บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1346: ข้ามีโลกหล้าในกำมือ ไร้ผู้ใดหยุดยั้ง!
ตอนที่ 1346: ข้ามีโลกหล้าในกำมือ ไร้ผู้ใดหยุดยั้ง!
ก่อนจะเกิดศึกแท่นนภาม่วง หนึ่งในประเด็นร้อนซึ่งถูกกล่าวถึงมากที่สุดคือ ทัศนาจารย์แข็งแกร่งเพียงไร
ท้ายที่สุด เหล่ากลุ่มเต๋าโบราณและขุมกำลังสูงสุด ณ ปัจจุบันก็สรุปออกมาเป็นคำตอบเดียวกัน:
เทียบได้กับอำนาจต่อสู้สูงสุด ณ ขั้นต้นขอบเขตจิตทารก!
ในสถานการณ์เผชิญหน้าตัวต่อตัว เขาเทียบได้กับจิตรกรและชาวประมงผู้เป็นยักษ์ใหญ่ในขอบเขตจุติสรวง
นี่คือคำตอบซึ่งอนุมานได้จากศึกวัดสรรพสุญตาและโรงหลอมเทวะ
ทว่ายามนี้ เมื่อหมัดของซูอี้ต่อยจิตรกรกระเด็นไป ทุกผู้พลันตระหนักว่าพวกตนอนุมานผิด!
หลังผ่านไปสองเดือน ความแข็งแกร่งของทัศนาจารย์แตกต่างเหนือชั้นจากเดิมอย่างชัดเจน!
สัจธรรมนี้ทำให้หัวใจหลายผู้เต้นกระตุก
อัก!
เมื่อจิตรกรตั้งหลักได้ เขาก็กระอักเลือดออกมาย้อมอาภรณ์อย่างไม่อาจข่มกลั้น
ใบหน้าของเขาซีดขาว คิ้วขมวดเปี่ยมความประหลาดใจ
เขาเองก็ตระหนักแล้วว่าการตัดสินก่อนหน้านี้ของตนผิดพลาด
“ข้าบอกแล้วว่าในหมู่พวกเจ้าทั้งสี่ มีเพียงเจ้าจิตรกรซึ่งไม่เข้าตา มิเพียงสภาพจิตใจของเจ้ามิดีเท่าผู้อื่น แต่ยังเป็นเพราะพฤติกรรมของเจ้าต่ำช้ากว่าพวกเขาด้วย”
ซูอี้กล่าว
ร่างของเขาอาบภาวะดาบ ดุดันข่มขวัญ วาจาไร้ความเหยียดหยามราวเพียงพูดตามที่คิด
เสียงยังมิทันสร่าง ร่างของซูอี้ก็วูบไหวเยี่ยงเส้นแสงเข้าโจมตีจิตรกรอีกหน
“ลงมือด้วยกันเถอะ!”
ชาวประมง เติ้งจั๋ว และเหยียนเต้าหลินล้วนเห็นถึงความผิดปกติ และเหยียนเต้าหลินก็ลงมือนำ
ตู้ม แรงกดดันน่าสะพรึงกลัวผุดจากร่างของเหยียนเต้าหลิน ยิ่งใหญ่ไพศาลเยี่ยงม่านคลี่ลงปกคลุมทั่วนภา บดบังทั่วโลกหล้า
กลองใหญ่ลูกหนึ่งอาบแสงศักดิ์สิทธิ์สีเงินแขวนอยู่เหนือศีรษะเหยียนเต้าหลิน มันคือสมบัติวิถีจุติสรวง
ทันทีที่อาวุธวิเศษชิ้นนี้ถูกใช้ ทั่วฟ้าดินก็เลื่อนลั่นด้วยวจีอัสนีบาต
เหยียนเต้าหลินใช้มือเยี่ยงค้อนทุบเข้าใส่กลองศักดิ์สิทธิ์สีเงิน และทันใดนั้น คลื่นเสียงสีเงินอันมองเห็นด้วยตาเปล่าก็พุ่งเข้าใส่ซูอี้
เหนือฟากฟ้าในละแวกสามพันจั้งตรงหน้าคลื่นเสียงสีเงินนี้ระเบิดแหลกโดยมิอาจขวางกั้น ผู้คนมากมายตะลึงหูอื้อทั่วฟ้าดินเยียงสดับวจีวิถีเทพเทศน์กฎเกณฑ์ อัสนีสวรรค์เขย่าโลกหล้า!
