บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1333: เคล็ดตีดาบสิบสองบท
ตอนที่ 1333: เคล็ดตีดาบสิบสองบท
ในห้วงความนึกคิดของซูอี้
จิตดั้งเดิมที่มีแสงทิพย์สีเขียวของเซียนวนเวียนนั้นกลายเป็นร่างผู้ชายหน้าตาคมเข้ม รวบผมสูงรัดเกล้าด้วยหยก อาภรณ์สีฟ้าโบกสะบัด ในตัวเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งจองหอง
เขาเงยหน้าหัวเราะเสียงดังด้วยความสาแก่ใจ
คิดจนสมองแตกก็คาดไม่ถึงว่าโชคชะตาที่เกี่ยวข้องกับวัฏสงสารนั้นจะส่งมาหาตัวเองถึงที่เช่นนี้!
“ทรัยพ์สินเงินทองหล่นจากฟ้า เป็นเช่นนี้นี่เอง? ฮ่า ฮ่า ฮ่า….หืม!?”
จู่ ๆ เสียงหัวเราะของชายในอาภรณ์สีฟ้าก็หยุดชะงัก
เขารู้สึกไม่ชอบมาพากล
“นี่คือ… ห้วงความนึกคิดเช่นนั้นหรือ?”
ผู้ชายในอาภรณ์สีฟ้านิ่งงัน มองดูรอบด้าน รู้สึกราวกับกำลังยืนอยู่บนทะเลกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต คลื่นทะเลถาโถม ล้วยกลายตัวจากพลังวิญญาณอันยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น
ไร้ซึ่งพรมแดน!
“ในโลกนี้มีตัวตนขอบเขตคืนสู่สามัญคนใดที่สามารถฝึกฝนห้วงความนึกคิดจนถึงระดับนี้ได้?”
ชายในอาภรณ์สีฟ้าตะลึงงัน
ตอนมีชีวิตเขาเป็นถึงยอดราชันย์จุติสรวงขอบเขตจุติมงคล อีกเพียงแค่ก้าวเดียวก็จะสามารถเข้าจุติสรวงทะยานสวรรค์และมีชื่อติดอันดับต้น ๆ ด้วยประสบการณ์ที่เขามี เคยพบเห็นห้วงความนึกคิดที่เรียกได้ว่ามหัศจรรย์มาไม่รู้เท่าใดต่อเท่าใด
ทว่ามีแต่คนตรงหน้านี้เท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกคาดไม่ถึง!
ห้วงความนึกคิดระดับนี้ ต่อให้อยู่ในตัวผู้แข็งแกร่งขอบเขตจุติสรววง ก็ยังเรียกได้ว่าในหมื่นคนก็ยังหาแทบไม่เจอ หากไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ผู้เป็นอันดับหนึ่งในโลกกว้าง ไม่มีทางจะมีห้วงความนึกคิดระดับนี้ได้
แต่ทว่า ห้วงความนึกคิดเช่นนี้กลับปรากฏอยู่ในตัวราชันแห่งภูมิขอบเขตคืนสู่สามัญ เช่นนี้เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง!
“หรือว่านี่จะเป็นความพิเศษของคนที่ควบคุมวัฏสงสาร?”
ชายในอาภรณ์สีฟ้าตื่นตระหนก
เขาไม่รอช้า ทันใดกางแขนสองข้างออก มือทั้งสองข้างประสานกันเป็นสัญลักษณ์
ครืน!
