บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1362: บรรยากาศพลันเงียบสงัดระคนสะพรึง
ตอนที่ 1362: บรรยากาศพลันเงียบสงัดระคนสะพรึง
ภายใต้การจ้องมองของสายตานับไม่ถ้วน หนึ่งร่างเดินเข้ามาจากท้องนภาแสนไกล
เขาแต่งกายด้วยอาภรณ์สีเขียว ร่างสูงใหญ่ หนึ่งมือไพล่หลัง หนึ่งมือถือไหสุราขณะเดินทอดน่องอยู่เหนือเมฆาอย่างสบายอุรา
แสงสว่างจากท้องนภาย้อมร่างอันไร้มลทินของเขา บรรยากาศรอบกายยิ่งสูงส่งและห่างเหิน
เขาคือซูอี้!
ด้วยความสามารถในตอนนี้ของเขา การจะลอบเข้าสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประกายทอง ซึ่งเป็นแดนบรรพชนของตระกูลอวิ๋นโบราณนั้นไม่ได้ยากเลย
ทว่าเขาก็มิทำ
และทำเพียงเดินเอ้อระเหยเช่นนั้น!
และเมื่อพวกเขาเห็นชายหนุ่มปรากฏกายขึ้น กลุ่มยอดฝีมือของตระกูลอวิ๋นโบราณก็พยายามหยุดเขาทันที
“ทุกคนนิ่งไว้!”
เจ้าตระกูลอวิ๋นฉางหงตวาดลั่น
ทันใดนั้น เหล่ายอดฝีมือตระกูลหงก็กระจายตัว ทว่าสายตาที่มองซูอี้นั้นนอกจากความกลัวยังมีความเป็นปรปักษ์สูง
วันนี้เป็นวันสำคัญของตระกูลอวิ๋นโบราณ ทว่าทัศนาจารย์กลับมาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ และยังบุกรุกแดนบรรพชนทำร้ายบ่าวเฒ่ารับใช้ของเจ้าตระกูล เป็นการมาเพื่อสร้างปัญหา!
นี่จะมิทำให้พวกเขามุ่งร้ายได้หรือ?
ทว่าขณะนี้ อวิ๋นฉางหงกลับหัวเราะพลางกล่าวขึ้น “การมาเยือนของทัศนาจารย์ทำให้คนแซ่อวิ๋นประหลาดใจนัก จึงมิได้ออกไปต้อนรับ หวังว่าท่านจะไม่ถือสา”
กล่าวจบ เขาก็กุมกำปั้นคารวะจากไกล ๆ
การวางตนและพฤติกรรมเช่นนี้ทำให้ทุกผู้ตกตะลึง
รู้ทั้งรู้ว่าทัศนาจารย์หามาดีไม่ และแม้จะอยู่ในถิ่นตน อวิ๋นฉางหงก็ยังนิ่งเงียบทักทายด้วยรอยยิ้ม ความกล้าเกินธรรมดาจริงแท้
ทว่าผู้คนกลับประหลาดใจที่ซูอี้หาได้สนใจอวิ๋นฉางหงไม่
บ่าวเฒ่าถึงกับร่างสะท้าน สายตามองไปยังเจ้าตระกูลอวิ๋นฉางหงราวกับขอความช่วยเหลือ
และทันใดนั้น สีหน้าของอวิ๋นฉางหงก็เครียดขึ้งขึ้นมา
ในฐานะเจ้าตระกูลอวิ๋น เขากลับถูกซูอี้ผู้เป็นแขกไม่ได้รับเชิญผู้นี้มองข้ามในถิ่นตนท่ามกลางธารกำนัลมากมาย ซึ่งเป็นการหยามหน้าเขาอย่างมิต้องสงสัย!
ทว่าท้ายที่สุด อวิ๋นฉางหงก็อดทนไว้
เขาสูดหายใจลึก ๆ และกล่าวว่า “บ่าวของข้าทึ่มทื่อ พูดจาล่วงเกินไปก่อนหน้านี้ หวังว่าทัศนาจารย์จะมิถือสา”
ขณะเดียวกัน หลัวเซียวอวิ๋นจากหุบเขาเซียนแปรสุริยันก็กล่าวขึ้นช้า ๆ “บุคคลเช่นทัศนาจารย์คงมิมาคิดเล็กคิดน้อยกับบ่าวรับใช้กระมัง?”