เร็วยิ่งกว่าคลื่นเสียงสีเงินนี้คือปราณดาบจรัสแสงสีทองซึ่งทะยานแหวกอากาศใส่ซูอี้ราวเคลื่อนพริบตา
ซูอี้กดมือลง แล้วปราณดาบสีทองก็มลายหาย
ทว่าร่างของเขาเองก็ถูกผลักเซเล็กน้อย และยามคลื่นเสียงสีเงินถาโถมเข้ามาเยี่ยงคลื่นยักษ์ถล่ม เขาก็ต้องทิ้งจิตรกรมาต่อกรกับมันอย่างหนักหน่วงชั่วขณะ
ตู้ม!
เขาประทับหมัดชกอย่างรุนแรง
คลื่นเสียงสีเงินอันทรงพลังพลันแหลกร้าว เกิดเป็นคลื่นอำนาจแผ่กระจายร้ายกาจ
และขณะเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น จิตรกรก็หนีออกมาแล้ว
ซูอี้เมินเขาไป ดวงตาทอดมองไกล
เหยียนเต้าหลิน เติ้งจั๋ว และชาวประมงล้วนทะยานสู่ท้องนภา
เหยียนเต้าหลินควบคุมกลองสีเงิน แสงเซียนสาดส่องสว่างไสว
ในมือชาวประมงถือแหกว้างอันสร้างจากมังกรเพลิงนับไม่ถ้วน พวกมันมีรูปลักษณ์ละเอียดอ่อน แต่ละเกล็ดแต่ละเล็บราวเหมือนมีชีวิตจริง แต่ละตนพลิ้วทะยานว่ายวน ส่งปราณน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง
สมบัติวิถีจุติสรวง แหมังกรเพลิง!
ตรงหน้าเติ้งจั๋วมีลูกกลอนดาบเม็ดหนึ่งลอยอยู่ ปราณดาบสีทองสายแล้วสายเล่าพรั่งพรูประสานเยี่ยงน้ำตก แต่ละสายอัดแน่นด้วยปราณไร้สิ้นสุด น่ากลัวยิ่งนัก
ลูกกลอนดาบศักราชทองคำ!
สมบัติวิถีจุติสรวงอีกชิ้น!
ด้วยการปรากฏขึ้นของสมบัติวิถีจุติสรวงของสามตัวตนในขอบเขตจุติสรวง ทั่วเขตแดนก็เปี่ยมเสียงอื้ออึง ผู้คนมากมายล้วนมองเป็นตาเดียว
“ไม่คาดเลยว่าพวกเจ้าตลอดมานี้จะสะสมสมบัติดี ๆ ไว้เยอะเลย”
ซูอี้กล่าว
“หากไร้สิ่งใดประกัน มีหรือจะกล้าต่อสู้กับทัศนาจารย์?”
ชาวประมงกล่าวอย่างไร้อารมณ์
“ทัศนาจารย์ ยามข้าลงมือ ข้าจะทุ่มสุดฝีมือไร้การหมกเม็ดใด ๆ”
เติ้งจั๋วกล่าวเตือน “ยามนี้ ได้เวลาใช้ดาบแล้วนะ”
ซูอี้ยิ้ม ๆ “เช่นนั้นข้าก็ต้องทดสอบก่อนว่าเจ้ามีฝีมือพอหรือไม่”
“ได้”
เหยียนเต้าหลินพยักหน้า
เขาใช้มือตีกลองวิเศษเช่นค้อน คลื่นเสียงแปรเปลี่ยนเป็นดาบวิถีอันมิอาจมองเห็น ยาวสิบจั้งคำรามสนั่นโลกา ฟาดฟันออกมาอย่างโกรธเคือง
ขณะเดียวกัน เติ้งจั๋วก็ใช้ลูกกลอนดาบตรงหน้าตน
ปราณดาบสีทองนับไม่ถ้วนทะยานเยี่ยงพายุพิรุณเฉียบพลัน พลุ่งพล่านทั่วฟ้าดิน
ในขณะเดียวกัน ชาวประมงทะยานไปไกล คลี่แหกว้างสีแดงเพลิงรอโอกาส
เมื่อได้เห็นการดวลระหว่างซูอี้และจิตรกร พวกเขาก็ล้วนตระหนักถึงความน่ากลัวต่ออำนาจการต่อสู้ของซูอี้ จึงลงมือเต็มที่โดยมิกล้าหมกเม็ดแต่อย่างใด
“ทลาย!”