ณ จิตดั้งเดิมของเขา แสงทิพย์สีเขียวอันเจิดจ้าของเซียนผุดปะทุขึ้น ถักทอเป็นสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์สายแล้วสายเล่า พุ่งไปรอบด้านของห้วงความนึกคิดของซูอี้
มองออกไป คล้ายกับตาข่ายขนาดใหญ่ถูกเหวี่ยงออกไปเพื่อครอบคลุมห้วงความนึกคิดทั้งหมดของซูอี้
“เมื่อข้าครอบครองสถานที่แห่งนี้ได้ทั้งหมดแล้ว ก็จะกลายร่างเป็นจิตวิญญาณของคน ๆ นี้ ดูดซับประสบการณ์และเรื่องราวที่ผ่านมาของเขา จากนั้นค่อยดึงความลับแห่งวัฏสงสารออกมา”
“อืม ร่างของเขาในตอนนี้มีอายุเพียงแค่ยี่สิบกว่า ๆ เท่านั้น กำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์ อีกทั้งยังได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เพียงแค่ผ่านการขัดเกลาอีกสักหน่อยก็สามารถทำเป็นร่างวิถีของข้าได้!”
“ตามความคาดหมาย สวรรค์ไม่ทอดทิ้งข้า!”
“ถึงแม้ภัยพิบัติใหญ่ยุคสิ้นกฎเกณฑ์จะทำลายร่างวิถีและวิญญาณหลักของข้า แต่หลังจากที่เวลาผ่านพ้นไปนานมาก กลับประทานโชคชะตายิ่งใหญ่ที่แม้กระทั่งเซียนบนสวรรค์ก็ยังต้องอิจฉาให้แก่ข้า!”
ชายในอาภรณ์สีฟ้ายิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น ปลื้มปิติยินดีจนถึงขั้นไม่อาจปลาบปลื้มได้อีก จิตดั้งเดิมถึงกับสั่นระริก
ปัง!
ทันใดแสงทิพย์สีเขียวที่แผ่กระจายออกไปก็แตกระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ ชายในอาภรณ์สีฟ้าได้รับผลกระทบตามไปด้วย ร่างของเขาเซถลา ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
“ให้ตายสิ! นั่นคือ…”
ผู้ชายในชุดสีฟ้าเบิกตากว้าง
ในการสัมผัสรับรู้ของเขา พบว่าในห้วงความนึกคิดที่ห่างไกลออกไป ดาบวิถีเล่มหนึ่งลอยตัวขึ้น!
ดาบวิถีเล่มนั้นเชื่อมต่อฟ้าดิน มีขนาดใหญ่มากจนถึงขั้นคาดไม่ถึง โซ่ล่ามลึกลับแต่ละเส้นเปรียบดังลำตัวของมังกรใหญ่ที่คดเคี้ยว พันรอบตัวดาบ
เมื่อมองออกไป ชายในอาภรณ์สีฟ้าถึงกับตัวสั่น เกิดความหวาดกลัวจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ เปรียบได้กับมดตัวน้อยมองเห็นเทพผู้ยิ่งใหญ่บนสวรรค์!
ไม่อาจระงับความตื่นตะลึง ความหวาดเกรง และความขยาดกลัวเช่นนั้นได้
“หรือว่า…หรือว่านี่จะเป็นสมบัติลึกลับวิถีเซียนที่สะกดอยู่ในจิตวิญญาณ!?”
“ไม่สิ สมบัติเซียนไม่มีทางน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้!”
ชายในอาภรณ์สีฟ้าตื่นตระหนกจนขวัญหนีดีฝ่อ
เมื่อตอนมีชีวิตอยู่เขาคือยอดราชันย์ขอบเขตจุติมงคล ห่างจากวิถีเซียนอีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น และเคยเห็นความน่าเกรงขามของเซียนที่แท้จริงมาแล้ว ทั้งยังเคยลิ้มรสอานุภาพความน่ากลัวของศาสตราวุธเซียน
ทว่าเมื่อเทียบกันแล้ว ก็ยังไม่น่ากลัวและกดดันเหมือนกับที่ดาบวิถีเล่มนี้มี!
