บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1327: ธิดาผีเสื้อ
ตอนที่ 1327: ธิดาผีเสื้อ
รัตติกาลเงียบสงัด
ลึกเข้าไปในสันเขาเทพวิเวก หนึ่งโลกเร้นลับตั้งอยู่
ในวิหารแห่งหนึ่ง สตรีในชุดกระโปรงสีดำนั่งอยู่บนบัลลังก์สูง
นางมีนัยน์ตาดอกท้ออันงดงามทรงเสน่ห์ ผิวงามงดยิ่งกว่าหิมะ
ธิดาผีเสื้อ
แปรเปลี่ยนลักษณ์จาก ‘ปีศาจผีเสื้อกลืนสวรรค์’ อันกำเนิดระหว่างฮุ่นตุ้นแรกนภา
หนึ่งในผู้ใต้บัญชาอันมากความสามารถที่สุดของช่างเสื้อ
“ช่างน่าขันจริง ๆ ทัศนาจารย์ยังคิดใช้ลูกไม้ยืมมีดฆ่าคนอีก แต่น่าเสียดาย นายท่านคาดการณ์เรื่องนี้ไว้นานแล้ว ข้าจึงอพยพมาที่นี่เสียก่อน”
ธิดาผีเสื้อหยิบจอกสุราขึ้นมาโคลงเบา ๆ อย่างสง่างาม
ในวิหารนั้นมีผู้ทรงอำนาจนั่งอยู่กลุ่มหนึ่ง ผู้อ่อนแอที่สุดมีการฝึกฝนในขอบเขตคืนสู่สามัญ และผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขั้นปลายขอบเขตไร้ขีดจำกัด
ในหมู่พวกเขา มีกระทั่งผู้เลิศล้ำซึ่งอยู่ในตำแหน่งสูงแต่ยังเยาว์
ในโลกภายนอก พวกเขาแต่ละคนล้วนมีตัวตนกระจัดกระจายทั่วสามสิบหกแคว้นในภูมิดาราเทพนคร
ทว่าอันที่จริง พวกเขาคือร่างเงาซึ่งปฏิบัติตนภายใต้คำสั่งช่างเสื้อมาตลอด
หากช่างเสื้อเป็นนายแห่งความมืด เช่นนั้นพวกเขาก็เป็นเช่นเส้นหนวดของช่างเสื้อซึ่งกระจัดกระจายตามที่ต่าง ๆ ในภูมิดาราเทพนคร
“ข้าไม่คาดเลยว่าร่างเวียนวัฏของทัศนาจารย์จะแข็งแกร่งได้เพียงนี้แล้ว หากเขาหมายมั่นเป็นปรปักษ์กับเราจริง คงรับมือยากจริง ๆ”
ชายชราชุดขาวผู้หนึ่งขมวดคิ้วกล่าว
ทุกผู้ล้วนเห็นพ้อง
ความแข็งแกร่งที่ทัศนาจารย์แสดงออก ณ ศึกวัดสรรพสุญตาน่าสะพรึงกลัวเกินไป ล้มล้างความรู้ความเข้าใจเก่าก่อนของพวกเขาไปจนสิ้น เพียงคิดก็น่ากลัวแล้ว
ธิดาผีเสื้อกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “รอเถิด เมื่อโลกหล้ามีวิถีสู่สวรรค์ปรากฏโดยสมบูรณ์ มันจะเป็นยามที่นายท่านเผยไพ่ตายออกมา และยามนั้น ทั่วโลกหล้าจะสะท้านสะเทือน!”
ทุกผู้ล้วนใจสั่น รู้สึกตื่นเต้นร้อนรุ่ม
“ใต้เท้าธิดาผีเสื้อชี้แนะสักนิดได้หรือไม่ว่านายท่านของเรามีอำนาจทรงพลังเพียงใดในมือ ณ ขณะนี้?”
