บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1345: หนึ่งหมัดทลายสิ้น
ตอนที่ 1345: หนึ่งหมัดทลายสิ้น
ตัดสินเป็นตาย สะสางหนี้แค้น!
วาจาเลื่อนลอยดุจวายุโชยของซูอี้มีอำนาจไร้กังขา
ทั่วแดนดินเงียบสงัดมากขึ้นทุกขณะ ทุกสายตามองตรง กระทั่งลมหายใจยังถูกกลั้น
“ทั้งสามท่าน ขอข้าวัดกับทัศนาจารย์ก่อน!”
นัยน์ตาของจิตรกรวูบไหว
ร่างของเขาสูงใหญ่ อาภรณ์ขาวเยี่ยงหิมะ หล่อเหลาสง่างาม
ขณะที่เขากล่าว บรรยากาศรอบกายเขาก็แปรเปลี่ยน
ตู้ม!
สุญญะสะท้านไหว พิรุณแสงเซียนดำทมิฬเยี่ยงหมึกปรากฏขึ้น วาดเป็นม้วนภาพสาดหมึกรอบกายจิตรกร
บนม้วนภาพนั้น กฎมหาวิถีควบร่างดุจบงกชตูมรอวันปลดปล่อยเบ่งบาน พลิ้วไหวเปี่ยมชีวิตราวพร้อมปะทุชีพขึ้นได้ทุกเมื่อ
อำนาจกดดันแผ่กระจายออกเยี่ยงพายุ
“มรดกและปราณเช่นนี้ ในอดีตกาลยังกล่าวได้ว่าเป็นตัวตนระดับสูงสุด มีเพียงหนึ่งในหมื่น!”
วิญญาณอาสัญจากกลุ่มเต๋าโบราณบางผู้กล่าวอย่างสะท้านใจ
ก่อนสิ้นลม พวกเขาล้วนแต่เป็นตัวตนทรงอำนาจในวิถีจุติสรวง มองปราดแรกก็เห็นได้ว่าพื้นฐานของจิตรกรในขอบเขตจิตทารกนั้นแข็งแกร่งสุดขั้ว เหนือชั้นกว่าคนทั่วไปมาก
“เป็นธรรมดา ในโลกหล้าทุกวันนี้ ทุกตัวตนที่ก้าวสู่วิถีจุติสรวงได้ เดิมทีก็ติดอยู่ในขอบเขตไร้ขีดจำกัดมาเนิ่นนานมิทราบปีกันอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเสริมพื้นฐานแข็งแกร่งเหนือคาด”
ผู้อาวุโสผู้หนึ่งกล่าว “นอกจากนั้น พวกเขาทั้งหลายที่นี่ล้วนแต่เป็นยักษ์ใหญ่ในจักรวาลพร่างดาว ไม่ว่าจะเป็นภูมิหลัง ความกล้า ความสามารถฝีมือล้วนเหนือล้ำกว่าคนในขอบเขตเดียวกันไปไกลลิบ”
“หากเป็นสมัยโบราณ ด้วยฝีมือคนเหล่านี้ ไม่เพียงพวกเขาจะก้าวสู่วิถีจุติสรวงได้ แต่การจุติมงคลบรรลุเซียนก็มิถึงกับไร้หวัง”
“ท้ายที่สุดแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เกิดผิดยุคสมัย ยามนี้เมื่อสบโอกาส พวกเขาก็สามารถทะยานสู่จุดสูงสุด เผยภูมิหลังอันร้ายกาจเหนือคาดหยั่งได้”
…สายตามากมายมองมายังจิตรกร จากนั้นก็พากันตัวสั่น
เพิ่งย่างเหยียบถึงวิถีจุติสรวงแท้ ๆ แต่เขากลับมีพื้นฐานแข็งแกร่งสูงสุดแล้ว ไม่ว่าวิญญาณอาสัญจากกลุ่มเต๋าโบราณใด ๆ ก็ล้วนรู้สึกเหลือเชื่อ
“มา ตัดสินกันไว ๆ เหนือทะเลเมฆานี้กันเลย!”
