บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1354: ใช้ไพ่ตาย?
ตอนที่ 1354: ใช้ไพ่ตาย?
โลกหล้าปั่นป่วนยุ่งเหยิง
ซูอี้ถือดาบพุ่งทะยานเข้าไปโดยตรง เห็นได้ชัดว่าเขามาเพียงลำพัง ทว่ากลับสำแดงอำนาจได้ประทับใจผู้เฝ้ามอง
ขณะนี้ เขาแข็งแกร่งเลิศเลอเหนือผู้ใดจริงแท้
สิ่งใดคือการฝึกดาบ?
สังหารอย่างเด็ดเดี่ยว กรุยทางสู่เบื้องหน้าตน!
ไม่ว่าจะเป็นปีศาจดาบ มารดาบ ปราชญ์ดาบ เทพดาบ เซียนดาบ ดาบพุทธะ…
ท้ายที่สุดก็ล้วนแต่เป็นนักดาบ!
การฝึกฝนคือวิถีดาบสูงสุด ถวิลหาความไร้กังวล สะบั้นพันธะทุกขเวทนา!
ซูอี้มิได้ลงมืออยู่เนิ่นนาน
นับแต่เข้าสู่ภูมิดาราเทพนคร เขาก็ถูกโยนลงไปในปลักโคลน ถูกเหยียบย่ำซ้ำ ๆ
นับแต่เมืองหมื่นหลิว ศึก ณ วัดสรรพสุญตา หล่อหลอมดาบในโรงหลอมเทวะ… ไม่ว่าที่ใดก็แฝงด้วยความกรุ่นแค้นข้องใจ ขัดแย้งกระทบกระทั่งไม่รู้จบ
ผู้สิ้นสูญไปล้วนมองเขาเป็นศัตรูร่วม
ศัตรูเก่าก่อนรอกระทืบเขาจมดินแทบมิไหว
สารพัดเรื่องยุ่งยากประดังเข้ามาไม่ขาดสาย
ทั้งหมดนี้ทำให้ซูอี้แสนหน่าย
หากยังมีศัตรูในโลกหล้า ย่อมรู้สึกแสนปรีดา
ทว่าหากศัตรูส่วนใหญ่ทำตัวเยี่ยงแมลงวัน ย่อมทำให้ความสนใจหายวับ
โดยเฉพาะยามแมลงวันเหล่านั้นถูกช่างเสื้อเฒ่าชั่วช้าใช้เป็นเครื่องมือ ยิ่งน่าขยะแขยงไปใหญ่
และวันนี้ ซูอี้ตั้งใจจะใช้โอกาสจากสถานการณ์ใช้ชีวิตและเลือดของตัวตนจุติสรวงกลุ่มนี้เชือดไก่ให้ลิงดู เขย่าภูขู่พยัคฆ์!
และมองไปในภายหน้าว่าจะมีผู้ใดในโลกหล้ากล้าสมรู้ร่วมคิดกับช่างเสื้ออยู่อีกหรือไม่!
เคร้ง!
ด้วยเสียงสะเทือนเลือนลั่น ง้าวสีทองจรัสแสงเล่มหนึ่งถูกฟันจนขาด
วิญญาณอาสัญขอบเขตรวมวิถีถือง้าวผู้หนึ่งกระเด็นออกไป
คมดาบของซูอี้ฟาดฟันอย่างดุดันเยี่ยงคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าใส่หกวิญญาณอาสัญขอบเขตจิตทารกและสามตัวตนในขอบเขตจุติสรวงแห่งปัจจุบันกาล
รุนแรงไม่อาจต้าน!