“สวรรค์เมตตาปรานีต่อเจ้าจริง ๆ ที่ส่งเจ้ามายังห้วงความนึกคิดของข้า”
เสียงหัวเราะราบเรียบดังแทรกเข้ามา
ร่างอวตารจิตวิญญาณของซูอี้ปรากฏขึ้น ยิ้มพลางมองชายในอาภรณ์สีฟ้าที่อยู่ห่างออกไป จากนั้นกระดิกปลายนิ้ว “มานี่ หัวเราะให้ข้าดูอีกสักครั้ง”
สีหน้าของชายในอาภรณ์สีฟ้าตื่นตระหนก ฉับพลันร่00างของเขาก็หายไปราวกับอสนีสีเขียวแลบแปลบปลาบ พุ่งไปคร่าชีวิตของซูอี้
ซูอี้ยกมือขึ้นแตะเบา ๆ
ปัง!!
ชายผู้นั้นราวกับถูกค้อนยักษ์ของเทพทุบ จิตดั้งเดิมกระเด็นออกไป ส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
เมื่อมองดูให้ดีจะเห็นว่าจิตดั้งเดิมของเขามีรอยร้าวเกิดขึ้นมากมาย!
“ให้ตายสิ! หลงกลแล้ว!”
ชายผู้นั้นรู้ตัวว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว ตอนแรกที่เขาเข้าใจว่าเหยื่อเสนอตัวมาให้จับถึงที่ แท้ที่จริงแล้ว ตนเองเสียอีกที่เป็นเหยื่อนั้น!
โดยไม่รอช้าลังเล ชายผู้นั้นหายตัวไป พยายามจะพุ่งออกจากห้วงความนึกคิดของซูอี้
โครม!
ทันใดห้วงความนึกคิดของซูอี้ก็เดือดพล่าน พลังดาบลึกลับปรากฏขึ้น จิตดั้งเดิมของชายผู้นั้นถูกจับกุมอย่างหนาแน่นในทันใด
“ขึ้น!”
ชายในอาภรณ์สีฟ้าแผดเสียงร้อง
วงแหวนทิพย์สีฟ้าพุ่งออกมาจากจิตดั้งเดิมของเขา ระเบิดแสงทิพย์อันสว่างเจิดจ้าของเซียน
วงแหวนสวรรค์จิตกระจ่าง!
มันคือสมบัติลับจิตวิญวิญญาณที่มีอานุภาพยิ่งใหญ่มหัศจรรย์มากชิ้นหนึ่ง
ในช่วงภัยพิบัติใหญ่ยุคสิ้นกฎเกณฑ์ครั้งนั้น เขาอาศัยสมบัติชิ้นนี้จึงสามารถรักษาจิตวิญญาณดวงนี้มาได้ และนับแต่นั้นจึงแฝงร่างอยู่ในศิลาเสริมชะตาสวรรค์ หลังจากเวลาผ่านพ้นไปนานนับหมื่นปีจึงฟื้นตื่นขึ้น
ทว่าครู่ถัดมา ชายในอาภรณ์สีฟ้าถึงกับงงงัน
วงแหวนสวรรค์จิตกระจ่างของเขา เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ก็โดนพลังดาบอันน่ากลัวนั้นบดขยี้จนแตกเป็นเสี่ยง ๆ!
“ไม่…”
ชายผู้นั้นส่งเสียงหวีดร้องด้วยความหวาดกลัว “สหายเต๋า ข้ายอมแพ้…”
พูดได้แค่ครึ่งเดียว จิตดั้งเดิมของเขาก็แตกระเบิด กลายเป็นเศษวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนฟุ้งกระจาย
ชั่วขณะนี้ ซูอี้มองเห็นตลอดชั่วชีวิตของผู้ชายในอาภรณ์สีฟ้าจากเศษจิตวิญญาณที่เลือนหายไปอย่างรวดเร็วเหล่านั้น
หวังอวิ๋นเฮ่อ
ยอดราชันย์จุติสรวงขอบเขตจุติมงคลขั้นปลาย ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งบรรพตมารธารปรภพ ผู้คนทั้งหลายเรียกเขาว่า ‘จอมมารพันหน้า’…
ความทรงจำวิญญาณทั้งหลายของหวังอวิ๋นเฮ่อผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับขี่ม้าชมดอกไม้ จากนั้นไม่นานก็หายลับไป ไม่หลงเหลืออีก
จนกระทั่งถึงชั่วขณะที่จิตดั้งเดิมของหวังอวิ๋นเฮ่อเลือนหายไป ซูอี้จึงพบความจริงที่หวังผูถูกสิงสถิตย์!