บรรยากาศมาคุขึ้นมา
สนามเต๋าประกายทองนั้นเดิมชื่นมื่นครึกครื้นเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา
ทว่าเมื่อซูอี้มาถึงกลับเหมือนคลื่นเย็นยะเยือกซัดผ่านทั่วโลกา ทำให้ทุกคนล้วนตัวสั่นงันงก
“มีหมาบ้าขวางทางจะละเว้นได้ง่าย ๆ เช่นไร?”
เขาหันไปมองอวิ๋นฉางหง
ส่วนหลัวเซียนอวิ๋นจากหุบเขาเซียนแปรสุริยันผู้นั้นถูกเมินไปเสียสนิท
สีหน้าของอวิ๋นฉางหงอ่านยากไปชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงลุ่มลึก “หากทัศนาจารย์มาแสดงความยินดีในยามนี้ ย่อมเป็นเกียรติสูงส่งแก่ตระกูลอวิ๋นของข้า ทว่าหาไม่ เจ้าก็ควรกล่าวออกมาตรง ๆ”
ทุกผู้พยักหน้า
พวกเขาล้วนงุนงงยิ่ง ไม่อาจคาดคิดว่าเหตุใดทัศนาจารย์ผู้เพิ่งผ่านศึกแท่นนภาม่วงมาเมื่อสามวันก่อนจึงมาบุกตระกูลอวิ๋นโบราณในวันนี้
ซูอี้จิบชาก่อนจะกล่าวเบา ๆ “ปล่อยตัวเฒ่าเว่ย ครานี้ข้าจะฆ่าเพียงตัวการ ไม่ทำลายสิ้นตระกูล หาไม่ วันสำคัญวันนี้อาจจะเป็นวันสิ้นตระกูลอวิ๋นก็เป็นได้”
ทันทีที่วาจาถูกกล่าว ทุกคนซึ่งฟังอยู่ก็ล้วนผงะ!
ไม่อาจทราบได้ว่ามีหัวใจผู้คนมากมายเพียงใดสะท้านสั่น ตระหนักแล้วว่าครานี้ ทัศนาจารย์นั้นมาเพื่อทำลายตระกูลอวิ๋นโบราณ!
“เฒ่าเว่ย? นั่นใครหรือ?”
ชั่วขณะนั้น ทุกสายตาต่างมองมายังอวิ๋นฉางหง
อวิ๋นฉางหงขมวดคิ้ว “เฒ่าเว่ย? หรือจะเป็นบ่าวเฒ่าผู้เคยติดตามรับใช้ทัศนาจารย์? ข้ารู้จักเขานะ แต่เขาเกี่ยวอันใดกับตระกูลอวิ๋นโบราณของข้าหรือ?”
ทุกผู้ฟังล้วนตะลึง
เมื่อนานมาแล้ว สมัยทัศนาจารย์สัญจรทั่วโลกหล้า บ่อยครั้งจะมีบ่าวเฒ่าขาพิการผู้หนึ่งติดตามอยู่ข้างกาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเฒ่าเว่ยที่ทัศนาจารย์ว่าก็คือคนผู้นี้!
ซูอี้จ้องมองอวิ๋นฉางหงอย่างลึกล้ำ “เจ้าคิดว่าข้าจะมาถามหาคนโดยไร้เหตุผลหรือไร?”
โดยไม่รีรอให้อวิ๋นฉางหงพูด ซูอี้ก็กล่าวขึ้นอย่างเฉยชา “ช่างเสื้อเฒ่าเล่าเหตุการณ์ในยามนั้นให้ข้าฟังแล้ว หากเจ้ายังแกล้งทำสับสนไม่รู้ไม่ชี้…”
กล่าวถึงตรงนี้ สายตาของซูอี้ก็กวาดมองไปรอบ ๆ “วันนี้ที่นี่ โลหิตจะหลั่งรินเยี่ยงธาร และตระกูลอวิ๋นโบราณจะสาบสูญไปจากโลกหล้า!”
