บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1353: สังหารศัตรูลับคมดาบ ณ วันนี้
ตอนที่ 1353: สังหารศัตรูลับคมดาบ ณ วันนี้
วัดสรรพสุญตา
“บรรพชน ท่านคิดว่าจะเกิดสิ่งใดกับสหายทัศนาจารย์ของข้าหรือไม่?”
หลวงจีนคงจ้าวอดถามมิได้
ดาบพุทธะสรรพสุญตาอดรู้สึกหงุดหงิดน้อย ๆ มิได้
นับแต่เริ่มรุ่งเช้าจวบปัจจุบัน หลวงจีนคงจ้าวถามคำถามนี้สามสิบเก้าหนแล้ว!
“เจ้าไร้ศรัทธาในสหายทัศนาจารย์ของเจ้าหรือไร?”
ดาบพุทธะสรรพสุญตากล่าวอย่างขุ่นเคือง
หลวงจีนคงจ้าวว่า “อันกังวลนั้นตามมาด้วยความว้าวุ่น กล่าวคือ สิ่งที่ข้ามิกังวลไร้สนใจคือยามพุทธองค์เยือนแดนดิน”
มุมปากดาบพุทธะสรรพสุญตากระตุก อยากจะนำไม้เรียวออกมาตีคนผู้นี้เสียเหลือเกิน
เซียนดาบชิงซื่อด้านข้างอดยิ้มทึ่มทื่อมิได้ “เจ้านี่เจ้าอารมณ์เสียจริง ช่างหายากล้ำค่านัก ศึกที่แท่นนภาม่วงน่าจะเริ่มแล้ว ต่อให้เจ้าบอกสหายเต๋าคงจ้าวไปก็มิเสียหายหรอกน่า”
หลวงจีนคงจ้าวพลันหูผึ่ง “ขอผู้อาวุโสชี้แนะข้าด้วย”
“น่าจะหลังอวตารช่างเสื้อจากไปได้ไม่นาน สหายเต๋าซูได้เข้าสู่ขอบเขตไร้ขีดจำกัดแล้ว”
เซียนดาบชิงซื่อกล่าวเบา ๆ
ยามยกเรื่องนี้ขึ้นพูด สีหน้าของเขาก็เจือความเหม่อลอยอย่างไม่อาจห้าม
อันที่จริง ภาพยามซูอี้ข้ามผ่านหายนะนั้นประหลาดเกินไป
หลวงจีนคงจ้าวสะดุ้งเฮือก “อันใดนี่? ขอบเขตไร้ขีดจำกัดหรือ? ทว่าไฉนข้าจึงมิสังเกตเห็นเลยเล่า?”
เซียนดาบชิงซื่อกล่าว “ยามนั้นเกิดขึ้นกลางดึก เจ้าหลับไปแล้ว ย่อมไม่รู้ว่าสหายเต๋าซูข้ามผ่านหายนะไร้ขีดจำกัด ณ คืนนั้น”
หลวงจีนคงจ้าวพึมพำ “ไม่สิ ข้าจะมิรู้ตัวยามทัณฑ์อัสนีบาตคำรามทั่วสรวงเชียวหรือ?”
ดาบพุทธะสรรพสุญตารำพึง “เพราะหายนะนี้ถูกดาบของสหายเต๋าซูขยี้ทิ้งไปทันทีที่ปรากฏ เหตุเกิดในพริบตา เจ้าซึ่งนอนทื่อเป็นท่อนไม้หรือจะตรวจพบมันได้?”
หลวงจีนคงจ้าวชะงัก
หนึ่งดาบสะบั้นหายนะ?
สหายทัศนาจารย์ร้ายกาจเพียงนี้เชียวหรือ?
“แต่ไฉนเขาจึงไม่บอกข้าเล่า?”
หลวงจีนคงจ้าวฮึดฮัดไม่พอใจ “เขารู้ทั่วกัน ทิ้งข้าโง่งมผู้เดียวหรือ?”