ซูอี้กำหมัดชกใส่อากาศ
หากเหยียนเต้าหลินตีกลองศักดิ์สิทธิ์สีเงิน เช่นนั้นซูอี้ก็ใช้ฟ้าดินเป็นผิวกลอง วิถีดาบเป็นไม้ตีกลองสั่นนภาสะเทือนแดนดิน!
ตู้ม!
เสียงหนึ่งระเบิดขึ้นกัมปนาท
ที่ซึ่งหมัดของซูอี้ทะยานลง ปราณดาบอันพลุ่งพล่านอหังการระเบิดออกไปทั่วทิศ ปะทะเข้ากับดาบวิถีสีเงินยาวสิบจั้งในทันที
เปรี้ยง เปรี้ยง!
สุญญะระเบิดแหลก เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทะยานพลิ้ว
สองคลื่นอำนาจร้ายแรงกระทบกัน ระเบิดเป็นเสียงคำรามลั่น
ดาบวิถีสีเงินแหลกสลายไปทีละน้อย
ส่วนเหยียนเต้าหลินนั้นรู้สึกราวอยู่ต่อหน้าคลื่นยักษ์ถาโถม กลองวิเศษในมือสะเทือนไหวรุนแรงแทบหลุดมือ เขาต้องถอยมาเพื่อค้านอำนาจหมัดของซูอี้
ทุกย่างก้าวที่ล่าถอย แดนดินถิ่นนั้นถล่มเป็นหลุม
หลังก้าวถอยไปเก้าก้าวติด ๆ กัน เหยียนเต้าหลินก็หยุดฝีเท้า สีหน้าเคร่งขรึมอย่างไม่อาจช่วยด้วยตกใจกับอำนาจต่อสู้อันร้ายกาจของซูอี้
ขณะเดียวกัน แขนเสื้อของซูอี้ก็สะบัดไหว
เปรี้ยง!
อำนาจวิถีดาบที่ไม่อาจมองเห็นเหินทะยาน ฟาดฟันเข้าใส่ปราณดาบสีทองอันแผ่ทั่วท้องนภาสิ้นไป
เติ้งจั๋วใจตะลึงอ้าปากค้าง
ทว่ายามนี้ ชาวประมงลงมือโรยแหใหญ่จากบนฟ้าลงมาหาซูอี้
แหมังกรเพลิงแปรเปลี่ยนเป็นกลุ่มตรวนทิพย์สีแดงฉาน ดูราวก่อจากอำนาจกฎเกณฑ์ แต่ละเส้นล้วนกระจ่างเจิดจรัสยิ่งกว่าทองเทวะ
ยามซูอี้เผชิญแหกว้างนี้ เขาก็อดขมวดคิ้วน้อย ๆ ไม่ได้
เขาตระหนักแล้วว่าหากติดในแหใหญ่นี้ ต่อให้มีอำนาจแข็งแกร่งท้าทายสวรรค์ เขาก็ยังต้องตกเป็นฝ่ายถูกโจมตีกระหน่ำฝ่ายเดียว
“อืม ให้พวกเจ้าดูก็ได้ ข้าเพิ่งขัดเกลาดาบแห่งโลกาใหม่มา”
ซูอี้กล่าวเบา ๆ และชักดาบแห่งโลกาออกมาโดยมิลังเลอีกต่อไป
ตู้ม!