เมื่อหนึ่งปีก่อน หลังจากที่หวังอวิ๋นเฮ่อผู้ที่หลับใหลอยู่ในศิลาเสริมชะตาสวรรค์ตื่นขึ้นมา ฟ้าดินเกิดความเปลี่ยนแปลง เมื่อข่าวถูกแพร่ออกไป เมืองชลาสินธุเกิดความสั่นคลอน
ในวันที่สอง กลุ่มพลังของตระกูลโจวแห่งตระกูลโบราณอารักษ์วิถีก็มาถึง พวกเขาบุกเข้าไปในโรงหลอมเทวะ เพื่อจะแย่งชิงศิลาเสริมชะตาสวรรค์และสะกดหวังอวิ๋นเฮ่อให้อยู่ภายในนั้น
เพื่อเอาชีวิตรอด เดิมทีหวังผูตั้งใจว่าจะเป็นฝ่ายมอบหินศิลาประหลาดก้อนนั้น
แต่ไม่คิดเลยว่า จู่ ๆ หวังอวิ๋นเฮ่อก็จัดการสิงสถิตย์หวังผู พร้อมทั้งฆ่าสังหารผู้แข็งแกร่งที่มาจากตระกูลโจวเหล่านั้นจนสิ้น
หวังอวิ๋นเฮ่อเกรงว่าคนอื่นจะรู้ จึงกบดานในที่แห่งนี้มาโดยตลอด อาศัยเตาหมื่นเลิศล้ำกับเพลิงวิถีเก้ากระจ่างของโรงหลอมเทวะหลอมสร้างสมบัติล้ำค่าที่มีชื่อว่า ‘โครงดาบคลื่นดารา’ ขึ้น
เมื่อเข้าใจในเรื่องเหล่านี้แล้ว ซูอี้ถึงกับทอดถอนใจออกมา
หวังผู… โดนตาเฒ่าที่ชื่อว่าหวังอวิ๋นเฮ่อทำร้ายจริง ๆ เสียด้วย!
ซูอี้สลัดความคิดอื่น ๆ ทิ้งและเก็บพลังที่อยู่ในห้วงความนึกคิด จากนั้นเบนสายตามองดูหวังผูที่ทรุดกองอยู่กับพื้น
หลังจากที่ตรวจสอบ สุดท้ายซูอี้ก็มั่นใจได้ว่าหวังผูตายไปแล้ว จิตวิญญาณก็โดนกลืนกินไปด้วย ไม่มีโอกาสฟื้นกลับคืนมาได้อีก
“หวังผู ข้าได้ช่วยเจ้าแก้แค้นแล้ว หากว่าเจ้าที่อยู่โลกเบื้องล่างได้รับรู้ ก็จงสงบใจไปสู่สุคติ”
ซูอี้กล่าวเบา ๆ
ปลายนิ้วของเขากระดิกเบา ๆ เพลิงเทวะพลันลอยไปอยู่บนศพของหวังผู เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว หนทางที่ปูด้วยกลีบดอกสุดวิถีสีแดงราวกับเพลิงไฟก็ปรากฏ ตรงไปยังความมืดมิดอันไร้ขอบเขต
สามารถมองเห็นร่างเลือนรางร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นก็คือหวังผูนั่นเอง
เขาราวกับหมดสิ้นความทุกข์ใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม โบกมือให้กับซูอี้ จากนั้นจึงก้าวเดินบนหนทางที่มุ่งตรงไปฝั่งตรงข้าม แล้วก็หายลับไป