ดาบพุทธะสรรพสุญตากล่าวอย่างโกรธเคือง “ปากเจ้าสว่างเกินไป หากเจ้ารู้คงได้ป่าวประกาศทั่วโลกหล้า”
หลวงจีนคงจ้าว “…”
…
ภายใต้ท้องนภา
อาภรณ์ของซูอี้กระพือพลิ้ว มิซุกซ่อนการฝึกฝนอีกต่อไป
เสียงคำรามเยี่ยงอัสนีบาตกรุ่นก้องจากร่างสูงใหญ่ อำนาจมหาวิถีพลุ่งพล่านเดือดปะทุ
นั่นคืออำนาจในขอบเขตไร้ขีดจำกัด!
อักษร ‘ถ้ำ’ คือจุดกำเนิดแห่งวิถี
อักษร ‘จักรวาล’ คือเคล็ดแห่งสุญญะไร้จำกัด*[1]
ไร้ขีดจำกัดเบิกภูมิแห่งวิถีในร่างเฉกเช่นการกำเนิดแดนดินจากฮุ่นตุ้น!
สมญา ‘ราชันแห่งภูมิ’ ที่ว่าก็มาจากการนี้
เมื่อก้าวสู่ขอบเขตนี้ เตาหลอมมหาวิถีในร่างของเขาจะพัฒนาเป็นพิมพ์เขียวแห่งโลกกว้าง อำนาจสารพัดวิถีแปรเปลี่ยนเป็นตะวัน จันทรา ดวงดาว บรรพตลำธารฟ้าดิน…
ทุก ๆ การเคลื่อนไหวลงมือล้วนเทียบได้กับอำนาจแห่งหนึ่งภพภูมิ!
และพื้นฐานขอบเขตไร้ขีดจำกัดของซูอี้ก็แข็งแกร่งร้ายกาจเหนือจินตนาการ ภพภูมิที่ควบแน่นขึ้นนั้นกว้างใหญ่เจิดจรัสราวไร้ขอบเขต
มันก้าวล้ำเหนือยามทัศนาจารย์ครั้งสมบูรณ์พร้อม ณ ขอบเขตไร้ขีดจำกัดไปแสนห่างไกล!
เขาฝึกฝนขัดเกลาจิตใจ ขัดเกลาเสริมแกร่งการฝึกฝนวิถีขอบเขตไร้ขีดจำกัดในวัดสรรพสุญตามาพักหนึ่ง
เขายังสนทนาหารือกับเซียนดาบชิงซื่อและดาบพุทธะสรรพสุญตามาก่อนด้วย
ท้ายที่สุด สองยอดฝีมือซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นตัวตนสูงสุดแห่งโบราณกาลล้วนประเมินเป็นเอกฉันท์ว่าซูอี้ผู้ก้าวสู่ขอบเขตไร้ขีดจำกัดมีอำนาจท้าทายสวรรค์เทียบได้กับตัวตนสูงสุดขั้นต้นขอบเขตรวมวิถี!
ณ การดวลกับพวกชาวประมงเมื่อครู่นี้ ซูอี้ใช้พลังเสี้ยวเดียวจากขอบเขตไร้ขีดจำกัดปราบคู่ต่อสู้ลงอย่างง่ายดายในชั่วกาลสุดท้าย
เขามาที่นี่เพื่อเข่นฆ่า เหมือนเช่นที่เขาบอกชาวประมงยามสิ้นใจ
และความแข็งแกร่งของเขายามก้าวสู่ขอบเขตไร้ขีดจำกัดก็คือไพ่ตายของซูอี้!
ยามนี้ จิตสังหารหลากมาเยี่ยงคลื่นวารี ท้องนภาหม่นแสงมืดทะมึน
“ฆ่า!”
ตัวตนนับร้อยในวิถีจุติสรวงจากฝ่ายต่าง ๆ ร่วมมือโจมตี
ตู้ม!