บางผู้อดถามไม่ได้
สายตาของคนอื่น ๆ เองก็มองมายังธิดาผีเสื้อเช่นกัน
ธิดาผีเสื้อกล่าวด้วยรอยยิ้มลึกลับเกินหยั่งคาด “ข้ารู้เพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น แน่นอน เพียงอำนาจส่วนปลายแค่นั้นก็เพียงพอให้เหล่าตระกูลโบราณอารักษ์วิถีกลัวได้แล้วล่ะ!”
“พูดเช่นนี้ดีกว่า ในภายหน้า คนกลุ่มเดียวในโลกที่สามารถประชันกับนายท่านได้ มีเพียงขุมกำลังสูงสุดซึ่งรอดจากยุคสิ้นกฎเกณฑ์มาเท่านั้น!”
เฮือก!
มีเสียงสูดหายใจเฮือกดังขึ้น
ทันใดนั้น ทุกผู้ก็ล้วนตื่นเต้นเปี่ยมความทะเยอทะยาน
ธิดาผีเสื้อดื่มสุราในจอก กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคิดว่าด้วยสถานการณ์เช่นนี้ เรายังต้องเป็นลิ่วล้อวายร้ายเยี่ยงทัศนาจารย์อยู่หรือไม่?”
ทุกผู้เสสรวล หัวใจแต่ละผู้แน่วแน่
ธิดาผีเสื้อเองก็แย้มยิ้ม ลูบคางเนียนขาวของนางขณะกระซิบ “ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าสีหน้าของทัศนาจารย์จะบูดบึ้งน่าเกลียดเพียงไร ยามรู้ว่าแผนยืมมีดฆ่าคนของเขาล้มไม่เป็นท่า”
ผู้คนเสสรวลหัวเราะมากขึ้นทุกที
ทันใดนั้น หนึ่งเสียงก็กล่าวขึ้นอย่างเฉยเมย
“งั้นไม่ดูเสียยามนี้เลยเล่า?”
เสียงเสสรวลในวิหารเงียบลงกะทันหัน บรรยากาศพลันเงียบสงัดเยี่ยงป่าช้า
ทุกผู้ล้วนเบนสายตาไปมองยังประตูวิหาร
แสงสว่างเจิดจ้าจากกำแพงสะท้อนบนใบหน้าคนทุกผู้
ประตูหลักของวิหารเปิดออกช้า ๆ
เริ่มจากปราณกลิ่นเลือดอันชวนสำลักคลุ้งเข้าสู่วิหารพร้อมวายุเย็นเยียบ ทำให้เปลือกตาทุกผู้กระตุก
ทันใดจากนั้น ชายหนุ่มอาภรณ์สีเขียวผู้หนึ่งก็ก้าวเดินทอดน่อง มือไพล่หลังออกมาจากความมืดไกลออกไป
จากแสงใต้ชายคา ทุกผู้เห็นได้ชัดเจนว่าบนพื้นเบื้องหลังชายหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยซากศพ
โลหิตเข้มข้นปะปนดำเข้มยิ่งกว่าหมึก เปรอะเปื้อนผืนปฐพีแดงฉานน่าตกใจ
ภาพการนองเลือดสีแดงฉานนี้เป็นดั่งมีผู้คลี่ม้วนภาพเป็นฉากหลัง ทำให้ชายหนุ่มดูราวเทพมรณะจากรัตติกาลทมิฬ!
“ทะ…ทัศนาจารย์!?”
ธิดาผีเสื้อผุดลุกจากบัลลังก์ประธาน นัยน์ตาดอกท้อเบิกกว้าง จอกสุราร่วงลงสู่พื้น แหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ทว่านางดูเหมือนไม่รับรู้
ทัศนาจารย์!
เมื่อได้ยินสมญานี้ ทุกผู้ในตำหนักก็ราวถูกสายฟ้าฟาด สีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างมหันต์ ต่างคนต่างงัดสมบัติตนออกมาใช้เตรียมรับศึกทันที
“เจ้าหาที่นี่พบได้เช่นไร?”