วจีดาบทุ้มต่ำ ตัวดาบสีครามทองเรียบง่ายไร้เครื่องตกแต่งเผยโฉมพร้อมคลื่นปราณฮุ่นตุ้น พิรุณแสงเซียนโปรยปราย
และด้วยการโจมตีของซูอี้
เมื่อเผชิญแสงศักดิ์สิทธิ์สีครามทองวูบไหว ตรวนทิพย์สีแดงฉานก็แหลกสลาย แหมังกรเพลิงถูกทะลวงออก ณ มุมหนึ่ง และซูอี้ก็หลบออกมาได้โดยสวัสดิภาพ
การโจมตีต่อเนื่องนี้ใช้เวลาเพียงพริบตา
ทว่าการเผชิญหน้ายามนี้อันตรายและน่าหวาดหวั่นถึงขีดสุด
ทุกสายตาล้วนมองซูอี้อย่างตะลึงงัน
แม้จะเปลี่ยนเป็นตัวตนใด ๆ ในขอบเขตจุติสรวง เมื่ออยู่ต่อหน้าการล้อมโจมตีเช่นนี้ เกรงว่าคงไม่อาจทานทนได้นานแล้ว
ทว่าซูอี้กลับทำลายกลเม็ดต่าง ๆ ลงทีละอย่าง!
อำนาจร้ายกาจนี้เหนือความคาดหมายของทุกผู้ ฝีมือเช่นนี้น่ากลัวยิ่ง!
“แค่บีบให้เจ้าชิงชักดาบลงมือนั้นไร้สิ่งใดต้องพูดถึง ต่อจากนี้จะเป็นการตัดสินเป็นตาย”
ชาวประมงกล่าวอย่างเย็นชา
“แน่นอน”
เติ้งจั๋วรำพึงเบา ๆ ขณะดีดนิ้ว ลูกกลอนดาบตรงหน้าเขาพลันเจิดจรัสด้วยแสงทองโชติช่วง ปราณดาบสีทองทะลวงย้อมผืนนภา แปรเปลี่ยนเป็นดาบวิถีสีทองไร้คู่เปรียบอย่างช้า ๆ พิรุณแสงวิถีโปรยปรายจากตัวดาบ พร่างประกายละเอียดอ่อนอร่ามตา
ขณะเดียวกัน จิตรกรโบกพู่กันสยบนภา เหยียนเต้าหลินตีกลองศักดิ์สิทธิ์สีทอง ทุกผู้โจมตีสุดกำลัง
“มาก็ดี!”
เมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรูอันแข็งแกร่งเหล่านี้ ซูอี้หาเกรงกลัวไม่ ทว่ากลับเชิดหน้าหัวเราะร่ากับท้องนภา เส้นผมยาวกระพือไหว
ดาบแห่งโลกาคำรามดุเดือด อำนาจดาบแผ่สยายทั่วโลกหล้า
ซูอี้กระชับดาบแห่งโลกา หาถอยหนีไม่ ทว่ากลับพุ่งไปเบื้องหน้า
เปรี้ยง!
ท้องนภาสะเทือนสนั่นปานถล่ม กฎสวรรค์อ้อยอิ่งเคลื่อนตะคุ่ม
เสียงกลอง ลำนำดาบ ม้วนภาพ แหใหญ่… สารพัดคลื่นแผ่อำนาจร้ายกาจ ปะทะประชันสนั่นฟ้าดิน
แดนดินแห่งนั้นปั่นป่วนอลหม่านเกินไป แสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าชวนตาพร่า แสงสมบัติพรั่งพรู ร่างของผู้ประชันสองฝ่ายวูบไหวเกินจะเห็นชัดเจน
“ก่อนสงครามเกิด ข้าคิดว่าศึกนี้หาเป็นธรรมต่อใต้เท้าทัศนาจารย์ไม่ ทว่ายามนี้ ดูเหมือนว่าแม้จะมิเป็นธรรมเพียงไร ก็มิอาจสู้มือใต้เท้าทัศนาจารย์ได้!”
“แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
ชนรุ่นหลังบางผู้ตื่นเต้นเสียจนกล่าววจีไม่ได้ศัพท์
“เพียงหนึ่งเผชิญสี่ ต่อสู้ได้ถึงเพียงนี้ ร่างเวียนวัฏของทัศนาจารย์… น่ากลัวเกินไปแล้ว…”
เหล่าตัวตนในวิถีจุติสรวงซึ่งมองอยู่ล้วนตะลึงอึ้งตาม ๆ กัน
ก่อนหน้านี้ พวกเขาล้วนคิดว่าศึกแท่นนภาม่วงนี้ ซูอี้ย่อมแพ้พ่ายยับเยิน มิมีสิ่งใดต้องลุ้นแม้แต่น้อย
เพราะถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็เป็นสี่ตัวตนในขอบเขตจุติสรวงร่วมมือกัน
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้แตกต่างจากความคาดหวังคนทุกผู้โดยสิ้นเชิง
“น่าเสียดาย แม้เขาจะแข็งแกร่งท้าทายสวรรค์เพียงไร วันนี้ก็ไม่อาจรอดชีวิตไปได้อยู่ดี!”