เสียงกรีดร้องระงมมิขาดสาย โลหิตหลั่งริน
ยามสงครามอุบัติหนนี้ กาลเพิ่งผ่านเพียงชั่วประเดี๋ยว
ศัตรูสามสิบกว่าคนตกตายด้วยมือซูอี้
ในขณะที่ซูอี้ยังคงวูบไหวเยี่ยงสายรุ้ง ไร้รอยขีดข่วนใด ๆ
เหล่าผู้ชมล้วนเห็นว่ามีเพียงวิญญาณอาสัญในขอบเขตรวมวิถีเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับซูอี้ได้
ทว่าแม้จะร่วมมือกัน แต่ก็ไม่อาจหยุดซูอี้ไว้ได้เลย อย่าว่าแต่ปราบเขาลง
อันที่จริง ก่อนซูอี้จะบรรลุสู่ขอบเขตไร้ขีดจำกัด ด้วยอำนาจของวิญญาณอาสัญขอบเขตรวมวิถีเหล่านี้ก็สามารถสยบอำนาจวัฏสงสารอย่างไร้ความกลัวและเป็นภัยร้ายแรงต่อซูอี้ได้จริง ๆ
ทว่ากาลเวลาผ่านไป ผู้คนเปลี่ยนแปลง
ซูอี้เป็นราชันแห่งภูมิในขอบเขตไร้ขีดกำจัดแล้ว หาเหมือนกาลก่อนไม่ ไม่เพียงเท่านั้น ความแข็งแกร่งของซูอี้ยังเทียบได้กับวิญญาณอาสัญสูงสุดในขอบเขตรวมวิถีขั้นต้นอีกด้วย
อำนาจวัฏสงสารในมือของเขาเป็นภัยต่อเหล่าวิญญาณอาสัญขอบเขตรวมวิถีอย่างใหญ่หลวง!
เพียงชั่วกาลสั้น ๆ ตัวตนในวิถีจุติสรวงสามสิบกว่าคนก็ปลิดปลิว ผู้ยิ่งใหญ่จากขุมกำลังใหญ่ล้วนสติแตก ดวงตาของพวกเขามืดบอดด้วยโทสะ
โดยเฉพาะวิญญาณอาสัญในขอบเขตรวมวิถีเหล่านั้น พวกเขางัดสมบัติและเคล็ดวิชาสารพัดทุ่มโจมตีใส่ซูอี้ พยายามหยุดความโอหังนี้
ทว่าซูอี้แข็งแกร่งเพียงไร?
ดาบแห่งโลกากวาดผ่านนภา ปราณดาบดุดันแหวกเวหาออกเป็นสอง ทลายการโจมตีประสานของพวกเขาหนแล้วหนเล่า
ระหว่างชั่วกาลนี้ ตัวตนในวิถีจุติสรวงขอบเขตจิตทารกตกตายไปตาม ๆ กัน
ชั่วสิบดีดนิ้ว
ตัวตนทรงอำนาจผู้หนึ่งของสกุลโจว ซึ่งเป็นตระกูลโบราณอารักษ์วิถีถูกสังหารไปพร้อมกับสมบัติของเขา
ชั่วสิบหกดีดนิ้ว วิญญาณอาสัญลู่จ่างหมิงซึ่งเดิมบาดเจ็บสาหัสถูกถล่มด้วยพิรุณดาบเวียนวัฏ ร่างของเขาแหลกสลายท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดผวา
นี่คือวิญญาณอาสัญตนแรกในขอบเขตรวมวิถีซึ่งตกตายนับแต่เริ่มศึก!
และด้วยการตายของลู่จ่างหมิง ยอดฝีมือทั้งหลายจากบรรพตมารธารปรภพก็ถูกกวาดล้างสิ้น!
หลังจากชั่วสามสิบดีดนิ้ว ซูอี้ก็สังหารวิญญาณอาสัญขอบเขตจิตทารกได้อีกสิบสามตน แต่ละตนที่ถูกฆ่าไปไม่หลงเหลือกระทั่งเศษเถ้าธุลี
เนื่องจากวิญญาณอาสัญเหล่านั้นเดิมเป็นร่างวิญญาณ หลังถูกดับชีพด้วยวัฏสงสารจึงเท่ากับการถูกลบหายจากโลกหล้า โดยไร้ร่องรอยใดหลงเหลือ
ยิ่งต่อสู้สถานการณ์ยิ่งสิ้นหวัง จิตต่อสู้ของพวกเขาได้รับผลกระทบร้ายแรง ทุกผู้ล้วนตกใจตัวสั่น มิอาจยอมรับเรื่องทั้งหมดนี้ได้
ตัวตนนับร้อยในวิถีจุติสรวง!