วาจานั้นเป็นดั่งคมมีดทาบลำคอ สันหลังของทุกคนหนาววาบถึงหัวใจ
สีหน้าของอวิ๋นฉางหงมืดมนลง
หลัวเซียวอวิ๋นจากหุบเขาเซียนแปรสุริยันก็อดแค่นเสียงอย่างเย็นชามิได้ “จะมากวาดล้างตระกูลล้างเลือดเป็นธาร เจ้านี่ช่างสำคัญตนว่ายิ่งใหญ่นัก! คิดจริง ๆ หรือว่าหลังจบสงครามแท่นนภาม่วง จะไม่มีผู้ใดในโลกปราบเจ้าไม่ได้จริง ๆ?”
ในที่สุด ซูอี้ก็หันมากล่าวว่า “เจ้าอยากลุกขึ้นช่วยตระกูลอวิ๋นหรือ?”
หลัวเซียวอวิ๋นกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “เราทั้งหลายที่นี่ล้วนถูกเชิญมาเป็นสักขีพยานแก่งานมงคล ข้าเชื่อว่าทุกคนล้วนเหมือนกับข้า พวกเราจะไม่มีทางทนมองเจ้าทำตัวโอหังที่นี่แน่!”
ทันทีที่วาจาเหล่านี้ถูกกล่าวออก แขกเหรื่อบางคนก็หน้าคล้ำเครียด ขณะก่นด่าในใจว่า ‘ใครเหมือนเจ้าไม่ทราบ?’
อยากทำตัวโอหังกับทัศนาจารย์ แต่ลากผู้อื่นลงปลักโคลนไปด้วยนี่หมายความว่าอย่างไร?
ทว่าไม่มีผู้ใดกล้าออกมาแถลง
เพราะทันทีที่กล่าวออกมาอย่างชัดถ้อย ไม่เพียงจะเป็นการล่วงเกินหลัวเซียวอวิ๋น ยังเป็นการล่วงเกินตระกูลอวิ๋นโบราณทั้งหมดด้วย!
“สหายเต๋า วันนี้เป็นวันดีของตระกูลอวิ๋นโบราณ ไม่คิดว่าเป็นเหตุเกินไปหรือที่จะมาทำตัวเกรี้ยวกราดโดยมิได้รับเชิญเช่นนี้?”
เนี่ยอวิ๋นหยวนจากโรงดาบเทพลี้ลับกล่าวขึ้นอย่างเฉยชา “ฟังคำแนะนำข้าเถิด หากคิดสะสางเรื่องราวก็ควรรู้กาลเทศะเสียบ้าง แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเฒ่าเว่ยผู้นั้นอยู่ในตระกูลอวิ๋นโบราณจริงหรือไม่ แต่ข้ารู้ดีมากว่าตัวประกันประสบอุบัติเหตุได้ง่ายดายยิ่ง!”
วาจานั้นซ่อนเข็มคม เผยคำขู่ซุกซ่อน!
“เจ้าเป็นใคร?”
ซูอี้ถาม
เนี่ยอวิ๋นหยวนกล่าวพลางยิ้ม “ผู้น้อยเนี่ยอวิ๋นหยวนจากโรงดาบเทพลี้ลับ”
ปกติแล้ว หลังจากเขาขานที่มาก็สามารถสยบข้อขัดแย้งได้มากมาย
เหตุผลนั้นง่ายดายมาก นั่นก็เพราะในหมู่ขุมกำลังโบราณขณะนี้ โรงดาบเทพลี้ลับอยู่ ณ จุดสูงสุดที่มีผู้คนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่เทียบได้!
ทว่าซูอี้กลับแค่นเสียงขำ “ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
เนี่ยอวิ๋นหยวน “…”
รอยยิ้มของเขาค้างอยู่บนหน้า
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “หากเจ้าไม่อยากตายก็หุบปาก หาไม่ ข้าไม่ถือหากจะส่งเจ้าสู่ปรภพก่อน”
ทันใดนั้น เนี่ยอวิ๋นหยวนและหลัวเซียวอวิ๋นก็เดือดดาล
การถูกซูอี้ข่มขู่ต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ทำให้เกียรติของพวกเขาถูกเหยียบย่ำยิ่งกว่าสิ่งใด!