แสงศักดิ์สิทธิ์พร่างพราว รัศมีสมบัติทะยานสู่นภา
สมบัติจุติสรวงกู่คำรามชิ้นแล้วชิ้นเล่า ฉายรัศมีเจิดจรัสเสียดนภา เคล็ดวิชาอันกล่าวได้ว่าเป็นที่สุดแห่งโลกหล้าสายเล่าสายเล่าสาดคลื่นทำลายล้างทั่วสรวง
ฟ้าดินถิ่นนี้ดูคล้ายใกล้ป่นสุญญะ ดูไม่อาจต้านทานอำนาจเช่นนี้ได้
โดยเฉพาะเหล่าวิญญาณอาสัญในขอบเขตรวมวิถี พวกเขาแต่ละคนต่างแข็งแกร่งมิด้อยกว่ากัน วิชาสังหารที่ใช้ล้วนเลอเลิศห่างไกลเกินผู้อื่นเทียบได้
เมื่ออยู่ต่อหน้าการโจมตีเช่นนี้ ซูอี้หาหลบเลี่ยงไม่ ทว่ากลับทะยานไปเบื้องหน้า
เช้ง!
ดาบแห่งโลกาขานวจีกังวานใสขณะทะยานสู่นภา ตัวดาบเรียบง่ายสีครามทองดุจแสงอันสว่างไสวสูงสุดในโลกา เจิดจ้าสาดส่องทั่วบรรพตลำธาร
และเมื่อซูอี้ตวัดดาบลง
ฟ้าดินก็ดูราวแยกเป็นเสี่ยง สุญญะสะท้านสั่น
หนึ่งปราณดาบยาวพันจั้ง โอบล้อมด้วยเคล็ดพลังวัฏสงสารคล้อยลงสู่แดนดิน รวดเร็วรุนแรงเยี่ยงแหวกนภาผ่าปฐพี!
ตู้ม!
เมื่ออำนาจดาบนี้กระทบกับการโจมตีประสานของตัวตนในวิถีจุติสรวงนับร้อย ภาพบังเกิดก็เป็นเช่นวันพิพากษามาเยือน แดนดินทั่วรัศมีแปดพันจั้งพลันถล่มมลาย เพลิงทำลายล้างไร้คู่เปรียบโลดโผนทะยาน
โลกหล้าขาวโพลน
ไม่อาจทราบได้ว่ามีเคล็ดวิชาสลายไปด้วยดาบนี้มากมายเพียงไร
ไม่อาจหยั่งได้ว่าสมบัติจุติสรวงมากมายเพียงไรถูกดาบนี้ขยี้ฟาดฟัน
โดยเฉพาะเมื่ออำนาจวัฏสงสารในดาบนี้แพร่ออกไป มันก็สร้างผลกระทบเกินจินตนาการต่อเหล่าวิญญาณอาสัญ
“ไม่!”
มีเสียงกรีดร้องอย่างหวาดผวา
วิญญาณอาสัญในขอบเขตจิตทารกบางตนหลบไม่ได้ พวกเขาถูกอำนาจวัฏสงสารกวาดล้างระเหยหายในพริบตา
ทว่า อำนาจดาบนี้มิอาจทะลวงการโจมตีประสานของตัวตนนับร้อยในวิถีจุติสรวงได้โดยสมบูรณ์ มันถูกต้านไว้จนสลายไปอย่างรวดเร็ว
เลือดลมทั่วร่างปั่นป่วนรุนแรง
“ดูเหมือนวิถีเต๋าขอบเขตไร้ขีดจำกัดขั้นต้นจะยังอ่อนแอไปเสียหน่อย”
ซูอี้ขมวดคิ้ว
ไกลออกไป เมื่อพวกเขาเห็นว่าซูอี้หยุดการโจมตีนี้ไว้ได้ ตัวตนนับร้อยในวิถีจุติสรวงก็อดตะลึงมิอยากเชื่อ
ต้องทราบว่าในหมู่พวกเขา แค่วิญญาณอาสัญในขอบเขตรวมวิถีอย่างเดียวก็มีเกือบยี่สิบตน!
กอปรกับการร่วมมือของตัวตนอื่น ๆ ในขอบเขตจุติสรวง หนึ่งการโจมตีนั้นเพียงพอทำลายตัวตนใด ๆ ในขอบเขตรวมวิถีในโลกหล้าได้
ทว่ายามนี้ การโจมตีซึ่งหน้านี้กลับถูกซูอี้ ราชันแห่งภูมิขอบเขตไร้ขีดจำกัดขวางไว้ได้!
แม้ซูอี้จะถูกผลักกระเด็นไป สภาพหลุดลุ่ยเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดเขาก็หยุดมันได้อยู่ดี!