วิญญาณอาสัญขอบเขตรวมวิถียี่สิบกว่าตน!
พวกเขาแต่ละคนล้วนถือครองสมบัติและเคล็ดวิชาในวิถีจุติสรวง ทว่ากลับถูกซูอี้ประหารด้วยหนึ่งดาบ ทัพใหญ่แตกระส่ำระสาย ผู้ใดเล่าจะกล้าเชื่อลง?
ผู้เฝ้ามองจากแดนดินไกลโพ้นบางคนเห็นเช่นนี้ก็อดตะลึงมิได้
“ใต้เท้าทัศนาจารย์เขา… ที่แท้เขาก็เตรียมตัวมาแต่แรกแล้ว!”
บางผู้ร้องเสียงหลง
“น่าขำที่ยามข้ารออยู่ ข้าคิดว่าใต้เท้าทัศนาจารย์ถูกล้อมโจมตี มิอาจหนีความตายได้ ใครเล่าจะคิดว่าตัวตนจุติสรวงนับร้อยจะไม่อาจหยุดคมดาบใต้เท้าทัศนาจารย์ได้?”
บางผู้ดูตะลึง
“ทัศนาทั่วฟ้าดิน ดูประหนึ่งเทพเซียนตกตายด้วยดาบทัศนาจารย์หรือไม่?”
บางผู้ดูตื่นเต้น มือเท้าสั่นระริก
สำหรับผู้ฝึกตัวทั่วจักรวาลพร่างดาว ขอบเขตจุติสรวงนั้นดูมิแตกต่างจากเทพเซียน
และยามนี้ ตัวตนในขอบเขตจุติสรวงก็ดับดิ้นเยี่ยงพิรุณโปรย!
หากภาพนี้ถูกจารึกไว้ได้ ย่อมก่อให้เกิดเสียงอื้ออึงทั่วโลกหล้า กลายเป็นภาพนองเลือดอันน่าสะพรึงกลัวที่สุดชั่วกาลนาน!
“ต่อให้มีเทพเซียนบนสวรรค์ ก็ต้องโอนอ่อนผ่อนตามยามพบกับข้า! วาทีทัศนาจารย์ ณ กาลก่อนช่างอื้ออึง ชวนให้โลหิตนองหล้าจริงแท้!”
มีตัวตนในขอบเขตจุติสรวงนับร้อยแล้วเช่นไร?
ด้วยดาบแห่งใต้เท้าทัศนาจารย์ พวกเขาก็ถูกประหารจนปลิดปลิว โลหิตย้อมทั่วนภา!
“ทุกท่าน หากไม่นำไม้ตายก้นหีบออกมาใช้ เราทั้งหลายจะจบสิ้น!”
ณ สนามรบ วิญญาณอาสัญขอบเขตรวมวิถีผู้หนึ่งคำรามก้อง
ดวงตาของชายชราชุดขาวจากหอเซียนดาบมายาแน่วแน่ด้วยโทสะ
ก่อนหน้านี้ วิญญาณอาสัญขอบเขตจิตทารกเก้าตนต้องตกตายด้วยมือซูอี้ กระตุ้นให้ชายชราชุดขาวบ้าคลั่งทิ้งความระแวง
ยามนั้นเอง…
ตู้ม!
ชายชราชุดขาวพลันกู่คำราม ยันต์ลับสีเลือดชิ้นหนึ่งระเบิดออกจากร่างของเขา ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นดาบโลหิตอันดุดัน และสาดแสงแดงฉานเยี่ยงเลือด
“นั่นคือ?”
หลายคนถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
“ยันต์ลับวิถีเซียน!”
บางคนอุทานขึ้นมาว่า “ผู้อาวุโสจากหอเซียนดาบมายาท่านนั้นปลุกพลังยันต์ลับวิถีเซียนให้สมบัตินี้ตื่นขึ้น!”
สมบัติลับวิถีเซียนนี้อยู่เหนือวิถีจุติสรวง อำนาจแต่ละสิ่งนั้นร้ายกาจน่าสะพรึง
เหมือนเช่นยันต์ลับชิ้นนี้ เมื่อมันถูกปลุกขึ้น หนึ่งการโจมตีก็เทียบได้กับเซียนลงมือ!