ธิดาผีเสื้อร้องอย่างไม่อยากเชื่อ
ต้องทราบว่าแดนหวงห้ามนี้คือฐานที่มั่นลับสุดยอดของพวกเขา และมีอำนาจกฎเกณฑ์กับค่ายกลปกคลุมห้อมล้อม กระทั่งตัวตนในขอบเขตจุติสรวงยังมิอาจบุกเข้ามาได้
คงไม่เป็นการกล่าวเกินไปหากจะบอกว่าในโลกหล้าทุกวันนี้ แม้นภาจะถล่ม แต่ฐานที่มั่นของพวกเขาจะไม่ถูกเปิดโปง!
ทว่ายามนี้ ทัศนาจารย์กลับปรากฏกายขึ้นเข่นฆ่าอย่างไร้เสียง ทิ้งซากศพจมกองเลือดเรี่ยราดทั่วผืนดิน!
ใครเล่าจะไม่ตกใจ?
ซูอี้ยกยันต์ลับสีดำชิ้นหนึ่งขึ้นส่าย “อ๋อ นี่ไงเหตุผลที่ข้าพบที่นี่”
ยันต์พันโอกาส!
ธิดาผีเสื้อจำของสิ่งนี้ได้ทันที ใบหน้างดงามซีดขาว เข้าใจได้ในที่สุด
ยันต์พันโอกาสนี้ มีเพียงนายท่านของนางเท่านั้นที่สร้างได้ และยังเป็นกุญแจเข้าออกแดนหวงห้ามสันเขาเทพวิเวกอีกด้วย!
“ทีนี้ เจ้าเห็นใบหน้าน่าเกลียดของข้าแล้วหรือไม่?”
ซูอี้ยืนมือไพล่หลังอยู่หน้าประตูตำหนักด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ธิดาผีเสื้อกล่าวด้วยสีหน้ามืดหมอง “มิคาดเลยว่าตัวตนเช่นทัศนาจารย์จะมาคิดเล็กคิดน้อยกับตัวตนผู้น้อยเช่นเราด้วย”
ซูอี้กล่าวเนิบ ๆ “เจ้าเพิ่งพูดไปนี่ ว่าในสายตาพวกเจ้า ข้าเป็นเพียงลิ่วล้อวายร้าย”
ธิดาผีเสื้อ “…”
นางพลันโบกมือ
ตู้ม!
ยันต์ลับชิ้นหนึ่งอันเปี่ยมแสงเซียนระเบิดออก แปรเปลี่ยนเป็นคมมีดเจิดจรัสมากมายฟาดฟันเข้าใส่ซูอี้
“หนีเร็ว!”
ธิดาผีเสื้อตวาดเบา ๆ แล้วพุ่งสู่ยอดตำหนักพร้อม ๆ กับพวกของนางทุกคน
เปรี้ยง!
ยอดตำหนักระเบิดออก ทุกผู้ทะยานสู่นภายามราตรี ทว่ายามที่ทุกผู้กำลังจะถึงทางออก ร่างของพวกเขาพลันชะงักค้าง
ซูอี้ยืนอยู่ไกลออกไป สองมือไพล่หลัง อาภรณ์สะบัดโบก สูงส่งไร้มลทิน
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของธิดาผีเสื้อเย็นวาบ
ยันต์ลับที่นางเพิ่งใช้ไปเป็นยอดอาวุธสังหารอันเทียบได้กับการโจมตีสุดกำลังของยอดคนจุติสรวงขอบเขตจิตทารก
แต่ใครเล่าจะคิด ว่านางมิได้ทำอันตรายใดต่อทัศนาจารย์เลยสักนิด!
“กล่าวตามตรง ในสายตาข้า พวกเจ้าจะเป็นหรือตายหาสำคัญไม่ ดังนั้นใครที่บอกข้าได้ว่าช่างเสื้ออยู่ที่ไหนจะได้รับการไว้ชีวิต”
ซูอี้กล่าวเนิบ ๆ
“ฝันไปเถอะ!”