ร่างเลือนรางนั้นไม่ใช่จิตวิญญาณ แต่เป็นความยึดติดที่ดำรงอยู่ในซากศพของหวังผู ลักษณะคล้ายกับความคิดและจิตมุ่งมั่น หากว่าไม่ขจัดออกไปจนหมด เมื่อกาลเวลาผ่านพ้นไปจะกลายเป็นตัวประหลาดที่มีลักษณะคล้ายกับพวกวิญญาณเฮี้ยน
และตอนนี้ ซูอี้ได้ใช้เพลิงเทวะตัดความยึดติดของหวังผูทิ้ง ถือได้ว่าเป็นการหลุดพ้นไปอีกแบบเช่นกัน
ซูอี้หมุนตัวมาอยู่หน้าเตาหมื่นเลิศล้ำ ใช้เพลิงวิถีเก้ากระจ่างกับเตาหมื่นเลิศล้ำหลอมสร้างสมบัติล้ำค่าที่มีชื่อว่า ‘โครงดาบคลื่นดารา’
ซูอี้เดินเข้ามาใกล้ พินิจมองดูสักครู่ สายตาปรากฏแววประหลาดขึ้นมา
‘โครงดาบคลื่นดารา’ ที่ว่านี้เป็นต้นแบบดาบวิถีที่วัตถุศักดิ์สิทธิ์อันมีค่าระดับจุติสรวงนับร้อยชนิดหลอมสร้างขึ้น
เปรียบได้กับเมล็ดพันธุ์เพิ่งแตกหน่ออ่อน ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างอย่างแท้จริง
“เช่นนี้ข้าก็ได้ประโยชน์ไป ถือโอกาสนี้ หลอมดาบแห่งโลกาใหม่อีกครั้งด้วยเลย!”
เคล็ดวิชาการหลอมสร้างศาสตราวุธอันลึกลับพลันปรากฏขึ้นในห้วงสมองของซูอี้
ชื่อเคล็ดวิชานี้เรียบง่าย มีชื่อว่า ‘เคล็ดตีดาบสิบสองบท’
ทว่าเคล็ดวิชานี้มีที่มาที่ไป เป็นเคล็ดวิชาการหลอมสร้างศาสตราวุธที่ทัศนาจารย์เมื่อชาติที่แล้วสมัยรุ่งโรจน์ที่สุดคิดค้นรู้แจ้งขึ้นมาได้จากดาบเก้าคุมขัง
ตามที่เข้าใจกันดีว่า เดิมทีดาบแห่งโลกาเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ฮุ่นตุ้น มีอานุภาพมหัศจรรย์ติดตัวมาแต่กำเนิด ไม่จำเป็นต้องทำการหลอมสร้าง ก็สามารถใช้งานได้ดีราวกับแขนขา
ความเป็นจริงแล้ว วัตถุศักดิ์สิทธิ์ฮุ่นตุ้นไม่อาจทำการขัดเกลาได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใคร ๆ ต่างก็รู้กันทั่ว
ทว่าในตอนนั้น ทัศนาจารย์กลับหลอมสร้างดาบแห่งโลกาขึ้นใหม่อีกครั้ง
วิชาที่ใช้ก็คือเคล็ดวิชาหลอมศาสตราวุธที่บันทึกอยู่ใน ‘เคล็ดตีดาบสิบสองบท’!
กล่าวได้อีกอย่างว่า เคล็ดวิชาหลอมศาสตราวุธเช่นนี้ยังสามารถหลอมละลายวัตถุศักดิ์สิทธิ์ฮุ่นตุ้นได้อีกด้วย!