จิตรกรคำรามลั่น ร่างของเขาทะยานสู่เวหาไปยังใต้ท้องนภา ท่าทีอหังการ อำนาจยิ่งใหญ่ชวนตะลึง
ซูอี้เลิกคิ้วน้อย ๆ แล้วเสสรวล
ไอ้แก่ผู้นี้ไม่กล้าปรากฏตัวตรงหน้าเขาในอดีต
ทว่ายามนี้เขากลับกล้ายั่วยุตน มิต้องสงสัยเลยว่าความมั่นใจของจิตรกรทะยานสูงหลังเหยียบย่างสู่วิถีจุติสรวง!
“ไม่เข้ามาด้วยกันหรือ?”
สายตาของซูอี้กวาดตามองชาวประมง เติ้งจั๋ว และเหยียนเต้าหลิน
“ไม่ต้องรีบร้อนไป”
ครู่ต่อมา ชาวประมงก็กล่าวว่า “การจัดการกับเจ้าทัศนาจารย์ ค่อยเป็นค่อยไปปลอดภัยที่สุด”
ใต้ท้องนภา คิ้วของจิตรกรขมวดหากัน
ทัศนาจารย์คิดว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อกรอีกฝ่ายหรือไร?
“ก็ได้ วันนี้เราทั้งหลายต้องมีฝ่ายหนึ่งตายตก ไม่ว่าเจ้าจะอยากสู้เช่นไร ข้าจะสนองให้”
ซูอี้แย้มยิ้ม ร่างของเขาหายวับไป
อึดใจต่อมา เขาก็อยู่ใต้ท้องนภา
บรรยากาศของเขาแตกต่างจากกาลก่อน คลุมเครือไร้ความเฉียบคมใด ๆ
ตู้ม!
จิตรกรลงมือทันที ม้วนภาพซึ่งโอบล้อมร่างของเขาทะยานสู่เวหา พุ่งตรงเข้าหาซูอี้
บงกชในม้วนภาพเอนไหวเบ่งบาน
กฎแปรวิญญาณสีดำทะมึนกระหวัดเกี่ยวแผ่ซ่านทั่วกลีบบงกช
งดงามสูงสุด ทว่าก็เป็นอันตรายสูงสุด!
วิญญาณอาสัญมากมายในบริเวณมีความแข็งแกร่งเทียบได้กับขอบเขตจิตทารก และเมื่อเห็นการโจมตีนี้ สีหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยน สันหลังเย็นวาบเล็กน้อย
อำนาจเช่นนี้เป็นภัยถึงตายสำหรับพวกเขา!
จิตรกรโจมตีโดยไม่ยั้งมือ มันคือการแสดงฝีมือสุดกำลังของเขาหลังก้าวสู่วิถีจุติสรวง!
ด้วยการโจมตีนี้ เขาสังหารวิญญาณอาสัญขอบเขตจิตทารกทั่วโลกหล้าได้
และเพราะอำนาจนี้เอง จิตรกรจึงกล้าท้าทายซูอี้ดวลตัวต่อตัว
สุญญะรอบข้างปะทุแหลกมลาย ไม่อาจทานอำนาจม้วนภาพนั้นได้ แสงเซียนพุ่งทะยานปกคลุมไปทั่วทิศ
ซูอี้หาหลบเลี่ยงไม่
เขาสาวเท้ายาว ๆ บนเวหาหนึ่งก้าว ใช้สันมือเยี่ยงดาบปาดไปบนอากาศ
แสงดาบวูบไหวไร้ต้าน ม้วนภาพระเบิดแหลกสลาย
“ทัศนาจารย์ เจ้าถูกหลอกแล้ว กฎแปรวิญญาณของข้ารับมือมิง่ายเช่นนั้นหรอก!”
จิตรกรเสสรวล
ขณะเดียวกันนั้น ในม้วนภาพอันแหลกเละ บงกชโอนเอน กลีบร่วงโรยปลิวไสวปกคลุมทั่วร่างของซูอี้ไว้
กลีบบงกชแต่ละกลีบล้วนงดงามนุ่มนวล ทว่ายามมันร่วงโรยกลับแปรเปลี่ยนเป็นอสนีบาตอันว่องไวสุดขั้ว เผยอำนาจทำลายล้างร้ายกาจ
ยามกลีบดอกนับพันร่วงโรย การโจมตีเช่นนี้เพียงพอจะสังหารตัวตนขอบเขตเดียวกันในวิถีจุติสรวง!