ตู้ม!
ดาบโลหิตกู่ก้อง ปราณสั่นสะเทือนสวรรค์และโลกา สยบแดนดินทั่วทศให้มลาย
ไม่อาจทราบได้ว่าลมหายใจของผู้คนสะดุดลงต่อเนื่องมากมายเพียงใด
หนึ่งวิญญาณอาสัญขอบเขตรวมวิถีรำพึง “น่าเสียดายที่อำนาจของยันต์ลับนี้ก็เสียหายอย่างหนักเช่นกัน มันจึงไม่อาจเทียบกับการโจมตีสุดกำลังของเซียนได้อีกต่อไป… อย่างมากก็เทียบได้กับอำนาจขอบเขตจุติมงคล”
ขอบเขตจุติมงคล!
นั่นเป็นอำนาจสูงสุดในวิถีจุติสรวงแล้ว!
และเมื่อซูอี้เห็นเช่นนี้ ดวงตาของเขาก็อ่านความคิดได้ยาก ราวกับได้คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
เมื่อครู่ใหญ่ก่อนหน้านี้ เขาเคยประมือกับฝูตงหลี ทายาทเซียนผู้หนึ่ง และสารพัดสมบัติเซียนที่ฝูตงหลีใช้ก็ล้วนแข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวยิ่ง
เมื่อเห็นดาบเซียนสีเลือดทะยานผ่านนภา ณ ยามนี้ ซูอี้ก็ได้สัมผัสถึงความน่าสะพรึงกลัวของสมบัติลับวิถีเซียนอีกครั้ง
แม้เขาจะบรรลุสู่ขอบเขตไร้ขีดจำกัดแล้วก็ตาม แต่หัวใจของเขาก็ยังบีบคั้น ผิวหนังเสียดแปลบ
“สะบั้น!”
ชายชราชุดขาวคำราม
ตู้ม!
ดาบเซียนสีเลือดทะยานผ่านนภาและฟาดฟันเข้าใส่ซูอี้
ปราณดาบยาวสามร้อยจั้ง สะบั้นได้แม้กระทั่งขุนเขาศักดิ์สิทธิ์อันเก่าแก่ที่สุดในโลกา นี่คืออำนาจวิถีเซียนที่แท้จริง สุญญะเหลือเพียงรุ้งสีเลือดสะบั้นนภา มันเจิดจ้าสว่างไสวก่อนจะฉีกกระชากสรรพสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ทุกคนก้าวถอยโดยไม่รู้ตน
เว้นเพียงซูอี้ผู้มิหลบลี้
สมบัติลับ?
เขาก็มีเหมือนกัน!
เหตุที่เขาไม่ใช้ก็เพราะดูแคลนเกินลงมือ
“ไป!”
ซูอี้สะบัดแขนเสื้อ
หนึ่งลูกกลอนดาบทะยานสู่เวหา เคลื่อนคล้อยหมุนวน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นภาวะดาบสายหนึ่งทะยานสู่เวหา สว่างไสวเยี่ยงท้องนภา ห่างไกลเยี่ยงเทพสวรรค์!
นี่คือลูกกลอนดาบที่เซียนดาบชิงซื่อมอบให้ ซึ่งมันได้บรรจุเคล็ดพลังวิถีดาบขอบเขตจุติมงคลเอาไว้!
เมื่อดาบเซียนสีเลือดและลูกกลอนดาบเข้าปะทะกัน ทั่วฟ้าดินพลันสั่นไหว พิรุณปราณดาบโปรยปรายลงมาอย่างบ้าคลั่ง
สิ่งที่ทำให้ซูอี้ประหลาดใจก็คือดาบเซียนสีเลือดนี้ร้ายกาจยิ่งนัก มันบดขยี้ลูกกลอนดาบจนแหลกระหว่างการปะทะ!
และแรงโจมตีส่วนที่เหลือของดาบเซียนสีเลือดก็ทะยานเข้าหาซูอี้อย่างมิผ่อนกำลัง
ซูอี้ฟาดดาบเข้ารับอย่างรุนแรง
เคร้ง!!!