“หากนี่เป็นยามรุ่งโรจน์สูงสุดแห่งโบราณกาล กระทั่งในหมู่ทายาทเซียนทั้งหลาย ข้าก็เกรงว่าคงมิอาจหาผู้ใดเทียบได้หรือไม่?”
บางผู้ตัวสั่น รู้สึกเหลือเชื่อยิ่ง
หลังก้าวสู่ขอบเขตไร้ขีดจำกัด ซูอี้นั้นแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ขอบเขตไม่อาจนำมาชี้วัดเขาได้อีก แข็งแกร่งเสียจนชวนใจสลาย!
“ไม่สิ เป็นเพราะอำนาจวัฏสงสารในมือของเขาร้ายกาจเกินไป ขวางเราทั้งหมดไว้ การโจมตีหนนี้สหายข้าบางผู้จึงถูกสังหารไป”
สีหน้าของลู่จ่างถิงยากจะมอง
“หากไม่กำจัดคนผู้นี้เสีย โลกหล้าก็มิสงบสุข ใครเล่าจะกินอิ่มนอนหลับ!”
มหาสงครามบังเกิด และหลังสัมผัสความแข็งแกร่งร้ายกาจของซูอี้ ผู้ฝึกตนจุติสรวงจากขุมกำลังต่าง ๆ ล้วนสัมผัสวิกฤติได้ พวกเขาโจมตีสุดกำลัง มิกล้าผ่อนแรงออมมืออีกต่อไป
เปรี้ยง!
โลกหล้าพลิกกลับด้าน ทุกสรรพสิ่งทลายสิ้น
ซูอี้มิเคยถอยหนี ทว่าไม่เข้าประชันสุดตัวอีกต่อไป
การโจมตีแรกของเรานั้นเป็นการทดลองเท่านั้น ว่าความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาไปเพียงไร
หากคิดประชันทุ่มสุดตัวกับตัวตนขอบเขตจุติสรวงนับร้อยเหล่านี้ แม้จะชนะได้ก็คงต้องเสียหายอย่างหนักหนา
วูบ!
ร่างของเขาเปรียบดั่งแสงวูบไหวทะยานไปเบื้องหน้า
หลบการโจมตีถึงชีวิต สกัดสมบัติทะยานหา ทะยานตรงเข้าทัพศัตรู
“ตาย!”
ดาบแห่งโลกาฟาดฟันสังหาร ยามกวาดผ่านนภา กลุ่มวิญญาณอาสัญขอบเขตจิตทารกตรงหน้าเขาก็พากันล้มตายทันที
เคร้ง!
เสียงปะทะดังสนั่น ง้าวศึกวาดลายสีเงินเล่มหนึ่งขวางการโจมตีของซูอี้ไว้
ผู้ลงมือคือชายวัยกลางคนในชุดดำจากพรรคเซียนเร้นราตรีในขอบเขตรวมวิถี
ก่อนหน้านี้ในศึกตะลุมบอน ซูอี้ได้เห็นความน่ากลัวของพลังมหาวิถีจากอีกฝ่าย และเขาต้องเป็นตัวตนสูงสุดอันแข็งแกร่งยิ่งก่อนสิ้นใจเป็นแน่แท้
น่าเสียดายที่สำหรับซูอี้ อุปสรรคเช่นนี้ไม่เพียงพอแล้ว
เมื่อร่างของเขาทะยานไปเบื้องหน้า ดาบแห่งโลกาก็สร้างม่านดาบเยี่ยงขุนเขาอันแปรเปลี่ยนจากหกวิถีเวียนวัฏ สลายง้าวศึกวาดลาย ฟาดร่างของชายวัยกลางคนชุดดำจนต้องถอยไป
ฉวยโอกาสจากช่องโหว่นี้ ซูอี้ฟาดดาบสังหารศัตรูไปอีกกลุ่มหนึ่ง
พวกเขาล้วนแต่เป็นวิญญาณอาสัญในขอบเขตจิตทารกจากขุมกำลังต่าง ๆ
เมื่ออยู่ตรงหน้าอำนาจแห่งวัฏสงสาร วิญญาณอาสัญขอบเขตจิตทารกเหล่านี้ไม่อาจอยู่ในสายตาได้อีกต่อไป และมิอาจถือได้ว่าเป็นภัยใด ๆ ต่อซูอี้ได้อีก
ต้องทราบว่าเขาสามารถสังหารศัตรูเช่นนี้ได้โดยไม่ต้องใช้อำนาจวัฏสงสารตั้งแต่ยังอยู่ในขอบเขตคืนสู่สามัญ แล้วยามนี้เล่า?