ทว่าท้ายที่สุดพวกเขาก็สงบใจไว้
เงาพฤกษาเปรียบได้กับชื่อเสียงของบุคคล
เมื่อสามวันก่อน ผลกระทบจากศึกแท่นนภาม่วงยังมิจางหาย
ในเมื่อซูอี้หาสนใจตัวตนและที่มาของพวกเขาไม่ มีหรือพวกตนจะกล้าเข้าต่อสู้แลกชีวิตกับซูอี้?
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนเงียบกริบมากขึ้น หัวใจของพวกเขาล้วนปั่นป่วน
ทัศนาจารย์ยังคงอหังการเยี่ยงตลอดมา!
บุกเดี่ยวสู่ถิ่นฐานตระกูลอวิ๋นโบราณ กระทั่งไร้การระแวดระวังใด ๆ ราวกับเหล่าผู้ทรงอำนาจจากกลุ่มเต๋าโบราณ ณ ที่นี้ไม่ได้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย!
ซูอี้กล่าวกับอวิ๋นฉางหง
ทันใดนั้น คนตระกูลอวิ๋นทุกคนที่นี่ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล
แม้ทัศนาจารย์ในยามนี้จะโอหังกร่างอำนาจ ทว่าใครเล่าจะมิกลัวหากต้องเผชิญหน้ากับคนผู้นี้ซึ่งสังหารตัวตนนับร้อยในวิถีจุติสรวงโดยลำพังมาก่อน?
“หรือจะมีผู้ใดมาก่อปัญหาที่ตระกูลอวิ๋นของเจ้าวันนี้หรือ? โฮ่ ขอข้าดูหน่อยเถิดว่าไอ้บ้าใจกล้าผู้นี้คือใคร!”
หนึ่งเสียงกล่าวขึ้นอย่างตกใจจากคนในตระกูลอวิ๋น
พร้อมกันนั้น เสียงแหวกอากาศพลันดังขึ้น คนผู้หนึ่งทะยานมาจากระยะไกล!
ทุกสายตาล้วนหันไปมอง
เขาเป็นชายชราในอาภรณ์ยาวกรุยกรายผู้หนึ่ง เส้นผมขมวดมวยบนศีรษะ บรรยากาศรอบกายเยี่ยงเทพเซียน
ชั่วพริบตา เขาก็มาถึงสนามเต๋าประกายทอง
เมื่อเขาเห็นคนผู้นี้ เจ้าตระกูลอวิ๋นฉางหงพลันกล่าวขึ้นอย่างปรีดาทันที “ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสหลีจง ข้าไม่ได้ออกไปต้อนรับ โปรดอย่าถือสา!”
หลีจง ผู้เป็นหนึ่งในจอมปีศาจสูงสุดแห่งโบราณกาล และเป็นข้ารับใช้ผู้แข็งแกร่งข้างกายเซียนม่อชิงโฉวอีกด้วย!
การมาถึงของเขาก่อให้เกิดเสียงอื้ออึงในหมู่ยอดฝีมือจากขุมกำลังโบราณที่นี่
พวกเขาอดประหลาดใจมิได้ ไม่คิดเลยว่างานมงคล ณ สนามเต๋าของตระกูลอวิ๋นโบราณจะเชิญบุคคลสำคัญเช่นนี้มาด้วย!
“ผู้อาวุโสหลีจงมาได้จังหวะพอดี!”
หลัวเซียวอวิ๋นใจชื้นขึ้น จากนั้นเขาก็ชี้ไปทางซูอี้ “ผู้มาก่อความวุ่นวายในตระกูลอวิ๋นวันนี้คือคนแซ่ซู! คนผู้นี้อาละวาดหนักยิ่งนัก หาฟังคำชี้แนะจากพวกข้าไม่ กระทั่งขู่จะทำลายตระกูลอวิ๋น หลั่งโลหิตเป็นสายนทีอีก!”