ซูอี้แค่นเสียงหึ รอบกายฉาบแสงวิถีล้ำลึกเกินเข้าใจ ไม่ว่ากลีบบงกชนับพันจะแหลมคมเพียงไรก็มิอาจสัมผัสเขาได้
“ดูเหมือน… ก็ยังไม่เท่าไหร่”
ขณะซูอี้กล่าว แสงวิถีบนร่างของเขาก็พวยพุ่ง ลบล้างกลีบบงกชนับพันสลายไปอย่างง่ายดาย
รอยยิ้มของจิตรกรพลันแข็งค้าง
เขาโจมตีอีกครั้งอย่างไม่กล้าลังเล
โครม!
แสงเซียนบังเกิดขึ้นเหนือท้องนภา ภาพจักรวาลอันยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นราวดึงจักรวาลพร่างดาวแท้จริงมาสู่โลกหล้า ทั่วฟ้าดินหม่นแสงมืดลง ร่างของซูอี้ราวกับถูกปกคลุมภายใน
ทว่าหนึ่งรุ้งปราณดาบอันเจิดจรัสก็ทะยานสู่นภาในพริบตา ฉีกกระชากธารดารา ผ่าสวรรค์ฟาดฟันเข้าใส่จิตรกร
“ควบแน่น!”
จิตรกรเปล่งเสียงดังสนั่น ม้วนภาพม้วนหนึ่งแปรเปลี่ยนเป็นขุนเขาโบราณอันศักดิ์สิทธิ์ทะยานขวางเบื้องหน้า
การโจมตีของเขาเปลี่ยนโลกหล้าฟ้าดินเป็นม้วนภาพ แต่ละม้วนล้วนเปี่ยมการโจมตีอันร้ายกาจไร้ขอบเขต ชัดเจนทรงพลัง
พฤติกรรมเช่นนี้ก่อให้เกิดเสียงฮือฮามากมายจากเหล่าผู้ชม
ทว่า สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคืออำนาจต่อสู้ของซูอี้
ด้วยปราณดาบทะยานนภา บรรพตโบราณอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งก่อเกิดจากอำนาจของจิตรกรก็ถูกหั่นสลายเยี่ยงเต้าหู้
และจิตรกรก็รู้สึกเพียงอำนาจอันเกินเข้าใจประดังเข้ามา เยี่ยงเทพถอนไท่ซานทุ่มลงใส่
จิตรกรต้านรับอย่างสุดกำลัง ทว่าก็ยังถูกดาบนี้ฟาดกระเด็นไป เลือดลมพลุ่งพล่านทั่วร่าง สีหน้าอดเปลี่ยนไม่ได้
ขณะเดียวกัน ซูอี้ก็ก้าวเข้ามาโจมตีอีกหน
อาภรณ์สีเขียวของเขาพัดกระพือ โจมตีด้วยมือเปล่า ทว่าภาวะดาบอันมิอาจทำลายหลั่งรินฉาบทั่วร่างของเขา ทำให้ทั่วจักรวาลเหนือนภาสะเทือนเลือนลั่น
เหล่าผู้ชมล้วนตะลึงอึ้ง
“นี่หรืออำนาจต่อสู้ของทัศนาจารย์? ช่างน่ากลัวจริง ๆ!”