ธิดาผีเสื้อแค่นเสียงอย่างเย็นชา คว้ายันต์ลับกำหนึ่งฟาดในอากาศเข้าใส่ซูอี้!
เปรี้ยง!
ยันต์ลับเหล่านั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติในขอบเขตจุติสรวง ไม่ว่าชิ้นใดก็สามารถสังหารราชันแห่งภูมิในขอบเขตไร้ขีดจำกัดใด ๆ ในหล้าได้ทั้งสิ้น
และยามนี้ ยันต์ลับสิบกว่าชิ้นปะทุอำนาจพร้อมเพรียง แปรเปลี่ยนเป็นอสนีบาต เพลิงทิพย์ พายุโหม ขุนเขาใหญ่ สารพัดสารพันประดังเข้าหาซูอี้
ท้องนภายามราตรีเจิดจ้าด้วยแสงสี สุญญะถล่มเปรี้ยงเละเทะ
ทั่วโลกเร้นลับสะท้านสั่นเคลื่อนคลอน
ขณะเดียวกัน ธิดาผีเสื้อและเหล่าผู้มีอำนาจต่างแยกย้ายหนีกระเจิงไปในทิศต่าง ๆ กัน
“น่าเบื่อ”
ซูอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ
แสงสว่างจ้าขึ้นรอบร่าง แปรเปลี่ยนเป็นม่านดาบทรงกลม เขาพุ่งทะยานเป็นเส้นแสงออกไป
และร่างของเขาก็ทะยานออกจากวงล้อมได้ง่ายดายเยี่ยงหักไม้ไผ่
“ขึ้นมา!”
หนึ่ง สอง สาม… ดาบบินทั้งหมดสิบสองเล่มอันอาบแสงเซียนพุ่งออกจากแขนเสื้อของซูอี้
พวกมันคือดาบบินในขอบเขตจุติสรวงอันหลงเหลือจาก ‘ค่ายกลดาบปลิดวิญญาณ’ ของบัณฑิตผี พวกมันทั้งหลายล้วนเจิดจ้าเลิศล้ำ แสงเซียนทะยานเหินสู่นภา
“ไป!”
ซูอี้ออกคำสั่งในใจ
วจีดาบกระจ่างใส สิบสองดาบบินแหวกราตรี ส่งเสียงคำรามทะยานไปตามทิศต่าง ๆ
ทันใดนั้น การสังหารนองเลือดก็บังเกิด ณ สถานที่ต่าง ๆ กันไป
ยามหมู่ดาบบินวูบไหว เหล่าผู้มีอำนาจรับใช้ช่างเสื้อคนแล้วคนเล่าต่างถูกปลิดชีพลงทันที
โลหิตสาดกระเซ็นเยี่ยงน้ำตก
กาลก่อน ราชันแห่งภูมิเหล่านี้ล้วนแต่เป็นขุมกำลังชั้นหนึ่งในโลกหล้า อยู่ใต้คนเพียงหนึ่ง อยู่เหนือคนทั่วหล้า
นอกจากนั้นยังถือตำแหน่งสำคัญ กระจัดกระจายเป็นหูตาให้ช่างเสื้อทั่วภูมิดาราเทพนคร แต่ละผู้มีฐานะพิเศษ ห่างไกลเกินตัวตนธรรมดาเทียบได้
ทว่ายามนี้ พวกเขากลับเหมือนผักหญ้าซึ่งถูกเก็บเกี่ยวโดยสะดวกดาย
ไร้ผู้ใดต้านไหว!