ดาบแห่งโลกาสะท้านรุนแรง ร่างของซูอี้ถูกฟาดจนกระเด็นไปหลายสิบจั้งกว่าจะตั้งหลักได้
แล้วดาบเซียนสีเลือดที่อยู่ตรงหน้าเขาก็หม่นแสงเพราะสิ้นอำนาจ ก่อนจะสลายเป็นพิรุณแสงโปรยปราย
“น่าเสียดายที่ ‘ยันต์ดาบแปรโลหิต’ ที่เซียนในสำนักข้าทิ้งไว้มิแข็งแกร่งเท่าในอดีต หาไม่ เขามีหรือจะรอดชีวิต?”
ชายชราชุดขาวรำพึงพลางมองซูอี้อย่างเสียดาย
ในขณะที่ผู้อื่นล้วนมีสีหน้าไม่สู้ดี
กระทั่งยันต์ลับวิถีเซียนยังปราบซูอี้ไม่ได้ จะยังมีใครเล่าหยุดเขาลง?
“ท่านทั้งหลาย เขาถูกผลักกระเด็นแล้ว โปรดนำอาวุธสังหารของแต่ละคนออกมารุมกระหน่ำเขาด้วยกัน อย่าได้ห่วงความเป็นความตายเขาเลย!”
เสียงของจงเทียนเฉวียนดังขึ้นอย่างเย็นชา
“ทุ่มสุดกำลัง!”
“ได้!”
ตัวตนขอบเขตรวมวิถีทั้งหลายล้วนเผยความแน่วแน่
สาเหตุที่พวกเขามิใช้อาวุธสังหารก่อนหน้านี้ก็เพราะกลัวจะสังหารซูอี้ในหนึ่งการโจมตี แล้วจะไร้ผู้ใดได้ครอบครองเคล็ดวัฏสงสาร
ทว่าเมื่อพวกเขาเห็นว่ายันต์ลับวิถีเซียนจากหอเซียนดาบมายามิอาจหยุดซูอี้ได้ในยามนี้ ทุกคนก็ตระหนักว่าหากมิงัดไพ่ตายออกมาใช้ พวกเขาก็จะพ่ายแพ้ย่อยยับ!
ซูอี้สะบัดคมดาบในมือ สีหน้าของเขายามนี้ปรากฏร่องรอยความดูแคลน
เขาหาอยู่เฉยไม่ ร่างวูบไหวก่อนจะออกท่าโจมตี
“ไป!”
ทางฝั่งพรรคเซียนเร้นราตรี ชายวัยกลางคนชุดดำคำราม ก่อนจะใช้ภาพแดนไพรประชุมมารม้วนหนึ่งคลี่คลุมท้องนภา
และผู้ทรงอำนาจอื่น ๆ ในขอบเขตรวมวิถีจากขุมกำลังอื่นเองต่างก็ใช้ไพ่ตายของตนแทบจะในยามเดียวกัน
ตู้ม!
ระฆังเงินจรัสแสงทะยานสู่เวหา สาดแสงเซียนนับหมื่นพัน
หนึ่งมีดบินอันโอบล้อมด้วยเพลิงโหมปรากฏเหนือเวหา หมอกเซียนสีทองโปรยปรายจากคมมีด
กระดูกสัตว์สีดำชิ้นหนึ่งพุ่งขึ้นสู่อากาศ มันแปรเปลี่ยนเป็นเงาหลอนแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์อาบเพลิงเซียน บดบังนภายามกางปีก
ทันใดนั้น หกอาวุธสังหารร้ายกาจอันมีอำนาจในวิถีเซียนก็สาดคลื่นทำลายล้างไปทั่วฟ้าดินโดยพร้อมเพรียง
อำนาจอันน่าสะพรึงกลัวนั้นเป็นเช่นมหาสมุทรถล่มกระโชก สรรพชีวิตทั่วแดนดินนับพันลี้ร่างสั่นงันงก
กระทั่งตัวตนในวิถีจุติสรวงซึ่งอยู่ใกล้เคียงยังหัวใจสะท้าน
ร่างของซูอี้เองก็ชะงัก สีหน้าปรากฏความเคร่งขรึม สัมผัสภัยคุกคามถึงตายร้ายแรงยิ่งกว่าคราใด!
………………..