“มิน่าเล่า ใต้เท้าทัศนาจารย์จึงกล้ามาประลองลำพัง ที่แท้วิถีเต๋าของเขาก็สะเทือนเหล่ายักษ์ใหญ่ผู้ก้าวสู่วิถีจุติสรวงได้แล้ว”
…ทั่วแดนดินเดือดพล่านคุกรุ่น
“ทัศนาจารย์ผู้นี้ร้ายกาจผิดมนุษย์เกินไปจริง ๆ ในอดีตกาล นอกจากทายาทเซียนจากโลกเซียนแล้ว การจะหาผู้เทียบชั้นเขาได้ยากเย็นแทบมิอาจพานพบ”
ดวงตาของเหล่าวิญญาณอาสัญจากขุมกำลังโบราณวูบไหว หัวใจสะเทือนสั่น
ไม่ว่าจะเป็นศึกที่วัดสรรพสุญตาหรือโรงหลอมเทวะ ผู้ฝึกตนแห่งโลกหล้าก็เข้าใจแล้วว่าความสำเร็จวิถีเต๋าของซูอี้ท้าทายสวรรค์เพียงไร
ทว่าเมื่อได้เห็นพฤติกรรมยามรบของเขาเข้าจริง ๆ ก็ยังชวนตะลึงอย่างไม่อาจกังขา !
เปรี้ยง!
หมู่เมฆเลือนกระจาย สะท้านไหวทุกทิศทาง
ภายใต้ท้องนภา มหาสงครามอุบัติอย่างดุเดือด
จิตรกรเปี่ยมด้วยแสงเซียน เขายกมือขึ้นเทหมึกลงสู่ฟ้าดิน ปรากฏภาพลึกลับขึ้นภาพแล้วภาพเล่า
บนผืนภาพมีทั้งอัสนีบาต เพลิงศักดิ์สิทธิ์ คลื่นนที ขุนเขาลำธาร ไม่ก็วิหคร้ายสัตว์เซียน สารพัดความดุร้ายไร้ประมาณ
แข็งแกร่งทรงพลัง
ซูอี้ตอบโต้แสนง่าย หรืออาจจะเรียกได้ว่าอหังการเกินต้าน เขาใช้มือเยี่ยงดาบฟาดฟันตรงไปเบื้องหน้า และภาพก็ระเบิดตรงหน้าเขา กลายเป็นพิรุณแสงตระการสีไปภาพแล้วภาพเล่า
ถูกทำลายสิ้น!
พู่กันสีเทาอันดูเหมือนหักกิ่งไม้ตายมาทำปรากฏขึ้นในมือจิตรกร
ยามสะบัดข้อมือ พู่กันก็วาดไปบนอากาศ
เปรี๊ยะ!
สุญญะถูกผ่าเป็นรอยแคบ ๆ และอัสนีบาตสายหนึ่งก็ทะลุออกมาด้วยอำนาจร้ายกาจแห่งสรวง
ม่านตาของซูอี้หดตัวเล็กน้อย เขาออกหมัดชกอย่างแรง ทว่ายามปะทะ หนึ่งฝ่ามือห้านิ้วของเขาก็ถูกสะบั้นฉีก เลือดเนื้อปลิวกระเด็นกระจัดกระจาย
เหล่าผู้มองล้วนตะลึงและอดกระสับกระส่ายมิได้
“ทัศนาจารย์ ชักดาบออกมา!”
จิตรกรกล่าวอย่างเย็นชาจากไกล ๆ
พู่กันอันเหมือนกิ่งไม้ตายในมือของเขาเปี่ยมด้วยปราณฮุ่นตุ้น ดึงครรลองแห่งสวรรค์ และชั่วขณะนั้น ท้องนภาเปี่ยมด้วยเมฆดำพลุ่งพล่าน อัสนีบาตเจิดจรัสกรุ่นก้อง
มันสร้างจากแก่นพฤกษาต้นกำเนิดของ ‘ไม้นิลกาฬประกาศสายฟ้า’ สมบัติศักดิ์อันเลิศล้ำแห่งฟ้าดินสามารถโน้มดึงครรลองแห่งฟ้าดิน เรียกใช้อัสนีบาตจากเก้าชั้นฟ้าได้!
“จัดการกับเจ้า ไม่ต้องใช้ดาบหรอก”
ซูอี้สะบัดมือ และด้วยอำนาจกฎแปรชีพ มือขวาอันชุ่มเลือดของเขาก็ฟื้นสภาพกลับสู่ปกติ
ฟิ้ว!