ซูอี้คร้านเกินกว่าจะชายตาแล ด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบันของเขาซึ่งทัดเทียมวิญญาณอาสัญขอบเขตจุติสรวง ตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิเหล่านี้หาอยู่ในสายตาเขาไม่
ร่างของเขาวูบไหว ไล่ตามธิดาผีเสื้อ
ทางออกแดนหวงห้ามสันเขาเทพวิเวก
ผีเสื้อสีดำตัวหนึ่งปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ และขณะที่มันกำลังจะพุ่งสู่ทางออก ปราณดาบสายหนึ่งก็ขวางทางตรงหน้า
ตู้ม!
ปราณดาบแพร่ขยาย ผีเสื้อสีดำตกใจผงะถอย จำแลงกายเป็นร่างของธิดาผีเสื้อ
ใบหน้างามของนางแปรเปลี่ยนกะทันหัน ยกมือขึ้นใช้ระฆังทองเหลืองใบหนึ่ง ฟาดมันอย่างแรง
แกร๊ง!
คลื่นเสียงสีทองแพร่ออกไปเยี่ยงคลื่นยักษ์ถาโถม
แสงเซียนในคลื่นเสียงนั้นเผยอำนาจร้ายกาจ เห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติในขอบเขตจุติสรวง
ทว่าในพริบตา หนึ่งปราณดาบปรากฏขึ้น ฉีกกระชากคลื่นเสียงสีทองอย่างง่ายดาย ก่อนจะฟาดฟันระฆังทองเหลืองโดยหาผ่อนแรงลงไม่
เคร้ง!
ระฆังทองเหลืองถูกฟาดกระเด็นไปทันที
ร่างบอบบางของธิดาผีเสื้อสั่นไหวรุนแรง กระอักเลือดคำโตออกมาอย่างแรง รับผลกระทบปลายสาย
และยามนี้เองที่นางตระหนักลึกซึ้งว่าทัศนาจารย์ ณ ขณะนี้น่าหวาดหวั่นเพียงไร
“ช่างเสื้อเลี้ยงดีนี่ ให้สมบัติจุติสรวงกับเจ้าเสียเยอะเลย”
ร่างของซูอี้ปรากฏขึ้นหน้าทางออก มองมายังธิดาผีเสื้ออย่างประหลาดใจ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตัวตนของสตรีผู้นี้หาธรรมดาไม่ และต้องเป็นคนสำคัญข้างกายช่างเสื้อแน่แท้!
เมื่อคิดเช่นนี้ ซูอี้ก็ลงมือทันที สิ้นความลังเล
ร่างของเขาหายวับไปปรากฏตรงหน้าธิดาผีเสื้อในพริบตา ยื่นมือคว้าคอหญิงสาว หมายจับเป็นนาง
ไม่คาดว่าธิดาผีเสื้อจะมิหลบเลี่ยงขัดขืน มีเพียงนัยน์ตาดอกท้อทรงเสน่ห์ที่เย็นชาสุดขีด
ยามนี้ คิ้วของซูอี้ขมวดเล็กน้อย ร่างของเขาพลันถอยหลบไปห่าง ๆ
ตู้ม!
แทบจะในขณะเดียวกัน ร่างของธิดาผีเสื้อพลันแผดเผาระเบิดเป็นแสงสีเลือดอันน่าสะพรึงกลัว
ทั่วแดนดินในระยะพันจั้งล้วนระเบิดเป็นจุณ
เกิดรอยร้าวขึ้นทั่วโลกเร้นลับอันสั่นสะท้านนี้เต็มไปหมด
“ทัศนาจารย์ ในอีกไม่ถึงครึ่งปี เจ้าต้องตายแน่!”
เสียงอันเคียดแค้นของธิดาผีเสื้อสะท้อนก้องทั่วฟ้าดินอยู่แสนนาน
ซูอี้หรือจะใส่ใจคำขู่เช่นนี้?
เขาเพียงเสียดายเท่านั้นที่จับเป็นสตรีผู้นี้ไม่ได้ หาไม่ เขาอาจรีดที่อยู่ของช่างเสื้อจากปากนางได้!
………………..