“สยบ!”
ตรงหน้าห่างออกไป ผู้ทรงอำนาจจากตระกูลซูโบราณผู้หนึ่งตะโกนลั่นพลางใช้ตราประทับใหญ่กดลงใส่ซูอี้
ซูอี้ไม่แม้แต่จะมอง และเมื่อเขากวาดดาบสุดแขน ตราประทับใหญ่ก็แหลกสลายดังเปรี้ยง ดาบของเขาฟาดฟันลง และร่างของคนผู้นั้นก็ถูกผ่าเป็นสองซีกโดยพลัน!
จริงอยู่ที่อำนาจวัฏสงสารมิอาจสะกดตัวตนขอบเขตจุติสรวงแห่งปัจจุบันกาลได้
ทว่าผู้แข็งแกร่งยักษ์ใหญ่แห่งจักรวาลพร่างดาวเช่นชาวประมง จิตรกรยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูอี้ ผู้อื่นนั้นนับประสาอันใด?
ชั่วขณะนั้น ซูอี้เป็นเช่นมีดคมกริบอันมิอาจหยุดยั้ง แทงทะลวงอย่างรุนแรงสู่ทัพศัตรู ปูถนนด้วยโลหิตไปตลอดทาง!
ไร้เทียมทาน!
เสียงกรีดร้องอย่างหวาดผวาดังระงม
เคล็ดวิชาต่าง ๆ แหลกสลาย อาวุธวิเศษโบยบินพลิ้วโปรยทั่วท้องนภาอันปั่นป่วนนี้
โลหิตเป็นดั่งสีเนื้อเข้มย้อมทั่วสมรภูมิ
สถานการณ์ศึกนี้เป็นเช่นโศกอนาฏกรรม!
ตัวตนในขอบเขตจุติสรวง ณ ยามนี้ดูจะเป็นอำนาจต่อสู้สูงสุดแห่งยุคสมัยใหม่ สร้างเสียงลือลั่นทั่วจักรวาลพร่างดาว สะเทือนสั่นทุกโลกภูมิ ผู้ฝึกตนทั้งหลายหวาดหวั่นครั่นคร้าม
เพียงสุ่มเลือกสักผู้ก็เพียงพอทำให้เหล่าราชันแห่งภูมิทั่วโลกหล้าทำได้เพียงก้มหัว!
ทว่ายามนี้ แม้พวกเขาจะร่วมมือกัน แต่ก็ยังไม่อาจปราบซูอี้ลงได้! ตรงข้าม พวกเขากลับบาดเจ็บล้มตายมิหยุดหย่อน!
เหตุนองเลือดนี้เป็นเช่นอบายภูมิ หากแพร่ออกไปในโลกหล้า เกรงว่าคงก่อให้เกิดเสียงฮือฮาทั่วแดนดิน ทำให้ผู้อื่นเชื่อมิลงเป็นแน่
ขณะนี้ ซูอี้นั้นแสนปรีดานัก
เขามีอุปนิสัยสันโดดมิเคยชอบการฆ่าฟัน ทว่าชั่วขณะนี้เขาถูกถือเป็นเหยื่อ วงล้อมศัตรูจุดเพลิงโหมขึ้นในใจเขา
ในที่สุดยามนี้ เขาก็ได้ชำระแค้น
หัวใจของเขาเปี่ยมความแค้น และยามนี้เขากลับสังหารศัตรูลับคมดาบ!
หากไม่ฆ่าให้หนำใจ ก็ไม่รามือ!
[1] ขอบเขตไร้ขีดจำกัด ใช้ตัวจีนว่า 洞宇 แปลตรงตัวจะได้คำว่า (ถ้ำ) และ (จักรวาล) สื่อความหมายถึงความลึกล้ำไร้จำกัด
………………..