพุทธะสรรพสุญตาต่างนำม้วนหยกและสมบัติมาส่งให้เขาคนละชิ้น
ในม้วนหยกแต่ละชิ้นบันทึกประสบการณ์ ความรู้ความเข้าใจของตัวตนสูงสุดแห่งโบราณกาลทั้งสองคนเกี่ยวกับสามขอบเขตจุติสรวงเอาไว้
ซูอี้ไม่อาจใช้มันได้ในยามนี้ แต่เมื่อเขาก้าวสู่ขอบเขตจุติสรวงในภายหน้า ประสบการณ์ฝึกฝนเช่นนี้จะกลายเป็นสมบัติประมาณค่ามิได้ สามารถพบพานแต่มิอาจไขว่คว้าหา
ส่วนสมบัติของคนทั้งสองก็คือลูกกลอนดาบหนึ่งเม็ด และลูกประคำหนึ่งชิ้น
ยามซูอี้ออกเดินทาง ข่าวคราวเกี่ยวกับศึกหน้าวัดสรรพสุญตาได้แพร่ไปทั่วสามสิบหกแคว้นทั่วภูมิดาราเทพนครราวกับติดปีก
ชั่วขณะนั้น ทั่วโลกหล้าสะท้านสะเทือนด้วยเสียงเซ็งแซ่