น้ำเสียงของจงเทียนเฉวียนเย็นชา
ไม่นานนัก…
เสียงกระทบสนั่นปฐพีดังขึ้น
เงาร่างของเหยียนเต้าหลินในสนามรบถอยกรูดรวดเร็ว
แทบจะในยามเดียวกัน กลองศักดิ์สิทธิ์สีเงินซึ่งเดิมอยู่ในควบคุมของเขาก็ถูกดาบแห่งโลกาของซูอี้ฟาดฟันกะทันหัน
ตู้ม!
สมบัติจุติสรวงชิ้นนี้แหลกสลาย
โลหิตย้อยหยดจากมุมปากของเหยียนเต้าหลิน สีหน้าปรากฏเค้าความเสียดาย
ขณะเดียวกัน ซูอี้ก็เข้าปะทะกับคนอื่น ๆ อีก
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!
เสียงสะท้านสะเทือนดังถี่รัว ม้วนภาพสามสิบสามม้วนซึ่งวาดด้วยกฎสวรรค์ภูมิดาราแหลกสลายพร้อมเพรียง
มันถูกปราณดาบอันไม่อาจลบล้างเฉือนทะลวงในพริบตา!
ร่างของจิตรกรถูกปราณดาบกระแทกกระเด็นไป สภาพเปิดเปิงดูไม่ได้
ทันใดจากนั้น ซูอี้ก็ย่ำเท้า ปราณดาบเจิดจรัสไร้สิ้นสุดทะยานเยี่ยงรุ้งทะยานดับตะวัน สะบั้นแหมังกรเพลิงซึ่งโรยตัวจากนภาเป็นเสี่ยง ๆ
“สมควรตาย!”
ชาวประมงหัวใจสลาย เขาได้สมบัติชิ้นนี้มาอย่างยากเย็นแสนเข็ญ ทว่ายามนี้มันกลับเสียหายหนัก ซึ่งทำให้เขารับผลข้างเคียงด้วยเช่นกัน
ท้ายที่สุด ซูอี้ก็ฟาดดาบแห่งโลกาออกไปเยี่ยงขวานยักษ์
เคร้ง!!!
เสียงเสียดแก้วหูดังก้อง
ดาบวิถีไร้คู่เปรียบอันแปรเปลี่ยนจากลูกกลอนดาบของเติ้งจั๋วเพิ่งเข้ามาในระยะสามฉื่อ ทว่าด้วยดาบของซูอี้ฟาดฟัน ดาบวิถีนี้ก็ถูกต้านไว้เฉียบพลัน!
ด้วยศึกดุเดือด อำนาจดาบน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกจากดาบแห่งโลกา หยุดดาบวิถีไร้คู่เปรียบนี้ไว้จนแหลกสลาย ท้ายที่สุดก็หวนคืนสู่สภาวะลูกกลอนดาบซึ่งถูกกระแทกกระเด็นไป
ทว่าสีของลูกกลอนดาบนั้นจางลง มีรอยร้าวปรากฏขึ้นมากมาย
เมื่อประสบการโจมตีเช่นนี้ ร่างของเติ้งจั๋วโซเซ สีหน้าปรากฏเค้าความเจ็บปวด มวยผมเหนือศีรษะสยายออก เส้นผมยาวสีดอกเลาพลิ้วท่ามกลางวายุ
เพียงชั่วดีดนิ้ว ซูอี้ก็ใช้ดาบแห่งโลกาทะลวงผ่านสารพัดสมบัติจุติสรวง ทำให้สี่ศัตรูต้องล่าถอยตาม ๆ กัน!
เหล่าผู้ประจักษ์ล้วนตะลึง หนังศีรษะชายุบยิบ
………………..