ทว่าทันทีที่วาจาถูกกล่าวออกไป เขาก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
อันที่จริง ทุกคนที่นี่ต่างสัมผัสได้ทั้งสิ้นว่าเกิดเหตุมิชอบมาพากลขึ้น
หลังจากหลีจงมาถึง เขาดูเหมือนได้พานพบเรื่องเหลือเชื่อบางอย่างจึงเงียบอยู่เนิ่นนาน
หากมองดี ๆ จะพบว่าเส้นโลหิตได้ปูดโปนบนหน้าผากเขา อีกทั้งมุมปากยังกระตุกเล็กน้อย ดูผิดปกติอย่างยิ่ง
บรรยากาศรอบข้างเองก็ค่อย ๆ เงียบลง
สำหรับหลีจง อารมณ์ของเขายามนี้ราวกับสุนัขเห่าหอน
เดิมทีเขาได้รับคำสั่งให้มาส่งของขวัญแสดงความยินดีและเข้าร่วมงานเลี้ยงมงคล
ทว่าไม่คิดเลยว่าเมื่อมาถึงจะได้พบ ‘คนรู้จัก’!
และไม่คาดเลยว่า ‘คนรู้จัก’ ผู้นี้จะมาร้าย!
“ไยจึงเป็นเจ้าอีกแล้วเล่า?”
ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวขึ้นทำลายความเงียบ
เหตุใดไปหนใดก็เจอแต่เจ้าเฒ่านี่กัน?
หลีจงราวกับถูกปลุกจากภวังค์ เขาสูดหายใจลึก ๆ แล้วโค้งคำนับให้กับซูอี้ “ที่แท้ก็เป็นสหายเต๋าซู คนแซ่หลีมิทราบสถานการณ์มาก่อน วาจากล่าวล่วงเกินไป ท่านโปรดอย่าถือสา”
พฤติกรรมระมัดระวังตนนี้ทำให้เหล่าผู้พบเห็นอึ้งกันถ้วนทั่ว
นี่มันอะไรกัน?
ไยผู้ส่งสารข้างกายเซียนม่อชิงโฉว ราชาปีศาจผู้ลือนามในขอบเขตจุติมงคลแห่งโบราณกาลจึงเอ่ยขอโทษทัศนาจารย์?
ม่านตาของอวิ๋นฉางหงพลันหดตัว
ร่างของเนี่ยอวิ๋นหยวนชะงักด้วยความอึ้ง
หัวใจของหลัวเซียวอวิ๋นกระตุกวูบ สีหน้าพลันแปร ขณะลอบตะโกนว่าแย่แล้วในใจ
บรรยากาศในบริเวณโดยรอบพลันเงียบสงัดดุจป่าช้ามากขึ้นทุกขณะ
หัวใจของทุกคนไหวสั่นประหนึ่งคลื่นคลั่งอันน่าสะพรึง
หลีจงดูไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องทั้งหมดนี้ ทั้งยังคงสภาพยอมแพ้เอาไว้
เขาตัดสินใจจะแสดงความปรารถนาดีต่อซูอี้แล้ว!
การกระทำเช่นนี้จะล่วงเกินตระกูลอวิ๋นโบราณอย่างแน่นอน แต่เทียบกันแล้ว เขาไม่อยากล่วงเกินซูอี้ในขณะนี้เสียยิ่งกว่า!
มิต้องพูดถึงว่าเซียนม่อชิงโฉวเคยกล่าวไว้ว่าให้เขาหาโอกาสสานสัมพันธ์กับซูอี้ แม้กระทั่งเซียนหงอวิ๋นยังเข้าข้างซูอี้เลย!
แน่นอนว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ หากเขาฉวยโอกาสนี้สร้างสัมพันธ์อันดี เขาหลีจงก็จะมีความหวังที่จะได้ปลดคำสาปในภายหน้าเช่นกัน!
เมื่อคิดเช่นนี้ หัวใจของหลีจงก็ไร้ความลังเลอื่นใด