ร่างของเขาทะยานไปเบื้องหน้า เรียกใช้เคล็ดพลังแสงพริบตาวูบไหวไปอยู่ตรงหน้าจิตรกรอย่างรวดเร็ว
ท้องนภาสะเทือนไหวโอนเอน หนึ่งอัสนีบาตพลิ้วร่วง เกิดเป็นแสงตระการสาดส่องทั่วฟ้าดิน ขาวโพลนไพศาล อำนาจเช่นนี้ทำให้วิญญาณอาสัญมากมายขนลุกขนพอง
ทว่าซูอี้หาหลบเลี่ยงไม่ มือของเขากำหมัดชกออกไปบนอากาศเยี่ยงเทพตีฆ้อง
ตู้ม!
อัสนีบาตหลั่งไหลเยี่ยงพิรุณถูกหนึ่งหมัดทลายสิ้น
สีหน้าของจิตรกรแปรเปลี่ยนกะทันหัน วาดพู่กันสยบนภาเพื่อสลายการโจมตีนี้อีกหน
ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบโต้ ซูอี้ก็ไหวร่างยกหมัดขึ้นชกอีกครั้ง รวดเร็วเยี่ยงเคลื่อนกายพริบตา
หมัดขาวผ่องอาบไล้ด้วยแสงตะวันยามรุ่งนภา ราวโลกหล้าถูกปกคลุมด้วยสีฟ้าคราม และก่อนที่หมัดนี้จะทันได้พุ่งออก สุญญะรอบ ๆ ในระยะพันจั้งก็แหลกมลาย
หลังของจิตรกรเย็นเยือก ปาดพู่กันสยบนภาในมืออย่างแรง อัสนีบาตยิ่งใหญ่เยี่ยงน้ำตกพริ้วโปรยเจิดจ้าทั่วท้องนภา ดูราวกับสายฟ้าพิพากษาแห่งภพภูมิ
ทว่า ไม่นานนัก อัสนีบาตเยี่ยงน้ำตกนี้ก็ถูกทะลวงทะลุ!
หมัดของซูอี้ดุดันเกินไป มันทะลวงผ่านนภาเข้าใส่พู่กันสยบนภาของจิตรกรอย่างดุเดือด
เปรี้ยง!!
ปราณฮุ่นตุ้นซึ่งอัดแน่นในพู่กับสยบนภาสะเทือนวูบไหว และท้ายที่สุดก็ไม่อาจขวางหมัดของซูอี้ไว้ได้ ถูกชกกระเด็นไปทันที
และอำนาจของซูอี้ก็กระแทกใส่อกจิตรกรอย่างไม่ผ่อนแรง อำนาจอาวุธวิเศษคุ้มกายและพลังปราณของเขาแหลกระเบิดทันที
ขณะนั้น ไม่อาจทราบได้ว่ามียันต์แหลกระเบิดเป็นผุยผงละอองแสงมากมายเพียงไร
และร่างของจิตรกรก็ถูกชกกระเด็นไปทันที!
เหล่าสักขีพยานต่างตัวสั่น ไม่อาจทราบได้ว่าผงะหงายไปมากเพียงไร
หมักของซูอี้สร้างบรรยากาศยิ่งใหญ่สะเทือนสั่นไร้เทียมทาน! แข็งแกร่งเสียจนน่ากลัว!
กระทั่งวิญญาณอาสัญแห่งโบราณกาล รวมถึงตัวตนปัจจุบันในขอบเขตจุติสรวงเช่นจงเทียนเฉวียนและโจวหานซานยังเปลี่ยนสีหน้า
ณ จุดนี้ ด้วยชั่วกาลอันสั้น แม้จิตรกรจะใช้สมบัติวิถีก็ไม่อาจหยุดการโจมตีของซูอี้ไว้ได้ และถูกหนึ่งหมัดของซูอี้ชกกระเด็นไป!
เป็นเหตุเกินความคาดหมายโดยสิ้นเชิง
และวิธีการอันแข็งแกร่งอหังการของซูอี้ก็ก่อเกิดเสียงฮือฮาอลหม่านในหมู่ผู้ชม ณ ขณะนี้เช่นกัน
………………..