“ความแยบยลของเคล็ดตีดาบสิบสองบทนี้ หัวใจสำคัญอยู่ที่ ‘การมอบจิตใจ’ มอบจิตใจให้แก่สมบัติล้ำค่า ทำให้มันเหมือนกับมีชีวิต มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา”
“เช่นเดียวกับต้นไม้ มีรากฐานที่สามารถเจริญเติบโตพุ่งสูงเสียดฟ้า”
ซูอี้ตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิด
เวลาที่ดาบแห่งโลกาต่อกรกับบุคคลขอบเขตราชันแห่งภูมิ เป็นศาสตราวุธร้ายแรงอันดับหนึ่ง
ทว่าเวลาที่ต่อกรกับวิญญาณอาสัญขอบเขตจุติสรวงเหล่านั้น กลับดูอ่อนแรงไป
เพราะอย่างไรเสีย วัตถุศักดิ์สิทธิ์ฮุ่นตุ้นเช่นนี้ถือเป็นแค่สมบัติล้ำเลิศระดับราชันแห่งภูมิเท่านั้น ไม่อาจเปรียบเทียบได้กับวัตถุดิบสมบัติจุติสรวงได้
และครั้งนี้ที่ซูอี้เดินทางมาโรงหลอมเทวะ จุดประสงค์ก็เพื่อทำการขัดเกลาดาบแห่งโลกาใหม่อีกครั้ง
“ตอนนี้ ข้ามีเถาวัลย์มารดาฟ้าดิน วัตถุวิญญาณระดับจุติสรวงที่กองพะเนินเป็นภูเขา กับวัตถุดิบสมบัติจุติสรวงจำนวนหนึ่ง เพียงพอที่จะยกระดับดาบแห่งโลกาให้สูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้”
หลังจากที่ตัดสินใจแล้ว ซูอี้นั่งขัดสมาธิ จากนั้นหยิบเถาวัลย์มารดาฟ้าดิน ดาบแห่งโลกา พร้อมทั้งวัตถุศักดิ์สิทธิ์ระดับจุติสรวงกับสมบัติล้ำค่านานาชนิดที่พกติดตัวออกมา
ฟิ้ว!
เมื่อเขาประสานมือเป็นรูปสัญลักษณ์ เพลิงวิถีเก้ากระจ่างที่ลอยตัวอยู่ใต้เตาหมื่นเลิศล้ำก็ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง อานุภาพที่เกิดขึ้นสามารถทำให้เตาหมื่นเลิศล้ำขับเคลื่อนขึ้นมาได้
ลายวิถีโบราณแต่ละลายปรากฏอยู่รอบ ๆ เตาหลอม ในระยะไกล ซูอี้ชัก ‘โครงดาบคลื่นดารา’ ที่มีแสงทิพย์สีเงินของเซียนอาบชโลมออกมาจากเตาหลอม
“สมบัติชิ้นนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากมากจริง ๆ สมบัติวิญญาณระดับจุติสรวงทั่วไปไม่อาจเทียบเคียงได้”
ซูอี้กล่าวชื่นชม
เขาในตอนนี้พบเจอเรื่องราวมามาก เก็บรวบรวมวัตถุดิบสมบัติจุติสรวงได้เป็นจำนวนมาก จึงมีสายตาที่คมชัด เพียงแค่มองแวบเดียวก็เห็นถึงความมหัศจรรย์ของ ‘โครงดาบคลื่นดารา’
อย่างไรเสียก็ดี ของสิ่งนี้ได้มาจากมือของยอดราชันย์จุติสรวงขอบเขตจุติมงคล จึงเป็นไปไม่ได้ที่วัตถุดิบสมบัติจุติสรวงทั่วไปจะสามารถเทียบเคียงได้
“ไป!”
ซูอี้สลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง พอสะบัดแขนเสื้อ ดาบแห่งโลกาก็ผลุบเข้าสู่เตาหมื่นเลิศล้ำในทันใด
………………..